หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2548

ไวน์ (Wine)

หากจะกล่าวกันว่าที่ไหนมีองุ่นที่นั่นมีไวน์ย่อมจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจริงอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าจะให้บอกว่าของใครดีกว่ากันนั้นคงจะไม่มีอะไรเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนได้ เพราะคนเราต่างจิต ต่างใจกัน ทำให้ชอบในหลาย ๆ สิ่งที่ไม่เหมือนกัน

ในเมื่อไวน์คือต้นกำเนิดของแชมเปญ ลักษณะความละมุนในรสหรือกลิ่นจึงขึ้นอยู่กับความปราณีของภูมิอากาศและภูมิประเทศ อีกทั้งรสนิยมของผู้คนในแต่ละประเทศว่าพวกเขาชอบไวน์ประเภทไหนกันบ้าง

ลักษณะโดยทั่วไปของไวน์นั้นมีสูตรพื้นฐานอยู่ที่น้ำองุ่นกลั่น ซึ่งมีส่วนผสมอยู่ในน้ำประมาณ 80 % น้ำตาลให้รสฟวานจากองุ่นอีก 15 % และนอกจากนี้ยังมีคาร์บอนไดออกไซด์อีก 5 % ทั้งหมดนี้คือส่วนผสมที่สำคัญของไวน์รสละมุนแก้วโปรดของใครหลาย ๆคน

ในส่วนของการแยกแยะไวน์เขาแบ่งกันออกไปอย่างเตลิดเปิดเปิง นับตั้งแต่ไวน์ประเภทที่มีฟองอยู่พอกล้อมแกล้มให้ว่าเป็นฟอง กับประเภทที่ไม่มีฟองให้ลิ้มลองเลยว่า ว่ากันว่าไอ้ประเภทที่ไม่มีฟองนี่แรงกว่าประเภทที่มีฟอง ฉะนั้นประเภทที่ไม่มีฟองจึงเหมาะแก่การดื่มให้หน้าแดงมากกว่า

การดื่มไวน์นั้นในส่วนของประเทศแถบสเปน โปรตุเกส ชิชิลีและฮังการี กลุ่มประเทศเหล่านี้ล้วนแต่ชอบจิบไวน์หลังอาหาร มากกว่าการที่จะมานั่งจิบก่อนรับประทานอาหารหรือในระหว่างการรับประทานอาหาร

สำหรับ ประเทศกลุ่มมหาอำนาจอย่างอเมริกาจัดได้ว่าเป็นกลุ่มที่ใหญ่และอลังการกลุ่ม หนึ่ง สามารถจัดลงได้อยู่ในทุกประเภททุกกรณี เนื่องจากอาณาจักรไวน์ในประเทศนี้กว้างขวางพอสมควร แต่การตั้งชื่อยังคิดติดอยู่กับประเทศทางยุโรป ซึ่งความจริงรสชาติของทางอเมริกาไม่แพ้ทางยุโรปเช่นกัน เพียงแต่คนอเมริกันส่วนใหญ่ยังไม่นิยมดื่มไวน์กันมากเท่าที่ควร และด้วยการที่ไปผูกติดอยู่กับแหล่งกำเนิดของไวน์ว่ามีความคลาสสิคในการดื่ม ทำให้ประเทศสหรัฐอเมริกาดูใหม่เกินไปสำหรับตลาดไวน์

เราไม่ได้ -ไม่รักกัน

บางที.. อาจไม่จำเป็น..เสมอไป
ที่ความรัก..จะต้องจบลง
ด้วยการ..ได้เป็น..คนรัก
บนเตียงเล็กๆ.. ในบ้านอบอุ่น..หลังหนึ่ง
แดดยามเย็น..ทอบางบาง..ผ่านหน้าต่าง

หญิงชรา..อายุราวๆ 70 ปี
นอนซม..อยู่บนเตียง

เธอรู้ว่า...นี่เป็นช่วงเวลาสุดท้าย..ในชีวิตของเธอแล้ว
..แต่จะเป็นอะไรไปล่ะ ..เธอพอใจกับชีวิตทั้งหมด..ที่เธอได้ผ่านมา

เธอ..ได้แต่งงาน ..มีครอบครัว..ที่อบอุ่น
แม้จะไม่มีลูก..ก็ตาม

มีเพื่อนที่ดี ..ผ่านชีวิตการงานที่ดี
ถึงแม้วันนี้..สามีของเธอจะตายไป..ร่วม 10 ปี

แต่..ในวันสุดท้าย..ของชีวิต
เพื่อน-ที่เธอรักที่สุด..
ก็มานั่งเคียงข้างเธอ..อยู่ตรงนี้
มาส่งเธอ..เหมือนทุกครั้ง..ทุกคราว

“หมอบอกว่า..ฉันคงอยู่ได้ไม่เกินพรุ่งนี้เช้าหรอก”
เธอ..เอ่ยบอกกับเขา ...
เพื่อนชรา..ที่รู้จักกับเธอมา..แต่ครั้งยังเด็ก
“ฉันรู้”
ชายชรา..พยักหน้ารับ

“เธอมาส่งฉัน..เหมือนทุกทีสินะ”
หญิงชรา..มองหน้าชายชรา
“ใช่..ก็ฉันส่งเธอ..มาตลอดทั้งชีวิตนี่นา ..ขาดไปอย่าง..คงไม่ครบ”
ชายชราตอบ..ด้วยรอยยิ้มบางๆ


“ตอนเด็กๆ..บ้านเรา..อยู่ทางเดียวกัน..เรากลับบ้านด้วยกันทุกเย็น..
บ้านฉัน..อยู่เลยบ้านเธอไปมาก..” เธอ..รำลึกความหลัง
“แต่ฉัน..ก็ไปส่งเธอทุกวัน”
ชายชราบอก


“ใช่..เธอทำอยู่อย่างนั้น..ตลอดชั้นประถม..และมัธยม..ที่เราเรียนด้วย กัน
..จนเพื่อนๆล้อว่า..เราเป็นแฟนกัน” หญิงชราพูดขึ้น

“สุดท้าย..ก็ต้องเลิกล้อกันไป”
เพื่อนชราของเธอ..ต่อคำ

“ตั้งแต่..เธอคบกับแฟนคนแรกของเธอ..นั่นแหละ”
เธอเย้ายิ้มๆ


“แต่ฉันก็ไปส่งเธอทุกวัน..อยู่อย่างเดิม...
จนต้องเลิกกับแฟน..ไม่ใช่รึ”
ชายชรา..ทวนความหลัง


เธอจำได้ว่า..เธอบอกเขาอยู่บ่อยๆ ว่า..ไม่ต้องเดินมาส่งเธอแล้ว..
เดี๋ยวแฟนเขาจะโกรธเอา.. แต่เขาก็ยังดึงดัน..ที่จะมาส่งเธอ


“โกรธก็โกรธไป ..ฉันรู้จักเธอ-มาก่อนตั้งนาน ..ยังไงเธอ..ก็ต้องมาก่อน”
นั่น..เป็นคำพูดที่เธอจำได้-ไม่ลืม ..แม้ว่า..มันจะผ่านมาเกือบ 60 ปีแล้ว..ก็ตาม..

เธอยังจำ..วันที่เขาต้องขึ้นรถไฟ..เพื่อไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้
วันนั้น..เธอไปส่งเขาที่สถานี ..ร้องไห้จะเป็นจะตาย
..เขาวุ่นกับการปลอบเธอ..จนไม่เป็นอันได้ร่ำลาพ่อแม่
พอเธอสงบลง..และขอตัวเข้าไปล้างหน้าล้างตา..ในห้องน้ำ ..
พ่อแม่ของเขา..ไปเช็คเที่ยวรถไฟ ...
พอเธอกลับมา..ก็พบเขานั่งร้องไห้คนเดียว..กับกองกระเป๋า...
เงยหน้าขึ้นบอกกับเธอ..ทั้งน้ำตา
“กลับบ้านเอง..เดินดีๆ นะ”
…และนั่น..ทำให้เธอต้องเสียน้ำตา..อีกรอบ


เธอจำได้ว่า..วันที่เขาปิดภาคเรียน..และกลับมาบ้าน..
เธอแนะนำเขา..ให้รู้จักกับแฟนหนุ่มของเธอ
ตอนแรก..ทั้งสอง..เหมือนจะเข้ากันได้ดี ..แต่หลังจากนั้น 2-3 วัน
..มีคนมาบอกว่า..แฟนเธอกับเพื่อนเธอ..ต่อยกัน
“มัน..นอกใจเธอ” เขาบอกเรียบๆ..
แต่..เธอไม่เชื่อ

วันนั้น..เธอเชื่อแฟนมากกว่า..ว่าเขาอิจฉาแฟนเธอ..จึงหาเรื่องชกต่อย
..เธอว่าเขา..ไปหลายคำ
อาทิตย์นึงให้หลัง..เธอจึงรู้ว่า..เขาเป็นคนถูก
..เมื่อเธอไปหาเขาที่บ้าน..ก็เจอแต่..พ่อของเขา
“มันกลับไป..แต่อาทิตย์ก่อนแล้ว ..เห็นว่ามีธุระด่วน ..ไม่รู้อะไร”



เธอส่งจดหมายไปขอโทษ
..เขาบอกไม่เป็นไร..เขาไม่เคยโกรธเธอ..แค่น้อยใจเล็กๆ
..ในจดหมายลงท้าย..ด้วยคำ-คำเก่า
"กลับบ้านเอง..เดินดีๆนะ"

เธอรู้ว่า..ในคำที่เหมือนสั้นๆ นั้น
..เขาพูดอะไรออกมา..มากมายขนาดไหน..


เธอจำได้..ถึงวันที่เธอ..บอกเขาว่า..
เธอจะแต่งงาน..
เขา..มองหน้าเธอ..
เธออ่านไม่ออกว่า..มันเป็นความรู้สึกอะไร
..ดีใจ?
..เสียใจ?
และเมื่อเธอถามเขาตรงๆ ..เขาก็ตอบว่า..
“..เราใจหาย..”


แต่ก่อนหน้านั้น.. ก็เขานี่แหละ..ที่เป็นคนช่วยเธอเลือก..
ช่วยเธอดูว่า..ผู้ชายคนนี้นิสัยดี ..และรักเธอจริง
“เรา-ผู้ชายด้วยกัน..เราดูออก”
ซี่งเขา..ก็ดูไม่ผิด ..สามีของเธอดี..เหมือนอย่างที่เขาบอก ..


วันแต่งงาน..เธอบอกเขาว่า..
“ความเป็นเพื่อนของเรา..ยังเหมือนเดิมนะ ..ไม่ต้องห่วง”
เขามองเธอนิ่งๆ..พยักหน้าน้อยๆ.. ไม่ตอบคำ


ถึงเวลารดน้ำสังข์ ..เขาอวยพรเธอมากมาย ..แต่พูดกับสามีเธอ..เพียงสั้นๆ
ว่า.. “ฝากด้วยนะ..”
เขาแต่งงาน..มีครอบครัวของเขา
เธอ..ก็มีครอบครัว..ของเธอ


มีบางช่วงของชีวิต..ที่ห่างกันไป
แต่ก็ไม่เคย..ลืมกัน
เธอ..ส่งการ์ดอวยพรวันเกิดให้เขา..ทุกๆปี
ตอนนี้..เขาน่าจะเก็บมันไว้ได้ 59 ใบแล้วล่ะ

เพราะเธอนับของเธอแล้ว..มันได้ 58 ใบ
น้อยกว่า..อยู่ใบนึง..
เพราะเธอ..เกิดทีหลังเขา 5 เดือน..


บางที ..เธอรู้สึกสนิทกับเขา..มากกว่า..คนรักของเธอเสียอีก
หลายเรื่อง..ที่เขารับรู้..แต่คนรักของเธอ..ไม่แม้แต่ระแคะระคาย..
และก็เช่นกัน..หลายความลับ..ที่เขาระบาย
..ที่เขาฝากไว้ที่เธอ..เธอก็รับ..และเก็บงำมันไว้..ด้วยความเต็มใจ..

“คิดอะไรอยู่?”
เขาเอ่ยขึ้นมา..ทำลายความเงียบ
“เรา..กำลังนึกแปลกใจ”
เธอเอ่ย..ด้วยท่าทีครุ่นคิด
“ทำไม..เราถึงไม่ได้เป็น..คนรักกัน?”

เขานิ่งไป..เหมือนกำลังคิดเช่นกัน
”เราสนิทกันมาก..มั้ง”
เขาว่า
“นั่น..ไม่น่าใช่เหตุผลนี่”
เธอว่า

“เธอ..ถามยากไปนะ”
เขาตอบ..หลังจากนิ่งคิดอีก..อยู่ครู่ใหญ่
“ไม่ยากหรอก ..ลองคิดเล่นๆ สิว่า..ทำไมเราถึงไม่รักกันนะ?”
แววตาเธอ..มีแววขี้เล่นซุกซน ..เหมือนเด็กหญิง..ครั้งกระโน้น


“อืมม..อันนี้..ค่อยง่ายขึ้นมาหน่อย”
เขาพูดขึ้น
เธอมองหน้าเขา.. แปลกใจเธอว่า..เธอไม่ได้เปลี่ยนคำถาม..นี่นะ..
“ฉันไม่รู้หรอกว่า..ทำไม-เราถึงไม่ได้เป็น..คนรักกัน”
เขามองหน้าเธอ..ด้วยสายตาอ่อนโยน

”แต่..ถ้าเธอถามว่า..ทำไม-เราถึงไม่รักกันน่ะ”
เขาเว้นช่วง
“ฉันก็จะตอบว่า -- ฉันว่า..เราไม่ได้-ไม่รักกัน..ซะหน่อย”
เธอหลับตาลง..
คำถามที่ถูกซ่อนไว้..หลายสิบปี..กลับตอบออกมาง่ายๆ..อย่างนี้เอง
“นั่นสินะ ..เราไม่ได้-ไม่รักกัน..ซะหน่อย”
เธอตอบ..ทั้งๆที่หลับตาลง


ตอนนี้..เธอพร้อมที่จะจากโลกใบนี้ไป..อย่างมีความสุขแล้ว
ในความรู้สึก..ที่เริ่มพร่าและเลือน...เธอสัมผัสได้ถึงมือของเขา..ที่ เอื้อมมากุมมือเธอไว้
“กลับบ้านเอง..เดินดีๆนะ..”



และนั่น..
คือ..คำสุดท้าย..ที่เธอได้ยิน…

น้ำดื่ม (Water)

...น้ำดื่มที่ใช้เสิร์ฟในห้องอาหารจะมีแร่ธาตุน้อยมาก ซึ่งอาจจะเสิร์ฟตลอดทั้งมื้ออาหารหรือผสมกับเครื่องดื่มต่าง ๆ ก็ได้ ปัจจุบันน้ำดื่มอาจได้มาจรากการซื้อเข้ามาใช้บริการ หรือกรองจากเครื่องเอง จากนั้นก็นำไปผสมทำเป็นน้ำโซดา โทนิค ในเครื่องผสมแบบอัตโนมัติ นิยมเสิร์ฟโดยแช่เย็น หรือใส่น้ำแข็ง ซึ่งมีอยู่หลายยี่ห้อ เพื่อให้เลือกดื่มกันตามความชอบ และความนิยมของแต่ละท้องถิ่น เช่น น้ำสิงห์ น้ำโพลาริส เป็นต้น

If tomorrow never come

Hi my friends,
I think you (all) like it, please read the detals below:

If I knew it would be the last time that I'd see you fall asleep,
I would tuck you in more tightly
and pray the Lord, your soul to keep.

If I knew it would be the last time
that I see you walk out the door,
I would give you a hug and kiss
and call you back for one more.

If I knew it would be the last time
I'd hear your voice lifted up in praise,
I would video tape each action and word,
so I could play them back day after day.

If I knew it would be the last time,
I could spare an extra minute or two to stop and say "I love you,"
instead of assuming you would KNOW I do

If I knew it would be the last time
I would be there to share your day,
well I'm sure you'll have so many more,
so I can let just this one slip away.

For surely there's always tomorrow
to make up for an oversight,
and we always get a second chance
to make everything right.
There will always be another day
to say our "I love you's",
And certainly there's another chance
to say our "Anything I can do'
But just in case I might be wrong,
and today is all I get,
I'd like to say how much I love you
and I hope we never forget,

Tomorrow is not promised to anyone,
young or old alike,
And today may be the last chance
you get to hold your loved one tight

So if you're waiting for tomorrow,
why not do it today?
For if tomorrow never comes,
you'll surely regret the day,

That you didn't take that extra time
for a smile, a hug, or a kiss
and you were too busy to grant someone,
what turned out to be their one last wish.
So hold your loved ones close today,
and whisper in their ears,
how much you love them,
and that you'll always hold them dear

Take time to say "I'm sorry," "Please forgive me,"
thank you," or "its okay".
And if tomorrow never comes,
you'll have no regrets about today.

Send this to all that you consider a friend. Those who you've known for a long time, maybe haven't talked to for a while, and those you have just met.
Just to let them know how much you care about them. You never know, you
may not see them tomorrow. So let them know how much they mean to you.

From : Forword Mail

น้ำแร่ (Mineral Water)

...เป็นน้ำที่ได้จากน้ำพุจากพื้นดิน ซึ่งมีส่วนผสมของแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย บางชนิดมีก๊าซเล็กน้อยคุณค่าของแร่ธาตุที่ผสมอยู่จะมีประโยชน์ต่อร่างกาย และยังสามาถรักษา โรคบางชนิดได้ด้วย

โดยปกติแล้ว น้ำแร่มักเสิร์ฟโดยแช่เย็น เพื่อใช้ดื่มเปล่า ๆ เป็นการรักษาโรคและบำรุงสุขภาพหรือในบางครั้งอาจจะนำไปผสมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่าง ๆ เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนรับประทานอาหาร

เพลงยุโรป


Thai Progressive Rock Band "BUTTERFLY"... Live City of Butterfly
ยุโรป (EUROPE)... เพลงประกอบภาพยนต์เรื่อง "วัยระเริง"

เด็กน้อยกับตะปู

...มีเด็กน้อยคนหนึ่งที่สีหน้าแสดงอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก พ่อของ เขาจึงให้ตะปูกับเขาถุงหนึ่งและบอกกับเขาว่า ทุกครั้ง ที่เขารู้สึกโมโห หรือโกรธใครสักคน ให้ตอกตะปู 1 ตัวเข้าไปกับรั้วที่หลังบ้าน วันแรก ผ่านไป เด็กน้อยคนนั้นตอกตะปูเข้าไปที่รั้วหลังบ้านถึง 37 ตัว และก็ค่อย ๆ ลดจำนวนลงเรื่อย ๆ ในแต่ละวันที่ผ่านไป อย่างน้อยที่สุด เขาได้รู้ว่าสิ่งที่พ่อกำลังพยายามบอกกับเขา ก็คือการรู้จักควบคุมอารมณ์ ของตนเองให้สงบ ซึ่งง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะ

และแล้วหลังจากที่เขาสามารถควบคุมตนเองได้ดีขึ้น ใจเย็นมากขึ้น เขาจึงเข้าไปพบพ่อและบอกกับพ่อว่า เขาสามารถควบคุมอารมณ์ตนเอง ได้แล้ว ไม่ มุทะลุเหมือนแต่ก่อนที่เคยเป็น พ่อยิ้มและบอกกับลูกชายว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเจ้าต้องพอสูจน์ให้พ่อรู้ โดยทุก ๆ ครั้งที่เขาสามารถควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวของตนเองได้ ให้ถอน ตะปูออกจากรั้วหลังบ้าน 1 ตัว วันแล้ววันเล่า เด็กน้อยคนนั้นก็ค่อย ๆ ถอนตะปูออกทีละตัว จาก 1 เป็น2... จาก2 เป็น 3 จนในที่สุดตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออกมา เด็กน้อยดีใจมากรับวิ่งไปบอกกับพ่อเขาว่า

" ฉันทำได้ ในที่สุดฉันก็ทำจนสำเร็จ !!"

พ่อไม่ได้พูดอะไร แต่จูงมือลูกของเขาออกไปที่รั้วหลังบ้าน และบอก กับลูกว่า

" ทำได้ดีมาก ลูกพ่อ และเจ้าลองมองกลับไปที่รั้วเหล่านั้นสิ เห็นไหม ว่ามันไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือนกับที่มันเคยเป็น จำไว้นะลูก เมื่อใดก็ตามที่เจ้าทำอะไรลงไปโดยใช้อารมณ์ สิ่งนั้นมันจะเกิดเป็นรอย แผล เหมือน กับการเอามีดที่แหลมคมไปแทงใครสักคน ต่อให้ พูดคำขอโทษสักกี่หน ก็ไม่อาจลบความเจ็บปวด ไม่อาจลบรอยแผลที่เกิดขึ้นกับเขาคนนั้นได้ ฉันใดก็ฉันนั้น กับเพื่อนก็เช่นกัน"

...เพื่อนเปรียบเสมือนอัญมณีอันมีค่าที่หายาก เป็นคนที่ทำให้เรายิ้ม เป็นคนที่คอยให้กำลังใจและยินดีเมื่อเราพบกับ ความสำเร็จ เป็นคน ที่คอยปลอบใจเรา ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรา และจริงใจกับเราเสมอ

... แสดงให้เขาเห็น ว่าเราห่วงใยเขามากแค่ไหน และระวังสิ่งที่เราทำไป ไม่ว่าจะ เป็นคำพูดหรือการกระทำ และจงจำไว้เสมอว่า เมื่อใดที่เรากล่าวคำว่า "ขอโทษ"
ไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เราหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นก็คือรอยร้าวที่เขาคงไม่อาจลืมมันได้ ...... ตลอดไป