หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2548

น้ำอัดก๊าซ (Aerated Waters)

น้ำอัดก๊าซ(Aerated Waters)
... เครื่องดื่มที่อัดด้วยก๊าซคาร์บอนิก เพื่อทำให้เกิดความซ่า และอาจเติมรสชาติจากน้ำเชื่อมที่มีสี กลิ่นรสชาติต่าง ๆ ลงไป ซึ่งในห้องอาหารอาจจำหน่ายกันเป็นขวด หรือเป็นแก้วก็ได้ โดยใช้เครื่องผสมที่เรียกว่า "Post Mix" หรือ "Premix" อุปกรณ์ที่สำคัญคือ น้ำ ก๊าซ และน้ำเชื่อมผลไม้ชนิดต่าง ๆ และเมื่องต้องการใช้เมื่อใด เพียงแต่กดปุ่มในเครื่องตามที่ต้องการ เครื่องดื่มจะทำงานโดยอัตโนมัติด้วยแรงดันของก๊าซที่บรรจุไว้นั่นเอง เครื่องดื่มที่อัดก๊าซหากไม่มีความเย็น ก๊าซหรือฟองจะหายไปอย่างรวดเร็วมาก ฉะนั้นไม่ว่าจะจำหน่ายเป็นขวดหรือเป็นแก้วก็ตามควรแช่ให้เย็นมาก ๆ เพราะมีส่นทำให้เครื่องดื่มนั้นมีรสชาติที่ดีและมีความซ่าอยู่ได้นาน

เครื่องดื่มประเภทน้ำอัดก๊าซมีอยู่ด้วยกันมากมาย เช่น น้ำโซดา(Soda Water) ไม่มีสี ไม่มีรส น้ำโทนิค (Tonic Water) ไม่มีสี กลิ่นรสควินิน กลิ่นรสขิง รสหวานน้อย บิตเตอร์เลมอน (Bitter Lemon) สีขาวขุ่น กลิ่นรสเปรี้ยวของมะนาว หวานน้อย เลมอเนด (Lemonade) ไม่มีสี กลิ่นรสมะนาว หวาน มีหลายชนิด เช่น 7up , Sprite น้ำส้มอัดลม (Orange Carbonated) สีส้ม กลิ่นส้ม หวาน มีหลายชนิดเช่น Greenspot, Bireley, Fanta โคล่าอัดลม (Cola Carbonated) สีดำ กลิ่นโคล่า หวาน เช่น Pepsi, Cokeเครื่องดื่มอัดก๊าซดังกล่าวอาจเสิร์ฟเปล่า ๆ โดยการแช่เย็น หรือใส่น้ำแข็ง หรือนำไปผสมกับเหล้าต่าง ๆ

บริติช แอร์เวย์ส พาท่องแดนจิงโจ้ ไต่ซิดนีย์ฮาเบอร์ชมโอเปร่าเฮาส์

คอลัมน์ พาทัวร์ 2005 โดย เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน ประชาชาติธุรกิจ

มหกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวยังฮอตฮิตต้องตาโดนกระเป๋านักท่องเที่ยวคนไทย พอ "บริติช แอร์เวย์ส" เปิดช่วงนาทีทองขนเอาตั๋วโดยสารราคาประหยัด ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ซิดนีย์ 16,670 บาท ออกมาวางขายช่วงสั้นซื้อได้ภายใน 31 สิงหาคมนี้ แต่เก็บไว้ตัดสินใจเดินทางได้ภายในอีก 60 วัน หรือประมาณ 30 พฤศจิกายนนี้

เส้นทางพักผ่อนสบายๆ ใน "แดนจิงโจ้" ออสเตรเลีย โปรแกรมการท่องเที่ยวยอดนิยมอันเป็นเอกลักษณ์
คงจะหนีไม่พ้นการท่องเที่ยวเชิ งผจญภัยสไตล์ soft adventure เล็กๆ แต่เป็นการพิสูจน์ความกล้าใจกลางเมืองซิดนีย์

หลายต่อหลายคนที่มีโ อกาสเดินทางไปพักผ่อนในออสเตรเลีย ไม่ว่าจะผ่านไปแถว Sydney Habour Bridge หรือซื้อตั๋วเรือโดยสารนั่งกินลมชมวิวเลาะเมืองเก่าซิดนีย์ไปเรื่อยสัก 1-2 ชั่วโมง พอผ่านสถาปัตยกรรมทรงแปลก "โอเปร่าเฮาส์" คราวใด ทอดสายตาผ่านเลยสูงขึ้นไปแถวสะพานจะเห็นคน "แถวมด" ไต่ยัวะเยี้ยเป็นเงาตะคุ่มอยู่บนราวสะพาน Sydney Habour

ความจริง แล้วเป็น "นักท่องเที่ยว" ผมทอง ผมดำ ที่ยอมควักกระเป๋าซื้อตั๋ว ราคาก็ไม่ใช่จะถูกนัก หลายสิบดอลล์ออสซี่อยู่เหมือนกัน เพื่อที่จะได้มีโอกาสไต่ขึ้นไปตามขอบสะพานซึ่งเขาออกแบบไว้เพื่อการผจญภัยใน ที่สูงโดยเฉพาะ เป็นกิจกรรมง่ายๆ ที่ทำรายได้ง่ายๆ ด้วยเช่นกัน

เพ ราะสถิติแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวนับ 100 คนไปเข้าคิวซื้อตั๋วเพื่อไต่สะพานแห่งนี้ คนไทยเองก็ใช่ว่าจะถอยพลอยสนุกไปกับเขาด้วย สำหรับบางคนที่ไม่อยากหัวใจวายเสียก่อนก็ทางการท่องเที่ยวออสเตรเลียก็มีโปร แกรมทัวร์ "เดอะร็อก" (The Rock) เป็นสถานที่แห่งแรกที่ชาวยุโรปพากันมาขึ้นฝั่ง โดยยังคงมีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ สังเกตได้ชัดจากอาคารเก่ายุคที่อิทธิพลของอาณานิคมขยายเข้ามา

ส่วนนั กท่องเที่ยวที่ต้องการดูดดื่มธรรมชาติสไตล์ทะเลแปซิฟิก ตอนนี้เขากำลังนิยมไปดู "โลมา" แหวกว่ายมาทักทาย แต่ต้องซื้อตั๋วล่องเรือไป "พอร์ต สตีเฟ่น" เพื่อเล่น Sand Dune โปรแกรมนี้โดนใจลูกทัวร์ชาวไทยไม่น้อยทีเดียว

แต่ก็มีบางกรุ๊ปอยากสั มผัสไอดินกลิ่นหญ้าในอุทยานแห่งชาติ "บลู เมาเทนส์" จับรถตู้นั่งไปไม่เกินชั่วโมงครึ่ง ระยะทางจากซิดนีย์ไปไม่เกิน 105 กิโลเมตร ถึงจุดขึ้นกระเช้าซึ่งแขวนอยู่บนสะลิงลอยฟ้า เรียกว่า "ซีนิสเซ็นเตอร์" พอขึ้นไประหว่างลอยอยู่เหนือน่านฟ้าจะมองเห็นภูเขา 3 พี่น้อง หรือ Three sister โผล่เสียบฟ้าขึ้นมาโดยมีกลิ่นยูคา ลิปตัสโชยมาแต่ไกล

หากไม่จุใจแนะนำให้ไปลองนั่ง "ซีนิค เรลเวย์" พิชิตความชันซึ่งได้ชื่อว่าเป็นที่สุดของโลกทีเดียว

น อกจากแหล่งท่องเที่ยวเชิงการผจญภัยทางธรรมชาติแบบมีลุ้นแล้ว ในซิดนีย์ยังเป็นแหล่งอาหารการกินสไตล์ผสมผสาน เอเชีย-ยุโรป แถมมีย่านไชน่าทาวน์ให้คนไทยช็อปแหลก

ถ้าแวะไปแถว "ควีนวิกตอเรีย" ใจกลางเมือง ก็จะเห็นสินค้าประเภทสวยงามเป็นหลัก หากอยากสูดกลิ่นของพื้นเมืองแต่ละวีกเอนด์ก็ต้องไป "เดอะ ร็อก" หรือย่าน "ไชน่าทาวน์" ที่นี่ตั้งอยู่ติดกับสวนสาธารณะขนาดมหึมา เป็นเมืองของกินอร่อยรสชาติต้นตำรับ และมีแหล่งช็อปปิ้งของถูก made in China ซื้อเป็นซูวีเนียร์มีราคาให้เลือกตั้งแต่ไม่ถึง 1 ดอลล์ เรื่อยไปจนถึง 100 ดอลล์ โดยเฉพาะรกแกะ รกแพะ เพิ่มความงาม แถวนี้มีให้เลือกหลายยี่ห้อ เจ้าของร้านส่วนใหญ่เป็นหมวยที่สามารถบรรยายสรรพคุณของใช้ได้ตรงสเป็กนักช็อ ปชาวไทย

ในสภาวะเศรษฐกิจตึงเครียด การไปเปิดหูเปิดตาเที่ยวในประเทศบ้าง แวบไปทัวร์นอกประเทศบ้าง ในช่วงที่ตั๋วราคาแสนถูกนั้นก็นับได้ว่าเป็นการเติมรสชาติที่ดีให้ชีวิตได้เ หมือนกัน

ดีไม่ดีอยู่ที่ใจเรา

ทุก ย่างก้าว ของ ความฝัน คือ ย่างก้าว ของ ความเหน็ดเหนื่อย
ทุกย่างก้าว ของ ความเหน็ดเหนื่อย คือ ก้าวย่าง ของ ความสำเร็จ


ต่อให้ทุกข์ที่สุด....ก็ต้องผ่านพ้นไปจนได้
เมื่อเรานั่งมองอดีต เรายังผ่านทุกข์มาได้ตั้งหลายทุกข์
ก็ในเมื่อ..ชีวิต...มันยังมีชีวิต
ขอแค่อย่าทุกข์ก่อนเจอทุกข์ หลังทุกข์ อย่าทุกข์อีก
ให้ทุกข์ แค่ตอนทุกข์ แล้วทุกข์ที่สุด...ก็จะเป็น ทุกข์ แค่นี้เอง!


ให้ทำหน้าที่ทุกหน้าที่ด้วยหัวใจ ให้หัวใจตระหนักในหน้าที่....
แล้วเราจะไม่รู้สึกว่าหน้าที่เป็นหน้าที่ แต่เป็นการกระทำที่เกิดจาก...หัวใจเรียกร้อง...ต่างหาก


ดีไม่ดี...อยู่ที่ใจเรา... ถ้าใจเรา...คิดดี เราก็จะเจอแต่สิ่งดีๆ
ถ้าเรามองในทางที่ดี...ใจเราก็จะรู้สึกดี
ถ้ากำลังใจดี...สิ่งเลวร้าย...ก็จะคลี่คลายเป็น...ดี!

วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2548

นั่งรถไฟสู่ฟากฟ้าที่"สวิตเซอร์แลนด์"แดนฝัน(จบ)

โดย : นันทสินี หมวดมณี
คอลัมน์ท่องเที่ยว @ผู้จัดการ


หุบเขาเฟียสกับทะเลสาบบัคอับบ์ที่ใสแจ๋วราวกระจก
"ฝัน"ของฉันเป็นจริงขึ้นมาเมื่อได้มาเที่ยวยังสวิตเซอร์แลนด์ เพราะนี่คือดินแดนที่ฉันใฝ่ฝันมานานแล้วว่าสักวันจะต้องมาเยือนให้ได้

สำหรับการมาเยือนสวิสในครั้งนี้ก็ถือว่าไม่ธรรมดาเอาเสียเลย เพราะฉันได้มีโอกาสนั่งรถไฟสายยุงค์ฟราว (Jungfrau railway) ลัดเลาะไปตามขุนเขาที่มีทิวทัศน์งดงาม ไต่ไล่ไประดับเรื่อยๆฟากฟ้าจนถึงยัง 'ยุงค์ฟราวยอร์ค' (Jungfraujoch) สถานีรถไฟที่สูงที่สุดของยุโรป(3,454 เมตร) บนยอดเขา 'ยุงค์ฟราว' (Jungfrau) ที่ถูกเรียกขานว่า "หลังคายุโรป" ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่มรดกโลก "Jungfrau-Aletsch" ที่ องค์การUNESCOประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของเทือกเขาแอลป์ ในวันที่ วันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 2001


บนสถานียุงค์ฟราวยอร์ค ที่ฉันนั่งรถไฟไต่ระดับขึ้นมาจากเมืองอินเทอร์ลาเก้นนั้น(เนื้อเรื่องในตอน ที่แล้ว) มีจุดที่น่าสนใจหลายจุด ไม่ว่าจะเป็น จุดชมวิวพาโนรามาทีสามารถมองเห็นวิวไปถึงแบล็ค ฟอเรสต์ (Black Forest) ในเยอรมนี และ Vogese ในฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังเป็นสถานีวิจัยงานประติมากรรมแกะสลักน้ำแข็งในถ้ำน้ำแข็ง Ice Palace ที่อยู่ใต้ธารน้ำแข็ง 30 เมตร จุดชมวิวเหนือธารน้ำแข็งที่สามารถมองเห็นธารน้ำแข็งยาวกว่า 22 กิโลเมตร ลานกิจกรรมกลางแจ้ง Ice Plateau ที่เมื่อลงไปเดินก็จะได้สัมผัสกับความขาวโพลนของหิมะ

ส่วนใครที่ชอบความตื่นเต้นเล็กๆก็น่าที่จะลองนั่งลากเลื่อนโดยสุนัข ฮัสกี้ หรือเล่นพวกจานหิมะ สกี สโนบอร์ด รวมถึงไปลุ้นระทึกกับความเสียวสุดๆกับ Tyrolienne ที่เป็นการห้อยตัวไปกับสายเคเบิลผ่านธารน้ำแข็งกว่า 200 เมตร

Jungfrau railway ขบวนรถไฟสู่ฟากฟ้า



ฉันเพลิดเพลินอยู่บริเวณยุงค์ฟราวยอร์คอยู่พอสมควร จนเมื่อท้องเริ่มส่งเสียงประท้วงจึงได้สอดสายสายตามองหาร้านอาหารเพื่อที่จะ ฝากชีวิตและกระเพาะ และก็มาถูกใจกับร้านอาหารในห้องกรุกระจกใสที่สามารถมองเห็นวิวอันเวิ้งว้าง ของหุบเขากับปุยหิมะอันขาวโพลน นับเป็นบรรยากาศที่ชวนให้อิ่มกายสบายใจยิ่งนัก และด้วยบรรยากาศอันชวนฝันเช่นนี้มันทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะหยิบโปสการ์ดที่ เตรียมมาบรรจงเขียนถึงคนรู้ใจที่อยู่ห่างไกล พร้อมกับหวังว่าผู้รับจะสามารถรู้สึกได้ถึงความคิดถึงที่ส่งมาพร้อมกับ แสตมป์ที่ประทับตรา Top of Europe ที่สุดแสนจะเก่ไก๋

ครั้นอิ่มหนำสำราญฉันออกไปดื่มด่ำกับบรรยากาศนอกสถานีอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะอำลาสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป เดินทางกลับลงมาสู่สถานีรถไฟไคล์เน่ ไชเดค (Kleine Scheidegg) ที่ตั้งอยู่เชิงผา Eiger North Wall

สถานีรถไฟไคล์เน่ ไชเดค ถือเป็นสถานีสำคัญ เพราะที่นี่เป็นจุดเปลี่ยนจากรถไฟปกติเป็นรถไฟล้อเฟือง นอกจากนี้รอบๆสถานีก็ยังมีร้านอาหาร เกสต์เฮาส์ ท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงามที่หากใครไปถูกช่วงถูกจังหวะก็จะได้ชมการฝึก เหยี่ยวในบริเวณนั้นอีกด้วย

ขากลับจากสถานีไคล์เน่ ไชเดค ฉันเลือกกลับในเส้นทางใหม่ โดยเลือกนั่งรถไฟสู่อีกเส้นทางเพื่อชมทิวทัศน์อันน่าสนใจรอบข้าง ก่อนที่รถไฟขบวนนั้นจะวกกลับไปยังเมืองกรินเดิ้ลวาล (Grindelwald)ดังเช่นขามา

นักท่องเที่ยวออกมาสัมผัสหิมะขาวโพลน
และอากาศอันพิสุทธิ์บนยอดเขายุงค์ฟราว(บริเวณยุงค์ฟราวยอร์ค)


ที่เมืองกรินเดิ้ลวาล หากใครที่มีเวลาเหลือ และเป็นคนที่ชอบความท้าทาย ไม่กลัวความสูง น่าจะลองใช้บริการนั่งกระเช้าขึ้นสู่ยอดเขาเฟียส (First) เพื่อชมทิวทัศน์อันงดงาม ก่อนที่จะไปถึงยังยอดเขาเฟียสที่ข้างบนน่ายลไปด้วย ทิวทัศน์ของขุนเขาและหน้าผาสูงชันอันงดงาม ท่ามกลางสายลมบริสุทธิ์และกลิ่นหอมของทุ่งหญ้าสีเขียวสด

นอกจากนี้จากจุดสูงสุดที่ยอดเขาเฟียสยังมีเส้นทางเดินเท้ายอดนิยม ซึ่งเป็นทางเดินเท้าแบบสบายๆประมาณหนึ่งชั่วโมงไปยังจุดชมวิวที่นอกจะได้ เห็นทิวทัศน์อันเวิ้งว้างงดงามของหุบเขาเฟียสแล้ว ที่นี่ยังมี "ทะเลสาบบัคอับบ์" (Bachalpsee) อันสวยงามที่มีน้ำใสแจ๋วราวกระจกรอให้คนถ่ายรูปสวยๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึก และเอาไว้อวดคนไม่เคยมาให้แปลกใจว่าบนภูเขาสูงชันขนาดนี้ยังมีโอเอซิสคือ ทะเลสาบบัคอับบ์อยู่อีกด้วย

จากเมืองกรินเดิ้ลวาลฉันกลับมายังเมืองอินเทอร์ลาเก้น (Interlaken) อีกครั้ง ซึ่งเมืองนี้ถือเป็นทางผ่านสำคัญของการเดินทางทุกเส้นทางสู่เทือกเขายุงค์ฟราว

นั่งกระเช้าชมทิวทัศน์ขึ้นสู่ยอดเขาเฟียส
หนึ่งในกิจกรรมที่น่าสนใจที่เมืองกรินเดิ้ลวาล

เมืองอินเทอร์ลาเก้นเป็นเมืองเล็กและสงบ ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบThun และทะเลสาบ Brienz ซึ่งหากใครไปเดินที่สวนสาธารณะกลางใจเมืองก็มองเห็นทิวทัศน์ของภูเขาไอ เกอร์(Eiger) , เมิ้นส(Mönch) และ ยุงค์ฟราว (Jungfrau) ได้อย่างถนัดตา

หรือใครจะชวนกันไปนั่งรถม้ากินลมชมวิวรอบเมืองก็นับว่าได้บรรยากาศดี ไม่น้อย ส่วนใครที่ชอบช้อปที่เมืองอินเทอร์ลาเก้นมีร้านสินค้าแบรนด์ดังทั้งแฟชั่น และนาฬิกาสุดหรูให้เลือกช้อปสำหรับคนกระเป๋าหนัก เพราะสินค้าส่วนใหญ่หากคิดเป็นเงินไทยก็ราคามากโขเอาการอยู่ งานนี้ฉันจึงขอเลือกเดินชมเป็นอาหารตาพอ

สำหรับอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจในเมืองอินเทอร์ลาเก้น ก็คือจุดชมวิวมุมสูงของสามขุนเขา ที่บนนั้นจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์อันงดงามของขุนเขา 3 ลูก พร้อมด้วยทะเลสาบสีเขียวที่ล้อมด้วยป่าสนสูงชะลูด ซึ่งดูแล้วงดงามราวภาพฝัน

ช็อกโกแลตของฝากชั้นดีที่ร้านชูส์ส

ก่อนอำลาสวิตเซอร์แลนด์ดินแดนในฝันสู่เมืองไทย ฉันไม่ลืมที่จะเลือกซื้อของฝากให้กับคนไกลในเมืองไทย ซึ่งของฝากอันขึ้นชื่อของสวิสนั้นก็คือ 'ช็อกโกแลต' ซึ่ง หากใครจะเลือกช็อกโกแลตทั่วไปเป็นของฝากก็ลองไปดูได้ในซุปเปอร์มาเก็ต แต่หากว่าจะเลือกซื้อช็อกโกแลตพรีเมี่ยมหรือช็อกโกแลตโฮมเมดแบบgourmet ให้คนพิเศษอย่างฉัน

ขอแนะนำว่าน่าลองไปยังร้านชูส์ส (Schuh) ที่ Höheweg 56 ซึ่งร้านนี้ไม่เพียงมีช็อกโกแลตชั้นดีให้เลือกซื้อ แต่ว่ายังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้หัดทำช็อกโกแลตอีกด้วย งานนี้ฉันจึงถือโอกาสทดลองทำช็อกโกแลตฝีมือตัวเองอย่างเพลิดเพลิน ก่อนที่จะเลือกซื้อช็อกโกแลตชั้นดีกลับไปฝากคนรู้ใจ ส่วนจะเป็นใครนั้น บอกไม่ได้จริงๆ...อิ อิ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ใช้ภาษาพูดหลายภาษาขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ ได้แก่ ภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศล อิตาเลียน อังกฤษ แต่ไม่ได้เป็นประเทศสมาชิกในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปจึงไม่ใช้เงินยูโร แต่ว่าใช้เงินสกุลสวิสฟรังก์ (Swiss Francs)

สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศภูมิประเทศสวยงามและอากาศดี เดือนก.ค.-ส.ค. มีอุณหภูมิ 18 - 27 องศาเซลเซียส เดือนม.ค.-ก.พ. มีอุณหภูมิประมาณ ลบ1 - 5 องศาเซลเซียส ส่วนในฤดูในไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง ช่วงกลางวันมีอุณหภูมิประมาณ 8 - 15 องศา และเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศในแต่ละวันมีอยู่ตลอดเวลา การไปเที่ยวสวิสจึงควรนำเสื้อกันหนาวหนาๆติดตัวไปด้วย

สำหรับการเดินทางจากเมืองไทยสู่สวิตเซอร์แลนด์ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ สายการบินสวิส โทร.0-2504-2754-6