หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

ฟิลม์กับแอนนี่

จากที่ไม่สนใจเรื่องนี้ แต่กระแสของพวกเขาแรงจริง ๆ  แรงขนาดคอลัมนิสต์อย่างกาแฟดำ และเปลวสีเงินยังเขียนถึง จนต้องมาติดตามเรื่องนี้ด้วยคนว่าเรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไป

ตามอ่านแล้วก็สงสารแต่เด็ก  ส่วนเรื่องพ่อแม่ของเด็ก  ได้แต่ร้อง ... เฮ้อออ  

คุณกนกสรุปเรื่องนี้ไว้ที่ facebook : Kanok Ratwongsakul Fan Page ได้ใจดีค่ะ
 " ถ้าข่าวฟิล์มกับแอนนี่เปรียบได้กับรถที่เกิดอุบัติเหตุ คนที่อยู่ในรถทุกคนจะเป็นดังนี้ ฟิล์มคอหัก, แอนนี่เลือดโทรมกาย, เฮียฮ้อโคม่า, จุ๊นหลังเป็นแผลเหวอะหวะ, พจน์ปากฉีก, เจ๊เบียบลิ้นขาด, น้องฑีฆายุไม่เป็นไรแต่ร้องไม่หยุด ส่วนสื่อ..คือคนขับรถ..พบตายคาที่ มีกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง! "
-------------------------------------
สังคมไทยได้อะไรจาก กระแสข่าวดาราท้อง
โดย : กาแฟดำ @กรุงเทพธุรกิจ


หนีไม่พ้นว่าสื่อต้องตอบคำถามของ “ผู้บริโภคข่าว” จำนวนไม่น้อยว่าที่ทุ่มเวลา พื้นที่ข่าวและทรัพยากรบุคคล มากมายให้กับข่าว

เรื่อง “ฟิล์มกับแอนนี่” นั้น สังคมไทยได้อะไรบ้าง?

The Flintstones

Google Logo Flintsotnes 50 yrs.

มนุษย์หินฟลิ้นสโตน
มนุษย์หินฟลิ้นสโตน (The Flintstones) เป็นการ์ตูนอเมริกัน สร้างโดย ฮันนา-บาร์เบอราโปรดักชัน เรื่องราวของครอบครัวยุคหิน แต่ผสมวัตถุที่ทันสมัยลงไป เช่นการใช้รถแบบวิ่งเอง การเลี้ยงไดโนเสาร์แทนสุนัข


ตัวละครหลัก
บ้าน ฟลิ้นสโตน

เฟรดเดอริค "เฟรด" ฟลิ้นสโตน
ชายหนุ่มวัยกลางคน เป็นคนใจร้อน ขี้โวยวาย เอาแต่ใจตนเอง มีทิฐิในบางครั้งแต่รักลูกและภรรยามาก พอๆกับความกลัวภรรยาของเฟรด

วิลม่า ฟลิ้นสโตน
ภรรยาของเฟรด เป็นคนใจเย็นคอยแก้ปัญหาของเฟรดเป็นประจำ

แพ็พเบิล ฟลิ้นสโตน รับเบิล
ลูกสาวคนเดียวของเฟรด และ วิลม่า มีนิสัยเอาแต่ใจตนเองเหมือนกับเฟรด ภายหลังแต่งงานกับแบมแบม และมีลูกแฝด

ดีโน่
ไดโนเสาร์สัตว์เลี้ยงของบ้านฟลิ้นสโตน

บ้านรับเบิล

บาร์นี่ รับเบิล
เพื่อนสนิทของเฟรด รูปร่างเตี้ยล่ำ ผมสีทอง บาร์นี่เป็นคนมองโลกในแง่ดีและใจเย็น จึงคอยช่วยเหลือเฟรดเสมอๆ แต่บ่อยครั้งที่มักจะโดนเฟรดลากไปทำวีรกรรมความเปิ่นเสียทุกครั้ง

เบ็ตตี้ รับเบิล
ภรรยาของบาร์นี่ เป็นเพื่อนสนิทของวิลม่าตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ

แบมแบม ริบเบิล
ลูกบุญธรรมของบาร์นี่และเบ็ตตี้ มีพลังเหนือเด็กทั่วไป ทำให้บาร์นี่ต้องเจ็บตัวทุกครั้ง

ข้อมูลจากสารานุกรมเสรีวิกิพีเดีย
----------------------------------
เคยเห็นแต่การ์ตูนมานาน  เพิ่งรู้ว่ามนุษย์หินฟลิ้นสโตนมีเกิดมานานขนาด 50 ปี

วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

ในหลวงทอดพระเนตรศิริราชคอนเสิร์ต



ในหลวง-พระเทพฯเสด็จฯทอดพระเนตร"ศิริราชคอนเสิร์ต เทิดไท้องค์อัครศิลปิน" ประชาชนแห่เฝ้ารับเสด็จแน่น แพทย์ศิริราชเผยจัดขึ้นถวายให้ทรงพระเกษมสำราญ นักร้องนักดนตรีต่างชาติซาบซึ้ง-ปลาบปลื้มที่สุดในชีวิตได้แสดงดนตรีถวาย

ปาร์ติซาน เบลเกรด (เซอร์เบีย) 1 - 3 อาร์เซน่อล (อังกฤษ)

วันอังคารที่ 28 กันยายน 2553
ฟุตบอลยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอช
สนาม : เอฟเค ปาร์ติซาน, เบลเกรด, เซอร์เบีย



ปาร์ติซาน จ่าฝูงของลีกเซอร์เบีย วาง มลาเดน เคิร์ชตายิช กัปตันทีมยืนบัญชาการแนวรับ ส่วน "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ต้องขาดผู้เล่นกำลังหลักหลายรายรวมไปถึง นิคลาส เบนท์เนอร์ กับ เชส ฟาเบรกาส ที่ยังเดี้ยง โดยแนวรุกส่งเจ้าหนู แจ็ค วิลเชียร์ ลงมาทำเกมบุกร่วมกับ อังเดร อาร์ชาวิน คอยสนับสนุนกองหน้าตัวเป้าอย่าง มารูอาน ชามัค ส่วน ซามีร์ นาสรี่ มีชื่อเป็นเพียงตัวสำรอง


ออก สตาร์ทมาได้ 10 นาที ปิแอร์ โบย่า ดาวยิงของเจ้าถิ่นเบียดถึงบอลได้ก่อน เซบาสเตียน สกิลลาชี่ ก่อนจิ้มด้วยขวา แต่ติดขา ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้ นายทวารไอ้ปืนใหญ่แค่นิดเดียว

หลังจากนั้น 5 นาที อาร์เซน่อล เป็นฝ่ายได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ อังเดร อาร์ชาวิน กระชากลากลุยเข้ามา ก่อนจะฝากบอลไปที่ แจ็ค วิลเชียร์ ดีดส้นคืนมาให้ อาร์ชาวิน ตะบันตรงเส้นเขตโทษพุ่งเรียดเสียบตาข่ายสุดสวยให้ปืนใหญ่นำ 1-0

เกม ดำเนินมาถึงนาทีที่ 24 ทีมเยือนได้ลุ้นต่อเนื่อง แจ็ค วิลเชียร์ ประสานงานกับ อาร์ชาวิน อีกครั้ง ทำให้ อาร์ชาวิน หลุดไปยิงด้วยขวาแต่คราวนี้ตรงตัว วลาดิเมียร์ สตอยโควิช นายทวารปาร์ติซาน ที่ออกมาขวางไว้ได้

สามนาทีต่อมา อาร์เซน่อล ได้โอกาสอีก อาร์ชาวิน ชิปข้ามตัว สตอยโควิช ไปแล้ว ทว่าผู้เล่นเจ้าถิ่นมาเตะทิ้งไปได้ก่อนที่บอลจะข้ามเส้น

อย่าง ไรก็ตาม ปาร์ติซาน เบลเกรด ตามตีเสมอจนได้จากจุดโทษที่ เดนิลสัน ใช้มือปัดบอลในเขตโทษ และเป็น คเลโอ ดาวยิงตัวเก่งแปด้วยขวาง่ายๆเสียบเสาซ้ายมือของ ฟาเบียนสกี้ เข้าประตูไปเปลี่ยนสกอร์มาเป็น 1-1 ในนาที 33 ก่อนหมดครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้

เข้าสู่ครึ่งหลังได้แค่ 2 นาที ไอ้ปืนใหญ่ ได้ลุ้นก่อนจากการหลุดไปยิงในเขตโทษด้วยขวาของ โทมัส โรซิชกี้ บอลพุ่งเรียดแต่ วลาดิเมียร์ สตอยโควิช นายทวารเจ้าบ้านล้มตัวตะครุบไว้ได้

สถานการณ์ของเจ้าบ้านไม่ดี นัก นาทีที่ 56 มาร์โก โยวาโนวิช ไปเตะ มารูอาน ชามัค หัวหอกชาวโมร็อกโก จนล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษ พร้อมชักใบแดงไล่กองหลังเจ้าถิ่นออกทันที แต่ อังเดร อาร์ชาวิน กลับซัดจุดโทษไปติดเซฟของ สตอยโควิช นายทวารปาร์ติซาน ที่ล้มถูกทาง

อย่าง ไรก็ตาม อาร์เซน่อล ที่ตัวผู้เล่นมากกว่ามาได้ประตูนำอีกครั้งในนาที 71 โทมัส โรซิชกี้ เปิดบอลจากฝั่งขวามาให้ มารูอาน ชามัค ขึ้นโหม่งเข้ากรอบ สตอยโควิช เซฟได้จังหวะแรก แต่ ชามัค ตามซ้ำเข้าประตูไปให้ปืนใหญ่ นำ 2-1

ทีม เยือนยังคงเดินเกมอย่างต่อเนื่อง แล้วก็มาได้ประตูหนีห่างเป็น 3-1 ซามีร์ นาสรี่ เปิดลูกเตะมุม เซบาสเตียน สกิลลาชี่ โขกเข้าไปไม่เหลือ

เจ้า ถิ่นน่าจะได้ประตูตีตื้นขึ้นมา เมื่อมาได้ลูกที่จุดโทษ คีแรน กิ๊บบ์ส ไปทำฟาล์ว ซาซ่า อิลิช ในกรอบเขตโทษ แต่ คเลโอ ยิงไปติดเซฟของ ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้ ทำให้จบเกม อาร์เซน่อล บุกมาเอาชนะ ปาร์ติซาน 3-1 เก็บ 3 คะแนนเต็ม

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

ปาร์ติซาน เบลเกรด : วลาดิเมียร์ สตอยโควิช - อีวาน สเตวาโนวิช, มาร์โก โยวาโนวิช, มลาเดน เคิร์ชตายิช (กัปตันทีม), อเล็กซานเดอร์ ลาเซฟสกี้, เนมานย่า โทมิช, ราโดสลาฟ เปโดรวิช, มิโด้, ซาซ่า อิลิช, ปิแอร์ โบย่า, คเลโอ

สำรอง : อิวิก้า อิลิเยฟ, โลล่า, มิลอส โบกูโนวิช, ซิฟโก้ ซิฟโควิช, โวยิสลาฟ สแตนโควิช, สเตฟาน ซาวิช, โจเซฟ คิซิโต้

อาร์เซน่อล : ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้ - บาการี่ ซาญ่า, โยฮัน ฌูรู, เซบาสเตียน สกิลลาชี่, คีแรน กิ๊บบ์ส - โทมัส โรซิชกี้, อเล็กซ์ ซง, เดนิลสัน, อังเดร อาร์ชาวิน, แจ็ค วิลเชียร์ - มารูอาน ชามัค

สำรอง : วอจเซียจ เซสนี่, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, กาแอล กลิชี่, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, ซามีร์ นาสรี่, คาร์ลอส เวล่า, เฮนรี่ แลนส์บิวรี่

ผู้ตัดสิน : โวล์ฟกัง สตาร์ค (เยอรมัน)



สรุปผลฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
กลุ่มอี
- เอฟซี บาเซิ่ล (สวิสฯ) แพ้ บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน) 1-2
- โรม่า (อิตาลี) ชนะ ซีเอฟอาร์ คลูช (โรมาเนีย) 2-1

กลุ่มเอฟ
- สปาร์ตัก มอสโก (รัสเซีย) ชนะ เอ็มเอสเค ซิลิน่า (สโลวาเกีย) 3-0
- เชลซี (อังกฤษ) ชนะ มาร์กเซย (ฝรั่งเศส) 2-0

กลุ่มจี
- โอแซร์ (ฝรั่งเศส) แพ้ เรอัล มาดริด (สเปน) 0-1
- อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม (ฮอลแลนด์) เสมอ เอซี มิลาน (อิตาลี) 1-1

กลุ่มเอช
- ปาร์ติซาน เบลเกรด (เซอร์เบีย) แพ้ อาร์เซน่อล (อังกฤษ) 1-3
- บราก้า (โปรตุเกส) แพ้ ชัคเตอร์ โดเนทส์ค (ยูเครน) 0-3

ที่มา : สยามสปอร์ต 
-----------------------------------------------------
เมื่อคืนบอลคู่ที่ประหลาดใจคือ คู่ลีดส์กับเปรสตัน คู่นี้ยิงกันระเบิดระเบ้อ  ... ลีดส์นำอยู่ 4-1 จบเกมกลายเป็นแพ้ไป 4-6  สงสารลีดส์แฮะ ยังไงก็กลับมาลีกสูงสุดในเร็ววันก็แล้วกัน

'ปัจจุบันขณะ' พระรักเกียรติ รักขิตะธัมโม

โดย : ชัยณรงค์ กิตินารถอินทราณี @กรุงเทพธุรกิจ


จากท้องนาสู่ทำเนียบ จากทำเนียบสู่เรือนจำ จากเรือนจำสู่ธรรมมาสน์ ของรัฐมนตรีคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ต้องโทษจำคุก


จากคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดีหมายเลขแดงที่ อม. 1/2546 ทำให้ รักเกียรติ สุขธนะ กลายเป็นรัฐมนตรีคนแรกที่ต้องโทษจำคุกคดีทุจริตรับสินบน ตามการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฐานทุจริตรับเงินสินบน 5 ล้านบาท จากบริษัทยา ทำให้สาธารณสุขจังหวัดต้องจัดซื้อยาในราคาแพงเมื่อปี พ.ศ.2541


'นิทานขยะ'...จากจตุจักรถึงซูโดกวอน

โดย : ลักษ์โตเย่น วุฒิศักดิ์ @กรุงเทพธุรกิจ


เมื่อ 30 ปีก่อน ขยะจากภูเขาขยะซอยอ่อนนุช เคยถูกนำไปถมที่เพื่อสร้างเป็นสวนจตุตักร ปัจจุบันเกาหลีใต่กำลังตามรอบเรา แต่อภิมหาโปรเจกต์ยิ่งกว่า


รถเก็บขยะที่แม้จะ ปฏิบัติภารกิจเก็บขยะมูลฝอย จากจุดทิ้งริมรั้วหน้าบ้านเสร็จสิ้นไปตั้งแต่ก่อนฟ้าสาง แต่ร่องรอยของการมาถึงและจากไปก็ยังโชยกรุ่นไปทั่วบริเวณโดยรอบ แม้เวลาได้ล่วงเลยไปหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม เพื่อไม่ให้ใครน้อยหน้าใคร ทั้งคนตื่นเช้าและคนตื่นสาย ต่างมีโอกาสสัมผัสกลิ่นเหมือนกัน เพียงแต่ระดับความเข้มข้นจะต่างกันไปบ้าง


หากคุณคิดว่ากลิ่นจากรถเก็บขยะ 1 คัน เป็นสิ่งที่เกินกว่าจะทนได้แล้วละก็ ลองนึกถึงการยืนอยู่ท่ามกลางรถเก็บขยะสักประมาณ 500 คันที่บรรทุกสัมภาระเต็มเปี่ยม


วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

สุขสันต์วันเกิดครบ 1 รอบ Google

สุขสันต์วันเกิดกูเกิล 12 ปี
โดย Wayne Thiebaud ภาพจาก Google

วันนี้เป็นวันที่เกิด Google 12 ปี ถ้าเป็นคนก็ไม่นานนัก แต่เป็นบริษัทที่ก่อตั้งมา 12 ปี ก็นานไม่น้อย ก็ Happy Birthday to Google ขอให้อยู่พัฒนาอะไรใหม่ ๆ  เพื่อผู้ใช้อย่างเราๆต่อไปนาน ๆละกัน

หมายเหตุ เท่าที่อ่านประวัติ Google จดทะเบียนบริษัท 7 กันยายน 2541 วันที่ 27 กันยาน่าจะเป็นวันที่ Google เปิดใช้เว็บวันแรก




วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553

อาร์เซน่อล 2 - เวสต์บรอมวิช 3

วันเสาร์ที่ 25 กันยายน 2553
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สนามเอมิเรตส์สเตเดี้ยม




ช่วงต้นเกม แม้ อาร์เซน่อล จะเครื่องยังไม่ร้อนนัก แต่ก็มีโอกาสทองที่น่าจะได้ประตูนำในนาทีที่ 14 เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ ได้บรรจงเปิดบอลเน้นๆ จากกราบขวา อังเดร อาร์ชาวิน แหย่เท้าจิ้มบอลไปโดนเสา ก่อนจะจิ้มซ้ำอีกทีไปแฉลบ คริส บรันท์ ชนเสาต้นเดิมกระเด้งออกหลัง


นาที37 โอเดมวิงกี้ หลุดเดี่ยวเข้าไปแตะหลบ อัลมูเนีย แล้วโดนรวบล้มเต็มๆ ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษพร้อมใบเหลืองให้นายทวารสแปนิช แต่ อัลมูเนีย ก็แก้ตัวได้ พุ่งเซฟจุดโทษของ คริส บรันท์ ถูกทาง ซึ่งมิดฟิลด์แบ็กกี้ส์ก็ยิงเรียดและไม่แรงด้วย

ท้ายครึ่งแรก ปืนใหญ่ มีลุ้นจากลูกเตะมุม อาร์ชาวิน เปิดฟรีคิกฝั่งขวาให้ บาการี่ ซาญ่า ขวิดที่เสาแรกย้อยๆ จะมุดคาน แต่ อัลมูเนีย ปัดพ้นคานออกไปได้ จบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลังเวสต์บรอมวิชขึ้นนำ 1-0 นาทีที่ 50 เจโรม โธมัส ได้บอลสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย แล้วจิ้มหนี ซาญ่า เลาะเส้นหลังเข้ามาในเขตโทษ ก่อนจะผ่านเรียดเข้ากลางให้ ปีเตอร์ โอเดมวิงกี้ ล้มตัวสไลด์บอลระยะไม่กี่หลาเสียบตาข่าย

นาที 52 ทีมเยือนหนีห่าง 2-0 คริส บรันท์ ครองบอลอยู่ริมเส้นฝั่งขวาแล้วตอกส้นให้ กอนซาโล่ ฮาร่า พาบอลเข้าเขตโทษด้านขวา แล้วกดเรียดเต็มแรง บอลพุ่งตรงตัว อัลมูเนีย แล้วแต่ยังเซฟพลาดทำให้บอลหลุดเข้าไปกระทบตาข่าย

นาที 73 เดอะ แบ็กกี้ส์ทิ้งไปอีกเป็น 3-0 คริส บรันท์ พยายามแตะหนี อัลมูเนีย คราวนี้นายประตูปืนโตไม่ยอมพรวดพราด แต่ บรันท์ ก็ยังหักเข้ากลางให้ เจอโรม โธมัส แปเหน่งๆ กลางประตูเข้าไปจนได้

นาที 75 อาร์เซน่อล ไล่มาเป็น 1-3 ไซาญ่า จ่ายบอลเข้าเขตโทษด้านขวาให้ ซามีร์ นาสรี่ แต่งหนีกองหลังแบ็กกี้ส์เข้าเท้าซ้าย แล้วซัดเรียดผ่าน สกอตต์ คาร์สัน เข้าไปจนได้

ทดเจ็บเจ้าถิ่นตีตื้นเป็น 2-3 อังเดร อาร์ชาวิน ไหลบอลเข้ากลางให้ ซามีร์ นาสรี่ คนเดิมจับแล้วแปด้วยเท้าขวาระยะจุดโทษพอดี บอลเสียบมุมไม่พลาด แต่ก็ยิงได้แค่นั้น จบเกม เวสต์บรอมวิช บุกมาเอาชนะ อาร์เซน่อล ได้อย่างยิ่งใหญ่ 3-2

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

อาร์เซน่อล : มานูเอล อัลมูเนีย, บาการี่ ซาญ่า, เซบาสเตียง สกิลลาชี่, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ (คาร์ลอส เวล่า น.66), กาแอล กลิชี่, อเล็กซ์ ซง, อาบู ดิยาบี้ (แจ็ค วิลเชียร์ น.57), เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ (โทมัส โรซิคกี้ น.57), ซามีร์ นาสรี่, อังเดร อาร์ชาวิน, มารูอาน ชามัค

สำรองไม่ใช้ : ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้, โยฮัน ฌูรู, เจย์ เอ็มมานูเอล-โธมัส, เดนิลสัน

ใบเหลือง : อัลมูเนีย, กอสซิแอลนี่, ชามัค, โรซิคกี้

เวสต์บรอมวิช : สกอตต์ คาร์สัน, กอนซาโล่ ฮาร่า, ปาโบล อิบาเนซ, โยนาส โอลส์สัน, นิคกี้ ชอรี่ย์, พอล ชาร์เนอร์ (สตีเว่น รี้ด น.71), ยุสซุฟ มูลัมบู, คริส บรันท์, เจมส์ มอร์ริสัน (เกรแฮม ดอร์แรนส์ น.85), เจอโรม โธมัส (โซเมน โชยี่ น.84), ปีเตอร์ โอเดมวิงกี้

สำรองไม่ใช้ : โบอาซ มายฮิลล์, จานนี่ ซุยเวอร์ลูน, ไซม่อน ค็อกซ์, มาร์ก-อ็องตวน ฟอร์กตูเน่

ใบเหลือง : โอลส์สัน, ฮาร่า, ชาร์เนอร์

ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์

สรุปผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

- แมนฯ ซิตี้ ชนะ เชลซี 1-0

- อาร์เซน่อล แพ้ เวสต์บรอมฯ 2-3

- เบอร์มิงแฮม เสมอ วีแกน 0-0

- แบล็คพูล แพ้ แบล็คเบิร์น 1-2

- ฟูแล่ม เสมอ เอฟเวอร์ตัน 0-0

- ลิเวอร์พูล เสมอ ซันเดอร์แลนด์ 2-2

- เวสต์แฮม ชนะ สเปอร์ส 1-0

ที่มา : สยามสปอร์ต 
------------------------------------------------------
เฮ้อ เชลซีแพ้แล้วแท้ ๆ แต่ไล่ตามกดดันเชลซีไม่ได้ แพ้ไปตาม ๆ กัน  เมื่อคนก็แปลกทีมดัง ๆทุกลีกผลการแข่งขันไม่ดีเลย เป็นวันไรฟร้าาา

วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

หน้ายก

ความหมายของคำว่าหน้ายกในการพิมพ์ คือ จำนวนของหน้าของหนักสือที่จะพิมพ์บนกระดาษแผ่นใหญ่ 1 แผ่น ทั้ง 2 หน้า

การพิมพ์หนังสือจำนวนมาก ๆ นั้น โดยปกติจะไม่พิมพ์ทีละหน้า เพราะเสียเวลาและค่าใช้จ่ายสูงและไม่จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น แต่จะพิมพ์มากกว่าครั้งละหนึ่งหน้าเสมอ เช่น 2 หน้า 4 หน้า 8 หน้าและ 16 หน้า เป็นต้นไป จะพิมพ์ด้านละกี่หน้า ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของหนังสือและขนาดของแท่นพิมพ์ เมื่อพิมพ์ครบทั้งสองหน้าแล้ว จึงนำมาพับให้ได้ขนาดรูปเล่มของหนังสือที่ต้องการ แต่ละแผ่นที่พิมพ์ครบทั้งสองหน้าแล้วนำมาพับให้ได้ขนาดตามต้องการนี้เรียกว่า "ยก" หรือ "ยกพิมพ์" ภาษาอังกฤษใช้คำว่า "Signature" เช่นขนาด 8 หน้ายก ก็คือกระดาษที่เข้าเครื่องพิมพ์พิมพ์ด้านละ 4 หน้า 2 ด้านก็เท่ากับ 8 หน้า เมื่อนำมาพับตั้งฉากกัน 2 ครั้งจะได้จำนวนทั้งหมด 8 หน้า เป็นต้น

ตำรับลับ "สก็อตวิสกี้"

โดย : เปรมศิริ ฤทัยเจตน์เจริญ @กรุงเทพธุรกิจ

สก็อตแลนด์ ดินแดนต้นกำเนิดสก็อตวิสกี้ "สุดยอดวิสกี้" ที่ได้รับการยอมรับจากบรรดานักดื่มทั่วโลกมาช้านาน

Whisky มาจากรากศัพท์ว่า Uisge beatha (ยูธ บีทธา) ซึ่งเป็นภาษาแกลลิก (Gaelic) ที่ชาวเซลท์ (Celt) ในสก็อตแลนด์ใช้พูดกันซึ่ง มีความหมายแปลว่า "น้ำแห่งชีวิต" หรือ Water of life


โรงกลั่นคาร์ดู สก็อตแลนด์
วิสกี้ จัดเป็นเครื่องดื่มที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของสก็อตแลนด์ และสหราชอาณาจักรอย่างมาก โดยครึ่งหนึ่งของตลาดวิสกี้ทั่วโลก 6 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 3 พันล้านปอนด์ เป็นการส่งออกจากสก็อตแลนด์
"ความลับ" ที่ทำให้วิสกี้จากสก็อตแลนด์เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายนั้น เพราะสก็อตแลนด์เป็นดินแดนที่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี ดินดี และที่สำคัญที่สุดคือ น้ำแร่ธรรมชาติ ทำให้รสชาติวิสกี้ที่นี่รสชาติยอดเยี่ยม ทำให้ที่นี่มีโรงบ่มเหล้ากระจายอยู่มาก

1 ในโรงบ่มเหล้าอย่าง โรงผลิตสุรา คาร์ดู (Cardhu Distillery) ที่ใช้น้ำจากน้ำแม่น้ำสเปย์ ในการผลิต และได้รับการยกย่องว่าเป็นโรงผลิตวิสกี้มอลท์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของสก็อต แลนด์ มีความเก่าแก่มาตั้งแต่ปีค.ศ. 1811 และเป็น 1 ใน 28 โรงบ่มเหล้าของ "จอนห์นี่ วอล์คเกอร์" อันถือว่าเป็นบ้านของจอห์นนี่ วอลก์เกอร์ (Cardhu Distiller and Johnnie Walker Brand Home) ก็ได้

วิสกี้ของคาร์ดู เป็น "ซิงเกิลมอลท์" ระดับสูงที่ถูกคิดค้นโดย เฮเลน คัมมิ่ง และเป็นครั้งเดียวที่ผู้หญิงเป็นผู้คิดค้นสูตรเหล้าวิสกี้ แบบมอลท์ขึ้นมา โดยการผลิตเน้นด้านคุณภาพไม่ใช่ปริมาณ ด้วยขั้นตอนการผลิตที่นาน เพื่อให้ได้วิสกี้บ่มอายุ 12 ปีที่มีคุณภาพในถังไม้โอ๊กแบบพิเศษ


มอลท์วิสกี้ทุกชนิดมาจาก 3 ส่วนผสมหลัก ได้แก่ มอลท์บาร์เลย์ น้ำ และยีสต์ ซึ่งมีกระบวนการผลิตที่เหมือนๆ กันในทุกโรงกลั่น แต่จะมีความแตกต่างในรายละเอียด เพื่อให้ได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวของแต่ละแห่ง

กว่าจะมาเป็นน้ำอมฤตรสเลิศ ต้องผ่านกระบวนการถึง 6 ขั้นตอน

การเพาะมอลท์ (Malting) เริ่มต้นกระบวนการผลิตวิสกี้ คือ การทำข้าวบาร์เลย์ให้กลายเป็นมอลท์ ปัจจุบันโรงกลั่นเกือบทุกแห่งจะแยกส่วนนี้ออกไป เพื่อลดขั้นตอนที่ยุ่งยากนี้ออกไป

การทำข้าวบาร์เลย์ให้เป็นมอลท์ เพื่อให้ได้แป้งและเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำตาลต่อไป โดยจะนำข้าวบาร์เลย์ไปแช่น้ำเป็นเวลา 2 วัน ข้าวบาร์เลย์ที่ถูกเพาะเป็นมอลล์จะถูกเก็บต่อไปอีก 5 วัน ช่วงนี้เองเอ็นไซม์จะทำหน้าที่ของมันในการเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาล จากนั้นต้องทำให้มอลท์แห้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าวบาร์เลย์เติบโตจนถึงเอาแป้งไปใช้จนหมด

กระบวนการทำให้แห้งถือเป็นขั้นตอนแรกที่จะสามารถเข้าไปแต่งกลิ่นและรสวิสกี้ บางโรงกลั่นจะใส่ "ถ่านหิน (Peat)” ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่ได้จากการทับถมของพืช เมื่อถูกเผาไหม้ก็จะให้กลิ่นหอมของควัน
แต่กลิ่นควันไม่ใช่ลักษณะเด่นของวิสกี้ในแถบสเปย์ไซด์ (Speyside) ดังนั้นโรงกลั่นคาร์ดูจึงไม่เติม Peat ลงไป


การโม่ (Milling) หลังเสร็จสิ้นกระบวนการมอลท์ มอลท์ บาร์เลย์ จะถูกส่งต่อมาที่กระบวนการกลั่น และเก็บจนถึงเวลาที่ต้องการ มอลท์ บาร์เลย์จะถูกโม่และบดจนละเอียด


การบด (Mashing) เป็นการผสมมอล์ท บาร์เลย์ และธัญพืชอื่นๆ ให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน กวนส่วนผสม ทำให้เป็นเนื้อเดียวกัน เพื่อแปลงสภาพแป้งในมอลท์ให้เป็นน้ำตาล จากนั้นก็สกัดน้ำตาลออกมา ส่วนผสมจากการโม่จะถูกนำมาผสมกับน้ำร้อน ขั้นตอนนี้จะใช้เวลานานถึง 6 ชั่วโมง และตลอดเวลา 5 ชั่วโมง มีการเติมน้ำร้อนลงไปตลอดเวลาเพื่อเพิ่มอุณหภูมิ โดยอุณหภูมิของน้ำเริ่มต้นที่ 64 องศาเซลเซียส และจะเพิ่มขึ้นไปถึงราวๆ 87 องศาเซลเซียส เพื่อละลายแป้งให้กลายเป็นน้ำตาล

ของเหลว 36,000 ลิตรแรกจากกระบวนการนี้ เป็นส่วนของเหลวที่มีน้ำตาลที่เราเรียกว่า Worts และจะนำไปสู่ขั้นตอนการหมัก ส่วนกากที่เหลือจะถูกนำไปเป็นอาหารสัตว์

การหมัก (Fermentation) ที่โรงกลั่นคาร์ดู มีถังที่เรียกว่า “Washbacks” 10 ถัง แต่ละถังจุของเหลวที่ได้มาจากกระบวนการ Mashing ได้ถึง 36,000 ลิตร ซึ่งกระบวนการนี้เราจะเติมยีสต์ลงไปด้วย ใช้เวลาหมักนานราว 75 ชั่วโมง ของเหลวในกระบวนการหมักมีลักษณะคล้ายเบียร์ มีระดับแอลกอฮอล์ประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์

ขั้นตอนนี้มีผลกับรสชาติของวิสกี้ ดังนั้นแต่ละโรงกลั่นจึงใช้ขั้นตอนนี้ในการสร้างรสชาติวิสกี้ตามเอกลักษณ์ของตน

หม้อกลั่น ซึ่งมีส่วนผสมของทองแดง ซึ่งมีผลต่อรสชาติของวิสกี้

กระบวนการกลั่น (Distillation) ที่คาร์ดู ใช้หม้อกลั่น 6 หม้อ มีการกลั่น 2 ครั้ง (Double Distillation) ซึ่งเป็นวิธีการปกติของการผลิตมอลท์วิสกี้ของสก็อตแลนด์ ปฏิกิริยาระหว่างไอระเหยและหม้อกลั่นที่ทำจากทองแดงในรูปทรงและรูปแบบที่แตก ต่างกันจะส่งผลต่อรสชาติของวิสกี้

การกลั่นครั้งแรกจะทำให้กลั่น 3 ใบ ทำหน้าที่คล้ายกาต้มน้ำขนาดยักษ์ ทำให้ของเหลวกลายเป็นไอ และกลั่นตัวเป็นของเหลวอีกครั้งเมื่อเจอกับความเย็นโดยผ่านไปยังเครื่อง กลั่น (Condenser) ของเหลวที่ได้ในขั้นตอนนี้เป็นเหล้าที่ยังไม่ได้คุณภาพ เรียกว่า Low winews ซึ่งมีระดับแอลกอฮอล์ประมาณ 21-25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต้องนำไปกลั่นอีกครั้งเพื่อให้บริสุทธิ์

จากนั้นจึงนำไปกลั่นครั้งที่ 2 ในหม้อกลั่น 3 ใบที่เล็กกว่า ขั้นตอนนี้ก็คล้ายกับการกลั่นครั้งแรก เมื่อของเหลวเดือดระเหยเป็นไอไหลไปตามท่อและลงกลับสู่หม้อกลั่น เพื่อทำให้เย็นและกลั่นตัวเป็นของเหลวอีกครั้งก่อนจะไหลกลับไปเก็บที่ถังกัก เก็บ

ความแตกต่างของการกลั่นครั้งนี้ คือ ของเหลวที่ไหลกลับไปที่จะถูกแยกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรก คือ ส่วนหัว เป็นแอลกอฮอล์ที่แรงกว่าที่จะใช้ คือราวๆ 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่ 2 เป็นหัวใจสำคัญ ถือว่าเป็นส่วนของเหล้าที่ดี ซึ่งจะเก็บเอาไว้ทำวิสกี้ต่อไป มีแอลกอฮอล์ราว 70 เปอร์เซ็นต์ และส่วนที่ 3 ส่วนหาง ซึ่งมีแอลกอฮอล์ที่เบาบางไป ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์

ส่วนหัวและส่วนหางจะถูกผสมกับส่วนที่เรียกว่า Low wines ที่ได้จากการกลั่นครั้งแรก และทั้งหมดก็กลับไปสู่กระบวนการกลั่นครั้งที่ 2 อีกครั้ง

ดันแคน เทต์ ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการโรงกลั่นคาร์ดู บอกว่า สิ่งที่ทำให้คาร์ดู แตกต่างไม่เหมือนใครก็คือ ท่อที่เชื่อมระหว่างส่วนหัวของหม้อกลั่นกับตัวกลั่นมีลักษณะเป็นแนวสโลบขึ้น ทำให้ไอน้ำที่มีความเบาบางมากๆ พุ่งขึ้นไปได้ ที่เหลือจะย้อนกลับลงไปกลั่นตัวเองอีกในหม้อ

การบ่ม (Ageing) หลังจากผ่านกระบวนการกลั่นมาแล้ว สก็อตวิสกี้จะต้องผ่านการ "บ่ม" ใน "สก็อตแลนด์" ก่อน เพื่อเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications หรือ GIs) โดยจะต้องบ่มในถังไม้โอ๊คอย่างน้อย 3 ปี

แต่ที่โรงกลั่นคาร์ดูใช้เวลาบ่ม 12 ปี ในถังที่เคยใช้บ่มเหล้า "American Bourbon" มาแล้ว นอกจากนี้ยังมีการบ่มเหล้าในถังเชอรี่สเปนขนาดเล็ก ซึ่งรสชาติไม่ต่างจากจากเหล้าจอห์นนี่ วอล์คเกอร์ ดีๆ ที่ได้รางวัล

"การบ่มจะทำให้สูญเสียเหล้าไป 2 เปอร์เซ็นต์ จากการระเหย หรือที่เรียกว่า “Angels Share" ทำให้ได้วิสกี้รสนุ่มละมุนลิ้น" เขาบอก

กระบวนการต่างๆ สร้างผลผลิต 69,000 ลิตรต่อสัปดาห์ จากถังบ่ม 1 หมื่นถัง หรือประมาณ 3 ล้านลิตรต่อปี

และนี่คือต้นตำรับจากโรงกลั่นคาร์ดูที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ "จอห์นนี่ วอล์กเกอร์" สร้างชื่อเสียงระดับโลกให้กับสก็อตวิสกี้

ยาหอม

ยาหอมกับผู้สูงอายุเป็นของคู่กันจริงๆ ที่บ้านพ่อจะกินยาหอมแก้เวียนศีรษะเป็นประจำ เมื่อคืนพ่อเพิ่งมาสั่งให้ซื้อยาหอมให้ด้วย เพราะที่มีอยู่ใกล้จะหมด เดี๋ยวยาจะขาด วันนี้ตื่นมาอ่านอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก็มาเจอบทความเกี่ยวกับยาหอมเข้า
------------------------------------------------
เปิดกระปุกยาหอม
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




ยาหอม เป็นยาที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน แม้ในปัจจุบันสังคมไทยจะเปลี่ยนแปลงไปมาก การแพทย์แบบวิทยาศาสตร์ซึ่งรักษาหลายๆ โรคให้หายได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ทำให้ยาไทยแทบทุกชนิดถูกทอดทิ้ง แต่สำหรับยาหอม แม้จะได้รับผลกระทบอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อย


วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

๒๒ ก.ย.ฤกษ์ดีวันไหว้พระจันทร์

ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ หรือวันเพ็ญ เดือนแปด ตรงกับ "วันไหว้พระจันทร์" ของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วง ปีนี้ ๒๕๕๓ ปฏิทินจันทรคติของจีนหมุนมาตรงกับปฏิทินสุริยคติ วันพุธที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๓ และตรงกับเดือน ๑๐ ของปฏิทินจันทรคติไทย

ขณะเดียวกัน ก็บังเอิญตรงกับปรากฏการณ์สำคัญทางดาราศาสตร์ คือ วัน “ศารทวิษุวัต” (Autumnal Equinox) หรืออีกนัยหนึ่ง เป็นวันครึ่งปีดาราศาสตร์สากล กลางวันเท่ากับกลางคืน ดวงอาทิตย์ขึ้นที่ทิศตะวันออกแท้ และตกที่ทิศตะวันตกแท้ และบวกกับความบังเอิญ นั่นคือ ดวงจันทร์โคจรเข้าไปอยู่ใน “ราศีมีน” (Zodiac Pisces) ตรงกับปีแห่งจักรราศีปัจจุบัน ที่เราๆ ท่านๆ ชาวโลกมนุษย์ทั้งมวลกำลังเวียนว่ายอยู่ในปีแห่งราศีมีน ภาษาวิชาการทางดาราศาสตร์และโหราศาสตร์เรียกตรงกันว่า Age of Pisces


โลหะปราสาท วัดราชนัดดารามวรวิหาร


“โลหะปราสาท” แห่งเดียวในโลก พุทธศิลป์สถาปัตย์รัตนโกสินทร์ แรกสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ แต่เสร็จสมบูรณ์ในรัชกาลปัจจุบัน ยอดแทนความหมายของโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ หลักธรรมอันเป็นเครื่องนำสู่การหลุดพ้น

ปริศนาธรรม ณ โลหะปราสาท
โดย : ปิ่นปัก @กรุงเทพธุรกิจ



นับแต่นี้ไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน ขอเชิญยลพุทธสถาปัตยกรรมที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น 1 ใน 3 ของโลหะปราสาทในโลกหล้า

เรืองรองยามค่ำคืน งามสง่ายามตะวันฉาย

นับแต่นี้ไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน ขอเชิญยลพุทธสถาปัตยกรรมที่ ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น 1 ใน 3 ของโลหะปราสาทในโลกหล้า ปัจจุบันยังคงมีความงดงามปรากฏให้เห็นเพียงแห่งเดียวในโลก ในกิจกรรม ร้อยนิทรรศน์ยลรัตนโกสินทร์ ชุด เรืองรองราชนัดดา หนึ่งในหล้าโลหะปราสาท


นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กล่าวถึงการจัดนิทรรศการในครั้งนี้ว่า “เราตั้งใจจัดกิจกรรมในครั้งนี้อย่างน่าประทับใจ อยากให้ทุกคนมาร่วมชื่นชมกับคุณค่าและตระหนักถึงความสำคัญของโลหะปราสาทซึ่ง เป็นแห่งเดียวของโลกที่ยังคงดำรงอยู่ในปัจจุบัน เพราะโลหะปราสาทมีเพียง 3 แห่งเท่านั้น คือ

มิคารมาตุปราสาท ที่ประเทศอินเดีย ซึ่งนางวิสาขามหาอุบาสิกาสร้างขึ้นในสมัยพุทธกาล ปัจจุบันไม่เหลือร่องรอยให้เห็นแล้ว

แห่งที่ 2 อยู่ที่ประเทศศรีลังกา สร้างประมาณ พ.ศ. 382 โดยพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัย กษัตริย์แห่งอนุราธปุระ ภายหลังถูกไฟไหม้และถูกทำลาย แต่ยังคงเหลือซากให้เห็นเป็นหลักฐาน

ส่วนแห่งที่ 3 นั้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างแทนการสร้างเจดีย์ที่วัดราชนัดดารามวรวิหาร วัดที่ทรงสร้างพระราชทานเป็นเกียรติยศแก่พระราชนัดดากำพร้า คือ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี หรือสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี อัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4



โลหะปราสาทของไทยเริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. 2389 โดยรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้ใช้เค้าโครงเดิมของ ศรีลังกา และประยุกต์ให้เป็นศิลปกรรมแบบไทย แต่ยังไม่แล้วเสร็จในรัชสมัยของพระองค์ จึงมีการก่อสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์เพิ่มเติมในรัชกาลที่ 5 และ 6 เสร็จสมบูรณ์ในรัชกาลปัจจุบัน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประดิษฐานพระบรม สารีริกธาตุ เมื่อคราวฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เมื่อ พ.ศ. 2538”

คำว่า โลหะปราสาท (Lohaprasada) เป็นชื่อดั้งเดิมของอินเดีย เรียกมาแต่ครั้งพุทธกาล สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงประทานความหมายว่า ตึกที่มียอดเป็นโลหะ


ลักษณะทางด้านสถาปัตยกรรมของโลหะปราสาท ที่วัดราชนัดดารามวรวิหารนี้ มีการออกแบบให้เป็นอาคารทรงปราสาท 3 ชั้น โดยแฝงหลักธรรมสำคัญที่เป็นปัจจัยนำไปสู่การหลุดพ้นหรือพระนิพพานเอาไว้ อย่างแยบยล อาทิเช่น ยอดอาคาร 37 ยอด หมายถึงโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ ได้แก่ สติปัฏฐาน 4 สัมมัปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 และมรรค 8


ในกิจกรรม ร้อยนิทรรศน์ยลรัตนโกสินทร์ ชุด เรืองรองราชนัดดา หนึ่งในหล้าโลหะปราสาท ระหว่าง 15 - 30 กันยายน ศกนี้ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ร่วมกับ บมจ. ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ นำเสนอเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโลหะปราสาทผ่านการนำเสนอรูปแบบโดยเทคนิคมัลติมี เดียสมบูรณ์แบบ ณ ห้องนิทรรศการหมุนเวียน อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนินกลาง พร้อมนำชมโลหะปราสาท ในวัดราชนัดดารามวรวิหาร
เปิดให้ชมทุกวัน วันละ 3 รอบ เวลา 17.00 น., 18.00 น. และ 19.00 น.

นอกจากนี้ขอเชิญร่วม ฟังเทศน์ ฟังธรรม การบรรยายธรรมโดยพระเถระจากวัดราชนัดดารามวรวิหาร จัดในวันเสาร์ - อาทิตย์ 18 - 19 และ 25 - 26 กันยายน วันละ 1 รอบ เวลา 15.00 น. ณ ศาลาอเนกประสงค์ วัดราชนัดดารามวรวิหาร

ในวันอุดมมงคล ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน จะเปิดให้สวดมนต์ ฟังเทศน์ นั่งสมาธิเสริมบารมีมหามงคลใต้พระบรมสารีริกธาตุที่โลหะปราสาทเป็นครั้งแรก เพียง 2 รอบ เวลา 17.00 น. และ 18.30 น. สำรองที่นั่งได้ที่ โทร. 080-913-3600 หรือลงทะเบียนที่ห้องนิทรรศการหมุนเวียน อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์

สำหรับเด็กและเยาวชนพบกับกิจกรรม ศิลปะสุขใจ มางานนี้กับญาติผู้ใหญ่ ผู้จัดงานเตรียมเสื้อยืด พร้อมแผ่นกระดานสำหรับรอง และอุปกรณ์สำหรับระบายสี ให้วาดภาพในหัวข้อ โลหะปราสาทของฉัน ทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ 16.00 -18.00 น. ทุกกิจกรรมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
-------------------------------------------------------
หนึ่งในหล้าโลหะปราสาท นิทรรศการที่ไม่ควรพลาด
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


เหลือเวลาอีกเพียงอาทิตย์เดียว สำหรับนิทรรศการร้อยนิทรรศน์ยลรัตนโกสินทร์ ชุด "เรืองรองราชนัดดา หนึ่งในหล้าโลหะปราสาท"


เหลือเวลาอีกเพียงอาทิตย์เดียว สำหรับนิทรรศการร้อยนิทรรศน์ยลรัตนโกสินทร์ ชุด "เรืองรองราชนัดดา หนึ่งในหล้าโลหะปราสาท" ที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ร่วมกับ บมจ.ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ จัดขึ้นเพื่อนำเสนอเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโลหะปราสาทที่เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวในโลกอย่างครบครัน


นิทรรศการดังกล่าวนอกจากจะนำชมสถาปัตยกรรมพุทธศิลป์ชั้นเลิศที่แฝงธรรมะ สู่พระนิพพานอย่างลึกซึ้ง ทรงคุณค่า ผ่านการนำเสนอรูปแบบโดยเทคนิคมัลติมีเดียสมบูรณ์แบบ ยังเปิดให้ผู้ชมมีส่วนร่วมด้วยเทคนิคทัชสกรีน ณ ห้องนิทรรศการหมุนเวียน อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนินกลางและวัดราชนัดดารามวรวิหาร


สุภาภรณ์ ตรีแสน หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมธุรกิจ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กล่าวว่า "การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ นับเป็นกิจกรรมหมุนเวียนที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่สอง หลังจากที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้มีการเปิดตัวอาคารนิทร รศน์รัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนินกลาง ให้ประชาชนได้เข้าชมไปเมื่อต้นปีแล้วนั้น

สำหรับครั้งนี้ชื่อชุดว่า "เรืองรองราชนัดดา หนึ่งในหล้าโลหะปราสาท" มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้ทราบเรื่องราวความเป็นมาของโลหะปราสาท และวัดราชนัดดารามวรวิหาร ซึ่งเป็นความอัศจรรย์ งดงาม และมีคุณค่าแห่งแก่นธรรม อยากให้ทุกคนมาร่วมชื่นชมกับคุณค่าและตระหนักถึงความสำคัญของโลหะปราสาทซึ่งเป็นแห่งเดียวของโลกที่ยังคงดำรงอยู่ในปัจจุบัน"

ด้าน อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ วิทยากรกิตติมศักดิ์ กล่าวถึงความสำคัญของโลหะปราสาทว่า "โลหะปราสาทมี เพียง 3 แห่งเท่านั้น คือมิคารมาตุปราสาท ที่ประเทศอินเดีย ปัจจุบันไม่เหลือร่องรอยให้เห็นแล้ว แห่งที่ 2 อยู่ที่ประเทศศรีลังกา สร้างประมาณ พ.ศ. 382 ภายหลังถูกไฟไหม้และถูกทำลาย แต่ยังคงเหลือซากปรักหักพังให้เห็น


ส่วนแห่งที่ 3 นั้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างแทนการสร้างเจดีย์ที่วัดราชนัดดารามวรวิหาร ซึ่งเป็นวัดที่ทรงสร้างพระราชทานเป็นเกียรติยศแก่พระราชนัดดากำพร้าคือ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี หรือสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี อัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4


จุดเด่นของโลหะปราสาทก็คือ เป็นอาคารที่มีส่วนหลังคาทั้งหมดหล่อด้วยโลหะล้วนๆ ได้แก่ ทองเหลือง ทองแดง สัมฤทธิ์ และรมดำเพื่อให้สีโลหะกลมกลืนกันทั้งหมด โลหะปราสาทและ วัดราชนัดดารามวรวิหาร ล้วนมีประวัติความเป็นมาและรายละเอียดต่างๆ ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาปัตยกรรมพุทธศิลป์ที่ออกแบบให้เป็นปราสาท 3 ชั้น มี 37 ยอด ซึ่งหมายถึงโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ ได้แก่ สติปัฏฐาน 4 สัมมัปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 และมรรค 8 อันเป็นหลักธรรมสำคัญที่เป็นปัจจัยนำไปสู่การหลุดพ้นหรือพระนิพพาน


โลหะปราสาทของ ไทยเริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. 2389 โดยรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้ใช้เค้าโครงเดิมของ ศรีลังกา และประยุกต์ให้เป็นศิลปกรรมแบบไทย แต่ยังไม่แล้วเสร็จในรัชสมัยของพระองค์ จึงมีการก่อสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์เพิ่มเติมในรัชกาลที่ 5 และ 6 เสร็จสมบูรณ์ในรัชกาลปัจจุบัน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประดิษฐานพระบรม สารีริกธาตุ เมื่อคราวฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เมื่อ พ.ศ.2538


สำหรับความโดดเด่นของนิทรรศการที่จัดขึ้นภายในอาคารครั้งนี้ คือการนำเทคนิคพิเศษมานำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจ ประชาชนสามารถชมเรื่องราวต่างๆ ด้วยความเพลิดเพลิน โดยการนำเทคนิควีดิโออิงค์เจ็ทมาใช้เป็นครั้งแรกของเมืองไทย เพื่อนำเสนอประวัติความเป็นมาของโลหะปราสาท นอกจากนี้ยังใช้เทคนิคพิเศษอื่นๆ ได้แก่ เทคนิคคาไลโดวิชั่น เทคนิควีดิโอสามมิติ เทคนิคโฮโลแกรม และเทคนิคทัชสกรีน เพื่อสร้างมุมมองน่าสนใจในการชมเรื่องราว

ส่วนกิจกรรมภายนอกอาคาร ได้แก่ การนำเที่ยวชมโลหะปราสาท เปิดให้ชมทุกวัน วันละ 3 รอบ เวลา 17.00 น., 18.00 น. และ 19.00 น. รอบละ 45 นาที พร้อมผู้นำชม

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม "ฟังเทศน์ ฟังธรรม" ในวันเสาร์ - อาทิตย์ที่ 25 - 26 กันยายน วันละ 1 รอบ เวลา 15.00 น. รอบละ 60 นาที ที่ศาลาอเนกประสงค์ วัดราชนัดดารามวรวิหาร ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งทุกกิจกรรมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ โทร. 08-0913-3600 หรือลงทะเบียนที่ห้องนิทรรศการหมุนเวียน อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนินกลาง

เทศกาล“วันจงชิว” เพียงหวังคนใกล้-ไกล ได้ชมจันทร์กระจ่างร่วมกัน

บรรยากาศการอยู่ร่วมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ของชาวจีนในอดีต ซึ่งให้ความสำคัญกับวันจงชิวอย่างยิ่ง (ภาพเอเยนซี)

สำหรับชาวจีนนั้น ดวงจันทร์เปรียบได้กับความงดงามสว่างไสว และนุ่มนวลอ่อนโยน ซึ่งสะท้อนความฝันอันงดงามของชีวิต และในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติจีน จะถือเป็น “วันจงชิว” หรือ “วันไหว้พระจันทร์” เพื่อระลึกถึงเทพธิดาแห่งพระจันทร์ และนับฤกษ์งามยามดีสำหรับการอยู่ร่วมกันของ "ครอบครัว" อันมีนัยยะกว้างไกลจากระดับคู่รัก เครือญาติวงศ์ตระกูล ชนชาติเผ่าพันธุ์ ไปจนถึงธรรมชาติสรรพสิ่ง โดยวันไหว้พระจันทร์ในปีนี้ จะตรงกับวันพุธที่ 22 กันยายน


ทัวร์เกาหลี 3

หมู่บ้านนัมซาน – คลองเกชอน - ศูนย์โสม – ศูนย์อัญมณี– ตลาดเมียงดง – ซูเปอร์มาเก็ต – ภูเก็ต

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางชม  หมู่บ้านนัมซานฮันอก เกาหลี เป็นหมู่บ้านที่จำลองขึ้น โดยได้รื้อถอนเอาบ้านเรือน สมัยโบราณสมัยราชวงศ์โชชอน จากที่ต่างๆรอบกรุงโซล มาประกอบใหม่เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมเป็นการเฉพาะ จึงมีบ้านโบราณจำนวนหลายหลังอยุ่ที่นี่ พร้อมการจัดฉากแสดงการดำเนินชีวิตแบบพื้นเมืองดั้งเดิมของผู้คนให้ชมอีกด้วย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่  คลองชองเกซอน ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโซล มีมาตั้งแต่สมัยกษัตริย์ยองโจ ราชวงศ์โชชอน ที่ใช้กำลังคนขุดคลองนี้นับแสนคน เวลาล่วงมาสมัย น้ำในคลองแห่งนี้เน่าเสีย สภาพแวดล้อมเป็นพิษ สองข้างฝั่งคลองเป็นเขตสลัมของกรุงโซล จนเมื่อปี ค.ศ.2003 รัฐบาลเกาหลีจึงมีโครงการฟื้นฟูบริเวณคลองชองเกชานให้มีความทันสมัยน่าอยู่ พร้อมกับทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่เสียเลย โครงการนี้เสร็จและเปิดให้ประชาชนเยี่ยมชมเมื่อวันที่ 1ตุลาคม 2005 น้ำในคลองจากเน่าเหม็นเปลี่ยนมาเป็นสีฟ้าสดใส มีน้ำตก น้ำพุต้องแสงไฟยามสว่างในตอนกลางคืน สวยงาม สองฝั่งคลองก็มีห้างร้าน ห้างสรรพสินค้าผุดขึ้นมาแทนที่เขตสลัมเดิมไม่เหลือเค้าความเสื่อมโทรมให้ เห็นแม้แต่น้อย ตลอดความยาวของคลองชองเกซอน 2.9 กิโลเมตร มีสะพานข้ามคลองถึง 22 สะพานเราสามารถเดินชมคลองแห่งนี้ได้โดยไม่เบื่อเพราะทุกๆระยะจะต้องมีสถาน ที่น่าสนใจให้เราแวะชมตลอดทาง

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ศูนย์โสมรัฐบาลเกาหลี ซึ่งรัฐบาลรับรองคุณภาพว่าผลิตจากโสมที่มีอายุ 6 ปี ซึ่งถือว่า เป็นโสมที่มีคุณภาพดีที่สุด ชมวงจรชีวิตของโสม พร้อมให้ท่านได้เลือกซื้อโสมที่มีคุณภาพดีที่สุดและราคาถูกกว่าไทยถึง 2 เท่า กลับไปบำรุงร่างกายหรือฝากญาติผู้ใหญ่ที่ท่านรักและนับถือ จากนั้นนำท่านช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีที่ ดิวตี้ฟรี (DONGHWA DUTY FREE) ที่นี่มีสินค้าชั้นนำให้ท่านเลือกซื้อมากมายกว่า 500 ชนิด


ทั้งน้ำหอม เสื้อผ้า เครื่องสำอาง กระเป๋า นาฬิกา เครื่องประดับ ฯลฯ อิสระให้ท่านช็อปปิ้งตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านชมโชว์รูมเจียระไน พลอยแอมมาทีส แดนเกาหลีเป็นแดนของพลอยสีม่วง โดยมีสีสันและการกำเนิดที่แตกต่างจากที่อื่น มีตั้งแต่สีม่วงอ่อนเย็นตาจนถึงสีม่วงไวน์ มีเสน่ห์เย้ายวนใจ ชาวเกาหลีเชื่อว่าแอมมาทีสเกาหลึ คือ พลอยแห่งสุขภาพพลอยแห่งความมั่งคั่งหรือนำโชค (ตามราชวงศ์โซซอน) พลอยนี้จะงามจับตาเมื่อมาทำเป็นแหวน จึ้ ต่างหู และสร้อยข้อมือ

เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร โอซัมพุลโกกิ (OSAM BULKOKI) มีส่วนผสมของปลาหมึกและหมูสามชั้น โดยนำลงไปผัดปรุงรสให้หวานเล็กน้อย มีน้ำขลุกขลิก รับประทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ เสริฟพร้อมเครื่องเคียงและซุปร้อนๆ

บ่าย นำท่านช้อปปิ้งยัง  ตลาดเมียงดง หรือสยามสแควร์เกาหลีหากท่านต้องการทราบว่า แฟชั่นของเกาหลีเป็นอย่างไร ก้าวล้ำนำสมัยเพียงใด ท่านจะต้องมาที่เมียงดงแห่งนี้ ท่านจะได้พบกับสินค้าวัยรุ่นที่หลากหลาย อาทิ เสื้อผ้าบุรุษ-สตรี รองเท้าบุรุษ-สตรี เครื่องสำอางดัง ๆ ของเกาหลี ACCESSORIES ต่าง ๆ พบกับความแปลกใหม่ของการช้อปปิ้งในอีกรูปแบบหนึ่งเมียงดงแห่งนี้จะมีวัยรุ่น หนุ่มสาวชาวโสมไปรวมตัวกัน

ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบินอิน ชอน ระหว่างทางให้ท่านได้แวะละลายเงินวอนที่ร้านของฝาก ซูปเปอร์มาร์เก็ต อาทิเช่น มาม่าเกาหลีรสต่างๆ กิมจิ ขนมเกาหลีต่างๆ วุ้นเส้นเกาหลี และของที่ระลึกจากเกาหลีมากมาย เป็นต้น ก่อนเข้าสนามบินอินชอน

18.00 น. นำท่านเดินทางถึงสนามบินนานาชาติอินชอน จากนั้นนำท่านเช็คอิน ณ เคาเตอร์สายการบิน ASIANA AIRLINES (OZ) พร้อมโหลดสัมภาระ

20.10 น. เดินทางกลับภูเก็ต โดยสายการบิน ASIANA AIRLINES (OZ) เที่ยวบินที่ OZ 7473

00.50 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต โดยสวัสดิภาพและประทับใจ

วันไหว้พระจันทร์

จันทราเทวี ฉางเอ๋อ วาดโดยฮว๋าซานชวน
ภาพประกอบจาก wikipedia

เทศกาลไหว้พระจันทร์ เป็นเทศกาลของชาวจีนโดยปกติจะมีวันเพ็ญ เดือน 8 (เดือนกันยายน หรือตุลาคม) เทศกาลนี้จัดขึ้นกลางฤดูใบไม้ร่วงจึงเรียกว่า "จงชิว" (Zhong Qiu) แปลว่า "กลางฤดูใบไม้ร่วง" เพื่อระลึกถึงเทพธิดาแห่งพระจันทร์ ซึ่งเชื่อกันว่าถือกำเนิดขึ้นในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับต้นกำเนิดของเทศกาลนี้ยังคงไม่เป็นที่ ปรากฏแน่ชัด บ้างก็ว่าจักรพรรดิ์วูแห่ง

ทัวร์เกาหลี 2

ทำกิมจิ ชุดประจำชาติเกาหลี ไร่สตอเบอร์รี่ – บลูเฮ้าส์- พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน – พระราชวัง เคียงบ๊อคคุง – ตลาดทงแดมุน – โซลทาวเวอร์ – ชม NANTA SHOW

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
หลัง อาหารเช้านำท่านเดินทางสู่เมืองอีชอน (ICHEON) เป็นเมืองที่ไกล้กับกรุงโซล  นำท่านเรียนรู้วิธีการทำ กิมจิ (KIMCHILAND) กิมจิเป็นผักดองที่ สามารถเก็บไว้ได้นาน และเป็นอาหารที่ขึ้นโต๊ะชาวเกาหลีทุกมื้อ ปัจจุบันนี้กิมจิเป็นที่นิยมแพร่หลาย เพราะ ประกอบด้วยแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในการย่อยอาหารและป้องกันโรค ให้ท่านได้ทำกิมจิด้วยตัวท่านเองโดยมีวิทยากรสอนทุกวิธีการทำและขั้นตอนการ เตรียมวัตถุดิบโดยมีไกด์คอยแปลให้ท่านทุกขึ้นตอน และสามารถนำกลับมาเป็นฝาก หลังจากทำกิมจิเสร็จแล้วให้ท่านได้เลือกใส่ชุดประจำชาติของเกาหลีใต้ (ฮันบก) เพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกมีให้เลือกมากมายโดยไม่ต้องเสียเงิน

จาก นั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ กรุงโซล เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ เมืองศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการคมนาคม มีประชาชน 1 ใน 4 ใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโซล กรุงโซลโดดเด่นในแง่ของความทันสมัย และสถานที่น่าดึงดูดใจมากมาย ทั้งหมดนี้ทำให้กรุงโซลเป็นสถานที่ที่ท่านจะพบกับความพอใจและความเพลิดเพลิน อย่างที่ท่านต้องการ


จากนั้นนำท่านชม  บลูเฮ้าส์ (BLUE HOUSE) ทำเนียบของ “โน มู เฮียน” ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ของเกาหลีใต้(ระหว่างรถแล่นผ่านไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพหรือวีดีโอใดๆ ทั้งสิ้น) นำท่านถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับอนุสาวรีย์รูปนกฟีนิกซ์ สัญลักษณ์ความเป็นอมตะ ชมทัศนียภาพอันสวยงามของภูเขารูปหัวมังกรและวงเวียนน้ำพุนับเป็นจุดที่มีฮวง จุ้ยที่ดีที่สุดของกรุงโซล จากนั้นนำท่านสู่ พิพิธภัณฑ์คติชนพื้นเมือง เพื่อให้ท่านได้ย้อนเรื่องราวและสัมผัสกับวิถีชีวิตความเป็นมาของชาวเกาหลี ตั้งแต่ยุคโบราณโดยผ่านห้องแสดงหุ่นจำลอง นอกจากนั้นยังได้จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน พร้อมภาพสามมิติ ที่ประตูด้านหน้ามีรูปสลักหินตัว แฮแท ตั้งขนาบอยู่สองข้าง หลังจากนั้นเข้าเยี่ยมชม พระราชวังเ คียงบ๊อกคุง พระราชวังโบราณที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี มีอายุกว่า 600 ปี สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์โชซอน ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายของเกาหลี ปัจจุบันได้รับการบูรณะให้ใกล้เคียงกับพระราชวังเดิมมากที่สุด ชมขบวนพิธีเปลี่ยนเวรของทหารเฝ้ายามแบบโบราณอันน่าตื่นตาตื่นใจ ภายในท่านจะประทับใจกับพระที่นั่ง สระน้ำ บรรยากาศของต้นไม้ใหญ่ที่ร่มรื่น ให้ทุกท่านได้บันทึกภาพ เก็บไว้เป็นความทรงจำ

เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร พุลโกกิ (PORK BULKOKKI) เป็นอาหารที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก มีส่วนผสมของเนื้อหมู และผักต่างๆ โดยนำลงไปผัดปรุงรสให้หวานเล็กน้อย มีน้ำขลุกขลิก รับประทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ และเครื่องเคียง

บ่าย จากนั้นนำท่านช้อปปิ้งตลาดดัง ที่  ตลาดทงแดมุน (DONGDAEMUN MARKET) ที่ตลาดนี้เราสามารถซื้อข้าวของ และต่อราคาได้อย่างสนุกสนาน เพราะมีร้านค้าต่างๆ มากมาย ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบโบราณ และมีแสงสีและดนตรีตลอดคืน สินค้าที่มีมากที่สุดในตลาดนี้ คือ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องหนัง ชุดสุภาพสตรีและเด็ก เครื่องนอน เครื่องใช้ในบ้าน รองเท้า เครื่องกีฬา ฯลฯ
จากนั้นนำท่านขึ้นสู่ ยอดเขานัมซาน โดยกระเช้าไฟฟ้าและให้ท่านได้เต็มอิ่มกับวิวทิวทัศน์โดยรอบของกรุงโซลในมุม มอง 360 องศา ที่  โซลทาวเวอร์ ที่สวยงามและน่าประทับใจยิ่ง ให้ท่านถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร ให้ท่านได้ทานอาหารทะเลสดๆ ทั้ง ขาปูอลาสก้า บุฟเฟ่ต์ ซูชิ และเมนูอื่นๆอีกมากมายทั้งเครื่องดื่ม ไอศกรีม เติมได้ไม่อั้น

จากนั้นนำท่านชมโชว์  นันทาโชว์ (NANTA SHOW) เป็นโชว์การแสดงอันดับหนึ่งของเกาหลีกำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในประเทศ เกาหลี เป็นการแสดงประยุคของชาวเกาหลี มีทั้งการแสดงละครตลกร่วมสมัย เทควันโค คาราเต้ และยิมนาสติก เพื่อสร้างเสียงหัวเราะ และความสนุกสนานแก่ทุกท่าน
จากนั้นเข้าที่พัก GRAND EMBASSADOR SEOUL HOTEL  หรือเทียบเท่า

"ทวิตเตอร์" ยกเครื่องเว็บใหม่

คอลัมน์ WebBiz@ประชาชาติธุรกิจ
โดย siripong@kidtalentz.com

ผ่าน มา 4 ปีมีผู้ใช้งานในปัจจุบันราว 160 ล้านคน "ทวิตเตอร์" ก็ได้ฤกษ์ในการยกเครื่องเว็บไซต์ใหม่ให้ไฉไลกว่าเก่า โดยเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ให้ผู้ใช้สะดวกมากขึ้นกับการเข้าถึงเนื้อหามัลติมี เดียที่เป็นวิดีโอและภาพ

หน้าเว็บเก่าจะเป็นแบบหน้าเดียว ขณะที่ของใหม่แบ่งเป็น 2 ซีก ซีกซ้ายเป็นข้อความทวีตเหมือนเดิม ส่วนซีกขวาเป็นพื้นที่แสดงภาพหรือวิดีโอ เดิมทีเมื่อผู้ใช้งานคลิกลิงก์ของภาพหรือวิดีโอในข้อความที่มีคนทวีตมา มันก็จะพาไปยังเว็บไซต์ภายนอกที่เก็บภาพและวิดีโอเหล่านั้น แต่ระบบใหม่ของทวิตเตอร์เมื่อคลิกลิงก์ของวิดีโอหรือภาพ มันจะแสดงอยู่ภายในหน้าเว็บทวิตเตอร์ทางซีกขวาแทน

นี่คือการคิดค้นเพื่อดึงคนไว้ที่เว็บให้ นานขึ้น และให้กลับมายังเว็บอีกเรื่อย ๆ โดยหวังผลจากรายได้โฆษณาในเว็บนั่นเอง

ทวิตเตอร์ แจ้งในการแถลงข่าวว่า เจรจาตกลงกับผู้ให้บริการมีเดียแล้ว 16 เจ้า เช่น YouTube, TwitPic, Etsy, Flickr และ Ustream เป็นต้น ลิงก์ที่มาจากผู้ให้บริการเหล่านี้เมื่อผู้ใช้คลิกก็แสดงบนหน้าเว็บ ทวิตเตอร์โดยไม่รีไดเร็กต์ไปยังเว็บไซต์ต้นตอ

ความเปลี่ยนแปลงประการ ที่ 3 ก็คือ ระบบการเลื่อนหน้าลงเพื่อดูของเก่า ที่เลื่อนลงแล้วทวีตเก่าก็จะเรียงลำดับกันขึ้นมาโดยไม่ต้องคลิกปุ่ม more อีกแล้ว

ทวิตเตอร์ใหม่นี้ผ่านการทดสอบเป็นการภายในของบริษัทมาประมาณ 2-3 เดือนแล้ว และเริ่มให้คนภายนอกร่วมทดสอบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจะเลือกเชิญผู้ใช้บางส่วนให้ทดลองใช้ ใครได้รับ

เชิญก็จะปรากฏข้อความแจ้งเมื่อเข้าไปยังเว็บไซต์ของทวิตเตอร์ ส่วนคนทั่วไปจะเริ่มใช้ได้หลังจากนี้อีก 2-3 สัปดาห์ถัดไป

แน่ นอนว่าต่อไปเราจะได้เห็นผู้โฆษณาสินค้าหรือบริการทวีตวิดีโอหรือภาพโฆษณาที่ ชวนให้คนสนใจได้มากกว่าทวิตเตอร์ในระบบเดิม เพราะไม่ต้องถูกโยนไปเว็บอื่น อีกแล้ว

การเปลี่ยนแปลงของทวิตเตอร์ในครั้งนี้ MG Siegler แห่ง TechCrunch.com ยอมรับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ทวิตเตอร์เปิดบริการมา และถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สุดยอดมาก

ที่จริงทวิตเตอร์นั้นเป็นช่อง ทางของการส่งผ่านลิงก์มัลติมีเดียทั้งภาพและวิดีโอที่ขึ้นชื่ออยู่แล้ว การยกเครื่องเว็บไซต์ครั้งนี้จึง น่าจะพาทวิตเตอร์ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ได้ไม่ยาก

หน้า 28
---------------------------
ไม่ได้เล่นทวิตเตอร์ที่เว็บนานแล้ว หลังจากได้โปรแกรมเสริม yoono บนจิ้งจอกไฟมาใช้ คงต้องกลับไปดูที่เว็บทวิตเตอร์ซะแล้ว

ลำนำวเนจร

ลำนำวเนจร
ซอกซอนร่อนเร่
โซซัดโซเซ
ในกาลเวลา

บนผืนแผ่นดิน
ใต้ผืนแผ่นฟ้า
ในห้วยธารา
ภูผาถ้ำไพร

ณ ทางร้างรก
ณ อกหวาดไหว
ณ จุดหมายไกล
ณ ใจดวงนี้

มืดในใจนั้น
ไฟฝันริบหรี่
บุปผามาลี
มีพร้อมเรียวหนาม

ลำนำวเนจร
ซ้อนถ้อยร้อยความ
บันทึกในยาม
เปลี่ยวซึ้งถึงใจ
ผู้ประพันธ์ : ไพวรินทร์ ขาวงาม

โซล (สนามบินนานาชาติอินชอน) – เกาะนามิ – สวนสนุกเอเวอร์แลนด์

01.25 น. ออกเดินทางสู่สาธารณรัฐเกาหลีใต้ โดยสายการบิน ASIANA AIRLINE (OZ) เที่ยวบินที่ OZ 748

09.30 น. เดินทางถึงสนามบินอินชอน (เวลาท้องถิ่นเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง) หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแลไกด์ท้องถิ่นที่มีความรู้ ความชำนาญรอรับท่านที่สนามบินอินชอน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองชุนชอน

เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร เมนู ทัคคาลบี (DAKKABI) เป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองชุนชอน เนื้อไก่ที่หั่น ออกมาเป็นชิ้นพอคำ คลุกเคล้าด้วยเครื่องปรุงและหมักไว้จนได้ที่ เมื่อรับประทานจะนำมาผัดบนกระทะยักษ์ พร้อมด้วย Rice cake หรือเส้นก๋วยเตี๋ยวแบบหนานุ่มของเกาหลีมาผัดให้เข้ากัน และสุดท้ายเอาข้าวมาผัดทานเป็นข้าวผัดได้อีกด้วย แกล้มด้วยสาหร่าย โอเด้ง (เนื้อปลาผสมแป้ง) กิมจิ พร้อมข้าวสวยร้อนๆ

บ่าย หลังอาหารนำท่านสู่  เกาะนามิ (NAMI ISLAND) เป็นเกาะที่มีความโรแมนติกและมีความแตกต่างในแต่ละฤดู กาล ผู้คนชาวเกาหลีรักเกาะนี้มากเพราะว่าเป็นที่สำหรับจะมาหาความโรแมนติกกับคู่ รัก ครอบครัว คนทำงาน จะมารำลึกถึงอดีต รำลึกถึงความอบอุ่นกันได้ที่เกาะนี้ เกาะนี้เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงมากจากละครเรื่อง WINTER LOVE SONG เพราะว่าบางฉากในละครได้มาถ่ายทำกันบนสถานที่แห่งนี้

จากนั้นนำท่าน เดินทางสู่  เอเวอร์แลนด์ (EVERLAND) สวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเกาหลีใต้ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา ขอเชิญท่านท่องไปกับโลกของสัตว์ป่าซาฟารี ท่านจะได้พบกับ “ไลเกอร์” ซึ่งเป็นลูกแฝดผสมที่เกิดขึ้นจากความรักระหว่างสิงโตผู้เป็นพ่อและเสือผู้ เป็นแม่นับเป็นแฝด ผสมเสือ-สิงโตคู่แรกในโลก และสนุกไปกับลีลาท่าทางอันพลิ้วไหวของหมีต่างๆ ซึ่งพนักงานขับรถซาฟารีจะเป็นผู้ทักทายและเล่นกับพวกเขาเหล่านั้นเติมเต็ม ความสุขของท่านสนุกสนานกับเครื่องเล่นต่างๆไม่จำกัดชนิด ให้ท่านชมโชว์ขบวนพาเหรดยามเย็นที่สวยงามอลังการตระการตา

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เมนู หมูย่างเกาหลี (PORK CALBI) ต้นตำรับอาหารเลื่องชื่อของประเทศเกาหลีใต้ เป็นหมูย่างที่ผ่านการหมักจนได้ที่ นำมาย่างบนเตาถ่านร้อนๆ สุกกำลังดี แล้วตัดชิ้นพอคำ รับประทานกับซอส, กระเทียม, กิมจิ และใช้ใบผักกาดหอมสดห่อเป็นคำๆ คล้ายเมี่ยงคำ แกล้มด้วยพริกเกาหลีเม็ดโตสีเขียวสด พร้อมข้าวสวยร้อนๆ และเครื่องเคียง

จากนั้นเข้าที่พัก LA VIE D’OR HOTEL  หรือเทียบเท่า

สเปอร์ส 1 - 4 อาร์เซน่อล [คาร์ลิ่งคัพ]

วันอังคารที่ 21 กันยายน 2553
ฟุตบอลคาร์ลิ่งคัพ รอบสาม
สนาม : ไวท์ ฮาร์ทเลน



เกมลอนดอนดาร์บี้ที่ไวท์ ฮาร์ทเลน สเปอร์สประเดิมใช้งานซานโดรกองกลางแซมบ้าลงบู๊เช่นเดียวกับนายประตูสติเป้ เปลติโกซ่า และสตีเว่น คัลเกอร์กองหลังวัย 18 ปีตามที่ได้รับการคาดหมาย

ด้านอาร์เซน่อลไม่มีอาร์แซน เวนเกอร์คุมทีมที่ข้างสนาม ต้องขึ้นไปดูเกมบนอัฒจันทร์หลังยอมรับโทษแบนหนึ่งเกมข้อหาจวกผู้ตัดสินในศึก พรีเมียร์ลีกที่เสมอกับซันเดอร์แลนด์ แพ็ท ไรซ์เจ้านายเบอร์สองจึงรับภาระตามระเบียบ


ในส่วนของการจัดวางขุมกำลัง โทมัส โรซิชกี้ที่ยิงลูกโทษพลาดในนัดเจ๊ากับแมวดำได้สวมปลอกแขนเป็นกัปตันโดยมีซา มีร์ นาสรี่ , เดนิลสัน , เอ็มมานเอล เอบูเอ้ และแจ็ค วิลเชียร์ร่วมบู๊ อีกทั้งมารูอาน ชามัคและอังเดร อาร์ชาวินมีชื่อเป็นตัวสำรองแสดงให้เห็นถึงการเอาจริงอย่างชัดเจน

หลังจากมีการยืนไว้อาลัยให้กับบ๊อบบี้ สมิธอดีตกองหน้าเจ้าบ้านในยุค 60 ที่ล่วงลับเมื่อวันเสาร์ เกมก็ออกสตาร์ตโดยทีมปืนใหญ่เริ่มเขี่ยบอล และผ่านมา 10 นาทีก็มีจังหวะปัญหาเมื่อเฮนรี่ ลันส์บิวรี่ลากบอลหลุดเข้าเขตโทษด้านขวาแล้วถูกเบอนัวต์ อัสซู เอก็อตโต้ตามไปยกแขนกระแทกล้มจากด้านหลัง แต่ผู้ตัดสินเฉย ไม่เป่าให้เป็นลูกโทษของทีมเยือน

อย่างไรก็ดี นาทีที่ 15 อาร์เซน่อลก็ต่อบอลขึ้นกราบซ้ายได้อันตรายโดยโรซิชกี้ไหลขึ้นไปที่สุดเส้น หลังให้วิลเชียร์ปาดไปหน้าประตูแล้วลันส์บิวรี่ปรี่เข้าฮอสสามหลาตุงตาข่าย โดยที่แผงหลังสเปอร์สไม่ทันระวัง จึงเป็นอันว่าท๊อปกันขึ้นนำ 1-0

เกมของอาร์เซน่อลยังไหลรื่นเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด และนาทีที่ 21 เจค ลิเวอร์มอร์ดาวเตะตราไก่ก็รับใบเหลืองในจังหวะรวบวิลเชียร์จากด้านหลัง

นาทีที่ 27 ทีมตราไก่ได้เสียวบ้างเมื่อโรมัน พาฟลิวเชนโก้กระชากบอลขึ้นกราบซ้ายแล้วโยกหลบโยฮัน ฌูรูหาจังหวะสับไกหน้าเขตโทษ แต่บอลเฉี่ยวเสาแรกออกไป

จากนั้นในนาทีที่ 38 พาฟลิวเชนโก้ก็เข้าสอยฌูรูจากด้านหลังจึงโดนจดชื่อจนได้ กระทั่งนาทีที่ 43 ไคล์ นอห์ตันกองหลังไก่ก็เข้าปะทะใส่โรซิชกี้ช้าเลยได้ใบเหลืองตามมาอีกราย จบครึ่งแรกท๊อตแน่มซึ่งเล่นได้แย่กว่าจึงตกเป็นฝ่ายตามหลัง 0-1

ครึ่งหลังสเปอร์สแก้เกมด้วยการเปลี่ยนร็อบบี้ คีนกับอาร่อน เลนน่อนลงไปแทนโจวานี่ โดส ซานโต้สกับลิเวอร์มอร์

และแค่สี่นาที นอห์ตันก็แทงบอลทะลุให้คีนหลุดเดี่ยวโดยล้ำหน้าชัดเจนเนื่องจากแผงหลังปืนโต เช็คเอาไว้แล้ว แต่ไลน์แมนพลาดไม่ยกธง กองหน้าไอริชจึงแปจาก 18 หลา แม้จะไม่รุนแรงแต่ลูคัส ฟาเบียนสกี้ปัดไม่หลุดปล่อยให้บอลทะลักเข้าสัมผัสตาข่ายเป็นประตูตีเสมอ 1-1 ของเจ้าถิ่น

หลังเสียหาย อาร์เซน่อลก็ต้องกลับมาเปิดเกมรุกกันใหม่ และกดดันทีมตราไก่ได้อย่างต่อเนื่อง ขาดก็แต่โอกาสสอยตาข่ายเท่านั้น

ในที่สุดนาทีที่ 73 ทีมปืนใหญ่ก็เปลี่ยนชามัคกับอาร์ชาวินลงไปแทนโรซิชกี้กับคาร์ลอส เวล่าโดยมีนาสรี่เป็นกัปตัน

ถึงกระนั้น อาคันตุกะก็เผด็จศึกเจ้าบ้านไม่สำเร็จ ครบ 90 นาทีเกมจึงจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 ต้องบู๊กันต่ออีกครึ่งชั่วโมงเพื่อหาผู้ชนะ

เริ่มเขี่ยบอลกันใหม่ได้แค่ 30 วินาที อาร์เซน่อลก็ได้ลูกโทษเมื่อวิลเชียร์ตักบอลเข้าไปแล้วเซบาสเตียง บาสซงกัปตันไก่ใช้มือรั้งเอวนาสรี่ล้ม กองกลางฝรั่งเศสจึงลุกขึ้นมาสังหารเองตุงตาข่ายพาเดอะ กันเนอร์สนำอีกหน 2-1

เท่านั้นไม่พอ นาทีที่ 96 จากจังหวะที่อาร์ชาวินจ่ายบอลเข้าเขตโทษให้ชามัคหลุดเข้าไป คาลเกอร์ก็ใช้แขนรั้งกองหน้าโมร็อคโกล้มเช่นกันจึงเป็นลูกโทษซ้ำสองตาม ระเบียบ และนาสรี่เปลี่ยนมุมยิงไม่พลาดทำให้อาร์เซน่อลนำห่าง 3-1

ถึงตรงนี้ เจ้าบ้านจำต้องส่งนิโก้ ครานชาร์ลงไปแทนซานโดร และเกือบพังประตูได้ในนาทีที่ 100 จากลูกที่นอห์ตันสาดบอลจากกราบขวามาเสาไกล แต่เดวิด เบนท์ลีย์ที่ยืนอยู่โล่งๆโถมโขกระยะหกหลาออกไปเอง

ผ่านมาอีกสองนาที ทีมเยือนจำต้องส่งกาแอล กลิชี่ลงไปแทนคีแรน กิ๊บส์ที่เดินกระเผลกออกไป

อย่างไรก็ดี นาทีที่ 105 อาร์ชาวินก็ได้บอลลากหลุดเข้าเขตโทษด้านซ้ายไปกดตูมเสียบเสาไกลอย่างเด็ดขาดพาทีมปืนโตหนีเป็น 4-1

กระนั้นสเปอร์สยังไม่ยอมง่ายๆ พริบตาเดียวคีนก็ได้วอลเลย์ลูกเตะมุมเหน่งๆระยะ 10 หลา แต่ถูกนาสรี่เคลียร์จากเส้นประตูได้ จบ 15 นาทีแรกอาร์เซน่อลจึงนำ 4-1 โดยสาวกไก่ลุกจากที่นั่งกลับบ้านกันกลุ่มใหญ่

ช่วงที่เหลือ อาคันตุกะเล่นแบบครองบอลเอาไว้ ไม่เปิดโอกาสให้ทีมตราไก่ซึ่งออกจะถอดใจได้ทำอะไรถนัด จวบจนหมดเวลาเดอะ กันเนอร์สจึงผ่านเข้ารอบด้วยชัยชนะ 4-1

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ : สติเป้ เปลติโกซ่า - ไคล์ นอห์ตัน, เซบาสเตียง บาสซง, สตีเว่น เคาเกอร์, เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ - เดวิด เบนท์ลี่ย์, เจค ลิเวอร์มอร์, วิลสัน ปาลาซิออส, ซานโดร รานิเอรี่ - โรมัน พาฟลิวเชนโก้, โจวานี่ โดส ซานโต๊ส

สำรอง : คาร์โล คูดิชินี่ (ผู้รักษาประตู), อลัน ฮัตตัน, ทอม ฮัดเดิลสตัน, อารอน เลนน่อน, เจอร์เมน จีนาส, ร็อบบี้ คีน

อาร์เซน่อล: ลูคัส ฟาเบียนสกี้ - เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, โลร็องต์ กอสซิเอลนี่, โยฮัน ฌูรู, คีแรน กิ๊บส์ - เฮนรี่ ลันส์บิวรี่, เนเวส เดนิลสัน, แจ็ค วิลเชียร์, ซามีร์ นาสรี่ - โทมัส โรซิคกี้, คาร์ลอส เวล่า

สำรอง : มานูเอล อัลมูเนีย (ผู้รักษาประตู), บาการี่ ซาญ่า, กาแอล กลิชี่, อังเดร อาร์ชาวิน, มารูอาน ชามัค, เคร็ก อีสต์มอนด์


ผู้ตัดสิน : ลี โพรเบิร์ต


สรุปผลฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพ รอบสาม
- เบอร์มิงแฮม ชนะ เอ็มเค ดอนส์ 3-1
- เบรนท์ฟอร์ด เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1 (ต่อเวลาพิเศษ เสมอ 1-1 เบรนท์ฟอร์ด ชนะจุดโทษ 4-3)
- เบิร์นลี่ย์ ชนะ โบลตัน 1-0
- มิลล์วอลล์ แพ้ อิปสวิช 1-2
- ปีเตอร์โบโร่ แพ้ สวอนซี 1-3
- พอร์ทสมัธ แพ้ เลสเตอร์ 1-2
- สโต๊ค ชนะ ฟูแล่ม 2-0
- ซันเดอร์แลนด์ แพ้ เวสต์แฮม 1-2
- สเปอร์ส เสมอ อาร์เซน่อล 1-1 (ต่อเวลาพิเศษ อาร์เซน่อล ชนะ 4-1)
- วูล์ฟแฮมป์ตัน เสมอ น็อตต์ เคาน์ตี้ 1-1 (ต่อเวลาพิเศษ วูล์ฟแฮมป์ตัน ชนะ 4-2)

ที่มา : สยามสปอร์ต
----------------------------------------
นัดนี้เวนเกอร์ไม่ได้คุมข้างสนาม เพราะสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ตั้งข้อหาประพฤติตัวไม่เหมาะสมในเกมเสมอซันเดอร์แลนด์ เนื่องจาก เวนเกอร์ไม่พอใจผู้ตัดสินมาร์ติน แอตกินสันที่ทดเจ็บเกินจนถูกดาร์เรน เบนท์ ตีเสมอ  .... โทษที่โดนคือการแบนข้างสนามหนึ่งนัดและปรับเงินราว 8,000 ปอนด์

นาสรี่ก็ยิงลูกโทษได้ดีนี่ คราวก่อนทำไมต้องให้โรซิกกี้ยิงแทนด้วย -_-"

วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

ทัวร์เกาหลี 17-20 กันยายน

โปรแกรมทัวร์
วันแรกของการเดินทาง 
ภูเก็ต – กรุงโซล สนามบินนานาชาติ อินชอน
23.00 น. คณะมาพร้อมกันที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 2 เคาท์เตอร์ สายการบิน ASIANA AIRLINES (OZ) โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท ภูเก็ต เจ็ตทัวร์ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้วยความจริงใจและเป็นกันเอง
01.25 น. ออกเดินทางสู่สาธารณรัฐเกาหลีใต้ โดยสายการบิน ASIANA AIRLINES (OZ) เที่ยวบินที่ OZ 748


วันที่สองของการเดินทาง 
โซล (สนามบินนานาชาติอินชอน) – เกาะนามิ – สวนสนุกเอเวอร์แลนด์
01.25 น. ออกเดินทางสู่สาธารณรัฐเกาหลีใต้ โดยสายการบิน ASIANA AIRLINE (OZ) เที่ยวบินที่ OZ 748
09.30 น. เดินทางถึงสนามบินอินชอน (เวลาท้องถิ่นเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง) หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแลไกด์ท้องถิ่นที่มีความรู้ความชำนาญรอรับท่านที่สนามบินอินชอน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองชุนชอน
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร เมนู ทัคคาลบี (DAKKABI) เป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองชุนชอน เนื้อไก่ที่หั่น ออกมาเป็นชิ้นพอคำ คลุกเคล้าด้วยเครื่องปรุงและหมักไว้จนได้ที่ เมื่อรับประทานจะนำมาผัดบนกระทะยักษ์ พร้อมด้วย Rice cake หรือเส้นก๋วยเตี๋ยวแบบหนานุ่มของเกาหลีมาผัดให้เข้ากัน และสุดท้ายเอาข้าวมาผัดทานเป็นข้าวผัดได้อีกด้วย แกล้มด้วยสาหร่าย โอเด้ง (เนื้อปลาผสมแป้ง) กิมจิ พร้อมข้าวสวยร้อนๆ
บ่าย หลังอาหารนำท่านสู่  เกาะนามิ (NAMI ISLAND) เป็นเกาะที่มีความโรแมนติกและมีความแตกต่างในแต่ละฤดู กาล ผู้คนชาวเกาหลีรักเกาะนี้มากเพราะว่าเป็นที่สำหรับจะมาหาความโรแมนติกกับคู่รัก ครอบครัว คนทำงาน จะมารำลึกถึงอดีต รำลึกถึงความอบอุ่นกันได้ที่เกาะนี้ เกาะนี้เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงมากจากละครเรื่อง WINTER LOVE SONG เพราะว่าบางฉากในละครได้มาถ่ายทำกันบนสถานที่แห่งนี้
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่  เอเวอร์แลนด์ (EVERLAND) สวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเกาหลีใต้ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาขอเชิญท่านท่องไปกับโลกของสัตว์ป่าซาฟารี ท่านจะได้พบกับ “ไลเกอร์” ซึ่งเป็นลูกแฝดผสมที่เกิดขึ้นจากความรักระหว่างสิงโตผู้เป็นพ่อและเสือผู้เป็นแม่นับเป็นแฝด ผสมเสือ-สิงโตคู่แรกในโลก และสนุกไปกับลีลาท่าทางอันพลิ้วไหวของหมีต่างๆ ซึ่งพนักงานขับรถซาฟารีจะเป็นผู้ทักทายและเล่นกับพวกเขาเหล่านั้นเติมเต็มความสุขของท่านสนุกสนานกับเครื่องเล่นต่างๆไม่จำกัดชนิด ให้ท่านชมโชว์ขบวนพาเหรดยามเย็นที่สวยงามอลังการตระการตา
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เมนู หมูย่างเกาหลี (PORK CALBI) ต้นตำรับอาหารเลื่องชื่อของประเทศเกาหลีใต้ เป็นหมูย่างที่ผ่านการหมักจนได้ที่ นำมาย่างบนเตาถ่านร้อนๆ สุกกำลังดี แล้วตัดชิ้นพอคำ รับประทานกับซอส, กระเทียม, กิมจิ และใช้ใบผักกาดหอมสดห่อเป็นคำๆ คล้ายเมี่ยงคำ แกล้มด้วยพริกเกาหลีเม็ดโตสีเขียวสด พร้อมข้าวสวยร้อนๆ และเครื่องเคียง
จากนั้นเข้าที่พัก LA VIE D’OR HOTEL  หรือเทียบเท่า

วันที่สามของการเดินทาง 
ทำกิมจิ ชุดประจำชาติเกาหลี ไร่สตอเบอร์รี่ – บลูเฮ้าส์- พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน – พระราชวัง เคียงบ๊อคคุง – ตลาดทงแดมุน – โซลทาวเวอร์ – ชม NANTA SHOW
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
หลังอาหารเช้านำท่านเดินทางสู่เมืองอีชอน (ICHEON) เป็นเมืองที่ไกล้กับกรุงโซล  นำท่านเรียนรู้วิธีการทำ กิมจิ (KIMCHILAND) กิมจิเป็นผักดองที่ สามารถเก็บไว้ได้นาน และเป็นอาหารที่ขึ้นโต๊ะชาวเกาหลีทุกมื้อ ปัจจุบันนี้กิมจิเป็นที่นิยมแพร่หลาย เพราะ ประกอบด้วยแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในการย่อยอาหารและป้องกันโรค ให้ท่านได้ทำกิมจิด้วยตัวท่านเองโดยมีวิทยากรสอนทุกวิธีการทำและขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบโดยมีไกด์คอยแปลให้ท่านทุกขึ้นตอน และสามารถนำกลับมาเป็นฝาก หลังจากทำกิมจิเสร็จแล้วให้ท่านได้เลือกใส่ชุดประจำชาติของเกาหลีใต้ (ฮันบก) เพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกมีให้เลือกมากมายโดยไม่ต้องเสียเงิน
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ กรุงโซล เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ เมืองศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการคมนาคม มีประชาชน 1 ใน 4 ใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโซล กรุงโซลโดดเด่นในแง่ของความทันสมัย และสถานที่น่าดึงดูดใจมากมาย ทั้งหมดนี้ทำให้กรุงโซลเป็นสถานที่ที่ท่านจะพบกับความพอใจและความเพลิดเพลินอย่างที่ท่านต้องการ
จากนั้นนำท่านชม  บลูเฮ้าส์ (BLUE HOUSE) ทำเนียบของ “โน มู เฮียน” ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ของเกาหลีใต้(ระหว่างรถแล่นผ่านไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพหรือวีดีโอใดๆ ทั้งสิ้น) นำท่านถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับอนุสาวรีย์รูปนกฟีนิกซ์ สัญลักษณ์ความเป็นอมตะ ชมทัศนียภาพอันสวยงามของภูเขารูปหัวมังกรและวงเวียนน้ำพุนับเป็นจุดที่มีฮวงจุ้ยที่ดีที่สุดของกรุงโซล จากนั้นนำท่านสู่ พิพิธภัณฑ์คติชนพื้นเมือง เพื่อให้ท่านได้ย้อนเรื่องราวและสัมผัสกับวิถีชีวิตความเป็นมาของชาวเกาหลีตั้งแต่ยุคโบราณโดยผ่านห้องแสดงหุ่นจำลอง นอกจากนั้นยังได้จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน พร้อมภาพสามมิติ ที่ประตูด้านหน้ามีรูปสลักหินตัว แฮแท ตั้งขนาบอยู่สองข้าง หลังจากนั้นเข้าเยี่ยมชม พระราชวังเ คียงบ๊อกคุง พระราชวังโบราณที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี มีอายุกว่า 600 ปี สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์โชซอน ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายของเกาหลี ปัจจุบันได้รับการบูรณะให้ใกล้เคียงกับพระราชวังเดิมมากที่สุด ชมขบวนพิธีเปลี่ยนเวรของทหารเฝ้ายามแบบโบราณอันน่าตื่นตาตื่นใจ ภายในท่านจะประทับใจกับพระที่นั่ง สระน้ำ บรรยากาศของต้นไม้ใหญ่ที่ร่มรื่น ให้ทุกท่านได้บันทึกภาพ เก็บไว้เป็นความทรงจำ
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร พุลโกกิ (PORK BULKOKKI) เป็นอาหารที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก มีส่วนผสมของเนื้อหมู และผักต่างๆ โดยนำลงไปผัดปรุงรสให้หวานเล็กน้อย มีน้ำขลุกขลิก รับประทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ และเครื่องเคียง

บ่าย จากนั้นนำท่านช้อปปิ้งตลาดดัง ที่  ตลาดทงแดมุน (DONGDAEMUN MARKET) ที่ตลาดนี้เราสามารถซื้อข้าวของ และต่อราคาได้อย่างสนุกสนาน เพราะมีร้านค้าต่างๆ มากมาย ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบโบราณ และมีแสงสีและดนตรีตลอดคืน สินค้าที่มีมากที่สุดในตลาดนี้ คือ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องหนัง ชุดสุภาพสตรีและเด็ก เครื่องนอน เครื่องใช้ในบ้าน รองเท้า เครื่องกีฬา ฯลฯ
จากนั้นนำท่านขึ้นสู่ ยอดเขานัมซาน โดยกระเช้าไฟฟ้าและให้ท่านได้เต็มอิ่มกับวิวทิวทัศน์โดยรอบของกรุงโซลในมุมมอง 360 องศา ที่  โซลทาวเวอร์ ที่สวยงามและน่าประทับใจยิ่ง ให้ท่านถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร ให้ท่านได้ทานอาหารทะเลสดๆ ทั้ง ขาปูอลาสก้า บุฟเฟ่ต์ ซูชิ และเมนูอื่นๆอีกมากมายทั้งเครื่องดื่ม ไอศกรีม เติมได้ไม่อั้น
จากนั้นนำท่านชมโชว์  นันทาโชว์ (NANTA SHOW) เป็นโชว์การแสดงอันดับหนึ่งของเกาหลีกำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในประเทศเกาหลี เป็นการแสดงประยุคของชาวเกาหลี มีทั้งการแสดงละครตลกร่วมสมัย เทควันโค คาราเต้ และยิมนาสติก เพื่อสร้างเสียงหัวเราะ และความสนุกสนานแก่ทุกท่าน
จากนั้นเข้าที่พัก GRAND EMBASSADOR SEOUL HOTEL  หรือเทียบเท่า

วันที่สี่ของการเดินทาง 
หมู่บ้านนัมซาน – คลองเกชอน - ศูนย์โสม – ศูนย์อัญมณี– ตลาดเมียงดง – ซูเปอร์มาเก็ต – ภูเก็ต
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางชม  หมู่บ้านนัมซานฮันอก เกาหลี เป็นหมู่บ้านที่จำลองขึ้น โดยได้รื้อถอนเอาบ้านเรือน สมัยโบราณสมัยราชวงศ์โชชอน จากที่ต่างๆรอบกรุงโซล มาประกอบใหม่เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมเป็นการเฉพาะ จึงมีบ้านโบราณจำนวนหลายหลังอยุ่ที่นี่ พร้อมการจัดฉากแสดงการดำเนินชีวิตแบบพื้นเมืองดั้งเดิมของผู้คนให้ชมอีกด้วย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่  คลองชองเกซอน ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโซล มีมาตั้งแต่สมัยกษัตริย์ยองโจ ราชวงศ์โชชอน ที่ใช้กำลังคนขุดคลองนี้นับแสนคน เวลาล่วงมาสมัย น้ำในคลองแห่งนี้เน่าเสีย สภาพแวดล้อมเป็นพิษ สองข้างฝั่งคลองเป็นเขตสลัมของกรุงโซล จนเมื่อปี ค.ศ.2003 รัฐบาลเกาหลีจึงมีโครงการฟื้นฟูบริเวณคลองชองเกชานให้มีความทันสมัยน่าอยู่ พร้อมกับทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่เสียเลย โครงการนี้เสร็จและเปิดให้ประชาชนเยี่ยมชมเมื่อวันที่ 1ตุลาคม 2005 น้ำในคลองจากเน่าเหม็นเปลี่ยนมาเป็นสีฟ้าสดใส มีน้ำตก น้ำพุต้องแสงไฟยามสว่างในตอนกลางคืน สวยงาม สองฝั่งคลองก็มีห้างร้าน ห้างสรรพสินค้าผุดขึ้นมาแทนที่เขตสลัมเดิมไม่เหลือเค้าความเสื่อมโทรมให้เห็นแม้แต่น้อย ตลอดความยาวของคลองชองเกซอน 2.9 กิโลเมตร มีสะพานข้ามคลองถึง 22 สะพานเราสามารถเดินชมคลองแห่งนี้ได้โดยไม่เบื่อเพราะทุกๆระยะจะต้องมีสถานที่น่าสนใจให้เราแวะชมตลอดทาง
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ศูนย์โสมรัฐบาลเกาหลี ซึ่งรัฐบาลรับรองคุณภาพว่าผลิตจากโสมที่มีอายุ 6 ปี ซึ่งถือว่า เป็นโสมที่มีคุณภาพดีที่สุด ชมวงจรชีวิตของโสม พร้อมให้ท่านได้เลือกซื้อโสมที่มีคุณภาพดีที่สุดและราคาถูกกว่าไทยถึง 2 เท่า กลับไปบำรุงร่างกายหรือฝากญาติผู้ใหญ่ที่ท่านรักและนับถือ จากนั้นนำท่านช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีที่ ดิวตี้ฟรี (DONGHWA DUTY FREE) ที่นี่มีสินค้าชั้นนำให้ท่านเลือกซื้อมากมายกว่า 500 ชนิด

ทั้งน้ำหอม เสื้อผ้า เครื่องสำอาง กระเป๋า นาฬิกา เครื่องประดับ ฯลฯ อิสระให้ท่านช็อปปิ้งตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านชมโชว์รูมเจียระไน พลอยแอมมาทีส แดนเกาหลีเป็นแดนของพลอยสีม่วง โดยมีสีสันและการกำเนิดที่แตกต่างจากที่อื่น มีตั้งแต่สีม่วงอ่อนเย็นตาจนถึงสีม่วงไวน์ มีเสน่ห์เย้ายวนใจ ชาวเกาหลีเชื่อว่าแอมมาทีสเกาหลึ คือ พลอยแห่งสุขภาพพลอยแห่งความมั่งคั่งหรือนำโชค (ตามราชวงศ์โซซอน) พลอยนี้จะงามจับตาเมื่อมาทำเป็นแหวน จึ้ ต่างหู และสร้อยข้อมือ
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร โอซัมพุลโกกิ (OSAM BULKOKI) มีส่วนผสมของปลาหมึกและหมูสามชั้น โดยนำลงไปผัดปรุงรสให้หวานเล็กน้อย มีน้ำขลุกขลิก รับประทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ เสริฟพร้อมเครื่องเคียงและซุปร้อนๆ
บ่าย นำท่านช้อปปิ้งยัง  ตลาดเมียงดง หรือสยามสแควร์เกาหลีหากท่านต้องการทราบว่า แฟชั่นของเกาหลีเป็นอย่างไร ก้าวล้ำนำสมัยเพียงใด ท่านจะต้องมาที่เมียงดงแห่งนี้ ท่านจะได้พบกับสินค้าวัยรุ่นที่หลากหลาย อาทิ เสื้อผ้าบุรุษ-สตรี รองเท้าบุรุษ-สตรี เครื่องสำอางดัง ๆ ของเกาหลี ACCESSORIES ต่าง ๆ พบกับความแปลกใหม่ของการช้อปปิ้งในอีกรูปแบบหนึ่งเมียงดงแห่งนี้จะมีวัยรุ่นหนุ่มสาวชาวโสมไปรวมตัวกัน
ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบินอินชอน ระหว่างทางให้ท่านได้แวะละลายเงินวอนที่ร้านของฝาก ซูปเปอร์มาร์เก็ต อาทิเช่น มาม่าเกาหลีรสต่างๆ กิมจิ ขนมเกาหลีต่างๆ วุ้นเส้นเกาหลี และของที่ระลึกจากเกาหลีมากมาย เป็นต้น ก่อนเข้าสนามบินอินชอน
18.00 น. นำท่านเดินทางถึงสนามบินนานาชาติอินชอน จากนั้นนำท่านเช็คอิน ณ เคาเตอร์สายการบิน ASIANA AIRLINES (OZ) พร้อมโหลดสัมภาระ
20.10 น. เดินทางกลับภูเก็ต โดยสายการบิน ASIANA AIRLINES (OZ) เที่ยวบินที่ OZ 7473
00.50 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต โดยสวัสดิภาพและประทับใจ

ฉลองเอกราช200ปี'ชิลี' ดินแดนแห่งการพัฒนา

เอ่ยถึง “สาธารณรัฐชิลี” ดินแดนฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปอเมริกาใต้ หลายคนคงจำได้ถึงลักษณะโดดเด่นของภูมิประเทศที่ทอดยาวเลียบชายฝั่งมหาสมุทร แปซิฟิกในแนวตั้ง โดยปัจจุบันมีประชากรราว 17 ล้านคน


สาธารณรัฐชิลี นับได้ว่าเป็นประเทศที่มีอากาศหลากหลายมากที่สุดในโลก โดยภาคเหนือมีอากาศแห้งแล้งแบบทะเลทรายในขณะที่ภาคใต้กลับมีอากาศร้อนชื้น และฝนตกมาก ทางตอนเหนือของชิลีนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยเหมืองแร่และสัตว์น้ำทะเล ส่วนทางตอนกลางซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงซานติอาโกเมืองหลวงของประเทศ จะเป็นพื้นที่หลักในการทำเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมของประเทศ และทางตอนใต้ของชิลีจะอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรประมงและป่าไม้ซึ่งชิลีมีนโย บายที่ทันสมัยในการควบคุมดูแลทรัพยากร




ทิวทัศน์ของชายฝั่งทะเลที่ยาวสุดตา ทะเลสาบสีเข้ม ภูเขาไฟ ธารน้ำแข็งที่สูงตระหง่าน ตลอดจนหุบเขาเขียวขจี และทะเลทรายล้วนเป็นสิ่งที่แปลกตาและสร้างความอัศจรรย์ให้กับนักท่องเที่ยว ที่มาเยี่ยมชม นอกจากนี้ความน่าทึ่งของอากาศที่หลากหลายและทัศนียภาพที่สวยงามทำให้ชิลี เป็นประเทศที่เหมาะสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติอย่างที่สุด


ช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน กล่าวได้ว่าชิลีกลายเป็นประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจและมีความมั่นคงทางการเมือง สูงในอันดับต้น ๆ ของภูมิภาคลาติน อเมริกา อันเป็นผลมาจากการปกครองแบบประชาธิปไตยของประเทศที่แข็งแกร่งมีเสถียรภาพ ซึ่งสามารถสร้างความมั่นใจให้แก่ภาคธุรกิจการลงทุน โดยมีรัฐบาลนำโดยประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งทุก ๆ 4 ปี ดำเนินนโยบายที่ชัดเจนในการปฏิรูปประเทศให้เป็นเขตการค้าและการลงทุนแบบเสรี ซึ่งนับเป็นตัวขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ



เนื่องในโอกาสสำคัญวันชาติชิลีที่จะเวียนมาบรรจบครบรอบอีกวาระหนึ่งในวัน เสาร์ที่ 18 กันยายน 2553 นี้ ฯพณฯ อัลเบอร์โต โยอาคัม เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐชิลีประจำประเทศไทย ได้ส่งสารแสดงไมตรีจิตถึงประชาชนชาวไทย และชาวชิลี มีใจความสำคัญดังต่อไปนี้

ในวันที่ 18 กันยายนที่กำลังจะมาถึงนี้ นับเป็นวันสำคัญของสาธารณรัฐชิลีและพลเมืองที่จะได้ เฉลิมฉลองการประกาศเอกราชครบรอบ 200 ปี นับตั้งแต่ประเทศของเราได้ประกาศอิสรภาพ มีอำนาจการปกครองตัวเอง อย่างอิสระในปี พ.ศ. 2353 ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 200 ปีที่ผ่านมานั้นเสมือนเป็นเวลาที่ยาวนานสำหรับประเทศของเรา บางครั้งต้องพบกับอุปสรรคที่ยากลำบากต่าง ๆ แต่เราก็ยึดหลักการมองโลกในแง่ดีและมีทัศนคติที่ดีอยู่เสมอเพื่อมุ่งพัฒนา ประเทศชาติให้ก้าวไปข้างหน้าและเสริมสร้างระบบเศรษฐกิจและการปกครองแบบ ประชาธิปไตยของประเทศให้มั่นคง

ถึงวันนี้ แม้ว่าชิลีจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกซึ่งเราไม่สามารถหลีกเลี่ยง ได้ และยังต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติจากการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยและประชาชนชาวไทยได้แสดง ความมีน้ำใจแก่ประเทศของเรา ทว่าอุปสรรคเหล่านี้ ก็ไม่ได้ทำให้เราย่อท้อ หาก ยังเป็นบทเรียนให้เราเข้มแข็งและปรับตัวให้สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้ผ่านพ้นไป ได้ด้วยดี

หลังจากผ่านพ้นเหตุ การณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในช่วงต้นปีและวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น เมื่อปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศชิลี ก็สามารถปรับตัวกลับมาอยู่ ในระดับที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในปีนี้ได้มีการคาดการณ์ว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ของชิลีจะอยู่ที่ประมาณ 5.5 เปอร์เซ็นต์และในปีหน้าจะขยับขึ้นเป็น 6 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่า สำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบันจนถึงอนาคตของประเทศที่ปรากฏอยู่นี้ นับเป็นสัญญาณที่ดีที่จะทำให้ชิลีสามารถก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่พัฒนาอีก ประเทศหนึ่งภายในทศวรรษนี้ ซึ่งนั่นหมายถึงประชากรของประเทศเราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้งในด้านการ ศึกษา ความเป็นอยู่ และอาชีพการงานก่อให้เกิดการพัฒนาทัศนคติที่ดีในการดำรงชีวิตแก่ตัวเองและ ลูกหลานต่อไป

และนี่เป็นเหตุผลสำคัญประการหนึ่งสำหรับการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในครั้ง นี้ ทว่ายังมีอีกประการหนึ่งที่สำคัญเช่นกันนั่นคือ การเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและชิลีที่แน่นแฟ้นมาเป็นระยะ เวลายาวนาน โดยในปีหน้าเราจะจัดงานเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ และยังเป็นงานฉลองครบรอบ 30 ปีของการจัดตั้งสถานทูตชิลีประจำประเทศไทยอีกด้วย

ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ประเทศไทยได้กลายเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของชิลี โดยประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญอันดับที่ 6 ของชิลีเมื่อเปรียบเทียบในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สาธารณรัฐชิลีเป็นประเทศเสรีทางการค้า โดยมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของเศรษฐกิจ นั้นพึ่งพิงการค้าขายกับต่างประเทศ และนี่นับเป็นหนึ่งในความคล้ายคลึงกันของ ทั้งสองประเทศที่ทำให้ความสัมพันธ์ระดับประเทศของเรามั่นคงมาเป็นเวลานาน เรามั่นใจว่า ในปีหน้านอกจากเราจะได้เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-ชิลีแล้ว เราคงจะอยู่ในช่วงระหว่างการเจรจาตกลงทำการค้าเสรีของทั้งสองประเทศด้วยเช่น กัน ซึ่งจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของ เรากระชับมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าที่สำคัญของทั้งสองประเทศ โดยชาวไทยจะได้ลิ้มลองไวน์จากชิลี เนื้อปลาแซลมอนและอาหารทะเลสดจากประเทศชิลี ในขณะเดียวกันชาวชิลีจะได้มีโอกาสรู้จักกับอาหารไทยอันเลิศรสและสินค้า อุตสาหกรรมที่มีมาตรฐานการผลิตของไทย


การเปิดการค้าเสรีของทั้งสองประเทศไม่เพียงแต่จะก่อให้เกิดความเจริญทางการ ค้า แต่เสมือนช่วยลดระยะทางความห่างไกลระหว่างสองประเทศให้น้อยลงอีกด้วย กล่าวคือการเปิดการค้าเสรีจะเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ประชากรชาวไทยและชาวชิลี มีโอกาสแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ภาษา การสื่อสาร เกิดการเพิ่มความรู้ความสนใจ ระหว่างกันและกันมากยิ่งขึ้น และทำให้พัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ เห็นได้จากทุก ๆ ปี เรามีการเดินทางไปมาหาสู่กันระหว่างประชากรของสองประเทศเพิ่มมากขึ้น และใน ปีนี้สาธารณรัฐชิลีก็รู้สึกเป็นกียรติอย่างยิ่งที่จะได้ถวายการต้อนรับการ เสด็จฯมาเยี่ยมเยือนของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงเป็นที่เคารพรักของพสกนิกรชาวไทย

ในโอกาสนี้ ข้าพเจ้าขอเชิญคนไทยทุกคนร่วมแสดงความยินดีกับการเฉลิมฉลองครบรอบ 200 ปีแห่งการประกาศเอกราชของสาธารณรัฐชิลี และขอร่วมส่งกำลังใจให้แก่ชาวชิลีทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนงานเหมืองแร่ของเราที่ติดอยู่ในเหมืองทางตอนเหนือ ของประเทศซึ่งแม้ในปีนี้พวกเขาจะต้องฉลองวันชาติอยู่ใต้ดินลึกลงไปกว่าหลาย ร้อยเมตร แต่ข้าพเจ้าทราบดีว่าชาวไทยและคนทั่วโลกต่างร่วมส่งกำลังใจให้พวกเขามี สุขภาพร่างกายแข็งแรงและได้รับการช่วยเหลือขึ้นมาอย่างปลอดภัยในเร็ววัน ข้าพเจ้าขอขอบคุณประเทศไทยและชาวไทยที่ได้แสดงน้ำใจและมิตรภาพอันอบอุ่นส่ง มอบให้แก่ชาวชิลี.

ที่มา : เดลินิวส์ วาไรตี้
-----------------------------------------
ติดตามภาระกิจการช่วยเหลือ 33 ชีวิต  

วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

นวดแป้งแต่งไส้...ขนมไหว้พระจันทร์

คมชัดลึกชวนชิม



เทศกาลไหว้พระ จันทร์...มีมาก็นานนับพันปี ตามกินขนมไหว้พระจันทร์ก็นับชิ้นไม่ถ้วน รู้ว่ามีไส้โน้นไส้นี้ไส้นั้น ทว่ากลับไม่เค้ย...ไม่เคยเลยสักครั้งที่นึกอยากจะลองตามดูขั้นตอนการทำ จนมาครั้งนี้ที่แกลลอรี่ช็อกโกแลต ภายในโรงแรมมิลเลนเนียม ฮิวตัน ใจดีชักชวนให้มาร่วมเกาะติดขอบโต๊ะขนม ชมการนวดแป้ง ปรุงแต่ง (รส) ไส้ขนมไหว้พระจันทร์ในแบบฉบับเฉพาะตัว

สู่เส้นชัย

ขับร้อง : วงพลังเพลง

ทางข้างหน้าลางเลือนเหมือนว่างเปล่า
แดดจะเผาผิวผ่องเธอหมองไหม้
ที่ตรงโน้นมีหุบเหวมีเปลวไฟ
ถ้าอ่อนแอจะก้าวไปอย่างไรกัน

อนาคตนั้นช่างคดเคี้ยว
มันลดเลี้ยว เลี้ยวไปใช่สุขสันต์
ยากลำบากใช่เพียงแค่เสี้ยววัน
แต่จะต้องฝ่าฟันจนวันตาย

บนหนทางแม้มีสิ่งใดขวาง
ไม่อาจกางกั้นฉันและเธอได้
หนทางนี้สัญญาอย่างมั่นใจ
ด้วยพลังยิ่งใหญ่มั่นในศรัทธา

จะขอฝ่าฟันข้ามความทุกข์ยาก
จะลำบากลองสู้ดูเถิดหนา
จะร่วมแรงร่วมกันด้วยศรัทธา
ทางข้างหน้าสู่ชัยที่หมายปอง

ผลแข่งขันคืนวันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน 2553

เชลซีจะเก่งไปถึงไหน ไม่พลาดบ้างก็แล้วไป สงสารแบล็กพูลโดนซะเละ


ตารางคะแนนอาร์เซนอลลำดับยังคงเดิม เพราะประตูได้เสียดีกว่าแมนยู

ขนมไหว้พระจันทร์



คนทั่วโลกมองเห็นพระจันทร์ดวงเดียวกันแต่ให้ความหมายแตกต่างกัน สำหรับชาวจีนแล้วพระจันทร์เป็นเสมือนเทพผู้ประทานพืชพันธ์แก่มนุษย์ และในประวัติศาสตร์ชาติจีนก็มีหลายเหตุการณ์ที่บ่งบอกถึงอิทธิพลของพระ จันทร์ ที่ถูกใช้เพื่อสื่อเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงพลังความศรัทธาและความสามัคคีของ คนในชาติ จนชาวจีนสามารถผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหลายและรวมตัวกันเป็นชาติมาจนถึงทุกวันนี้

การไหว้พระจันทร์จึงมีความหมายยิ่งใหญ่สำหรับผู้คนที่มีเชื้อชาติจีนทั่วโลก เพื่อเป็นช่วง เวลาแห่งการบูชาพระจันทร์ด้วยขนมไหว้พระจันทร์ ซึ่งเป็นเสมือนสัญลักษณ์แทนการเสริมสร้างความรักความสามัคคี และความปรารถนาดีให้เกิดแก่สมาชิกครอบครัวและผู้คนที่รู้จัก


วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553

ซันเดอร์แลนด์ 1 - 1 อาร์เซน่อล

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน 2553
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สนาม : สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์

"ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล พลาดเก็บ 3 คะแนนปบบน่าเขกกะโหลกตัวเอง หลังจากที่โดน ซันเดอร์แลนด์ ตามตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้จบเกมเสมอกันไป 1-1 ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนที่ผ่านมา


คู่สุดท้ายประจำวันที่สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ ซันเดอร์แลนด์ไม่มีกัปตันทีมลี แคตเตอร์โมลที่ถูกพักแข้ง ทำให้คีแรน ริชาร์ดสันได้สวมปลอกแขน แต่กียาน อซาโมอาห์หัวหอกตัวใหม่ที่ลงเล่นเป็นตัวสำรองนัดก่อนแล้วพังประตูได้ทันที ยังนั่งอยู่ข้างสนาม

รวมแล้วแมวดำเปลี่ยนขุนพลแค่รายเดียวโดยส่งคริสเตียน ริเวรอสดาวเตะปารากวัยเสียบแทนแคตเตอร์โมล

ส่วนอาร์เซน่อลไม่มีการปรับทัพจากชุดโชว์ฟอร์มร้ายกาจขยี้บราก้ายับ 6-0 ในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก

เจ้าบ้านเริ่มบุกใส่อาคันตุกะก่อน แต่เพียงนาทีที่ 13 ก็เสียความบริสุทธิ์เมื่อแอนทอน เฟอร์ดินานด์เงื้อง่าราคาแพง รอจนจวนตัวแล้วค่อยสาดบอลยาวจากกลางสนาม เลยถูกเชส ฟาเบรกาสตามมายกเท้าบัง
แล้วกลายเป็นดี บอลกระดอนกลับหลังโด่งข้ามศีรษะนายทวารซิมง มิโญเลต์ที่ออกมายืนนอกปากประตูเยอะตุงตาข่ายช่วยให้อาร์เซน่อลนำหน้า 1-0

แบล็คแคตส์ตั้งต้นกันใหม่ และอีกสองนาทีก็ได้ลูกเตะมุมด้านขวาโดยเนดุม โอนัวฮาโดดโขกคนเดียวจากแปดหลา แต่ส่งบอลโด่งข้ามคานไปเอง

ผ่านมาถึงนาทีที่ 20 เดอะ กันเนอร์สเกือบเบิกสกอร์เพิ่มได้จากลูกโยนทางซ้ายของอังเดร อาร์ชาวินที่ลอยไปเสาไกลให้อเล็กซ์ ซงโขกเผาขนชนเสาก่อนจะถูกมิโญเลต์ปัดออกหลังได้ทัน

อึดใจต่อมา ซามีร์ นาสรี่ตักบอลเข้าเขตโทษไปถูกแขนของเฟอร์ดินานด์ แต่ผู้ตัดสินมองว่าไม่ได้เป็นการเจตนาทำแฮนด์บอลจึงไม่เป่าให้อาร์เซน่อลได้ ลูกโทษ

ถึงนาทีที่ 23 แจ็ค วิลเชียร์เสียบอลให้แดนนี่ เวลเบ็คจึงตามไปรั้งตัวกองหน้าเจ้าบ้านทำให้โดนจดชื่อตามระเบียบ

ล่วงมาในนาทีที่ 29 ฟาเบรกาสก็มีปัญหาบาดเจ็บ และตัดสินใจเดินออกมาโดยมีโทมัส โรซิชกี้ลงไปแทนพร้อมรับปลอกแขนกัปตัน

ซันเดอร์แลนด์พยายามโหมบุก กระทั่งนาทีที่ 38 ซงก็รับใบเหลืองในจังหวะฟาวล์ใส่จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

ท้ายครึ่งแรกยังเป็นแมวดำที่ครองบอลได้ดีกว่า แต่จังหวะสุดท้ายค่อนข้างฝืดไม่เลิก ครบ 45 นาทีจึงตกเป็นรองอาคันตุกะ 0-1

ครึ่งหลัง อาร์เซน่อล ยังคงทำได้ดีกว่านาที 48 จากจังหวะต่อบอลกันขึ้นมา โรชิชกี้ ลากบอลตัดมาหน้าประตูก่อนจะเปิดเรียดให้ ซง ไหลต่อ อาร์ชาวิน ซัดด้วยซ้ายแต่บอลปลิ้นออกหลังประตู

3 นาทีต่อมาเป็น มารูอาน ชามัค หลุดเข้าไปยิงด้วยขวาในเขตโทษแต่ ซิมง มินโยเล่ต์ ออกมาบล๊อกได้ทัน

ทีมเยือนต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คนในนาที 55 เมื่อ อเล็กซ์ ซง จงใจใช้ตัวขวาง สตีด มาลบร็องก์ ทำให้โดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม

ซันเดอร์แลนด์ เกือบจะตีเสมอได้ในนาที 66 จากลูกเตะมุม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน โยนบอลเข้าไปหน้าประตู เดนิลสัน สกัดพลาดบอลเกือบจะเข้าประตูแต่ กาแอล กลีชี่ โหม่งทิ้งจากเส้นประตูได้ทัน

เจ้าถิ่นได้ลูกเตะมุมอีกครั้ง ในนาทีที่ 70 เป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน โยนบอลไปหน้าประตูกองหลังทีมเยือนสกัดมาเข้าทาง ไตตัส บรัมเบิ้ล ยิงสวนข้ามคาน

อาร์เซน่อล มาได้ฟรีคิกอีกครั้งในนาที 74 เมื่อ อาเหม็ด เอล โมฮามาดี้ ไปสกัด ซามีร์ นาสรี่ ล้มลงไปในเขตโทษและเป็น โทมัส โรซิชกี้ รับหน้าที่สังหารยิงข้ามคานอย่างน่าเสียดาย

ทีมแมวดำน่าจะตีเสมอได้อีกครั้งจากจังหวะที่ สตีด มาลบร็องก์ โยนบอลโค้งเข้าไปหน้าประตู อซาโมอาห์ กียาน โฉบไปโหม่งแต่ อัลมูเนีย ยังไวคว้าไว้ได้

ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 5 เป็นแฟนเจ้าถิ่นที่ได้เฮกันลั่นจากจังหวะที่ กาแอล กลีชี่ เตะสกัดบอลไปโดนขา เซบาสเตียง สกิลลาชี่ ไปเข้าทาง ดาร์เรน เบนท์ หวดเต็มข้อตุงตาข่ายทำให้จบเกมเสมอกันไป 1-1

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

ซันเดอร์แลนด์ : ซิมง มินโยเล่ต์ , เนดุม โอนูโอฮา (เบาเดอไวจน์ เซนเด้น น.76), ไตตัส บรัมเบิ้ล, แอนทอน เฟอร์ดินานด์, คีแรน ริชาร์ดสัน , อาเหม็ด เอล โมฮามาดี้, คริสเตียน ริเวรอส (อซาโมอาห์ กียาน น.63), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สตีด มาลบร็องก์ (แอนดี้ รีด น.86) , แดนนี่ เวลเบ็ค, ดาร์เรน เบนท์
สำรองไม่ได้ใช้ : เทรเวอร์ คาร์สัน (ผู้รักษาประตู), ฟิลลิป บาร์ดลี่ย์, เปาโล ดา ซิลวา, แจ็ค คอลแบ็ค


อาร์เซน่อล : มานูเอล อัลมูเนีย , บาการี่ ซานย่า, เซบาสเตียง สกิลลาชี่, โลร็องต์ กอสเซียลนี่, กาแอล กลีชี่, อเล็กซ์ ซง, แจ็ค วิลเชียร์ , ซามีร์ นาสรี่, เชส ฟาเบรกาส (โทมัส โรซิชกี้ น.29), อังเดร อาร์ชาวิน (เดนิลสัน น.58) , มารูอาน ชามัค

สำรองไม่ได้ใช้ : ลูคัส ฟาเบียนสกี้ (ผู้รักษาประตู), คีแรน กิ๊บบ์ส , คาร์ลอส เวล่า, โยฮัน ฌูรู, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้

ผู้ตัดสิน : ฟิล ดาวด์

ที่มา : สยามสปอร์ต

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

ใบย่านาง...แก้พิษ ฮิตมานานแล้ว

โดย : เอื้อพันธุ์ @กรุงเทพธุรกิจ

ใบย่านาง กำลังฮิต หมอพื้นบ้าน หมอไทย หมอรักษาแนวธรรมชาติบำบัด ใช้ ใบย่านาง เป็นเมนูกินฆ่าโรค ป้องกันโรค



ใบย่านาง กำลังฮิต หมอพื้นบ้าน หมอไทย หมอรักษาแนวธรรมชาติบำบัด ใช้ ใบย่านาง เป็นเมนูกินฆ่าโรค ป้องกันโรค มีหลักพื้นฐานว่าเป็นยาเย็น รักษาโรคฮิตคนเมืองที่มักเกิดจากการกินอาหารที่ร้อนเกินไป กินของทอดอมน้ำมัน กินผักน้อย อยู่ในที่ร้อนรุ่ม อารมณ์เร่งรีบ เครียดสะสม จนเกิดโรค