หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อาร์เซน่อล 1 - เวสต์แฮม 0

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม 2553
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม


อาร์เซน่อลยังวางชุดใหญ่นำโดย เชส ฟาเบรกาส กองกลางกัปตันทีม หน้าเป้าเป็น มารูอาน ชามัค โดยมี อังเดร อาร์ชาวิน กับ ซามีร์ นาสรี่ เป็นแนวรุกร่วม ด้านเวสต์แฮมวาง เฟรเดริค ปิกิยอน เป็นหอกเดียว แล้วอัดกลางแน่น 5 ตัว

น.7 ปืนใหญ่ทักทายก่อน จากจังหวะที่ อังเดร อาร์ชาวิน เลี้ยงเข้ากรอบโทษด้านซ้ายก่อนจะล็อกมายิงหักข้อด้วยขวาหลุดเสาแรกไป


น.24 น่าได้สุดๆ สำหรับอาร์เซน่อล ลูกนี้ บาการี่ ซาญ่า ได้บอลในเขตโทษไปถึงสุดเส้นแล้วหักเข้ากลางมาที่ เชส ฟาเบรกาส แปเน้นๆ ติดมือ โรเบิร์ต กรีน ที่พุ่งเซฟได้เอย่างเหลือเชื่อ

น.36 โอกาสของเวสต์แฮมบ้าง มาร์ค โนเบิ้ล ลองตั้งป้องยิงไกลจากนอกเขตโทษ แต่บอลไปตรงตัว ลูคัสซ์ ฟาเบียนส์กี้ รับเข้าซอง

น.45 ปืนสวนมาอีกทีเกือบได้เหมือนกัน จากลูกเตะมุม ซามีร์ นาสรี่ เปิดมาให้ เซบาสเตียง สกิลลาชี่ โหม่งเจะเสียบเสาอยู่แล้ว แต่ กรีน ยังบินปัดได้อีก หมดครึ่งแรกยังไม่มีสกอร์

ครึ่งหลังน.49 ปือังเดร อาร์ชาวิน ได้บอลหลุดเข้าไปในกรอบฝั่งขวาแต่ซัดด้วยซ้ายออกเสาไกลไป

น.53 ซามีร์ นาสรี่ ซัดฟรีคิกด้วยขวาเต็มๆบอลพุ่งข้ามกำแพงไปชนคานบนกระดอนออกหลังอย่างน่าเสียดาย

น.71 ปืนโตน่าได้สุดๆเมื่อธีโอ วัลค็อตต์ หลุดเข้าไปซัดในกรอบฝั่งขวาบอลผ่านมือโรเบิร์ต กรีน ไปแล้วแต่ชนเสาไกลกระเด้งกลับไปเข้าซองกรีนที่เสาแรกหน้าตาเฉย

น.73 ทีมเยือนหวิดได้เหมือนกันมาร์ค โนเบิล เปิดมุมเข้าไปหน้าประตูมานูเอล ดา คอสต้า ขึ้นโหม่งเหน่งๆแต่บอลเด้งเข้าซองลูคัส ฟาเบียนสกี้

น.87 อาร์เซน่อลนำ 1-0 เมื่อกาแอล กลิชี่ เปิดบอลจากริมกรอบฝั่งซ้ายไปหน้าประตูอเล็กซ์ ซง พุ่งโหม่งที่เสาไกลตุงตาข่าย

จากนั้นเจ้าถิ่นยังครองเกมบุกได้มากกว่าแต่ยิงประตูไม่ได้ทำให้จบเกมอาร์เซน่อล ชนะ เวสต์แฮม 1-0

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

อาร์เซน่อล : ลูคัส ฟาเบียนสกี้,บาการี่ ซาญ่า,โลร็องต์ กอสซิแอลนี่,เซบาสเตียง สกิลลาชี่,กาแอล กลิชี่,ซามีร์ นาสรี่,อเล็กซ์ ซง,เดนิลสัน,เชส ฟาเบรกาส,อังเดร อาร์ชาวิน,มารูอาน ชามัค

เวสต์แฮม : โรเบิร์ต กรีน,ลาร์ส ยาค็อบเซ่น,มานูเอล ดา คอสต้า,แดนนี่ แก็บบิดอน,เอร์ริต้า อิลุงก้า,วาลอน เบห์รามี่, สกอตต์ พาร์เกอร์,มาร์ค โนเบิล,หลุยส์ บัวม็อต,วิคเตอร์ โอบินน่า,เฟรเดริค ปิกิยอน



สรุปผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

- อาร์เซน่อล 1:0 เวสต์แฮม

- แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 1:2 เชลซี

- เอฟเวอร์ตัน 1:0 สโต๊ค

- ฟูแล่ม 2:0 วีแกน

- วูล์ฟแฮมตัน 2:1 แมนฯ ซิตี้

ที่มา : สยามสปอร์ต

กำแพงเมืองสงขลา 174 ปีพัง หลังฝนหนักติดต่อกันหลายวัน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 ตุลาคม 2553

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - กำแพงเมืองสงขลาสมัยรัชการที่ 3 ที่มีอายุกว่า 174 ปี พังเสียหาย คาดสาเหตุมาจากสภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เทศบาลเร่งสำรวจก่อนเสนอกรมศิลปากรบูรณซ่อมแซม



วันนี้ (30 ต.ค.) เกิดเหตุกำแพงเมืองสงขลา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนจะนะ หน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสงขลา พังลงมาได้รับความเสียหาย โดยจุดที่พังเสียหายอยู่บริเวณกึ่งกลางของกำแพงความยาวประมาณ 4 เมตรและสูงจากพื้นจนถึงใบเสมาประมาณ7 เมตร เศษหินกระจายลงมาอยู่บนถนน โดยคาดว่ามีสาเหตุมาจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ทำให้ตัวกำแพงซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 174 ปี และสร้างด้วยหินสอปูน ถูกน้ำกัดเซาะจนทำให้ตัวกำแพงบางส่วนที่กำลังเริ่มเสื่อมสภาพพังลงมา และจากการตรวจสอบยังพบว่าบริเวณตัวกำแพงความยาวกว่า 148 เมตร ยังมีรอยปริอีกหลายจุดเสี่ยงต่อการพังเสียหายหากฝนยังตกหนักต่อเนื่อง

วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

นิวคาสเซิ่ล (พรีเมียร์ลีก) 0 - 4 อาร์เซน่อล (พรีเมียร์ลีก)

วัน พุธ ที่ 27 ตุลาคม 53
ฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพ รอบสี่
สนาม : เซนต์ เจมส์พาร์ค


เกมคู่ใหญ่ที่เซนต์ เจมส์พาร์ค นิวคาสเซิ่ลซึ่งแผลงฤทธิ์บุกไปเขี่ยเชลซีตกรอบสามปรับทีมหลายตำแหน่งจากนัด บุกไปชนะเวสต์แฮม 2-1 ในพรีเมียร์ลีกโดยคงแค่ทิม ครูลกับไมค์ วิลเลี่ยมสันเอาไว้ในโผตัวจริงซึ่งมีอลัน สมิธกัปตันทีม และปีเตอร์ โลเวนครานด์สได้ร่วมบู๊

ด้านอาร์เซน่อลก็เปลี่ยนผู้เล่นเก้ารายเหลือแค่โยฮัน ฌูรูกับเดนิลสันจากนัดบุกสยบแมนฯ ซิตี้ 3-0 โดยมีนายทวารวัย 20 ปีวอยเซียจ เซคเซสนีย์ได้ลงเฝ้าเสา ขณะที่โลร็องต์ กอสซิแอลนี่กองหลังที่สมบูรณ์แล้วก็ได้ลงเล่นเช่นเดียวกับธีโอ วัลค็อตต์


ขณะเดียวกัน เดอะ กันเนอร์สยังใส่ชื่อฮาร์วาร์ด นอร์ดวีตกองหลังดาวรุ่งชาวนอรเวย์เอาไว้ที่ซุ้มม้านั่งสำรองด้วย

เริ่มเกมมาได้แค่ 15 วินาทีทีมเมืองกรุงก็มีเสียวเมื่อคาร์ลอส เวล่าสบโอกาสหลุดเข้าไปตะบันระยะ 12 หลา ทว่าครูลโชว์เหนียวเซฟได้เยี่ยม

และจากลูกเตะมุมด้านซ้ายที่ลอยไปเสาไกล นิคลาส เบนด์เนอร์ก็ได้สับไกเหน่งสองหนติดบล็อคของวิลเลียมสันทั้งสองครั้ง และครั้งที่สามกองหน้าเดนส์ก็เข่นไปถูกครูลรับได้

จากนั้นในนาทีที่ 2 นิวคาสเซิ่ลก็ได้ลุ้นบ้างเมื่อฮาริส วุคคิชพาบอลบุกขึ้นริมสนามและฝ่าเข้าเขตโทษด้านซ้ายได้ แต่จังหวะตะบันส่งบอลตุงตาข่ายด้านข้าง

ผ่านมาถึงนาทีที่ 4 เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ได้กดจาก 20 หลาถูกครูลรับได้อีก และนาทีต่อมาโทมัส โรซิชกี้ก็จ่ายบอลให้เบนด์เนอร์หลุดเข้าเขตโทษด้านซ้ายไปซัลโวส่งบอลหลุดเสา ไกลออกไปนิดเดียวเท่านั้น

กระทั่งนาทีที่ 14 กองเชียร์ทูน อาร์มี่ก็เกือบได้ไชโยจากการโต้ยาวที่ทำให้ไนล์ เรนเจอร์หลุดไปแตะหลบเซคเซสนีย์ที่วิ่งออกมาถึงหน้าเขตโทษ แต่จังหวะสุดท้ายกลับเงื้อง่าราคาแพงเลยเข่นจาก 12 หลาไปติดบล็อคของกอสซิแอลนี่หลุดออกเส้นข้าง

และจากลูกทุ่มด้านขวาของเจ้าบ้านที่ปืนโตเคลียร์กันไม่ขาด สมิธก็ได้กระทุ้งเต็มแรงจาก 25 หลา ทว่าเซสนีย์ปัดได้ด้วยปลายนิ้วทำให้บอลพุ่งชนคานอย่างน่าเสียวไส้

ผ่านมาถึงนาทีที่ 19 คีแรน กิ๊บบ์สที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนก็เล่นต่อไม่ไหว ต้องเดินออกจากสนามไปทำให้บาการี่ ซาญ่าถูกส่งลงไปแทน

และนับจากนั้นก็เป็นทีมเยือนที่ทำเกมบุกได้ดีกว่า แต่จังหวะจะโคนยังไม่น่ากลัว ต้องรอจนถึงนาทีที่ 38 ก่อนที่เบนด์เนอร์จะโยกพาบอลตัดจากกราบซ้ายลุยเข้าเขตโทษไปซัดระยะ 14 หลา แต่ไม่มีน้ำหนักจึงถูกครูลรับกินสบาย

ขยับมาอีกสองนาที เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ก็เลื้อยขึ้นทางซ้ายไปแตะหลบไรอัน เทย์เลอร์ทะลุเข้าเขตโทษได้ แต่ตัดสินใจสับไกจากสุดเส้นหลังหมายยัดเสาแรก ทำให้บอลพุ่งเข้าอัดหน้าต่าง

นาทีที่ 43 ทีมปืนใหญ่ซึ่งเร่งเกมเต็มสูบมีลุ้นอีกหนจากจังหวะที่เดนิลสันทำชิ่งคืนให้ เบนด์เนอร์ซัลโวจาก 20 หลา ทว่ายังเบาหวิวเหมือนเดิมจึงไม่ผ่านมือครูล

อย่างไรก็ดี เข้าสู่ช่วงทดเวลาเจ็บ ตาข่ายของเจ้าบ้านก็ขาดจนได้จากลูกเตะมุมด้านซ้ายของอาร์เซน่อลที่ครูลขยับ ออกไปชกทิ้ง แต่ทีมปืนใหญ่หนุนลูกโด่งกลับเข้าไปโดยเบนด์เนอร์ได้โขกจาก 12 หลาไปที่หน้าประตูแล้วเทย์เลอร์โขกสกัดจากบนเส้นไปชนหลังศีรษะของครูลกระดอน เข้าสู่ก้นตาข่าย จึงเป็นอันว่าอาร์เซน่อลนำในครึ่งแรก 1-0 จากการพังประตูตัวเองของนายทวารเดอะ แม็คพายส์

เริ่มครึ่งหลังมาได้เพียงสองนาที สมิธก็ปรี่เข้าสอยวัลค็อตต์ที่อาศัยสปีดเลื้อยขึ้นทางริมเส้นจึงรับใบเหลืองตามระเบียบ

จากนั้นในนาทีที่ 53 กองเชียร์สาลิกาก็ต้องเซ็งเมื่อแนวรับดันกันขึ้นสูงเพื่อหนุนเกมรุกแล้วโดน อาร์เซน่อลโต้ยาวขึ้นมา แม้เบนด์เนอร์จะล้ำหน้าแต่กองหน้าร่างยักษ์ไม่เล่นบอล ปล่อยให้วัลค็อตต์ควบไปหาบอลแล้วลากหนีสองกองหลังเข้าเขตโทษไปชิพจาก 14 หลาผ่านครูลตุงตาข่ายเพิ่มสกอร์ให้เดอะ กันเนอร์สนำ 2-0

เข้าอีหรอบนี้ เจ้าถิ่นจึงอยู่เฉยไม่ได้ ต้องเปลี่ยนทั้งแอนดรูว์ แคร์โรลล์และโฮนาส กูตียร์เรซลงไปแทนเวย์น เราท์เลดจ์ และปีเตอร์ โลเวนครานดส์ในนาทีที่ 57

ถึงกระนั้น ทีมเยือนยังคงพับสนามบุกอย่างสนุกเท้า แถมส่งเชส ฟาเบรกาสลงไปแทนเวล่าในนาทีที่ 71 ขณะที่ทีมอีสานปล่อยโจอี้ บาร์ตันลงไปแทนสมิธ

เจ้าถิ่นบุกอยู่เพลินๆ กลับต้องมาสังเวยประตูที่ 3 ในนาทีที่ 82 จากจังหวะโต้กลับ เชส ฟาเบรกาส จ่ายบอลให้กับ นิคลาส เบนด์เนอร์ แตะหนึ่งจังหวะ ก่อนซัดด้วยขวาในกรอยเขตโทษ บอลพุ่งเข้าประตูอย่างสวยงาม

เท่านั้นยังไม่พอ นาทีที่ 88 ปืนโต ก็มาได้ประตูปิดท้ายเป็น 4-0 ธีโอ วัลค็อตต์ ได้บอลหลุดเข้าไปดวลเดี่ยวกับ ทิม ครูล ก่อนแปสวนตัวเข้าไปจบเกม อาร์เซน่อล บุกมาเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล หายห่วง 4-0 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

นิวคาสเซิ่ล : ทิม ครูล , เจมส์ เพิร์ช , ไมค์ วิลเลียมสัน , ทามาส คาดาร์ , ไรอัน เทย์เลอร์ ,เวย์น เราท์เลดจ์ , แดนนี่ กัธรี่ , อลัน สมิธ ,ฮาริส วุคคิช , ปีเตอร์ โลเวนครานดส์ , ไนล์ เรนเจอร์

สำรอง : โอเล่ โซเดอร์เบิร์ก , ฟาบริซิโอ โคลอชชินี่ , ซานเชซ โฆเซ่ เอ็นริเก้ , โจอี้ บาร์ตัน , แอนดรูว์ แคร์โรลล์ , โฮนาส กูเตียร์เรซ , เชค ติโอเต้


อาร์เซน่อล : วอยเซียจ เซคเซสนีย์ , เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ , โยฮัน ฌูรู , โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ย์ , คีแรน กิ๊บบ์ส , เดนิลสัน , เคร็ก อีสต์มอนด์ , โทมัส โรซิชกี้ , ธีโอ วัลค็อตต์ , นิคลาส เบนด์เนอร์ , คาร์ลอส เวล่า

ตัวสำรอง : ลูคัส ฟาเบียนสกี้ , บาการี่ ซาญ่า , เชส ฟาเบรกาส , อังเดร อาร์ชาวิน ,เจย์ เอ็มมานูเอล โธมัส , เฮนรี่ ลันสบิวรี่ , ฮาร์วาร์ด นอร์ดวีต

ผู้ตัดสิน : อังเดร มาร์ริเนอร์


สรุปผลฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพ รอบสี่
- แอสตัน วิลล่า เสมอ เบิร์นลี่ย์ 1-1 (ต่อเวลาพิเศษ แอสตัน วิลล่า ชนะ 2-1)
- นิวคาสเซิ่ล แพ้ อาร์เซน่อล 0-4
- เวสต์แฮม เสมอ สโต๊ค 1-1 (ต่อเวลาพิเศษ เวสต์แฮม ชนะ 3-1)

ที่มา : สยามสปอร์ต

วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แมนฯ ซิตี้ 0-3 อาร์เซน่อล

วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2553
ผลการแข่งขันพรีเมียร์ลีก แมนฯ ซิตี้-อาร์เซน่อล
สนาม : ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์


โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือเรือใบสีฟ้าทำเซอร์ไพร์ซส่ง เดดริก โบยาต้า ลงเล่นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวจริง มีคาร์ลอส เตเวซ เป็นหอกตัวเป้า ส่งอาร์เซน่อลของอาร์แซน เวนเกอร์ ก็เลือก โยฮัน ฌูรู มาก่อน โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ แดนกลางอัด เดนิลสัน เพิ่มอีกคน


แค่นาทีแรก แมนฯ ซิตี้ ก็เกือบออกนำจากจังหวะที่ คาร์ลอส เตเวซ กระชากบอลจากริมเส้นขวาไปถึงสุดเส้นหลังก่อนจ่ายเรียดไปเสาแรกให้ ดาบิด ซิลวา ไขว้ยิงระยะ 4 หลาแต่ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ยังล้มตัวรับไว้ได้

น. 5 เรือใบสีฟ้าเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน เชส ฟาเบรกาส แทงบอลทะลุช่องให้ มารูอาน ชามัค แตะบอลจะหลุดเดี่ยวเข้ากรอบโทษก่อนโดน เดดริก โบยาต้า เกี่ยวล้มจากด้านหลัง มาร์ค แคล็ทเทนเบิร์ก ชักใบแดงไล่ออกทันที

น. 18 อาร์เซน่อลได้โอกาสจะจะครั้งแรก บาการี่ ซาญา โยนบอลริมเส้นขวาเข้าเขตโทษให้ โยฮัน ฌูรู เทคตัวโหม่งระยะ 6 หลาบอลเหินข้ามคาน

น. 21 เดอะ กันเนอร์ส ขึ้นนำ 1-0 จากการประสานที่ยอดเยี่ยมของ ซามีร์ นาสรี่ ไหลให้ อังเดร อาร์ชาวิน ดึงจังหวะก่อนไหลกลับมา นาสรี่ สับไกในกรอบโทษด้านขวาระยะ 15 หลาเสียบเสาสองสวยงาม

น. 28 เจ้าถิ่นมีลุ้นตีเสมอจากจังหวะที่ เจมส์ มิลเนอร์ แทงทะลุช่องเข้ากรอบโทษ ไมกาห์ ริชาร์ดส์ แบ็กขวาวิ่งสอดขึ้นไปล็อกเข้าซ้ายก่อนปั่นโค้งหลุดเสาสองออกไป

น. 40 อาร์เซน่อลพลาดได้ประตูที่สอง เชส ฟาเบรกาส โดน แว็งซ็องต์ ก็องปานี รวบมุมเขตโทษด้านขวา กรรมการชี้เป็นจุดโทษทันที เชสลุกขึ้นยิงไปทางขวามือตัวเองแต่โจ ฮาร์ท พุ่งตะครุบอยู่มือ

จบครึ่งแรก อาร์เซน่อล บุกมานำ 1-0

ครึ่งหลังน. 47 อาร์เซน่อลมัวแต่เล่นสวยมารูยาน ชามัค พาบอลไปถึงเส้นหลังในกรอบฝั่งซ้ายแล้วไหลย้อนให้เชส ฟาเบรกาส ไหลต่อให้ซามีร์ นาสรี่ แต่นาสรี่ไม่มีมุมยิงเลยไหลคืนให้ฟาเบรกาส แปโล่งๆแต่ยิงเบาและตรงตัวโจ ฮาร์ทรับติดมือหนึบ

น.56 ดาบิด ซิลบา หลุดเข้าไปในกรอบฝั่งซ้ายแล้วจิ้มด้วยซ้ายบอลพุ่งไปเสาไกลแต่ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ปัดได้ปลายมือ

น. 58 อังเดร อาร์ชาวิน หลุดเข้าไปซัดตรงกรอบฝั่งซ้ายบอลพุ่งเรียดไปที่เสาแรกแต่โจ ฮาร์ท ยังรับติดมือหนึบ

น. 66 อาร์เซน่อลนำ 2-0 เมื่อเชส ฟาเบรกาส เปิดยัดเข้าไปในกรอบเวย์น บริดจ์พยายามสกัดบอลแต่โดนไม่ดีกลายเป็นแปะบอลให้อเล็กซ์ ซง ซัดเหน่งๆตุงตาข่าย

น. 88 ปืนนำขาด 3-0 เมื่อซามีร์ นาสรี่ แทงบอลให้นิคลาส เบนท์เนอร์ หลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบฝั่งซ้ายแล้วแปหนีมือโจ ฮาร์ท เสียบเสาไกลตุงตาข่าย

จากนั้นไม่มีประตูเพิ่มทำให้จบเกมอาร์เซน่อล บุก ชนะ แมนฯ ซิตี้ 10 คน 3-0 แซงขึ้นรั้งรองจ่าฝูงตามหลังเชลซี 5 แต้ม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม


แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, ไมการ์ ริชาร์ดส, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี,เดดริค โบยาต้า,เยโรม บัวเต็ง,ยาย่า ตูเร่,ไนเจล เดอ ย็อง,แกเร็ธ แบร์รี่,เจมส์ มิลเนอร์,คาร์ลอส เตเวซ,ดาบิด ซิลบา


อาร์เซน่อล : ลูคัส ฟาเบียนสกี้,บาการี่ ซานย่า, เซบาสเตียง สกิลลาชี่, โยฮัน ฌูรู, กาแอล กลิชี่,ซามีร์ นาสรี่, อเล็กซ์ ซง, เดนิลสัน, เชส ฟาเบรกาส,อังเดร อาร์ชาวิน, มารูยาน ชามัค

ที่มา : สยามสปอร์ต

วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เลียบคลองลัดทุ่งที่"เวนิส"แห่งอังกฤษ

ไลฟ์สไตล์ @คมชัดลึก


ที่อิตาลี ผู้คนนับล้านที่เยือนเวนิสต่างล่อง "เรือกองโดลา" ลัดเลาะเลียบคลองเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศ แต่ที่นี่เวนิสแห่งอังกฤษ บนสองเท้า เราจะพาไปชมเมืองที่โรแมนติกที่สุด 


อากาศเย็นๆ สายลมไหวๆ พัดหอบมวลอากาศสดชื่นกลิ่นหอมของทุ่งหญ้า เป็นบรรยากาศที่ต่างจากเมืองใหญ่อันแสนวุ่นวาย รถบัสพูลแฮม (Pulham&Sons) เลี้ยวเข้าถนนสายเล็กๆ ผ่านทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์สองข้างทาง ในที่สุดเราก็มาถึง Bourton-on-the-water หรือเบอร์ตัน เวนิสแห่งอังกฤษ สถานที่ตากอากาศยอดนิยมของเหล่าบรรดาเซเลบริตี้เมืองผู้ดี
บ้านหิน สีน้ำตาลเหลืองนวลตาเหมือนหมู่บ้านในเทพนิยายสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 หรือเทียบเท่ากับปลายสมัยอยุธยาของไทย ยังคงเอกลักษณ์ไว้ไม่เปลี่ยนแปลง แม่น้ำเล็กๆ (Windrush) ไหลผ่านกลางเมือง น้ำใสแจ๋วและเย็นสดชื่น ทะลุเบื้องล่างเห็นก้อนกรวดที่ท้องน้ำ ปลาเทราท์ตัวแบนลายจุดว่ายเฉียดหิน มีเพียงเป็ดฝูงใหญ่ที่ทำลายความสงบริมน้ำในยามเช้า นักท่องเที่ยวยังไม่มากนักอาจด้วยเพราะฝนตกพรำในหน้าร้อนเช่นนี้แต่เช้า ตรู่
สะพานหินแบบโค้งสีเดียวกับหมู่บ้านเชื่อมสองฟากของคลอง ยามนั่งห้อยขาเล่นกลางสะพาน เพื่อทัศนาบรรยากาศรอบๆ สายลมพัดหอบความเย็นสดชื่นของผืนน้ำขึ้นมา เมื่อตกสายเด็กเล็กๆ เริ่มวิ่งลงเล่นน้ำกันอย่างสนุก นักท่องเที่ยวก็จับจองที่นั่งเพื่อชมบรรยากาศในคาเฟ่ที่มีสวนกลางแจ้งอยู่ ด้านหน้าเพื่อจิบชา และรับประทานบรันช์ (Brunch คืออาหารมื้อเช้าและกลางวันแบบควบรวม ผู้คนที่นี่มักตื่นสายในวันหยุด)

บ้านริมคลองนี้ส่วนมากผันตัวเองเป็นโรงแรม ผับและร้านอาหาร แบบทำกันเองในครัวเรือน เป็นโอกาสที่เราจะได้ชิมอาหารฝีมือบ้านๆ แต่รสชาติดีของแถบนี้ เพื่อเพิ่มพลังสำหรับการเดินทางทั้งวัน เราเลือกทาน มันฝรั่งจิ๋ว หรือที่เรียกว่า New Potato คู่กับ ไส้กรอกแบบอังกฤษ (English Sausage) ซึ่งเนื้อจะหยาบกว่าไส้กรอกเยอรมัน
แผนที่แบบละเอียดแบบขาว-ดำ ราคาสองปอนด์ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบอกเราว่ามีหลายเส้นทางเพื่อเดินไป ยังเมืองรอบๆ เส้นทางประมาณ 8 กิโลเมตรพาเราเดินลัดเลาะทะเลสาบสามสี่แห่ง ครอบครัวส่วนใหญ่เลือกที่จะตั้งเต็นท์เล็กๆและเตรียมเสบียงมานั่งตกปลา และจำนวนไม่น้อยเดินทางแบบรถคาราวาน รถยนต์พ่วงตู้ที่พัก ภายในเป็นที่นอนและบรรทุกอุปกรณ์แคมปิ้งหลากหลายชนิด ทั้งเต็นท์เก้าอี้นั่งเหมือนย้ายสวนหลังบ้านกันมาเลยทีเดียว

เมื่อเมฆเคลื่อนตัว แสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านกระทบผืนน้ำสะท้อนแสงสีเงินตัดกับสีเขียวเข้มๆ ชวนให้นึกถึงภาพวาดของเทอร์นเนอร์ (Turner) จิตรกรชื่อดังชาวอังกฤษ ตลอดทางเดินต้นเบอร์รีและแอปเปิ้ลที่ขึ้นประปรายตามทางเป็นอาหารของนกที่ส่ง เสียงร้องให้ความบันเทิงใจ

นอกเหนือจากแคมปิ้งแล้ว ยังมีกิจกรรมหลากหลายเหมาะสำหรับครอบครัวเช่น เวิร์กช็อปทำน้ำหอม เมืองจำลอง สวนนก (Bird Farm) เกมเมซ (Maze) แต่ที่ได้ใจผู้ใหญ่หัวใจเด็กที่สุดต้องยกให้ Railway อาคารแบบเก่าแบ่งพื้นที่ภายในเป็นสามห้องจัดแสดง

เสน่ห์ของรถไฟคงอยู่ที่การสร้างแบบจำลองซึ่งรวมถึงเมืองและชุมชนสองข้าง ทางทั้งชุมชนเมืองและชนบท ทั้งรถไฟ รถราง กระเช้าลอยฟ้าและรถบัสต่างเคลื่อนที่อัตโนมัติชวนให้เราเชื่อว่าเมืองเล็กๆ ข้างหน้านี้มีชีวิตจริงๆ รู้ตัวอีกทีก็เมื่อนิทรรศการจบลง บริเวณหน้าร้านมีแบบจำลองรถไฟให้นักท่องเที่ยวเลือกติดไม้ติดมือกลับบ้าน แต่เมื่อดูจากราคาแล้วคงเป็นของเล่นผู้ใหญ่มากกว่าของเด็ก
อีกเส้นทางที่เราตั้งใจสำรวจคือเส้นทางที่ผ่านท้องทุ่งสีเหลือง เป็นระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร มุ่งไปยัง โลวเออร์ สลาฟเตอร์ (Lower Slaughter) เพราะการเดินนี่เองที่พาเราผ่านทุ่งปริศนา ทำให้ทราบว่าที่จริงมันคือทุ่งข้าวสาลี รวงข้าวสีเหลืองทองพร้อมแล้วสำหรับการเก็บเกี่ยว

ปลายทุ่งข้าวสาลีปรากฏบ้านน่ารักเหมือนบ้านช็อกโกแลต เราก็รู้ทันทีว่าได้มาถึง โลวเออร์ สลาฟเตอร์แล้ว ที่นี่เงียบกว่าเบอร์ตันมาก คาเฟ่ริมคลองที่กักเก็บน้ำไว้บริเวณโรงนาเก่า (Old Mill) นี้บรรยากาศเงียบสงบและงดงาม ชาใส่นมและเค้กแครอทโฮมเมดทำให้ร่างกายคึกคักขึ้น เราซื้ออาหารเป็ดซึ่งเป็นเมล็ดธัญพืชหลากชนิดที่บรรจุใส่ถุงกระดาษ มองซ้ายขวาหาเป็ดสักพัก เจ้าของร้านบอกว่าเป็ดมันจะมาหาคุณเอง

ฉับพลันที่เมล็ดธัญพืชโปรยปรายลงน้ำ เจ้าเป็ดฝูงใหญ่มุ่งหน้ามาริมน้ำด้านเราทันที แย่งอาหารที่มีจำกัด เมื่ออาหารเริ่มหมดถุง เจ้าเป็ดหัวใสต่างก็ดำผุดดำว่ายเพื่อไปกินอาหารที่ร่วงตกบนท้องน้ำ ทั้งกินทั้งทำความสะอาดอย่างรู้หน้าที่พลเมืองเป็ด

นอกจากการเดินชมธรรมชาติจะทำให้เราสัมผัสสิ่งรอบตัวได้มากกว่าที่เคย แม้กระทั่งสายลมที่ผ่านหู ทุ่งสาลีสุดลูกตา รอยยิ้มเพื่อนข้างทางและเม็ดเหงื่อที่ผ่านรูขุมขน เรายังได้เรียนรู้อีกสิ่งหนึ่งคือความเป็น นักอนุรักษ์ของชาวอังกฤษ ที่สามารถดำรงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของชุมชน ท่ามกลางการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและตัวเมือง

...นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมเบอร์ตันจึงไม่เคยปราศจากนักท่องเที่ยวเลย

หากได้ไปลอนดอนและยังพอมีเวลาวันสองวัน อย่าลืมเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศแบบชนบทอังกฤษและจะพบว่าอังกฤษมีอะไรให้ค้นหาอีกมาก

www.oknation.net/blog/rhythms

เคล็ดลับเลือกเพชร

เพชร อัญมณีเลอค่า ราคาสูง หากจะซื้อหามาครอบครอง ก็ต้องรู้หลักการเลือกเพชร 4C อันประกอบด้วย


Clarity หรือความสะอาด ต้องตรวจดูรอยตำหนิภายในและภายนอก ไม่ว่ะจะเป็นรอยที่ผิว รอยสึก แต่ก็เจียรออกได้ ปัจจุบันเพชรที่ไร้รอยตำหนินั้นหาค่อนข้างยากและราคาสูง

Color หรือสี โดยเพชรแบบที่ใส ไม่มีสี (colorless) ถือว่าเป็นเพชรที่สวยงาม มีคุณค่า และเป็นที่นิยมมาก ขณะที่เพชรสีที่มีราคาแพงที่สุด คือ เพชรสีแดง

Cutting หรือการเจียระไน ก็คือ สัดส่วน ความละเอียดประณีตของการเจียระไนเพชร และรูปทรงของเพชร ซึ่งมีอยู่หลายแบบ เช่น เหลี่ยม หัวใจ หยดน้ำ ส่วนแบบทรงกลม (Brilliant cut) จะเป็นที่นิยมที่สุด

สุดท้าย Carat weight หรือน้ำหนัก คือ ส่วนสำคัญในการกำหนดราคาของเพชร โดยเพชร 1 กะรัต หนัก 0.20 กรัม หรือ 1 กะรัต เท่ากับ 100 สตางค์ และน่าแปลกที่เพชร 1 กะรัต มีราคาแพงกว่าเพชรครึ่งกะรัต 2 เม็ด แม้คุณภาพจะเท่ากัน แต่ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเพชรเม็ดใหญ่หายากกว่า

ที่มา : เดลินิวส์

วันพุธที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สุดยอดที่เบลเยียม

โดย : มานพ จันทรฯ
Life Style : ท่องเที่ยว
@กรุงเทพธุรกิจ

เยือนบรัสเซลส์ ชมศูนย์รวมความเป็นสุดยอดของ บรัสเซลส์


เมืองหลวงของประเทศเบลเยียม กรุงบรัสเซลส์ (Brussels) เสร็จ สิ้นจากการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมการประผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 8 (ASEM) มาไม่นาน เนื่องจากเมืองหลวงแห่งนี้มีความเพียบพร้อมด้านการประชุมสัมมนาระดับโลก เป็นศูนย์กลางของยุโรปก็ว่าได้ โดยเฉพาะบรัสเซลส์ เป็นสถานที่ตั้งของสำนักงานกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (EU) องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) และหน่วยงานสำคัญระดับโลกอื่นๆ



เบลเยียม มีพรมแดนติดต่อกับประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี ลักเซมเบิร์ก และเนเธอร์แลนด์ มีพื้นที่ 30,528 ตารางกิโลเมตร ด้วยเหตุนี้จึงมีความหลากหลายของผู้คนและวัฒนธรรม โดยเฉพาะภาษาพูด ที่มีแตกต่างกันในสองภูมิภาคใหญ่ ได้แก่ ฟลานเดอร์ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่พูดภาษาดัตช์ และในภูมิภาควัลโลเนีย ประชากรส่วนใหญ่พูดภาษาฝรั่งเศส ส่วนในบรัสเซลส์นั้น เป็นเขตทวิภาษา พูดทั้งฝรั่งเศส ดัตช์ และเยอรมัน ซึ่งทั้งสามจัดเป็นภาษาทางราชการอีกด้วย

 

หากได้มาเยือนบรัสเซลส์ ตลาด Grote Markt หรือ Grand Market เป็นย่านที่ใครก็ต้องมา เพราะเป็นศูนย์รวมความเป็นสุดยอดของบรัสเซลส์ มีอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่ตลอดสองข้างทาง ตลาดดอกไม้สีสันสดใส ร้านอาหาร ผับ บาร์ ที่พัก โรงแรม นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า Museum voor Moderne Kunst (Museum of Modern Art) ซึ่งไม่เพียงรวบรวมผลงานจากศิลปินในประเทศเท่านั้น แต่ยังมีงานของศิลปินจากประเทศอื่นๆ ให้ชมด้วย

ภาพประกอบจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ส่วน อะตอมเมียม (Atomium) สัญลักษณ์แทนเมืองใหญ่ทั้งเก้าเมืองของเบลเยียม เป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ประกอบไปด้วยลูกกลมสีเงินเก้าลูกซึ่งเชื่อมต่อกัน ด้วยเหล็กสีเงิน จำลองจากโครงสร้างของอะตอมแบบขยายส่วน มีความสูงขนาด 102 เมตรจากพื้นดิน


สัญลักษณ์ของบรัสเซลส์อีกแห่งหนึ่งก็คือ อนุสาวรีย์แมนนาคินพิส (Menneken Pis) หนูน้อยยืนฉี่ตามตำนานว่าเด็กน้อยรายนี้ยืนปัสสาวะเพื่อดับไฟที่เป็นต้น เพลิงที่อาจลุกลามไปทั้งเมือง ชาวบ้านจึงสร้างไว้เพื่อให้ระลึกถึง

 

ยังมีสถานที่ที่น่าสัมผัสอีกหลายแห่งโดยเฉพาะหมู่ตึกอาคารที่เป็น สถาปัตยกรรมอันสวยงาม เช่น ศาลาว่าการเมือง หมู่ตึกกริลเฮ้าส์ ที่จัตุรัสแกรนด์เพลซ ที่เคยเป็นสถานที่ประทับของกษัตริย์ เบลเยียม และเป็นตลาดนัดจุดรวมการแลกเปลี่ยนสินค้าในอดีต


ในบรัสเซลส์มีอาหารท้องถิ่นที่นักเดินทางควรลิ้มรส เช่น มันฝรั่งทอด ต้นตำรับของ French Fries รวมถึง Moules Frites หรือหอยแมลงภู่อบ เครื่องดื่มที่มีชื่อไม่แพ้เยอรมันก็คือ เบียร์หลากหลายชนิดนั่นเอง ส่วนของหวานที่ไม่แพ้สวิสก็ได้แก่ ช็อกโกแลต รวมทั้งขนมวัฟเฟิลที่เลื่องชื่อเช่นกัน


หากเดินๆ อยู่แล้วเจอชาย-หญิง หรือเพศเดียวกัน เดินกอดจูบตามที่สาธารณะก็อย่าได้ตกใจ เพราะบรัสเซลส์เป็นดินแดนที่มีเสรีภาพทางเพศ คนต่างเพศและคนเพศเดียวกันสามารถแต่งงานมีสถานภาพที่กฎหมายให้การยอมรับ


ไม่บ่อยนักที่จะได้ชมภาพยนตร์จากเบลเยียม Everybody Famous! (2000) คือหนึ่งในผลิตผลส่วนน้อยที่กำกับโดยชาวเบลเยียมเข้าชิงรางวัลบนเวทีออสการ์ ปี 2000 แม้ไม่ได้รางวัลติดมือแต่เนื้อหาของภาพยนตร์ไม่ธรรมดาเลย

หนังเล่าเรื่องครอบครัวของ “ฌอง” หนุ่มใหญ่หัวหน้าครอบครัวเป็นคนงานในโรงงานแห่งหนึ่ง สิ่งที่เขาฝันใฝ่ในชีวิตก็คือ การได้เป็นที่ยอมรับของคนในสังคม เป็นคนเด่นดังที่ใครๆ ก็นิยมยกย่อง เขาพยายามเหลือเกินที่จะผลักดันลูกสาว “มาร์วา” ขึ้นประกวดร้องเพลงในเวทีต่างๆ โดยที่มาร์วาเองไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย เพราะด้วยรูปร่างที่อวบเกินพิกัดนักร้องทั่วไปทำให้เป็นที่อึดอัดใจอย่าง ยิ่ง แต่ก็จำใจเดินสายไปทุกเวที


อยู่มาวันหนึ่งโรงงานปิดกิจการ ฌองและเพื่อนๆ ตกงานทันที เขาจึงหวังว่าเพลงที่เขาฮัมทำนองไว้จะเป็นโอกาสหนึ่งที่จะทำให้เขาและครอบ ครัวกับมาเชิดหน้าชูตาในสังคมอย่างภาคภูมิใจ และบังเอิญเขาพบกับ “เด็บบี้” นักร้องคนดังระหว่างเดินทางกลับบ้าน ฌองสบโอกาสจึงได้ลักพาตัวเธอโดยมีเพื่อนอดีตพนักงานโรงงานช่วยเหลือ แต่ค่าไถ่กลับไม่ใช่เงิน เงื่อนไขที่ฌองต้องการก็คือผู้จัดการของเด็บบี้จะต้องปั้นลูกสาวของเขาให้ กลายเป็นนักร้องโด่งดังเป็นที่รู้จักให้ได้


Everybody Famous! ภาพยนตร์ตลกร้ายเสียดสีวงการบันเทิงและสื่อมวลชนอย่างแสบสัน ดำเนินเรื่องไม่สลับซับซ้อนแต่แยบคาย พลิกสถานการณ์กลับไปกลับมาอย่างคาดไม่ถึง ผู้กำกับ Dominique Deruddere นำเอานักแสดงเบลเยียมที่คัดสรรผลงานมากกว่าหน้าตามารวมไว้ เป็นงานแบบเล็กดีรสโตที่ผู้ชมต้องจดจำ

เช่นเดียวกับเบลเยียม เล็กแต่มีศักยภาพสมกับการเป็นศูนย์กลางของยุโรป

…………….

Everybody Famous! (2000)
City : Brussel
Country : Belgium
Population : 10,419,000
Film : Everybody Famous! (2000)
Director : Dominique Deruddere
Cast : Josse De Pauw, Eva van der Gucht, Werner De Smedt, Thekla Reuten, Victor Low

อาร์เซน่อล (อังกฤษ) 5 - 1 ชัคเตอร์ โดเนทส์ค (ยูเครน)

วันอังคารที่ 19 ตุลาคม 2553 (เวลาในประเทศไทย หลังเที่ยงคืน)
ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอช
สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม


อาร์เซน่อลคึกจัดเมื่อได้เชส ฟาเบรกาสกัปตันทีมฟิตลงเล่นเป็นตัวจริง ขณะที่ธีโอ วัลค็ตต์กับนิคลาส เบนด์เนอร์ก็หายเจ็บกลับมานั่งเป็นตัวสำรองแม้จะยังขาดผู้เล่นที่ไม่สมบูรณ์ อีกพอสมควร

ด้านชัคเตอร์ที่ขาดแฟร์นานดินโญ่จากอาการเดี้ยงส่งราชวาน รัตกับหลุยส์ อาเดรียโน่ที่ได้พักในลีกนัดก่อนลงบู๊ แต่เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวาอดีตหัวหอกปืนใหญ่นั่งอยู่ในซุ้มข้างสนาม


เกมเปิดแลกกันตั้งแต่ต้น ทว่าต่างยังไม่มีโอกาสสร้างความหวาดเสียว ต้องรอจนกระทั่งนาทีที่ 18 กว่าที่เจ้าบ้านจะได้ทักทายเมื่อซามีร์ นาสรี่พลิ้วขึ้นทางซ้ายไปจ่ายยาวเข้ามาหน้าประตู แต่มารูอาน ชามัคโขกจากหกหลาไม่เต็มศีรษะบอลจึงทะลักเสาไกลออกไป

อย่างไรก็ดี นาทีต่อมาทีมปืนใหญ่ก็ได้เฮแบบไม่คาดฝันจากลูกเตะมุมที่นายทวารอังเดร ปียาตอฟทำพลาดง่ายๆกระโดดคว้าได้แล้วแต่ทำหลุดมือทั้งๆที่ไม่มีใครกดดัน โยฮัน ฌูรูจึงเข้าสไลด์เก็บตกก่อนที่อเล็กซ์ ซงจะตามไปยิงลูกไขว้จากสามหลาผ่านจังหวะสกัดของกองหลังทีมเยือนตุงตาข่ายพา เจ้าบ้านนำ 1-0

เกมของอาร์เซน่อลลงล็อคขึ้นมาทันที และเกือบเบิกสกอร์เพิ่มได้อีกในนาทีที่ 22 จากลูกโยนยาวแถวแดนกลางที่ชามัคโขกตั้งคืนให้นาสรี่เข่นจาก 18 หลา แต่บอลพุ่งไปให้ปียาตอฟเซฟพอดี

กระนั้น ถัดจากนั้นเป็นต้นมา ชัคเตอร์ก็ทำเกมรุกได้ดีขึ้นเป็นลำดับ ขาดก็แต่ทีเด็ดทีขาดที่จะสอยตาข่ายคืน

กระทั่งนาทีที่ 42 ทีมจากยูเครนก็โดนลงโทษเมื่อซงมีพื้นที่ตักบอลจากริมเขตโทษด้านขวาไปเสาไกล แล้วนาสรี่โชว์ทักษะกระดกหนีโอเล็กซานเดอร์ คูเชอร์ดึงบอลลงพื้นพร้อมทั้งซัลโวจาก 12 หลาไม่เหลือทำให้ท๊อปกันหนีห่าง 2-0 ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่าจบเกมในครึ่งแรก

ครึ่งหลังชัคเตอร์เปลี่ยนวิลเลี่ยม ดา ซิลวาออกให้ดั๊กลาส คอสต้าลงเล่นแทน และน่าจะตีไข่แตกได้ในเวลาเพียงสองนาทีจากจังหวะที่ซงเสียการครองบอลโดนเฮ นริค เอ็มคิตาร์ยานแย่งไปแทงทะลุเข้าเขตโทษให้หลุยส์ อาเดรียโน่ซัดโดยไม่ล้ำหน้า แต่ลูคัส ฟาเบียนสกี้ปรี่ออกมาบล็อคได้เยี่ยม

จากนั้นในนาทีที่ 58 โทมัส ฮุบส์ชมันก็ได้ใบเหลืองจากการทำฟาวล์ และจากลูกฟรีคิกทางด้านขวาจังหวะนี้ของอาร์เซน่อลที่ถูกโยนเข้าเขตโทษ หลุยส์ อาเดรียโน่ก็ไปเหนี่ยวฌูรูล้ม ผู้ตัดสินจึงแจกใบเหลืองและมอบลูกโทษให้เจ้าบ้านโดยฟาเบรกาสตะบันไม่พลาดพา ปืนโตหนีห่าง 3-0 พร้อมทั้งถลกเสื้อตัวในที่มีใจความเป็นภาษาสเปนอวยพรวันเกิดให้กับแม่

ถัดมาอีกสามนาที อาร์เซน่อลก็เก็บฟาเบรกาสออกไปพักให้เดนิลสันลงไปแทนโดยที่โรซิชกี้ได้สวม ปลอกแขนกัปตัน ด้านชัคเตอร์ก็ปล่อยดูดู้ลงบู๊แทนหลุยส์ อาเดรียโน่ท่ามกลางเสียงปรบมือต้อนรับของกองเชียร์เจ้าบ้าน

และแล้วนาทีที่ 66 เดอะ กันเนอร์สก็เช็คบิลได้อีกจากการทำชิ่งกันระหว่างโรซิชกี้ที่คืนบอลให้แจ็ค วิลเชียร์หลุดเข้าเขตโทษด้านซ้ายไปชิพบอลระยะแปดหลาข้ามปิยาตอฟที่ออกมาบ ล็อคไม่ทันตุงตาข่ายเพิ่มสกอร์ให้เจ้าถิ่นนำ 4-0 และเป็นประตูแรกของวิลเชียร์ในรายการนี้

ชัคเตอร์เปลี่ยนตัวสำรองตามมาทันทีโดยใช้งานยาดสันแทนที่โอเล็กโซ ไก แต่ก็โดนเบิกทวารอยู่ดีในนาทีที่ 69 เมื่อนาสรี่ชิพบอลจากแถวสองเข้าเขตโทษให้ชามัคหลุดเดี่ยวโดยไม่ล้ำหน้าเข้า แปจากแปดหลาผ่านปิยาตอฟจึงเป็นอันว่าอาร์เซน่อลนำโด่ง 5-0


ถึงตรงนี้ ทีมปืนใหญ่จึงส่งวัลค็อตต์กับอังเดร อาร์ชาวินลงบู๊แทนชามัคกับนาสรี่ในนาทีที่ 72

ท้ายเกมนาทีที่ 82 ทีมเยือนมาได้ประตูปลอบใจไล่มาเป็น 1-5 จากการยิงของ เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา อดีตเด็กเก่าปืนโต

ช่วงเวลาที่เหลือ เจ้าถิ่นครองเกมไว้ได้หมด จบเกม อาร์เซน่อลขยี้ชัคเตอร์ยับ 5-1 เก็บได้เก้าแต้มเต็มจากสามนัด ขณะที่ทีมเยือนมีหกแต้มจากชัยชนะสองเกมแรก

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

อาร์เซน่อล : ลูคัส ฟาเบียนสกี้ - เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, โยฮัน ฌูรู, เซบาสเตียง สกิลลาชี่, กาแอล กลิชี่ - อเล็กซ์ ซง, แจ็ค วิลเชียร์, เชส ฟาเบรกาส, โทมัส โรซิชกี้, ซามีร์ นาสรี่ - มารูอาน ชามัค

สำรอง: วอยเซียค เซชนี่ย์ (ผู้รักษาประตู) - คีแรน กิ๊บส์, อาบู ดิยาบี้, เดนิลสัน, อังเดร อาร์ชาวิน, ธีโอ วัลค็อตต์, นิคลาส เบนด์เนอร์

ชัคต้าร์ โดเน็ตส์ค : อังเดร ปียาตอฟ - ดาริโอ เซอร์น่า, โอเล็กซานเดอร์ คูเชอร์, ยาโรสลาฟ ราคิตสกี้, ราชวาน รัต - โอเล็กไซ ไก, โทมัส ฮุบส์ชมัน - เฮนริค เอ็มคิตาร์ยาน, อเล็กซ์ เตยเซยร่า, วิลเลี่ยม ดา ซิลวา - หลุยส์ อาเดรียโน่

สำรอง: รุสตาน คุดซามอฟ (ผู้รักษาประตู) - ดมิโตร ชีกรินสกี้, ยาดสัน, วาซิลี่ โคบิน, ทาราส สเตปาเนนโก้, ดั๊กลาส คอสต้า, เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา

ผู้ตัดสิน: สเวน อ็อดวาร์ โมน (นอร์เวย์)

สรุปผลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
กลุ่มอี
- โรม่า (อิตาลี) ชนะ บาเซิ่ล (สวิตเซอร์แลนด์) 1-3
- บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน) ชนะ ซีเอฟอาร์ คลูช (โรมาเนีย) 3-2



กลุ่มเอฟ
- สปาร์ตัก มอสโก (รัสเซีย) แพ้ เชลซี (อังกฤษ) 0-2
- มาร์กเซย (ฝรั่งเศส) ชนะ เอ็มเอสเค ซิลิน่า (สโลวาเกีย) 1-0


กลุ่มจี
- อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม (ฮอลแลนด์) -ชนะโอแซร์ (ฝรั่งเศส) 2-1
- เรอัล มาดริด (สเปน) ชนะ เอซี มิลาน (อิตาลี) 2-0



กลุ่มเอช
- บราก้า (โปรตุเกส) ชนะ ปาร์ติซาน เบลเกรด (เซอร์เบีย) 2-0
- อาร์เซน่อล (อังกฤษ) ชนะ ชัคเตอร์ โดเนทส์ค (ยูเครน) 5-1

ที่มา : สยามสปอร์ต

วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553

น้ำท่วมในประเทศไทย

สถิติเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศไทย
โดย : *Researchers & Rewriter*
@กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

เหตุการณ์สำคัญเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศไทยที่ผ่านมา ก่อนมาถึงครั้งล่าสุดท่วมจ.นครราชสิมาน้ำล้นคันกั้นน้ำเขื่อนลำพระเพลิง

น้ำท่วมกรุงเทพฯ ครั้งใหญ่ ปี2526 และปี2538

พ.ศ. 2526 เกิดเหตุการร์น้ำท่วมกรุงเทพอย่างหนัก สาเหตุจากมีพายุพัดผ่านภาคเหนือ-ภาคกลาง ประกอบกับพายุหลายลูกพัดผ่านกรุงเทพฯ ในช่วงเดือนตุลาคมนานกว่า 4 เดือน จึงส่งผลกระทบเกิดปัญหาวิกฤตน้ำท่วมในปี 2526 โดยเฉพาะปัญหาจราจรที่รถกับเรือใช้เส้นทางเดียวกัน


ปี พ.ศ. 2538 เป็นอีกครั้งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ประสบกับน้ำท่วม ในช่วงที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ยังเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร น้ำเหนือหลากท่วมอยุธยา ปทุมธานี หมู่บ้าน white house ตอนเหนือของกรุงเทพฯ น้ำท่วมร่วม 2 เดือน

ส่วนปี พ.ศ.2549 นั้นเกิดอุทกภัยทางภาคเหนือ ทำให้น้ำเหนือไหลเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดที่โดนหนักๆ เช่น พิษณุโลก นครสวรรค์ อ่างทอง แต่สำหรับกรุงเทพฯ นั้นน้ำท่วมเฉพาะบางส่วนที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งไม่รุนแรงเท่าปี พ.ศ.2538

ภัยพิบัติกะทูน ปี 2531

เวลาตีสองของวันที่ 22 พฤศจิกายน 2531 ชาวบ้าน ต.กะทูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช ต้องประสบชะตากรรมเลวร้ายที่สุดในชีวิต เมื่อจู่ ๆ น้ำป่าจากภูเขาเหนือหมู่บ้านได้ซัดเอาดินโคลน หินและท่อนซุงขนาดใหญ่เข้าถล่มบ้านเรือนจนราพณาสูร

ชั่วข้ามคืน หมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นทะเลโคลน ซากปรักหักพังของบ้านเรือนนับพันหลังถูกทับถมอยู่ใต้ท่อนซุงกองมหึมา ชาวบ้านมากกว่า 700 ชีวิต ต้องสังเวยให้แก่ภัยพิบัติครั้งนี้

น้ำท่วมอำเภอหาดใหญ่ ปี2543 ปี2548

วันที่ 21-23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เกิดฝนตกหนัก 3 วัน 3 คืน ทำให้น้ำจากเขตเทือกเขาสันกาลาคีรี บริเวณพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับมาเลเซีย ไหลบ่าเข้าท่วมตัวเมืองชั้นในซึ่งมีลักษณะเป็นแอ่งกะทะอย่างรวดเร็ว และถือเป้นเหตุการณ์น้ำท่วมมือครั้งที่เลวร้ายที่สุด สร้างความเสียหายเป็นมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท จำนวนผู้เสียชีวิตตามประกาศจากทางราชการ 35 คน แต่จำนวนผู้เสียชีวิตจริง ข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการ สูงถึง 233 คน ไม่รวมชาวต่างประเทศ

เกิดอุทกภัยซ้ำอีกครั้งใน 16 อำเภอของจังหวัดสงขลา และเขตรอบนอกของตัวเมืองหาดใหญ่ ระหว่างวันที่ 13-20 ธันวาคม พ.ศ. 2548 ซึ่งผลไม่รุนแรงเท่าในปี พ.ศ. 2543 แต่มีผู้ประสบความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก

น้ำป่าถล่ม อ.วังชิ้น แพร่ ปี 2544

กลางดึกของวันที่ 4 พฤษภาคม 2544 น้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัยไหลทะลักเข้าถล่มใส่หมู่บ้านหลายตำบลของ อ.วังชิ้น จ.แพร่ มีผู้เสียชีวิต 23 ราย สูญหาย 16 คน บาดเจ็บ 58 คน ถือเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี ของจ.แพร่ จำได้จนขึ้นใจเลยว่า ฝนตกติดต่อกันถึง 3 วัน 3 คืนกระทั่งประมาณตีหนึ่งก็ไหลทะลักเข้ามาในพื้นที่อย่างรุนแรงจนถนน-สะพานถูกตัดขาด บ้านเรือนถูกน้ำพัดหายไป 45 หลังคาเรือน

น้ำท่วม-ดินถล่มบ้านน้ำก้อ เพชรบูรณ์ ปี2544

ขณะที่ฝนกำลังตกลงมาราวฟ้ารั่วในคืนวันที่ 11 สิงหาคม 2544 ณ บ้านน้ำก้อ ตำบลน้ำก้อ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ชาวบ้านกำลังหลับใหลอย่างมีความสุข โดยไม่มีใครรู้สึกตัวว่าน้ำป่าบนภูเขาสูงกำลังเคลื่อนตัว ถาโถมเข้าใส่หมู่บ้านที่อยู่ในรัศมีทางน้ำอย่างรวดเร็ว ด้วยความบ้าคลั่งของน้ำป่าที่หอบเอาทั้งดินโคลน และต้นไม้ ได้ซัดเอาบ้านเรือนหลายสิบหลังหายไปในพริบตาในกลางดึกของวันนั้น เช้าวันรุ่งขึ้นหลังสิ้นฤธิ์ของน้ำป่า บ้านน้ำก้อ เหลือแต่สิ่งปรักหักพัง และซากศพ เหตุการณ์ครั้งนี้ได้กลืนชีวิตคนหนุ่มสาว ไม่เว้นแม้เด็กและคนชราไปถึง 147 คน

ซุง-โคลนถล่มจมแม่ระมาด-ตากปี 2547

วันที่ 22 พฤษภาคม 2547 ฝนกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา น้ำป่าจากบนเขาได้พัดเอาโคลนและท่อนซุงที่มีคนลักลอบตัดไว้ ลงมาถล่มเขตเทศบาลแม่ระมาด จ.ตาก ผู้คนหายไปกับสายน้ำและจมอยู่ใต้ทะเลโคลนจำนวนมาก บ้านถูกพัดหายไปทั้งหลังนับร้อย เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 4 ราย และสูญหายอีกนับ 10 ชาวบ้าน 6,019 คน จาก 2,113 ครอบครัวได้รับความเดือดร้อน

เชียงใหม่น้ำท่วมหนัก ปี 2548

วันที่ 14 สิงหาคม 2548 ภายหลังฝนถล่มหนักในภาคเหนือตอนบน ทำให้หลายจังหวัดถูกน้ำท่วมจมบาดาล กระแสน้ำเหนือ ที่ไหลลงสู่แม่น้ำปิง ได้ทะลักเข้าท่วมตัวเมืองเชียงใหม่อย่างรวดเร็ว มีระดับสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 50 ปี บ้านเรือนราษฎรในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่นับพันหลังถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย ตลาดวโรรส ตลาดลำไย ตลาดไนท์บาซาร์ระดับน้ำสูงร่วม 70 ซม. พื้นที่บางแห่งระดับน้ำสูงเกือบ 2 เมตร

ฝนถล่ม-น้ำท่วมภาคใต้ ปี2548

ข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทย รายงานสถานการณ์น้ำท่วมในภาคตั้งแต่วันที่ 14-24 ธ.ค.2548 มีพื้นที่ประสบภัยรวม 8 จังหวัด คือ สงขลา นครศรีธรรมราช ปัตตานี นราธิวาส พัทลุง ตรัง ยะลา และสตูล มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 1.6 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 25 ราย แบ่งเป็น จ.สงขลา 13 ราย ตรัง 2 ราย ปัตตานี 1 ราย พัทลุง 3 ราย ยะลา 4 ราย นครศรีธรรมราชและสตูลจังหวัดละ 1 ราย และยังมีผู้สูญหายไปอีก 1 ราย ที่ จ.ยะลา มูลค่าความเสียหายประมาณ 600 ล้านบาท

อุทกภัยและโคลนถล่ม 5 จังหวัดในเขตภาคเหนือตอนล่าง ปี 2549

เหตุการณ์ที่ฝนตกผิดปกติในพื้นที่เป็นเวลาหลายวัน ในบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2549 ทำให้ดินบนภูเขาไม่สามารถอุ้มน้ำฝนที่ตกลงมาได้ ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำท่วม และดินถล่มในช่วงกลางคืนของวันที่ 22 พฤษภาคม 2549ต่อเนื่องถึงเช้ามืดของวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ก่อให้เกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้มากที่สุด มีผู้เสียชีวิตถึง 75 คน จากจำนวนผู้เสียชีวิตและสูญหายทั้งหมด 116 ราย ใน 5 จังหวัดที่ประสบเหตุการณ์อุทกภัยและโคลนถล่มครั้งนี้

"น่าน"วิกฤติ! น้ำท่วมหนักสุดในรอบ 43ปี

อิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลาง ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยตอนบน ประกอบกับร่องความกดอากาศต่ำกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ส่งผลให้บริเวณภาคเหนือตอนบนมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.น่าน เกิดน้ำท่วมหนักจนสถานการณ์เข้าสู่ขั้นวิกฤติ

น้ำในแม่น้ำน่านมีระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ ริมตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ อ.ท่าวังผา ได้รับผลกระทบมากที่สุด จากการวัดปริมาณน้ำในแม่น้ำน่านที่จุด อ.ท่าวังผา เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2549 ที่ผ่านมา พบว่าปริมาณน้ำขึ้นสูงถึง 9.30 เมตร ซึ่งเลยจุดวิกฤติที่ 7 เมตร ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมในพื้นที่ลุ่มและพื้นที่ริมฝั่ง 2 ตำบล รวม 6 หมู่บ้าน คือ ต.ป่าคา และ ต.ศรีภูมิ บ้านเรือนกว่า 3,000 หลังคาเรือนจมอยู่ใต้บาดาล ระดับน้ำสูงถึง 3 เมตร เรียกว่าท่วมเกือบมิดหลังคาบ้าน ชาวบ้านต้องอพยพหนีตายขึ้นไปอยู่บนที่สูง

สำหรับเขตเทศบาลเมืองน่าน ระดับน้ำในแม่น้ำน่านได้ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนที่อยู่ริมแม่น้ำน่าน อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ บ้านท่าลี บ้านพวงพยอม และบ้านดอนศรีเสริม ขณะที่ นายธาดา สุขปุณพันธ์ ผอ.ศูนย์อุทกวิทยาและระดับน้ำ ภาคเหนือตอนบน กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ระดับน้ำที่วัดได้บริเวณสะพานผาขวาง อ.ท่าวังผา สูงถึง 13.50 ม. จากปกติ 6.50 เมตร และ น้ำท่วมครั้งนี้มีความรุนแรงเทียบเท่าเมื่อปี 2506 หรือ 43 ปีที่ผ่านมา

ต่อมาปี 2553 ได้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันสองวันสองคืน ตั้งวันที่ 17 ก.ค. จนถึงเช้าวันที่ 18 ก.ค. 2553 ทำให้เกิดน้ำหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร และดินถล่มปิดทางเข้าหมู่บ้าน อ.ปัว และ อ.ท่าวังผา ซึ่งถือว่าเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมหนักอีกครั้งหนึ่งในจ.น่าน

น้ำท่วมในประเทศไทย

สถิติเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศไทย
โดย : *Researchers & Rewriter*
@กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

เหตุการณ์สำคัญเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศไทยที่ผ่านมา ก่อนมาถึงครั้งล่าสุดท่วมจ.นครราชสิมาน้ำล้นคันกั้นน้ำเขื่อนลำพระเพลิง

น้ำท่วมกรุงเทพฯ ครั้งใหญ่ ปี2526 และปี2538

พ.ศ. 2526 เกิดเหตุการร์น้ำท่วมกรุงเทพอย่างหนัก สาเหตุจากมีพายุพัดผ่านภาคเหนือ-ภาคกลาง ประกอบกับพายุหลายลูกพัดผ่านกรุงเทพฯ ในช่วงเดือนตุลาคมนานกว่า 4 เดือน จึงส่งผลกระทบเกิดปัญหาวิกฤตน้ำท่วมในปี 2526 โดยเฉพาะปัญหาจราจรที่รถกับเรือใช้เส้นทางเดียวกัน

วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553

หนึ่งวันก็หลงเสน่ห์...ไซง่อน

คอลัมน์ : ไลฟ์สไตล์ @คมชัดลึก

"ไซง่อน" หรือ "โฮจิมินห์ ซิตี้" เป็นชื่อที่ผมได้ยินและอยากไปเยือนตั้งแต่ยังจำความได้


สาเหตุเพราะตอนเด็กๆ ได้ดูหนังสงครามเวียดนามนั่นแหละครับ อย่างเรื่อง PLATOON หรือ The Deer Hunter ได้ดูภาพบรรยากาศในเมืองหลวงเวียดนามของเวียดนามใต้ในขณะนั้นแล้วรู้สึกว่า สวยงามมีเสน่ห์บางอย่าง จึงอยากไปดูด้วยตาสักครั้ง




เมื่อไปก็ไม่ผิดหวัง แม้ความเป็นเมืองหลวงจะถูกย้ายไปอยู่ที่ฮานอยแล้ว และภูมิประเทศรอบนอกจะถูกปรับเป็นเขตอุตสาหกรรมบ้าง แต่ในตัวเมืองไซง่อน ก็ยังคงความสวยงามไว้ได้อย่างดี โดยเฉพาะรูปแบบผังเมืองที่ฝรั่งเศสวางไว้เมื่อคราวปกครองเป็นเมืองขึ้น


สถานที่แห่งแรกที่ผมไปเยือนทันทีที่เดินทางถึงไซง่อน จึงเป็น Reunification Palace หรือ ทำเนียบประธานาธิบดีแห่งรัฐเวียดนามใต้ ซึ่งตั้งอยู่ในกลางเมือง ด้านหน้ามีสวนสาธารณะร่มรื่นสวยงาม ตั๋วเข้าชมก็มีราคาใบละ 1.5 หมื่นด่อง (ราวๆ 20 บาท)

ในหนังสารคดีสงครามเวียดนาม ผมยังจำภาพรถถังสองคันที่วิ่งชนประตูรั้วทำเนียบได้ติดตา และรถถังตัวจริงทั้งสองคันนั้น ก็ถูกนำมาตั้งโชว์เอาไว้ในสนามบริเวณทำเนียบด้วย ผู้เข้าชมสามารถยืนดู กระทั่งลูบๆ คลำๆ ได้ตามใจชอบ เมื่อเดินเข้าไปชมภายในทำเนียบ พบว่าทุกๆ อย่างถูกจัดวางตำแหน่งไว้ให้เหมือนคราวที่ยังถูกใช้งาน ห้องชุดต่างๆ ที่สวยงามเอาไว้ต้อนรับแขกเมือง มีแม้แต่ห้องฉายภาพยนตร์ ทั้งที่ตอนนั้นอยู่ในภาวะสงคราม แต่เมื่อได้เดินไปชมห้องใต้ดินที่มีอุปกรณ์สื่อสาร และได้เห็นแผนที่เวียดนามในตอนที่ถูกแบ่งเป็นสองรัฐอย่างละเอียด แม้จนวันนี้ผมยังรู้สึกได้ว่าภาวะตอนนั้นมันตึงเครียดอย่างมาก

 

แม้แต่เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ที่จอดอยู่บนดาดฟ้าก็เป็นลำเดียวกันเหมือน 30 ปีก่อนที่พร้อมจะพาท่านผู้นำประเทศหนีไปได้ทุกวินาที

เมื่อเดินออกมาจากทำเนียบ ตั้งใจว่าจะไปเที่ยว อุโมงค์ Cu Chi ในวันรุ่งขึ้น แต่ในเมื่อเวลายังเหลือจึงออกเดินชมเมืองไปเรื่อยๆ และพบสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง ที่ไม่ควรพลาดชมคือ Peaceful Notre Dome โบสถ์ที่สร้างจากหินแกรนิตสวยงาม เดิมทีเรียกว่าวิหารไซง่อนต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น วิหารนอร์เธอร์ดาม อยู่ไม่ไกลจากทำเนียบ

ระหว่างที่เดินผ่านสวน เจอวณิพกผู้เฒ่าชาวเวียดนาม มาร้องเพลงเปิดหมวกอยู่ เสียงลุงแกเพราะมาก เลยเก็บรูปเอาไว้เป็นที่ระลึก

ใกล้ๆ กันอีกแห่งที่น่าแวะไปชมคือ ที่ว่าการไปรษณีย์เวียดนาม เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง เป็นแบบยุโรปผสมเอเชีย ข้างในเปิดทำการด้วย สามารถส่งไปรษณียบัตรกลับมาให้เพื่อนฝูงที่เมืองไทยได้ ถ้าเราเดินจากกลางเมืองไซง่อนไปทางแม่น้ำ จะเจอถนนสายธุรกิจ เป็นแหล่งช็อปปิ้งพวกสินค้าแบรนด์เนมและโรงแรมหรูๆ มากมาย ชนิดที่ไม่แพ้ประเทศไทยเราเลย

แต่ที่มีมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดคือ ร้านกาแฟ ครับ คงจะเป็นอิทธิพลตกค้างมาสมัยเป็นอาณานิคมฝรั่งเศส มีทุกถนนเลยก็ว่าได้ ทั้งร้านหรู ราคาแก้วละเป็นร้อยบาทไทย จนถึงร้านธรรมดาๆ ราคาแก้วละสิบบาท

ถ้ามาถึงไซง่อนแล้ว ไม่ลงเรือชมเมืองยามค่ำหน่อยก็น่าเสียดาย เมืองไซง่อนยามค่ำคืนสวยงามมากครับ ส่วนมากจะมีบริการอาหารเย็นด้วย ค่าเรือรวมค่าอาหารตกราวๆ แสนกว่าด่องเท่านั้น ค่าครองชีพที่ไซง่อนผมรู้สึกว่าแพงกว่าฮานอยไปหน่อย แต่ยังถูกว่ากรุงเทพฯ

ไซง่อนเปรียบเสมือนศูนย์กลาง ถ้าจะไปเที่ยวจังหวัดใกล้ๆ ให้เริ่มจากถนนซึ่งผมอยากจะเรียกว่า ตรอกข้าวสารไซง่อน เพราะเหมือนถนนตรอกข้าวสารบ้านเราเหลือเกิน มีโรงแรมถูกๆ ราคาคืนละไม่กี่ร้อย มีผับบาร์ห้องแถวเรียงราย รถเข็นขายกาแฟ-ขนมปัง -ผลไม้ ห้องแถวเล็กๆ ขายแผ่นซีดี-ดีวีดี เสื้อยืดสกรีนแปลกๆ และร้านบริการทัวร์เต็มไปหมด ถ้าจะไปเที่ยวแบบ Day Tripper ก็ต้องเริ่มจากจุดนี้แหละครับ

ผมต้องการจะไป อุโมงค์ Cu Chi ของเวียดกง ซึ่งห่างไซง่อนไป ราวๆ 60 กิโลเมตร รถทัวร์สามารถพาไปเที่ยวแบบไปกลับได้ในเวลาค่อนๆ วัน คือเริ่มออกเดินทาง 8 โมงเช้า กลับบ่ายสอง ค่าใช้จ่ายประมาณ 1.5 แสนด่อง รวมค่าตั๋วเข้าชมอุโมงค์ด้วย

พอเดินทางไปจึงได้เห็นว่าพวกเวียดกงใช้วิธีอย่างไรเอาชนะอเมริกาได้ เป็นค่ายทหารที่ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านจริงๆ ทั้งกับดักต่างๆ และการกินการอยู่ ต้องมีความอดทนและความมุ่งมั่นอย่างสูงจริงๆ จึงอยู่ในสภาพนั้นได้ อุโมงค์ใต้ดินมากมายเชื่อมต่อกัน มีทั้งที่พัก โรงครัว และโรงเก็บอาวุธ อยู่ในนั้น ลองมุดไปดูแค่ไม่กี่นาทียังรู้สึกร้อนและอึดอัดมาก พวกฝรั่งบางคนที่ลงไปเดินถอยออกมาก็มี เหตุผลเพราะตัวใหญ่เกินไป

เดินทางกลับมาถึงไซง่อนตอน บ่ายๆ หาโอกาสไปไหว้พระ วัดนี้เป็นวัดจีนที่มีอายุกว่า 700 ปีชื่อ วัด Xa Loi อยู่แถวตลาดจีน ชอบการแกะหินตามกำแพงวัดมาก ดูสวยงามดี ภายในวัดเลี้ยงเต่าเอาไว้ด้วย คนเวียดนามนับถือเต่ากันมากเท่าที่สังเกต

"เมืองไซง่อน" แม้บางแง่มุม จะคล้ายเมืองใหญ่ที่เห็นอยู่ทั่วไป แต่ในเมืองใหญ่นั้น ยังมีบางอย่างที่ไม่แปรเปลี่ยน สร้างเสน่ห์แก่ผู้มาเยือนตลอดมา

www.oknation.net/blog/kakalot

อาร์เซน่อล 2 - เบอร์มิงแฮม 1

วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม 2553
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
สนาม : เอมิเรตส์สเตเดี้ยม



อาร์เซน่อลมี นิคคลาส เบนท์เนอร์ หายเจ็บกลับมาแล้ว แต่ต้องออกสตาร์ทเป็นสำรอง เกมนี้หอกเป้ายังเป็น มารูอาน ชามัค มีสามประสานในแนวรุกอย่าง ซามี่ นาสรี่, แจ็ค วิลเชียร์ และ อังเดร อาร์ชาวิน ทำเกมอยู่ข้างหลัง ทีมเยือนมี นิโกล่า ซิกิช ล่าตาข่าย


น.4 ทีมปืนใหญ่ทักทายก่อน จังหวะนี้ แจ็ค วิลเชียร์ ต่อบอลให้ อาบู ดิยาบี้ ยิงหน้าเขตโทษ แต่ทาง เบน ฟอสเตอร์ ยังเซฟได้


น.18 ลูกฟรีคิกริมเส้นด้านซ้ายของเจ้าถิ่น ซามีร์ นาสรี่ ปั่นมาเข้าหัว เซบาสเตียง สกิลลาชี่ โขกตุงตาข่ายไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินเป่าว่าเป็นล้ำหน้า



น.24 โอกาสจะๆ ของทีมปืน ลูกนี้เป็นบอลเปิดมาจากทางขวา ลูกหลุดมาเสาสองเข้าทาง เซบาสเตียน ลาร์สสัน จับบอลไม่ดีกลายเป็นไปตั้งให้ กาแอล กลิชี่ วิ่งมาใส่ด้วยขวาหลุดเสาสองไปอย่างน่าเสียดาย


น.33 เบอร์มิงแฮมนำ 1-0 เมื่อ คีธ ฟาฮีย์ ได้บอลทางซ้ายแล้วหาโอกาสโยนมาเสาสองนิโกล่า ซิกิช ขึ้นโขกย้อนทางลงพื้นเสียบเสาเข้าไปอย่างหมดจด


น.41 อาร์เซน่อลตีเสมอ 1-1 เมื่อได้จุดโทษจากจังหวะที่สกอตต์ แดนน์ เหยียดขาไปโดนปลายขามารูอาน ชามัค เลยล้มเรียกจุดโทษและเป็น นาสรี่ รับหน้าที่สังหารเข้าไป และหมดครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้


เริ่มครึ่งหลังเพียงสองนาที อาร์เซน่อลนำ 2-1 เมื่อ อเล็กซ์ ซงดีดลูกส้นให้วิลเชียร์กระดกเข้าเขตโทษอีกทอดแล้วชามัคเข้าหาบอลได้ก่อน คาร์และแดนน์จึงปราดเข้ายิงมุมแคบไม่พลาด


น.69 กว่าที่เจ้าบ้านจะมีเสียวอีกหนจากจังหวะที่กลิชี่ไหลบอลจากกราบซ้ายเข้าเขต โทษให้อาร์ชาวินตามไปยิงตามน้ำ แต่ไม่เต็มเกือกฟอสเตอร์จึงรับสบาย


น.84 กลิชี่ป้ายคืนให้โรซิชกี้วิ่งเข้ากระทุ้งเต็มข้อจากริมเขตโทษด้านซ้าย แต่ฟอสเตอร์บินรับได้หนึบเรียกเสียงปรบมือจากกองเชียร์ทีมเยือนได้อย่างกึก ก้อง


เข้าสู่ช่วงทดเวลาเจ็บ นาสรี่รับบอลผ่านขวางสนามจากดิยาบี้แล้วเข่นจากหน้าเขตโทษ แต่บอลพุ่งไปเข้าซองฟอสเตอร์พอดี


น.93 แจ็ค วิลเชียร์พุ่งไปยันใส่ข้อเท้าขวาของซิกิชน่าเกลียดจึงได้ใบแดงโดนไล่ออก ทันที ยังดีที่หอกเบอร์มิ่งแฮมลุกขึ้นมาเล่นต่อไหว


จบเกมอาร์เซน่อล ชนะ เบอร์มิงแฮม 2-1 ในการคุมทีมเป็นเกมที่ 800 ของอาร์แซน เวนเกอร์


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

อาร์เซน่อล : ลูคัส ฟาเบียนสกี้, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, โยฮัน ฌูรู, เซบาสเตียง สกิลลาชี่, กาแอล กลิชี่, อาบู ดิยาบี้, อเล็กซานเดอร์ ซง, ซามีร์ นาสรี่, แจ็ค วิลเชียร์, อังเดร อาร์ชาวิน (โทมัส โรซิคกี้ น.70), มารูอาน ชามัค (นิคลาส เบนด์ทเนอร์ น.79)

เบอร์มิงแฮม : เบน ฟอสเตอร์, สตีเฟ่น คาร์, โรเจอร์ จอห์นสัน, สกอตต์ แดนน์, เลียม ริดจ์เวลล์, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, แบร์รี่ เฟอร์กูสัน, ลี โบวเยอร์ (แกรี่ โอคอนเนอร์ น.80), คีธ ฟาฮีย์ (เดวิด เมอร์ฟี่ น.78), อเล็กซานเดอร์ คเล็บ, นิโกล่า ซิกิช

ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอตกินสัน


สรุปผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

- อาร์เซน่อล ชนะ เบอร์มิงแฮม 2-1

- โบลตัน ชนะ สโต๊ค 2-1

- ฟูแล่ม แพ้ สเปอร์ส 1-2

- แมนฯ ยูไนเต็ด เสมอ เวสต์บรอมฯ 2-2

- นิวคาสเซิ่ล เสมอ วีแกน 2-2

- วูล์ฟแฮมป์ตัน เสมอ เวสต์แฮม 1-1
- แอสตันวิลล่า เสมอ เชลซี 0-0

ที่มา : สยามสปอร์ต
---------------------------------------------------------
นัดนี้น้องแจ็ค โดนใบแดง จะโดนแบนกี่นัดยังไม่รู้

วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เยี่ยมคนรักเก่าที่“ปารีส”

โดย : กาญจนา หงษ์ทอง 
คอลัมน์ : เที่ยวนี้ขอเล่า @คมชัดลึก

ปารีสกล้าดียังไง ถึงได้ทำให้นักท่องโลกที่เคยเอาเท้าจุ่มหอไอเฟล เผลอตงิดๆ คิดถึงอยู่บ่อยๆ


ทั้งที่ปริมาณเสน่ห์ก็ ไม่ได้กองพะเนินเหมือนกับหลายเมืองในยุโรป แล้วนี่มันอะไรกันเล่า ปากก็บอกเฉยๆ แต่พลันที่รู้ว่าต้องมีเหตุให้สัญจรกลับไปหาปารีส ใจก็แอบกระปรี้กระเปร่า ราวกับว่าจะได้กลับไปหาคนรักเก่าที่พรากจากกันมานานหลายปี



ตับไตไส้พุงของปารีส

ปารีสเที่ยวนี้ใช้บริการสายการบินโอมาน แอร์(0-2635-1222) ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกที่ใช้บริการ ค่อนข้างแปลกใจกับสภาพเครื่องและบริการบนเครื่องของเขา เพราะไม่คิดว่าจะเนี้ยบได้ขนาดนี้ เครื่องใหม่เอี่ยม บริการก็ไม่ขาดตกบกพร่องแม้จะเป็นที่นั่งชั้นประหยัด และถึงแม้จะบินไปยุโรป แต่ถ้าอยากเที่ยวมัสกัตก็แวะได้

จิบกาแฟตามคาเฟ่
เมื่อพาตัวเองเหาะไปเหยียบปารีส ก็พบว่าสนามบินชาร์ลส เดอ โกล์ยังคงทำให้คนพลัดถิ่นรู้สึกตัวเล็กลงได้เสมอ ค่าแท็กซี่ 50 ยูโรเข้าดาวน์ทาวน์ ทำให้เซเลบจากทุ่งบางนาขนหัวลุกพองาม เลยเปลี่ยนใจมุดลงใต้ดินไปนั่งเมโทร ค่ารถไฟคนละ 8.7 ยูโร ดูเหมือนจะสมฐานะมากกว่า

45 นาทีโดยประมาณ รถไฟใต้ดินก็พาเข้าไปเจาะไข่แดงแห่งกรุงปารีส หลังจากคลิกไปค้นในเว็บไซต์อโกดา(www.agoda.co.th) หลายตลบ ก็พบว่าปารีสมีที่พักให้เลือกหลากหลายราคา แต่ไปได้ที่พักที่ตกแต่งอย่างเก๋ไก๋มีสไตล์อย่าง Hotel Jules ที่ซ่อนตัวอยู่บนถนนลาฟาแยตต์

ถนนลาฟาแยตต์ยามค่ำคืน ยังดูร่าเริง ปราดเปรียว แม้กลางวันจะเต็มไปด้วยสาวนักช็อปมาเดินเข้าห้างโน้นออกห้างนี้ แต่ตอนกลางคืนก็ถูกแทนที่ด้วยหนุ่มสาวชาวปารีเซียน ที่มายึดผับ บาร์ แถวนี้เอาไว้เป็นหนึ่งในมุมแฮงก์เอาท์ของพวกเขา

ที่จริงสำหรับใครที่มาเที่ยวปารีสครั้งแรก แนะว่าให้นั่งรถที่เขาเรียกว่า Roissy Bus จะดีกว่าค่ะ เพราะถ้านั่งรถไฟใต้ดินอาจจะต้องต่อรถไฟหลายตลบ แล้วใครที่หอบสมบัติมาเยอะ คราวนี้จะทุกข์ถนัด เพราะไม่ใช่ทุกสถานีที่มีบันไดเลื่อน แม้แต่สถานีใหญ่ก็เถอะ Roissy Bus จึงเหมาะกว่า เพราะออกจากสนามบินชาร์ลส เดอ โกล์ ก็จะวิ่งตรงดิ่งไปสุดทางแถวโอเปร่าซึ่งอยู่ใจกลางปารีส โดยไม่หยุดจอดที่ไหนเลย ค่ารถคนละ 9 ยูโรเศษๆ

แต่ถ้าอยากสบายกว่านั้น นั่งแท็กซี่ม้วนเดียวจบเหมือนกัน แต่เตรียมไว้เลยอย่างต่ำ 50 ยูโร หรือถ้าเจอรถติดๆ ก็อาจจะแพงกว่า 60 ยูโร เคยเจอบางคนเล่าว่านั่งรถเข้าเมืองช่วง 6 โมงเย็น รถติดหนึบเลยจ่ายไป 70 ยูโร แล้วตอนนั้นค่าเงินยูโรไม่ใช่ 40 บาทแบบตอนนี้ด้วยนะ เฉียดๆ 50 บาท เล่นซะมึนไปหลายวันที่ต้องจ่ายค่าแท็กซี่เกือบ 3,500 บาท

ตื่นเช้ามารีบพุ่งไปหาโอเปร่า การ์นิเยร์ก่อน อยากรู้ว่าดวงหน้างามๆ ของสถานที่แห่งนี้ จะเปลี่ยนไปหรือไม่ เพราะสถานที่บางแห่ง หลายปีผ่านไปพอหวนกลับมาดูอีกครั้ง ก็พบว่าถูกศัลยกรรมซะจนเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

ด้านหน้าของโอเปร่า การ์นิเยร์
แล้วก็พบว่า โอเปร่า การ์นิเยร์ยังสวยเหมือนเดิม ด้านในยังคงให้ความบันเทิงเริงใจแก่ผู้คน ด้านนอกยังมีผู้คนมานั่งระเกะระกะหย่อนอารมณ์กันตามมุมต่างๆ

โอเปร่า การ์นิเยร์ที่ยังคงงดงาม
อีกมุมหนึ่งที่เหมือนเดิม คือลานกว้างหน้าโรงละคร มุมนี้จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องโลกที่มายืนแหงนคอมองสถาปัตยกรรมอันวิจิตรของ โอเปร่า การ์นิเยร์ อาจไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างที่งดงามที่สุดในมหานครปารีส แต่ไม่มีวันไหนที่ไร้เงาผู้มาเยือน

ละจากโรงละคร ก็มุดลงใต้ดิน จับรถไฟไปลงที่สถานี Abbesses ปลายทาง คือมงมาร์ต หมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ในมหานครอันยิ่งใหญ่อย่างปารีส มามงมาร์ตครั้งก่อน หนาวซะจนมองไม่ค่อยเห็นความสุนทรีย์ที่อยู่รายรอบบริเวณนี้

ตั้งแต่ขึ้นจากรถไฟใต้ดิน ก็จะถูกต้อนรับด้วยเสียงเพลงจากนักดนตรีเร่ เดินขึ้นเนินไปเรื่อยก็จะเจอจัตุรัส แซงต์ ปิเอร์ ลานหน้าโบสถ์ที่ถ้ามีวิญญาณนักช็อปอยู่ คุณคงจะเดินขึ้นโบสถ์พระหฤทัยอย่างไม่เป็นสุขเท่าไหร่ เพราะละแวกนี้เต็มไปด้วยร้านรวงเอาไว้ให้ช็อปปิ้งอยู่ไม่น้อย

จังหวะเดินขึ้น จะต้องเจอกับกองทัพคนผิวดำที่เข้ามาทำมาหากินในฝรั่งเศส เขาไม่ได้หอบของมาวางขายอย่างเดียว แต่ในมือจะมีเชือกอะไรสักอย่าง เดินพุ่งเอาเชือกมงคลมาผูกข้อมือให้ เขาว่าผูกแล้วจะโชคดี สุขขี สโมสร ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวจิตอ่อน ยอมให้ผูก คราวนี้ล่ะยาว เขาจะเรียกเงินเท่าไหร่ก็แล้วแต่โหงวเฮ้งและบุญทำกรรมแต่งของคุณละกัน ถ้าดูโหงวเฮ้งดีมีชาตตระกูลก็อาจจะโดนเรียกหลายยูโรหน่อย

แต่ไม่ว่าจะผูกเชือกมงคลหรือรอดพ้นมาได้ ภาพที่ปรากฏตรงหน้า คือโบสถ์สีขาวเด่นตระหง่านทอดตัวอยู่บนเนินเขา แต่ถ้ามองจากด้านบนลงมา หันหลังให้โบสถ์ ภาพที่เห็นก็จะเป็นวิวทิวทัศน์ปารีสในมุมสูง ยืนอยู่บนนี้แล้วคุณอาจจะเห็นด้วยที่นักท่องเที่ยวบางคนบอกว่า บนนี้เหมือนหลังคาของปารีส

ริมทางที่น่ามอง / โบสถ์พระหฤทัยอันเด่นตระหง่าน
สมัยก่อนย่านนี้คือบ้านนอกของปารีส ค่าเช่าห้องพักราคาจะค่อนข้างถูก พวกบรรดาศิลปินไส้แห้งเลยชอบมาสิงสถิตอยู่กันแถวๆ นี้ รวมถึงศิลปินดังอย่างแวนโกะและปิกัสโซด้วย ทำไปทำมา ย่านนี้เลยกลายเป็นชุมชนของบรรดาศิลปิน ทุกวันนี้ยังมีศิลปินมานั่งวาดภาพขายนักท่องเที่ยวกันที่ปลาซ ดู แตร์ด้วย

จะว่าไป มงมาร์ตจึงเป็นมุมสุนทรีย์ที่สุดมุมหนึ่งของปารีสเลยก็ว่าได้

วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ชั้นวางของที่เป็นมากกว่าที่วางของ

หากคุณกำลังมองหา "ชั้นหรือตู้วางของ" สำหรับ ประดับห้องโล่งๆ อยู่ละก็ ลองถามตัวเองดูว่าคุณกำลังเบื่อกับชั้น หรือตู้ทรงสี่เหลี่ยมที่จัสรรแบ่งส่วนเป็นช่อง กว้างแคบ ตามวัตถุประสงค์ ถ้าคำตอบออกมาว่า “ใช่ ฉันกำลังเบื่อรูปแบบเดิมๆ และกำลังมองหาบางสิ่งบางอย่างที่สามารถสร้างสีสันและความมีชีวิตชีวาให้กับ ห้องของตัวเองสักที”

ลองมาดู "ไอเดียของชั้นวางของหลากรูปแบบ" ที่ ได้รับการรังสรรจากเหล่านักออกแบบให้มันเป็นมากกว่าชั้นวางขอธรรมดา เพราะนอกจากประโยชน์ใช้สอยแล้วรูปแบบยังโดดเด่นประชันไอเดียกันอย่างเต็มที่ ลองมาดูกันดีกว่าว่ามีไอเดียอะไรบ้างที่คุณอาจจะลองเอาไปประยุกต์ใช้ตกแต่ง ห้องของตัวเอง

จินตนาการจากวิทยุเอาใจคนรักเสียงเพลง

บริษัท ร็อกเกต ดีไซน์ จากอิตาลี ได้นำเอาแรงบันดาลใจของหน้ากาเครื่องเสียงชนิดต่างๆ มาออกแบบเป็นชั้นวาง ที่แขวนติดผนัง หรือแม้แต่ที่ไว้ขวดไวน์ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีเสียงดนตรีอยู่ในหัวใจ


ชั้นเก็บของติดผนังเน้นความ “จิปาถะ”


หากคุณมีห้องและมีของที่ กำลังรอชั้นวางหรือตู้เก็บที่เหมาะสมที่สำคัญสามารถเก็บทุกสิ่งทุกอย่างเท่า ที่คุณต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นอุปกร์ไฟฟ้า กระถางต้นไม้ รูปปั้น หรืออะรก็ตามแต่ ต้องลองชั้นวางของที่ มิชา คาห์น นักออกแบบจาก โรห์ด ไอแลนส์ ที่ออกแบบ ช่องใส่ของไว้แบบฟรีสไตล์ จนคุณคิดไม่ถึงว่า จะสามารถเก็บของสิ่งนั้นได้ด้วย

การนำเอารูปร่างของสัตว์ขนาดใหญ่อย่างหมีมาเป็นต้นแบบของเฟอร์นิเจอร์
ให้คุณหมีดูแลของรัก


หมีสัตว์ที่มีร่างกายใหญ่ มหึมาและบริษัทผลิตเฟอร์นิเจอร์จากอังกฤษ เพดลาร์ ได้นำลักษณะเด่นของหมีตัวโตมาเป็นแรงบันดาลใจออกแบบชั้นวางของ ที่สามารถวางได้ตังแต่หนังสือ แผ่นซีดี แก้วน้ำ แจกัน หรือแม้แต่ขวดเครื่องดื่มสุดโปรดของคุณ

คาร์โก้แช์ จะเก็บก็ได้ จะนั่งก็ได้
คาร์โก แชร์ นั่งก็ได้เก็บของก็ดี


สำหรับผลงานเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้ ดูผิวเผินคุณอาจจะรู้สึกซับซ้อน สับสน เล็กน้อย แต่ว่า สเตฟาน ชูลต์ นักออกแบบเจ้าของผลงานต้องกานำเสนอเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เขาจึงคิดออกแบบเจ้า คาร์โก้ แชร์ นี้ขึ้นมาชั้นวางของที่สามารถวางได้ตั้งแต่กระถางต้นไม้ หนังสือ ตุ๊กตา หรือแม้แต่ ฟืนสำหรับเตาผิง ที่สำคัญมันยังทำรูปทรงออกมาให้อยู่ในลักษณะอาร์มแชร์ อีกด้วยซึ่งก็อยู่ที่ว่าของที่คุณวางไว้นั้นมันสามารถเข้าไปนั่งร่วมด้วยได้ หรือไม่

โดย : ASTVผู้จัดการออนไลน์
living/Lifestlye&travel

วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

กู้ภัย 33 ชีวิตคนงานเหมืองชิลี

โลกร่วมลุ้นระทึก ภารกิจประวัติศาสตร์ 10 โมงตรงวันพุธ "แคปซูล" กู้ภัยนำคนงานชาวเหมืองชิลี 33 ชีวิตขึ้นสู่พื้นดินหลังถูกฝังอยู่ในโลกใต้ดินลึก 622 เมตร ขณะที่คนงานผู้เคราะห์ร้ายเลี่ยงขึ้นแคปซูลเป็นคนแรก ผวาประสบเหตุซ่ำรอย เผยทุกคนสวดมนต์ภาวนาให้ภารกิจประสบความสำเร็จ

ปฏิบัติการช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยเทคโนโลยีที่ไม่เคยใช้ มาก่อนกำลังเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่คนทั้งโลกกำลังเฝ้ามอง พร้อมลุ้นระทึกในการช่วยเหลือคนงานเหมืองชิลีจำนวน 33 ชีวิตที่ต้องติดอยู่ในโลกใต้ดินลึกลงไปถึง 622 เมตรอย่างใจจ่ดใจจ่อด้วยความหวังที่จะให้ปฏิบัติการช่วยเหลือดังกล่าวสำเร็จ ลุล่วงไปด้วยดี หลังจากคนงานเหล่านี้ต้องใช้ชีวิตอยู่ใต้ผินผิวโลกนานเกือบ 70 วัน

วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เปลี่ยนโฉมใต้บันไดให้กลายเป็นทำเลทอง


ตอน ที่วางแผนตกแต่งบ้านนั้น ทุกคนคงมีไอเดียบันเจิดที่จะแต่งทั้งห้องนอน ห้องครัว ห้องรับแขก ไปจนถึงสวนสวยให้เป็นดั่งในฝัน แต่มุมที่ใครต่อใครมักจะมองข้ามไปคือ...พื้นที่ใต้บันได...หลายคนรู้จักห้องใต้บันไดจากภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่พ่อมดน้อยแฮร์รี่ใช้อาศัยนอนตอนอยู่บ้านของลุงเวอร์นอนเท่านั้น

พูดถึงพื้นที่ตรงนี้ น้อยคนนักที่จะให้ความสนใจไยดีกับมัน มันจึงกลายเป็น “ห้องเก็บของ” ที่ น่าเกลียดซึ่งวางสารพัดสิ่งของที่ใช้ทั้งประจำวันและจะใช้เพียงปีละไม่กี่ ครั้ง แต่พอเวลาจะหยิบใช้ก็ต้องออกแรงค้นหา เพราะทุกอย่างในห้องใต้บันไดดูจะรกไม่เป็นระเบียบเอาเสียเลย


รู้มั้ยว่าคุณสามารถทำ พื้นที่อันเปล่าประโยชน์นี้กลับคืนมา ไม่แน่ว่าเพียงไอเดียเล็กน้อยบวกกับการงบประมาณไม่มากนักก็อาจจะทำให้ห้อง ทึบ ๆ ใต้บันได้กลายมาเป็นมุมเก๋ไก๋ที่ใครมาเห็นจะต้องทึ่งในไอเดียที่ไม่ซ้ำแบบ ใคร

** ลองคิดดูว่าถ้าบันไดทุกขั้นสามารถแปลงเป็นลิ้นชักวางรองเท้าได้ คุณก็จะได้ชั้นวางรองเท้าตั้งมากมาย คราวนี้ก็โยนตู้วางรองเท้าที่เกะกะตรงทางเดินเข้าบ้านไปได้เลย
**ตู้วางของเลื่อนปิดเปิด ได้ ซึ่งจะทำให้คุณมีตู้วางของได้ถึง 3 ใบลดหลั่นกันไปตามรูปทรงของบันได และเพื่อสะดวกในการใช้งานควรจะทำเป็นลิ้นชักบานเลื่อนจะได้ดึงเข้า-ออกง่าย ขึ้น คราวนี้คุณก็สามารถเก็บ “สัมภารก” ทุกอย่างที่เคยวางทิ้งระเกะระกะอยู่บนพื้นได้หมด

**อีกดีไซน์หนึ่งที่น่าสนใจคือการใช้พื้นที่ใต้บันไดมาทำเป็น “ ลิ้นชัก” ซึ่งสามารถออกแบบได้สารพัดแบบล้อไปกับรูปทรงของบันได แล้วหา “ ที่จับ” สวย ๆ เก๋ ๆ มาตกแต่ง เพียงเท่านี้ผนังด้านข้างบันไดที่ดูเรียบ ๆ ก็จะกลายเป็นมุมที่น่ามอง

**สำหรับคนที่รักหนังสือ ดูเหมือนว่าห้องใต้บันไดจะแปลงเป็นชั้นวางหนังสืออย่างดีทีเดียว คุณอาจจะรื้อผนังออกแล้วสร้างเป็นชั้นหรือตู้เพื่อใส่หนังสือ แล้วก็หาโซฟาเบดนุ่มสบายสักตัวมาตั้งอยู่ด้วย เท่านี้คุณก็จะได้มุมอ่านหนังสือส่วนตัวอันแสนสบายได้แล้ว

**แต่ถ้าคุณไม่ได้มีหนังสือ มากมายจนต้องหาชั้นมาเก็บแล้วละก้อ ชั้นใต้บันไดก็ยังสามารถทำเป็นชั้นเก็บสารพัดของใช้ที่ไม่เข้าพวกและไม่รู้ จะเก็บไว้ตรงไหนดี อย่างเช่น กล่องเครื่องมือ , สายยางฉีดน้ำ , กระติกน้ำแข็ง , กระเป๋าปิกนิก ฯลฯ

**ในกรณีที่ห้องใต้บันไดอยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่น ลองดัดแปลงให้ผนังด้านข้างบันไดกลายเป็นตู้โชว์แบบง่าย ๆ ที่ทำจากไม้แล้วก็ทาสีให้กลมกลืนหรือตัดกับบันได นำของสะสมมาวางโชว์ก็จะมีเรื่องราวเล่าให้แขกฟังได้อย่างสนุกสนานทีเดียว

**แถมอีกดีไซน์เพื่อเอาใจคอ ไวน์แล้ว ห้องใต้บันได้จะกลายเป็นที่เก็บและโชว์ไวน์ไปในตัวด้วย เพียงรื้อผนังออกแล้วใช้ไม้ตีเป็นช่อง ๆ พอให้เสียบขวดไวน์นอนลงไปได้ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ไวน์เซลล่าส่วนตัวแล้ว

หลากหลายไอเดียกับการแปลงโฉมห้องใต้บันได หวังว่าคงจะมีสักแบบหนึ่งที่โดนใจคุณบ้าง

โดย : ASTVผู้จัดการออนไลน์
living/Lifestlye&travel

วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สวนครัว..กินได้ สวยด้วย


จริง ๆ แล้ว เราสามารถออกแบบให้สวนครัวดูสวยและเท่ได้เหมือนในรายการโทรทัศน์ของต่าง ประเทศได้ ซึ่งใครที่โปรดปรานการทำอาหารคงจะรู้จักพ่อครัวที่ชื่อ “เจมี โอลิเวอร์” มีหลาย ตอนในรายการที่พ่อครัวคนนี้พาไปเก็บผักสด ๆ จากแปลงผักสวนครัวขนาดย่อมมาปรุงอาหาร

เชื่อว่ามีหลายคนใฝ่ฝันอยากจะมีสวนครัวแบบนี้บ้างเหมือนกัน “บ้านและสวน” จึงขอแนะนำวิธีปลูกผักสวนครัวแบบเท่ ๆ และง่ายด้วยมาให้ลองทำกันดู

---@@@--- ปลูกผักไว้ริมหน้าต่างเสียเลย หากระบะต้นไม้แขวนไว้ตรงริมหน้าต่าง แทนที่จะปลูกไม้ดอกไม้ประดับก็ปลูกผักสวนครัวแทน ทางที่ดีปลูกตรงหน้าต่างห้องครัวจะได้ใกล้มือหยิบจับง่าย เลือกชนิดผักที่ไม่ต้องดูแลมากขนาดเล็ก หรือผักที่ใช้โรยหน้าตกแต่งอาหารนิด ๆ หน่อย ๆ เช่น ต้นหอม ผักชี พริก สะระแหน่

---@@@--- จัดสวนกระบะไว้โชว์ หา ภาชนะปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่หน่อย จะเป็นกะละมังเก่า ยางรถยนต์ หรือกระถางพลาสติกก็ได้ ปลูกจัดกลุ่มกันโดยเลือกให้มีสีสัน รูปทรง ลักษณะใบที่ดูแตกต่างกัน เลือกพืชผักอายุหลายปีจะได้ไม่ต้องคอยเปลี่ยนบ่อย ๆ เช่น มะเขือเทศ กะเพรา ข่า ตะไคร้ แมงลัก ผักชีฝรั่ง นอกจากจะกินได้แล้วยังยกไปตกแต่งสวนได้ด้วย

---@@@--- แปลงปลูกผักแบบง่าย ๆ แค่หาที่เหมาะ ๆ กำหนดขอบเขตแปลงที่ต้องการ พรวนดินเดิมขึ้นมาและหาวัสดุกั้นขอบให้เป็นสัดส่วน เช่น ไม้ไผ่สาน อิฐบล็อก จากนั้นผสมวัสดุปรับปรุงดิน เช่น แกลบ ปุ๋ยคอก กาบมะพร้าวสับ คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วจึงปลูกผักที่ต้องการ

แปลงผักแบบนี้เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่กว้างหน่อย จะใช้แปลงละชนิดหรือแปลงหนึ่งปลูกหลายอย่างรวมกันก็ได้

เห็นไหมว่าวิธีการจัดสวนครัวให้ดูดีนั้นไม่ยากเลย แต่สำหรับใครที่อยากได้ ไอเดียเก๋ ๆ เพิ่ม เพื่อนำไปปรับใช้ให้เข้ากับสวนที่บ้าน ลองเปิดดูภาพสวย ๆ และข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับการจัดสวนครัวได้จาก หนังสือ “Kitchen Garden สวนสวยกินได้” ของสำนักพิมพ์บ้านและสวน.

บ้านและสวน/เดลินิวส์
บ้านแสนรัก
9 ตุลาคม 2553

วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สถานีต่อไป...ฝรั่งเศส

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม 2553
โดย : ลิเวอร์ เบิร์ด @กรุงเทพธุรกิจ


มันอาจจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่มีรายงานระบุว่าประเทศฝรั่งเศสเป็น ประเทศที่ผู้คนมีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในยุโรป เพราะคนอังกฤษเกือบ 20 ล้านคนก็แห่กันไปเที่ยวพักผ่อนที่นั่นทุกปี ผลสำรวจล่าสุดของเว็บไซต์ uSwtich.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์เพื่อผู้บริโภคในประเทศอังกฤษพบว่าชาวฝรั่งเศสมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าประเทศอื่นๆ ในยุโรป


แต่ข้อมูลที่น่าเป็นห่วงก็คือ 1 ใน 3 ของชาวยุโรปคิดว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศอื่น และแน่นอนฝรั่งเศสเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของพวกเขา


เว็บไซต์ดังกล่าวมีการสำรวจคุณภาพชีวิตของคนในประเทศชั้นนำของยุโรป 10 ประเทศ โดยวัดจากปัจจัย 16 ด้าน เช่น รายได้ อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ราคาสินค้าปัจจัยพื้นฐาน เช่น ราคาน้ำมัน อาหารและค่าไฟฟ้า ปัจจัยที่มีผลต่อรูปแบบการดำเนินชีวิต เช่น จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด จำนวนวันหยุด ชั่วโมงการทำงานและอายุขัย

ชาวเมืองน้ำหอมครองตำแหน่งคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในยุโรปเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน แม้ว่ารายได้ต่อครัวเรือนของคนฝรั่งเศสจะอยู่ที่ประมาณ 1.6 ล้านบาทต่อปีและน้อยกว่าคนอังกฤษ 200,000 บาท แต่ผลสำรวจก็พบว่าคนฝรั่งเศสเป็น คนที่มีอายุยืนที่สุดคือ 81.09 ปี มีช่วงอายุของการเกษียณที่เร็วที่สุดคือ 59.3 ปีซึ่งครองตำแหน่งร่วมกับคนไอร์แลนด์ และมีค่าใช้จ่ายเพื่อดูแลสุขภาพสูงที่สุดคือ 11 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี

ส่วนดัชนีชี้วัดด้านอื่นๆ ก็อยู่อันดับต้นๆ เช่นกัน เช่น คนงานมีวันหยุดนานถึง 36 วันต่อปี แต่ฝรั่งเศสมีจำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดดใน 1 ปีมากเป็นอันดับที่ 3 คือ 1,967 ชั่วโมง รองจากสเปนและอิตาลีที่มี 2,665 และ 2,356 ชั่วโมงตามลำดับ


และเมื่อเทียบกับชาวผู้ดีของประเทศมหาอำนาจอย่างอังกฤษแล้ว ชาวเมืองน้ำหอมมีคุณภาพชีวิตที่เหนือกว่าในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพ รายได้ อายุขัย สุขภาพ ช่วงอายุที่เกษียณ จำนวนวันหยุดและจำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด

จริงๆ แล้วอังกฤษมีดัชนีชี้วัดคุณภาพของชีวิตที่ดีหลายด้าน เช่น อัตราภาษีมูลค่าต่ำ ค่าจ้างที่เหมาะสม และจำนวนชั่วโมงการทำงานที่ไม่หนักเกินไป แต่เมื่อดูโดยรวมทุกอย่างแล้วชาวผู้ดีมีคุณภาพชีวิตดีเป็นอันดับรองสุดท้าย เหนือจากไอร์แลนด์หรือแย่ที่สุดรองจากไอร์แลนด์


ในอดีตชาวผู้ดีจัดว่ามีรายได้สูงที่สุดในยุโรป แต่มาตอนนี้พวกเขาถูกชาวเดนมาร์ก ฮอลแลนด์ และไอร์แลนด์แซงหน้าแล้ว จากผลสำรวจพบว่ารายได้ต่อครัวเรือนต่อปีของคนอังกฤษหลังหักภาษีแล้วอยู่ที่ ราว 1.8 ล้านบาท ในขณะที่ชาวเดนมาร์กอยู่ที่ 1.9 ล้านบาท ชาวเนเธอร์แลนด์ 2 ล้านบาท และชาวไอริช 2.1 ล้านบาท


ผลสำรวจยังพบว่าราคาอาหารในประเทศอังกฤษแพงกว่าประเทศอื่นอย่างสเปนและฝรั่งเศส นอกจากนี้คนอังกฤษยังจ่ายค่าน้ำมันดีเซลเฉลี่ยลิตรละ 56.59 บาท ส่วนคนฝรั่งเศสจ่าย ในราคาลิตรละ 47.13 บาท นอกจากนี้ราคาน้ำมันไร้สารตะกั่ว ค่าไฟฟ้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ในประเทศอังกฤษก็สูงกว่าราคาเฉลี่ยของประเทศ ในยุโรป

คนอังกฤษดูจะเป็นคนทำงานหนักเพราะมีอายุเฉลี่ยของคนที่จะเกษียณอายุอยู่ สูงเป็นอันดับ 4 คือ 63.1 ปี และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่คนที่ทำงานจนเกือบจะถึงบั้นปลายของชีวิตคือชาวไอริช เนเธอร์แลนด์และสวีเดน คนอังกฤษมีอายุขัยที่สั้นกว่าคนฝรั่งเศส สเปน เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สวีเดน และอิตาลี คือ 79.16 ปี และคนงานอังกฤษยังมีวันหยุดน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากเนเธอร์แลนด์ คือ มีเพียง 28 วัน

ตัวเลขที่ไม่น่าเชื่ออีกอย่างหนึ่งก็คือ คนอังกฤษมีการใช้จ่ายเพื่อการศึกษาและสุขภาพน้อยกว่าคนชาติอื่นยกเว้น ไอร์แลนด์และโปแลนด์ที่มีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพน้อยกว่าคนอังกฤษ ส่วนการใช้จ่ายด้านการศึกษานั้นคนอังกฤษและคนไอร์แลนด์มีการใช้จ่ายเท่ากัน

"แม้ว่าผลสำรวจปีที่แล้วอังกฤษจะอยู่ในอันดับที่ไม่ดีนัก แต่เราก็ยังร่ำรวยเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านในยุโรป แต่มาปีนี้เราทั้งแย่ทั้งจน เพราะตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่สูง และคงอีกนานกว่าที่พวกเราจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีเหมือนกับประเทศอื่นๆ ในขณะที่คนประเทศอื่นเขาทำงานเพื่อมีชีวิตอยู่ แต่คนอังกฤษกลับมีชีวิตอยู่เพื่อการทำงาน" แอนน์ โรบินสัน ผู้อำนวยการด้านนโยบายผู้บริโภคของเว็บไซต์ uSwitch กล่าว

เที่ยวงานเทศกาลว่าวนานาชาติเล่าตำนานหมู่บ้านกุหลาบ"เมืองเดียพ"

วันเสาร์ ที่ 09 ตุลาคม 2553
โดย : ทีมวาไรตี้ @เดลินิวส์




หากเอ่ยชื่อ กรุงปารีส หลายคนรู้จักดี ว่าเป็นเมืองแห่งแฟชั่นและสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังที่นักท่องเที่ยวจากทั่ว ทุกมุมโลกต่างลิสต์ไว้ในบัญชีสมองว่าจะต้องมาช้อปกันให้กระจายอย่างไม่มี พลาด อีก ทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย จึงไม่แปลกที่นักท่องเที่ยวจะหลั่งไหล ไปเยือนกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสกันอย่างไม่ขาดสาย...


 

ห่างออกไปจากรุงปารีสประมาณ 150 กิโลเมตร จะพบเมืองชายทะเลเมืองหนึ่งซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ชื่อว่า เดียพ (Dieppe) ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลชื่อฮัลบัตร์ ทางภาคตะวัน ตกของประเทศฝรั่งเศส ด้านมหาสมุทรแอตแลนติก โดย อยู่ในเขตการบริหารส่วนภูมิภาค ของ แคว้นนอร์มองดีย์ตอนบน เมืองเดียพเป็นหนึ่งในเมืองชายทะเลสำหรับตากอากาศแรกเริ่มของชาวฝรั่งเศส และเป็นเมืองที่มีชื่อเสียง ด้านการประมงเกี่ยวกับหอย Saint-Jacques รวมทั้งเป็นหนึ่งในเมืองประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการยกพลขึ้นบกครั้ง แรกของฝ่ายพันธมิตรในปี ค.ศ. 1942 เพื่อประสงค์ที่จะปลดปล่อยฝรั่งเศสให้เป็นอิสระจากการครอบครองของเยอรมนีใน ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

  
ที่เมืองเดียพแห่งนี้เป็นสถานที่จัด งานเทศกาลว่าว นานาชาติ ซึ่งเป็นงานเทศกาลว่าวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากมีลานหญ้าติดชายทะเลที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและช่วงที่จัดงานเทศกาล ว่าวยังเป็นช่วงฤดูร้อนที่มีอากาศสดใสลมพัดเย็นสบาย ทำให้นักท่องเที่ยวหลงใหลแวะมาเที่ยวชมกันอย่างคับคั่งทุกครั้ง สำหรับ งานเทศกาลว่าวนานาชาติ ครั้งที่ 16 ซึ่งจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 11-19 กันยายนที่ผ่านมา นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้นำคณะผู้บริหาร ททท. เดินทางไปร่วมงาน โดยปีนี้ ประเทศไทยได้รับคัดเลือกให้เป็น “ประเทศ เกียรติยศ” ด้วย จึงถือเป็นความภาค ภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ ส่วนภายในงานมีทีมว่าว จาก 40 ประเทศ ทั่วโลกเข้าร่วมและมีว่าวมาขึ้นประชันกันนับ 1,000 ตัว มีนักท่องเที่ยวเข้าชมงานกว่า 800,000 คน

เพ็ญสุดา ไพร อร่าม รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ทาง ททท. ได้นำคณะนักว่าวไทยจาก “Thai Kite Heritage Group” ซึ่งนำว่าวไทยชนิดต่าง ๆ เช่น ว่าวจุฬา ว่าวปักเป้า ว่าวงู ไปแสดงและสาธิตการทำว่าวไทย นอกจากนี้ยังได้นำการแสดงนาฏศิลป์ไทยจากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ได้แก่ การแสดงโขน รวมทั้งนาฏศิลป์ไทยชุดต่าง ๆ มาจัดแสดงด้วย ซึ่งชาวต่างชาติได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยจุดเด่นของเราจะเน้นที่ความสนุกสนานแต่ มีประโยชน์ต่อครอบครัวนักท่องเที่ยวจึงคิดไอเดียทำว่าวงู จำนวน 1,000 ตัวแจกพร้อมสาธิตการเล่นให้นักท่องเที่ยวชมด้วย ทำให้บูธของประเทศไทยยิ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก รู้สึกภูมิใจที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักว่าวไทยมากขึ้น



หลังจากร่วมงานเทศกาล ว่าวแล้ว คณะเราไม่รอช้ารีบ ออกสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวภายในเมืองเดียพ ตามคำบอกเล่าของผู้ที่เคยมาเยือนในปีก่อน ๆ ว่าในเมืองเดียพมีหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งอยู่ติดชายทะเลอยู่ใกล้ปารีสมากที่สุดชื่อหมู่บ้าน “เวลเลส์ โรสส์” หรือเรียกกันว่า “หมู่บ้านดอกกุหลาบ” เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ มีประชากรเพียง 600 คน ตั้งอยู่บนแม่น้ำเวลเลส์ (ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแม่น้ำสายที่สั้น ที่สุดของประเทศฝรั่งเศส มีความยาว 1,194 เมตร โดยเป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 แต่สวยที่สุด ของแคว้นนอร์มองดีย์ โดยชาวบ้านจะปลูกบ้านอยู่สองข้างฝั่งลำธาร ที่สำคัญเมือง เวลเลส์-โรสส์ นี้เป็นเมืองติดทะเล มีลำธารน้ำใสไหลผ่านกลางหมู่บ้าน แล้วก็จะไหลลงทะเลที่อยู่ห่างกันไม่ถึง 1 กิโลเมตร

“เล่ากันว่าสมัยก่อนหญิงสาวของหมู่บ้านจะนำเสื้อผ้าออกมาซักผ้าที่ลำธารน้ำ ใสแห่งนี้เพราะว่าน้ำสะอาดมาก ๆ ซึ่งตรงฝั่งจะมีทางเดินเล็ก ๆ สำหรับไว้ซักผ้า แต่ปัจจุบันนี้ไม่มีการซักผ้าแล้ว เพราะว่ามีการนำปลามาปล่อยให้ผสมพันธุ์กัน เราจึงเห็นปลาตัวเล็กใหญ่แหวกว่ายไปมาแทนหญิงสาวนั่งซักผ้า”

นอกจากแม่น้ำสายนี้จะเป็นจุดเด่นน่าสนใจแล้ว ที่ตัวอาคารบ้านเรือนก็ยังเป็นสไตล์นอร์มองดีย์ดั้งเดิมที่ดูแล้วสบายตา เพราะแต่ละบ้านจะมีการปลูกดอกไม้เยอะแยะเต็มไปหมด โดยมีรางวัลรับประกันความงามของหมู่บ้านด้วย นั่นคือรางวัลระดับ 2 ดอก (ไม้) ซึ่งในฝรั่งเศส หมู่บ้านต่าง ๆ จะมีการประกวดความงามของหมู่บ้านที่ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้บานสะพรั่ง และจะได้รับสัญลักษณ์ดอกไม้ 1, 2 หรือ 3 ดอกตามความสวยงาม โดยเฉพาะดอกกุหลาบทางอำเภอสนับสนุนให้ทุก ๆ บ้าน ปลูก หากใครอยากปลูกดอกกุหลาบให้ซื้อไปปลูกแล้วทางอำเภอจะคืนเงินให้ทุกคน

พอเดินออกจากหมู่บ้าน เดินข้ามถนนมา เราก็จะเจอชายหาด แต่น่าแปลกเพราะตรงหาดแถว ๆ นอร์มองดีย์จะเป็นหาดก้อนหินล้วน ๆ เลย ถ้าใครจะเล่นทรายต้องรอให้น้ำลงเยอะ ๆ จึงจะเห็นทราย อุ๊ย...ใกล้ทะเลตรงนี้ลมพัดแรงมาก ๆ หนาวจนตัวสั่นทำให้ยืนอยู่ได้ไม่นาน พอดีกับได้เวลาท้องร้องต้องหาร้านอาหารนั่งรับประทานเพื่อเพิ่มพลังกันเสีย หน่อยแล้ว แต่ร้านอาหารที่นี่เต็มหมดทุกร้าน หากใครไม่ได้จองไว้จะไม่ได้นั่งรับประทานอาหารริมทะเลคลุกเคล้าบรรยากาศดี ๆ โดยอาหารที่เมืองเดียพนี้มีอาหารทะเลสด ๆ ให้เลือกรับประทาน มากมายเพราะเป็นเมืองท่าเรือหรือเรียกกันว่าเมือง 4 ท่า เพราะมีท่าเรือมากที่สุดในประเทศฝรั่งเศส และยังมีท่าเรือข้ามไปยังเมือง Newhaven ในประเทศอังกฤษด้วย

หลังจากกินอิ่มนอนหลับ กันแล้ว คณะเราไม่ลืมที่จะเข้าชมพิพิธภัณฑ์ “เลอ ชาโต- มูเซ” ซึ่งเป็นปราสาทเก่าแก่ที่ถูกสร้างในยุคกลางศตวรรษ ที่ 15 บนหน้าผาฝั่งตะวันตกของเมือง เพื่อเป็นป้อมสำหรับ ระแวดระวังการบุกรุกชายฝั่ง ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทะเล และของมีค่าในสมัยศตวรรษที่ 17-18 เช่น งาช้างแกะสลัก พัดทำจากผ้าลูกไม้ต่าง ๆ เป็นฝีมือของช่างเมืองเดียพ ซึ่งจะบอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของชาวเมืองเดียพได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ด้านบนยังเป็นจุดชมวิวของเมืองที่เราสามารถมองเห็นเมืองเดียพได้ ทั้งเมืองอีกด้วย


เมืองเดียพ ถึงแม้จะเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้กรุงปารีสแต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากใครมาเยือนปารีสแล้วก็อย่าลืมแวะมาพักผ่อนตากอากาศที่เมืองเดียพเพื่อ ชาร์จพลังก่อนกลับไปชอปปิงกันต่อ ก็แล้วกัน เชื่อว่าใครที่ได้มาสูดอากาศที่เมืองเดียพแล้วคงจะหลงเสน่ห์อยากกลับมาเยือน กันใหม่อีกครั้งเป็นแน่...



"สีสันรายทาง"
การเดินทาง โดยสารเครื่องบินจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่กรุงปารีสโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง จากนั้นโดยสารรถยนต์โดยใช้เส้นทางหลวง A13 ต่อไปยังเมืองเดียพ ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง


สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง หากใครมีเวลาเหลืออย่าลืมแวะเที่ยวชม “บ้านโมเนต์” (Monet's House) ซึ่งโมเนต์เป็นศิลปินวาดภาพของฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงมาก ภายในบ้านมีผลงานการวาดภาพมากมายรวมทั้งการจัดตกแต่งบ้านในสไตล์ศิลปิน (แต่น่าเสียดายห้ามถ่ายภาพ) ด้านนอกมีสวนดอกไม้หลากสีสันที่จัดแยกไว้เป็นสี ๆ อย่างสวยงาม ซึ่งบ้านโมเนต์นี้ ตั้งอยู่ระหว่างทางจากเมืองเดียพไปกรุงปารีส สำหรับในกรุงปารีสระหว่างรอขึ้นเครื่องหากใครมีเวลาเหลืออย่าพลาดไปถ่ายรูป หอไอเฟลเก็บไว้เป็นที่ระลึกเพราะเป็นสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสเชียว

ของฝากและร้านอาหาร ของฝากโดนใจ เช่น น้ำหอมแบรนด์ต่าง ๆ พวงกุญแจหรือของประดับรูปหอไอเฟล ส่วนใครที่อยู่ฝรั่งเศสนาน ๆ คิดถึงอาหารไทย สามารถหารับประทานได้ที่ “ร้านอาหารบ้านไทย” เลขที่ 13-15 ถนนเดอ ลา แฟร์รอนเนอรี เพรอมิเยอร์ ปารีส เขต 1 ที่เปิดมานานกว่า 10 ปี มีอาหารให้เลือกทั้งแบบบุปเฟ่ต์และอาหารตามสั่ง เมนูยอดฮิตที่ถูกคอนักท่องเที่ยวได้แก่ ต้มยำกุ้ง ผัดไทย แกงเขียวหวาน และต้มข่าไก่