หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ศรีอยุธยา (3)

เพลงที่เด็กร้องได้ ผู้ใหญ่ฟังดีเพลงหนึ่งมีว่า “ตาอินกะตานา หาปลาเอามากินกัน...” แต่แล้ววันหนึ่งตาอินกะตานาเกิดจะแย่งปลากัน ลงท้ายตาอยู่ก็คว้าพุงเพียว ๆ ไปกิน ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาก็มีเรื่องพรรค์อย่างว่านี้ เมื่อสมเด็จพระอินทราชา (เจ้านครอินทร์) กษัตริย์ผู้มาจากสุพรรณสวรรคตลง พระราชโอรสสองพระองค์คือเจ้าอ้ายพระยาซึ่งครองเมืองสุพรรณยกทัพขับช้างเข้ามาหมายจะเป็นกษัตริย์อยุธยา แต่เจ้ายี่พระยา เจ้าเมืองสรรคบุรีไม่ยอม คุมทัพขับช้างมาต่อสู้กับพี่จนปะทะกันที่เชิงสะพานป่าถ่าน ลงท้ายสิ้นพระชนม์ทั้งคู่


สมเด็จฯกรมพระยาดำรงฯ ทรงสันนิษฐานว่าเจ้าทั้งสองคงต่างพระชนนีกัน เจ้านายขุนนางจึงทูลเชิญน้องนุชสุดท้องเป็นตาอยู่คือเจ้าสามพระยา เจ้าเมืองชัยนาทขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 7 ชื่อสมเด็จพระบรมราชาธิราช (ที่ 2) เมื่อถวายพระเพลิงเจ้าพี่ทั้งสองแล้ว ทรงสร้างพระปรางค์มหาธาตุเจดีย์ครอบที่ตรงนั้น และให้สร้างวัดขึ้นเรียกว่าวัดราชบูรณะ ทุกวันนี้เหลือแต่ซาก ส่วนพระปรางค์ยังอยู่สมบูรณ์

ไทยเรามีธรรมเนียมมาแต่โบราณว่าบ้านใหญ่เมืองโตต้องมีวัดสำคัญคู่พระนครคือวัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดราชประดิษฐ์ กรุงศรีอยุธยาก็มีวัดเหล่านี้ เมื่อสร้างกรุงเทพฯ ก็ได้โปรดฯ ให้สร้างหรือเปลี่ยนชื่อวัดเดิมที่บูรณะใหม่มาใช้ชื่อวัดเหล่านี้ วัดราชบูรณะในกรุงเทพฯ อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เชิงสะพานพุทธ ข้างโรงเรียนสวนกุหลาบ เดิมเป็นวัดเก่าสมัยอยุธยาชื่อวัดเลียบ ตำราหนึ่งว่าเพราะมีต้นเลียบ อีกตำราว่าเพราะจีนเลี้ยบ (คนละคนกับหมอเลี้ยบ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี) เป็นผู้สร้าง สมัยต้นกรุงเทพฯ เคยเป็นวัดประจำตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 สัมพันธมิตรทิ้งระเบิดลงวัดจนเรียบจริง ๆ บัดนี้บูรณะใหม่แล้ว

วัดราชบูรณะสมัยอยุธยาอาจมีมาก่อนสมัยเจ้าสามพระยาก็ได้ ไม่งั้นจะไปถวายพระเพลิงตรงนั้นได้อย่างไร แต่คงโทรมเต็มทีจนโปรดฯ ให้บูรณะใหม่ทั้งวัด

ความยิ่งใหญ่ของวัดราชบูรณะมาปรากฏแก่สายตาชาวโลกเมื่อ พ.ศ.2499 เมื่อตำรวจจับโจรกลุ่มหนึ่งซุกซ่อนพระพิมพ์ทองคำเป็นอันมาก ทั้งยังมีสร้อยทองคำ แหวน เพชรนิลจินดา ขนาดแบ่งปันกันแล้วก็ยังเหลือให้ยึดได้ไม่น้อย เมื่อไต่สวนได้ความว่าแอบขุดจากกรุใต้ฐานพระปรางค์วัดราชบูรณะ พอเข้าหน้าฝนดินชุ่มน้ำ อ่อนตัว จึงขุดเจาะง่าย กรมศิลปากรจึงนำผู้เชี่ยวชาญมาขุดเจาะบ้างพบว่าใต้ฐานพระปรางค์ลึกลงไปเป็นกรุหรือห้องขนาดลิฟต์ซ้อนกันอยู่ใต้ดินเป็นชั้น ๆ

ในปี พ.ศ. 2500 เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้า การระบายอากาศและป้องกันโรคจากใต้ดินยังเป็นปัญหา กรุเองก็เล็ก คับแคบ น่ากลัวว่าจะพังทลาย แต่แล้วก็ค่อย ๆ ลำเลียงสมบัติออกมาได้หลายชิ้นเป็นพระเนื้อต่าง ๆ นับหมื่นองค์ พระธาตุเจดีย์ทองคำ โต๊ะทอง มงกุฎทองคำ เครื่องสวมศีรษะเรียกว่าศิราภรณ์ พระแสงดาบ ช้างทรงทองคำชูงวงหมอบ และของมีค่าอีกมหาศาล

ไม่มีใครรู้ว่าเครื่องทองของมีค่าเหล่านี้ไปอยู่ใต้ฐานพระปรางค์ได้อย่างไร ทำราวกับเป็นสมบัติมัมมี่ในพีระมิด บ้างก็สันนิษฐานว่าบรรจุไว้เป็นพุทธบูชา บ้างก็ว่าเป็นของนำไปใช้ในชาติหน้า บางคนก็ว่าอาจเป็นการยักย้ายถ่ายเทสมบัติซ่อนไว้

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรด้วยความสนพระราชหฤทัย ทรงแนะนำแนวทางการชักดาบออกจากฝักทองคำโดยไม่ให้เสียหาย และรับสั่งว่าของเหล่านี้อยู่คู่อยุธยา ควรนำออกแสดงที่นี่ ไม่ควรย้ายไปไว้ที่อื่น กรมศิลปากรจึงสนองพระราชกระแส นำพระพิมพ์เนื้อต่าง ๆ บางส่วนที่มีอยู่มากมายออกให้เช่าบูชาหาทุน ได้เงินมาหลายล้านบาทสร้างเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาที่อยุธยาโดยไม่ต้องใช้เงินแผ่นดิน

พิพิธภัณฑ์นี้น่าดูมาก ชีวิตนี้ครูควรพานักเรียน พ่อแม่พาลูก ลูกหลานพาปู่ย่าตายายไปชมมรดกเจ้าสามพระยาสักครั้ง จะได้เห็นเจดีย์ทองคำบรรจุพระธาตุเป็นสิบ ๆ องค์ พระพิมพ์เนื้อทอง เงิน นาก ชิน เหรียญกษาปณ์สมัยอยุธยา ศิราภรณ์ ของที่ต้องดูให้ได้คือช้างทองคำหมอบซึ่งเป็นของสำคัญงามนักหนา ที่ไม่ได้ขุดพบจากวัดราชบูรณะแต่เชิญมาจากที่อื่นคือพระพุทธรูปศิลาห้อยพระบาท และเศียรพระพุทธรูปจากวัดธรรมิกราชซึ่งหล่อขึ้นตั้งแต่พระเจ้าอู่ทองยังไม่เกิด

เจ้าสามพระยาได้สถาปนาพระราชโอรสเป็นพระราเมศวร อันเป็นตำแหน่งสำคัญเหมือนรัชทายาทครั้งพระเจ้าอู่ทอง โปรดฯ ให้ไปครองเมืองพิษณุโลกซึ่งขณะนั้นตกเป็นของอยุธยาแล้ว การส่งรัชทายาทไปครองพิษณุโลกเริ่มเป็นธรรมเนียมมาตั้งแต่บัดนั้น เรียกว่าใครครองพิษณุโลกต่อไปจะได้ครองอยุธยา (ก่อนหน้านั้นให้ดูว่าใครครองเมืองลพบุรี)

เมื่อเจ้าสามพระยาสวรรคต พระราเมศวรได้กลับมาครองอยุธยาเป็นรัชกาลที่ 8 ทรงพระนามว่าสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ แปลว่าที่พึ่งแห่งโลกทั้งสามคือโลกมนุษย์ สวรรค์ และนรกภูมิ ตามคตินิยมในเรื่องไตรภูมิ เวลาเดียวกันเชียงใหม่กำลังแยกตัวเป็นอิสระ มีกษัตริย์ปกครองชื่อคล้ายกันว่าพระเจ้าติโลกราชและมีความหมายอย่างเดียวกันด้วย

สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถครองกรุงศรีอยุธยานานถึง 40 ปี ก่อนหน้าสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ต้องนับว่าพระองค์อยู่ในราชสมบัตินานที่สุดในประเทศไทย และทรงทำประโยชน์หลายอย่างจนอยากทายว่าวันหนึ่งจะมีคนนึกถึงผลงานจนยกเป็นมหาราชหรือธรรมิกราชได้อีกพระองค์

เมื่อครองราชย์ได้ 15 ปี เชียงใหม่ยกทัพไปตีหัวเมืองภาคเหนือจนจวนไล่ลงมาถึงพิษณุโลก สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึงเสด็จขึ้นไปตั้ง ศอฉ.บัญชาการรบอยู่ที่พิษณุโลก และทรงใช้เวลาอีก 25 ปีอยู่ที่นั่นอย่างถาวรจนถือเป็นเมืองหลวง ส่วนกรุงศรีอยุธยานั้นกลับลดลงเป็นเมืองลูกหลวง ให้พระราชโอรสปกครองมีฐานะเป็นเจ้าประเทศราช (เมืองขึ้น)

ผลงานยิ่งใหญ่คือทรงตั้งทำเนียบศักดินาขึ้นเป็นครั้งแรก ทรงสร้างวัดพระศรีสรรเพชญ์เป็นวัดอยู่ในวังไม่มีพระสงฆ์ซึ่งเป็นต้นแบบของวัดพระแก้วในเวลานี้ ทรงตรากฎมนเทียรบาลซึ่งว่าด้วยกฎกติกาในราชสำนัก ขนบประเพณีต่าง ๆ ลำดับชั้นยศของเจ้านายซึ่งใช้เป็นฐานพิจารณาผู้สืบราชสมบัติ ทรงตั้งตำแหน่งพระมหาอุปราช และทรงวางรากฐานการปกครองใหม่ เช่น แบ่งข้าราชการเป็นฝ่ายพลเรือนและทหาร ตั้งอภิมหากรมไว้ดูแลราชการ 4 ด้านเรียกว่าจตุสดมภ์ แปลว่า เสาหลักทั้ง 4 ได้แก่ กรมเวียง กรมวัง กรมคลัง และกรมนา ซึ่งระเบียบราชการอย่างนี้ใช้มา 400 ปีจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5

ทรงศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก ระหว่างเสด็จฯไปอยู่พิษณุโลกได้ทรงผนวช ทรงสร้างวัด หล่อพระพุทธรูป และจัดระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ใหม่

เมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถสวรรคตที่พิษณุโลก พระบรมราชา พระราชโอรสซึ่งปกครองอยุธยาได้ขึ้นครองราชย์เต็มที่เป็นรัชกาลที่ 9 ทรงพระนามว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราช (ที่ 3) แล้วลดฐานะพิษณุโลกลงเป็นเมืองเอก ราว 3 ปีต่อมาก็สวรรคต พระเชษฐาชื่อแปลว่าพี่แต่ความจริงเป็นน้องชายขณะนั้นครองเมืองพิษณุโลกซึ่งเป็นเมืองเอกต่อจากสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึงกลับลงมาครองกรุงศรีอยุธยาต่อจากผู้เป็นพี่ ทรงพระนามว่าสมเด็จพระรามาธิบดี (ที่ 2) เป็นรัชกาลที่ 10 กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่อีกพระองค์

รัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 นานถึง 38 ปี ทรงสร้างวัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังต่อจนเสร็จ โปรดฯ ให้หล่อพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่สูง 8 วา หุ้มทองคำชื่อพระศรีสรรเพชญซึ่งถือว่าเป็นพระพุทธรูปมีค่าคู่บ้านคู่เมืองและสำคัญที่สุดของพระนครศรีอยุธยา

ใครไปไหว้พระมงคลบพิตรที่อยุธยาวันนี้จะเห็นเจดีย์ 3 องค์เรียงกันข้างพระวิหาร สององค์แรกสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงสร้างไว้บรรจุพระอัฐิสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ่อ) และสมเด็จพระบรมราชาธิราช (พี่) ส่วนองค์ที่สามต่อมาสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร พระราชโอรสสร้างเพิ่มขึ้นเพื่อถวายพระราชบิดาคือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 เห็นแล้วช่วยยกมือไหว้เสียด้วย นี่คือเจดีย์สมเด็จพระบูรพมหากษัตริย์

รัชกาลนี้ฝรั่งเข้ามาค้าขายเป็นชาติแรกคือโปรตุเกส นับถึงบัดนี้ร่วม 500 ปีแล้ว และโปรดฯ ให้ตั้งกรมพระสุรัสวดีเป็นครั้งแรก มีหน้าที่สักเลก (ข้อมือ) เกณฑ์คนเป็นทหาร ชายฉกรรจ์อายุ 18 ปีทุกคน ต้องเป็นทหารเรียกว่าไพร่ ถ้าไปอยู่กับขุนนางอำมาตย์เรียกว่าไพร่สม ถ้าไม่อยากถูกเกณฑ์ก็ส่งเงินไปให้หลวงจ้างคนอื่นเรียกว่าไพร่ส่วย พออายุ 20 ปีก็ระดมกลับเข้าทำงานหลวงหมดเรียกว่าไพร่หลวง

บัดนี้เกิดอำมาตย์และไพร่แล้วนะครับ! แต่ไม่แตกแยกกันเป็นสีเพราะคนไทย พ.ศ.2000 ไม่สวมเสื้อ นุ่งแต่กางเกงถึงเข่าบ้าง คาดผ้ารวบปลายเหน็บหลังเหมือนโจงกระเบนแต่ตัวเท่ากางเกงในบ้าง จึงไม่อาจจำแนกสีได้ ถ้าใครถามว่าสีอะไร ชาวอยุธยาทั้งหลายจะตอบว่า “ศรีอยุธยาจ้ะ”.

“พิพิธภัณฑ์นี้น่าดูมาก ชีวิตนี้ครูควรพานักเรียน พ่อแม่พาลูก ลูกหลานพาปู่ย่าตายายไปชมมรดกเจ้าสามพระยาสักครั้ง จะได้เห็นเจดีย์ทองคำบรรจุพระธาตุเป็นสิบ ๆ องค์ พระพิมพ์เนื้อทอง เงิน นาก ชิน เหรียญกษาปณ์สมัยอยุธยา ศิราภรณ์ ของที่ต้องดูให้ได้คือช้างทองคำหมอบซึ่งเป็นของสำคัญงามนักหนา ที่ไม่ได้ขุดพบจากวัดราชบูรณะ แต่เชิญมาจากที่อื่นคือพระพุทธรูปศิลาห้อยพระบาท และเศียรพระพุทธรูปจากวัดธรรมิกราชซึ่งหล่อขึ้นตั้งแต่พระเจ้าอู่ทองยังไม่เกิด”

วิษณุ เครืองาม
wis.k@hoymail.com
@เดลินิวส์ 30 สิงหาคม 2554

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ยิปซีพยากรณ์ วันที่ 28 สิงหาคม 2554

พยากรณ์ระหว่างวันที่ 28 ส.ค. - 3 ก.ย. 2554

ราศีมังกร (16 ม.ค.-12 ก.พ.)
   
“ไพ่ เดอะ ฮีโรเพ้นท์” มีดวงได้เข้าวัดเข้าวา พบปะผู้ใหญ่ ได้รับคำสอนและความเอ็นดู การงานมีดวงได้ฝึกอบรม รับความรู้เพิ่มเติม ความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่พรั่งพรู หากรู้จักใช้คำพูด ไหวพริบให้เป็นประโยชน์โอกาสก้าวหน้ามีมาก ช่วงปลายหากฝันอยากทำกิจการงานเสริม จะมีคนช่วยเหลือให้สำเร็จดังหวัง การเงินไม่ฟู่ฟ่ามากมาย แต่ก็ไหลเข้ามาเรื่อย ๆ จับจ่ายใช้สอยสบายมือ ให้เชื่อฟังผู้ใหญ่แล้วคุณจะมีดอกผลงอกเงยกับสิ่งที่ทำ ความรักคนโสดไม่รีบร้อน มีใครเข้ามาก็ศึกษาดูใจกันไป มีแนวโน้มได้คนที่อายุมากกว่ามาควงแขน ส่วนคนมีแฟนแล้วรักอบอุ่น คนรักเป็นแรงผลักดันในทุกสิ่งที่คุณอยากทำ


ราศีกุมภ์ (13 ก.พ.-13 มี.ค.)   

อึดอัดกับการต้องเก็บอะไรไว้เพียงลำพัง ความรับผิดชอบมากล้นเต็มบ่า ทน ๆ ไปก่อนยังไม่มีจังหวะในการปลดปล่อย การงานเริ่มไม่มั่นคง ถูกตำหนิ ถูกบ่นบ่อย ผลงานไม่เข้าตา ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ช่วงปลายอย่าพยายามกระทบกระทั่งกับใครจะทำให้เรื่องบานปลายใหญ่โต อาจถูกปลดออกกลางอากาศได้ การเงินต้องกระเบียดกระเสียรรายจ่ายเยอะ หากไม่วางแผนตั้งแต่วันนี้อาจต้องมานั่งเสียใจภายหลัง โชคลาภไม่มี อย่าหวังน้ำบ่อหน้า “ไพ่ 7 ดาบ” ความรักหดหู่ ต้องแอบกินน้ำใต้ศอก รักเขาข้างเดียว แอบรัก ความสัมพันธ์ไม่เปิดเผย ส่วนคนมีแฟนแล้วรักไม่ราบรื่น มีปากเสียงกันเป็นประจำ ช่วงปลายอาจถึงขั้นแตกหักก็เป็นได้ ถ้าไม่ระงับอารมณ์
   
ราศีมีน (14 มี.ค.-12 เม.ย.)

ภาระรับผิดชอบมีมากเหลือล้น คนนั้นคนนี้คอยหามาสุมให้ปวดหัว เป็นช่วงที่คุณปฏิเสธยาก จึงต้องอดทนรับเละไปก่อน “ไพ่ 10 คทา” การงานมากมาย แบบว่างานเข้าคุณเต็ม ๆ เรื่องที่ไม่เคยทำก็ต้องมารับกรรมทำไป อดทนไปก่อนอย่าท้อ เพราะตอนจบมันอาจจะแฮปปี้ เอ็นดิ้ง กว่าที่คุณคิด ช่วงปลายมีดวงการปรับเปลี่ยนระบบงาน โยกย้าย การเงินขึ้นลง อย่าคาดหวังน้ำบ่อหน้า ยังไม่มีโชคสำหรับคนชอบเสี่ยง ช่วงปลายต้องหมุนเงินมาก วางแผนรับมือด้วย ความรักไม่เคยพอดี บทจะรักมากก็หวานชื่น บทจะน้อยก็ทำเอาเหงาใจ คนรักของคุณไม่เคยมีความพอดี ส่วนคนโสดสนิทจะได้รับการแนะนำ หรือชักจูงจากเพื่อนฝูง คนรอบข้าง

ราศีเมษ (13 เม.ย.-13 พ.ค.)
   
มีความปรองดอง สามัคคีกับคนรอบข้าง จะทำอะไรจึงเป็นเรื่องง่าย และคุณเองก็รู้สึกสบายใจ “ไพ่ 6 คทา” การงานปลอดโปร่งโล่งสบาย ไม่มีใครมาตามจ้ำจี้จ้ำไช จับผิดให้เสียอารมณ์ การเจรจาประสานงานนัดหมายราบรื่น เป็นช่วงที่เหมาะในการเสนอความคิดเห็น จะได้รับการตอบรับที่ดี น้ำขึ้นให้รีบตัก มีโครงการอะไรในหัวควรรีบสานต่อ การเงินหมุนคล่อง อยากได้อะไรก็มีคนคอยจัดหามาให้ ได้ลาภจากความเสน่หา ช่วงปลายได้ผลตอบแทนจากคนที่คุณเคยช่วยเหลือ ความรักอิ่มเอมใจมีความสุข ถ้ากำลังมีปัญหากันอยู่ จะเข้าใจกันมากขึ้น คืนดีกันได้ ส่วนคนโสดได้รับการทาบทาม แนะนำจากคนรอบข้างจนสมหวังสมปอง

ราศีพฤษภ (14 พ.ค.-13 มิ.ย.)
   
เอาการเอางาน มีความคิดมุ่งมั่น ขวนขวายเรียนรู้ มีดวงเดินทางไกล ประสบผลสำเร็จในการศึกษาเพิ่มเติม “ไพ่ 8 คทา” การงานก้าวหน้า มีผลงานโดดเด่นได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ ทำงานได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว หากอยากเปลี่ยนจะได้เปลี่ยน ได้ขยับไปในจุดที่ดีกว่าเดิม ธุรกิจเหมาะในการขยับขยาย ประสบความสำเร็จทั้งงานหลักและงานเสริม การเงินไหลลื่น มีช่องทางในการหาเงินหลายทาง ช่วงปลายมีดวงได้รับเงินก้อน รับมรดก การเดินทางนำโชคลาภมาให้ ความรักคนมีแฟนแล้วไม่ค่อยมีเวลาให้กันมาก มัวแต่นั่งวางแผนสร้างอนาคตเก็บเงินเก็บทอง ส่วนคนโสดมุ่งมั่นจริงจังกับงาน ยังไม่เจอใครโดน ๆ จึงต้องครองโสดกันต่อไป เพราะรักช่างเลือก

ราศีเมถุน (14 มิ.ย.-14 ก.ค.)
   
ใจอ่อน ขี้สงสาร จึงมักมีคนมาขอความช่วยเหลือไม่ขาดสาย “ไพ่ เดอะ เอ็มเพรส” ผู้ใหญ่ให้ความเอ็นดู สนับสนุน การงานช่วงต้นถึงกลางราบรื่น ทั้งงานเอกสาร และการเจรจาติดต่อเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ช่วงปลายระวังคำพูด ความคิดเห็นและการกระทำจะทำให้เกิดความขัดแย้งผิดใจกับเพื่อนร่วมงาน มีการกระทบกระทั่งกัน การเงินมีลาภจากคนอายุมากกว่า ส่วนใหญ่เป็นลาภปาก และของขวัญ ของกำนัล ช่วงปลายมีดวงขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ ความรักตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายความรัก คนรักถวิลหาทุกวัน ทั้งรักทั้งคิดถึง เสน่ห์ล้นเหลือ ส่วนคนโสดมีคนมารุมล้อม เป็นเพราะความยิ้มง่าย และเป็นคนง่าย ๆ ของคุณ

ราศีกรกฎ (15 ก.ค.-16 ส.ค.)
   
ความอดทนและการรอคอยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเริ่มต้น หากกำลังวางโครงการดี ๆ เอาไว้ ให้รอจังหวะค่อยเริ่ม “ไพ่ 1 คทา” การงานมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่คิด ทำให้กล้าเสนอความคิดเห็นในมุมมองที่แตกต่าง ได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจ แต่คงต้องวิเคราะห์ให้ดีก่อน ช่วงปลายปัญหาที่มีจะคลี่คลาย ทางออกจะปรากฏ การเงินเก็บออมได้เป็นกอบเป็นกำ เป็นช่วงที่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการลงทุน เพียงแค่รอคอยจังหวะและโอกาส ความรักคนโสดถึงแม้จะโหยหา แต่ช่วงนี้ยังไม่เจอะเจอใครเข้าตา ต้องรอกันต่อไป ส่วนคนมีแฟนแล้วรักแรง โกรธแรง ให้อภัยกันไว้จะดีกว่า ช่วงนี้ขีดความรักราบเรียบ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น

ราศีสิงห์ (17 ส.ค.-16 ก.ย.)
   
“ไพ่ 7 คทา” กว่าจะได้อะไรมาสักอย่าง ต้องแข่งขันช่วงชิง แต่ก็มีส่วนดีทำให้คุณมีความกระตือรือร้นมากขึ้น การงานพึ่งพาตัวเองไม่ผิดหวัง ช่วงปลายต้องขับเคี่ยวเข้มข้น มีการสอบการแข่งขัน หากพยายามจะพบความสำเร็จ ช่วงนี้คนรัก ครอบครัวเป็นกำลังใจที่ดี หากคิดทำธุรกิจลงทุนร่วมรับรองไปได้สวย การเงินแม้ไม่เห็นเม็ดเงินมากมาย แต่ก็จับจ่ายใช้สอยคล่องตัว มีรายรับหลายทาง และมีคนคอยเกื้อหนุนทำให้มีช่องทางต่อยอดอยู่เสมอ ความรักอ่อนหวานผิดหูผิดตา จึงมีคนมาห้อมล้อม อยากใกล้ชิด คนโสดเสน่ห์แรงมีดวงได้เลี้ยงฉลอง ส่วนคนมีแฟนแล้วรักหอมหวาน คนรักตามใจ อยากได้อะไรก็จัดให้

ราศีกันย์ (17 ก.ย.-16 ต.ค.)
   
“ไพ่ เดอะ แฮงค์ แมน” วาดฝันอะไรไว้ต้องเตรียมใจรับกับความผิดหวัง ช่วงนี้ไม่ใช่ทีของคุณ การงานหนักหนาสาหัสเกือบเอาตัวไม่รอด หากตั้งเป้าเอาไว้ก็คงต้องเจออุปสรรคร้อยแปดทำให้คุณไปไม่ถึงฝัน มีปัญหาทั้งงานและความขัดแย้ง ทำให้หงุดหงิดง่าย คุณยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ช่วงปลายจึงจะมีจังหวะดีในการฟื้นตัวอีกครั้ง การเงินน่าเป็นห่วง รายจ่ายมีเข้ามาไม่มีหยุดหย่อน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ไม่ได้เตรียมตัวไว้ ระวังทำกระเป๋าสตางค์หาย ลืมบัตร ATM ลืมมือถือ ความรักหงอยเหงาผิดไปจากเดิม มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อย ไม่ค่อยยอมกัน ส่วนคนโสดคนที่แอบชอบไว้ก็ปรากฏว่ามีแฟนแล้ว ทำให้คุณต้องอกหักรักคุดไปตามระเบียบ

ราศีตุลย์ (17 ต.ค.-16 พ.ย.)
   
“ไพ่ อัศวินคทา” มีดวงเดินทางไกล ได้พบเจอะเจอสิ่งใหม่ ๆ มีการขยับขยายที่ดี แต่บางครั้งต้องรอจังหวะ การงานโดดเด่นเป็นที่สนใจ ผลงานเข้าตาผู้ใหญ่ มีดวงในการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายไปในทางที่ดีขึ้น หากเบื่อเซ็งงานเก่า ลองสมัครใหม่ดูมีโอกาสได้แน่นอน ช่วงกลางได้รับข้อเสนอ หรือถูกทาบทามให้ทำงานใหม่ มีงานเสริม การเงินหมุนเวียนคล่อง เพราะคุณทำแต่งานจนไม่มีเวลาได้ใช้จ่าย อาจมีความคิดในการเปลี่ยนรถ ดวงเงินไม่ขัดสนตัดสินใจได้ทันที ความรักคนโสดหน้าตาสดใสเข้าตา มีคนมารุมสนใจอยากรู้จัก ความรักกำลังผลิบาน ส่วนคนมีแฟนแล้วคนรักอ่อนหวานน่ารัก คอยเอาอกเอาใจสารพัด มีดวงได้ชวนกันไปเที่ยวพักผ่อน

ราศีพิจิก (17 พ.ย.-15 ธ.ค.)

   
แบกภาระหนักอึ้ง มีแต่คนโยนขี้มาให้คุณต้องคอยสะสาง ปฏิเสธยาก หาคนช่วยยากสุดท้ายรับไว้เองดีที่สุด มันคือชะตากรรม การงานล้นมือ ต้องรับผิดชอบมากขึ้น ถึงแม้บางเรื่องจะไม่อยู่ในความควบคุมดูแลของคุณมาก่อนก็ตาม ช่วงปลายระวังการแบ่งพรรคแบ่งพวก เกี่ยงโยนงานกันน่าเบื่อ คุณควรอยู่ตรงกลางไม่มีปากมีเสียงดีที่สุด “ไพ่ 2 เหรียญ” การเงินเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง ขึ้นอยู่กับฮึดสู้ ช่วงต้นถึงกลางแรงดีขยันขันแข็ง เงินทองไหลเข้า ช่วงปลายเรี่ยวแรงถดถอยขี้เกียจ รายจ่ายเยอะจึงทำให้สภาพคล่องลดลง ความรักคนโสดกำลังโหยหา แต่ยิ่งตามก็เหมือนความรักยิ่งวิ่งหนีคุณไปเรื่อย ๆ ไล่ไม่ได้จับไม่ทัน ส่วนคนมีแฟนแล้วเก็บกด ไม่ค่อยมีเวลาให้กัน เป็นต้นเหตุให้มือที่สามแทรกแซง

ราศีธนู (16 ธ.ค.-15 ม.ค.)
   
วุ่น ๆ อยู่กับเรื่องรายรับรายจ่าย ปวดหัวสุด ๆ ได้มือซ้ายจ่ายมือขวา รายจ่ายมากเกินแผนการที่วางไว้ การงานช่วงต้นเหนื่อยใจกับโจทย์ที่ได้รับ จะได้มีเหตุให้เร่งรีบ ทำงานกับคนไม่ชอบ ทำงานที่ไม่ถนัด ขอเตือนว่าอย่าทำส่ง ๆ เพราะจะมีผลกับการพิพากษาคุณในอนาคต อาจต้องมานั่งเสียใจ หากบุ่มบ่ามใจร้อน “ไพ่ 5 เหรียญ” การเงินลักปิดลักเปิด ช่วงต้นจ่ายหนัก ช่วงกลางมีโชค แต่เก็บไม่อยู่ เหมือนเป็นทุกขลาภ ต้องรู้จักทำบุญทำทานบ้าง ความรักมีเรื่องตลอด เดี๋ยวแง่งอน เดี๋ยวน้อยอกน้อยใจกันวุ่นวาย ช่วงนี้ต่อมประชดประชันทำงานตลอด ต้องรู้จักให้อภัย มองโลกในแง่ดี แล้วทุกอย่างจะลงตัว ส่วนคนโสดคนนั้นก็ไม่ดี คนนี้ก็ไม่ถูกใจ ต้องอยู่แบบเหงา ๆ ไปก่อน.

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สถานตากอากาศบางปู

พันเรื่องถิ่นแผ่นดินไทย
โดย ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ และคณะ

เมื่อปี พ.ศ.2480 ขณะที่นายกรัฐมนตรีจอมพล ป. พิบูลสงคราม กำลังเดินทางไปตรวจราชการที่สัตหีบ ท่านได้แวะพักระหว่างทางที่บางปู จ.สมุทรปราการ เห็นว่าชายทะเลที่นี่มีอากาศดี เหมาะแก่การเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวกรุงเทพฯ ซึ่งสามารถเดินทางมาได้โดยง่ายไม่ต้องไปไกลถึงบางแสน หรือพัทยา ท่านจึงดำริให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จัดซื้อที่ดินบริเวณดังกล่าวขึ้นเป็นที่พักตากอากาศของบุคคลโดยทั่วไป และเปิดให้บริการในปี พ.ศ.2482

ต่อมาเช้ามืดวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2484 สถานตากอากาศบางปูต้องหยุดให้บริการลง อันเนื่องมาจากได้ถูกกองพันทหารราบสังกัดกองพลรักษาพระองค์ ขององค์สมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น ที่เดินทางมาจากเกาะฟอร์โมซาร์ (ไต้หวัน) ได้ทำการยกพลขึ้นบกที่ “สะพานสุขตา” โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเดินทางต่อไปยังกรุงเทพฯ แต่ได้ถูกประชาชนชาวสมุทรปราการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดกั้นการเดินทางเอาไว้ จึงนับเป็นวีรกรรมที่กล้าหาญอย่างยิ่งของชาวสมุทรปราการ


เหตุการณ์ครั้งนั้นตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดเป็นอันมาก โดยที่ฝ่ายไทยและฝ่ายญี่ปุ่นได้ประจันหน้ากันอยู่ อีกทั้งเครื่องบินรบญี่ปุ่นก็บินวนอยู่เหนือบริเวณบางปูตลอดเวลา ซึ่งตามแผนการของญี่ปุ่นแล้ว มุ่งที่จะไปสมทบกับกองกำลังของตนที่กรุงเทพฯ ซึ่งเดินทางมาจากอรัญประเทศ กับอีกส่วนหนึ่งที่ปลอมตัวเป็นพลเรือนอยู่ในกรุงเทพฯ มานานแล้ว แต่ภายหลังเมื่อรัฐบาลไทยได้มีประกาศให้กองทัพญี่ปุ่นเดินทางผ่านประเทศไทยไปได้ เหตุการณ์จึงยุติลงด้วยดี

สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้กลับเข้ามาดำเนินการ เปิดสถานตากอากาศบางปูอีกครั้งหนึ่ง ภายหลังที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ยุติลง ต่อมาในปี พ.ศ.2491 ได้ทำการมอบโอนให้กรมพลาธิการทหารบกเป็นผู้ดูแล และได้หมุนเวียนผ่านผู้ดูแลมาหลายหน่วยงาน จนกระทั่งถึงปี พ.ศ.2501 กรมพลาธิการทหารบกจึงได้เป็นผู้ดูแลอย่างแท้จริง นับแต่นั้นเป็นต้นมา โดยได้มีการให้บริการบ้านพักแก่ข้าราชการ และบุคคลทั่วไป มีร้านศาลาสุขใจบริการอาหารทะเลที่สดอร่อย

ปัจจุบันสถานตากอากาศบางปู เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น. สามารถเดินทางไปพักผ่อนได้โดยสะดวก ห่างจากตัวจังหวัดสมุทรปราการเพียง 12 กิโลเมตร หรือถ้ามาทางถนนสุขุมวิทสายเก่า ก็อยู่ที่ กม.ที่ 37 เท่านั้นเอง และถ้าหากมาในช่วงฤดูหนาวท่านก็จะได้พบกับฝูงนกนางนวลที่มาจากไซบีเรียเป็นจำนวนมาก หรือหากท่านมาในวันเสาร์ช่วงเวลาเย็น ท่านก็จะได้พบกับนักเต้นลีลาศ ที่พากันมาระลึกวันหวานในอดีต กันอย่างสุขใจเลยทีเดียวครับ

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ชุมชนบ้านครัว

พันเรื่องถิ่นแผ่นดินไทย
โดย ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ และคณะ




ภายหลังที่ได้ทรงสถาปนากรุงเทพมหานครขึ้นเป็นราชธานีแล้ว ในปี พ.ศ.2328 ได้เกิดเหตุการณ์ที่กองทัพพม่าได้ยกทัพเข้ามาจำนวนหลายทางด้วยกัน ซึ่งต่อมาภายหลังนักประวัติศาสตร์สงคราม ได้เรียกเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่า “สงครามเก้าทัพ” อันหมายถึงกองทัพพม่า ที่ยกทัพเข้ามาปิดล้อมสยามไว้ถึง 9 ทัพด้วยกัน และเหตุการณ์ในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงเกณฑ์ทหารกองหนึ่งไปร่วมรบ นั่นคือ “กองทหารอาสาจาม”


ภายหลังที่ทรงมีชัยเหนือพม่าปัจจามิตร ได้ทรงปูนบำเหน็จพระราชทานที่ดินนอกเขตพระนคร ริมคลองมหานาค และคลองแสนแสบ ให้เป็นที่อยู่อาศัยแก่กองทหารอาสาจาม ซึ่งต่อมาในปัจจุบันนี้เรียกกันว่า “ชุมชนบ้านครัว” ซึ่งเป็นที่อยู่ของมุสลิมชาวจาม ที่เทครัวมาแต่ครั้งสมัยกรุงธนบุรีจากนครจามปา (ดานัง) ซึ่งในอดีตเป็นเมืองของเขมรมาก่อน อาณาจักรจามในปี พ.ศ.743-2014 ยังนับถือศาสนาพราหมณ์ฮินดูอยู่ และได้รับอิทธิพลของศาสนาอิสลามเมื่อ พ.ศ.2014-2375

เนื่องมาจากในเวลาดังกล่าว อิทธิพลทางการค้า และศาสนาอิสลามของโลกอาหรับ ได้ขยายเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันได้แก่ มลายู ชวา มะละกา ลังกาสุกา และจามปา จึงทำให้กลุ่มประเทศเหล่านั้นหันมานับถือศาสนาอิสลามในที่สุด และเมื่อชาวจามปาได้เทครัว ตลอดจนได้โยกย้ายมาอยู่บนผืนแผ่นดินสยามที่กรุงเทพฯ หลายระลอก ก็ได้นำเอาศาสนาอิสลาม ตลอดจนวิถีชีวิตวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของบรรพบุรุษแห่งชาติของตนติดตามมาด้วย

สิ่งที่ชาวจามนำติดตัวมาด้วยอย่างหนึ่งก็คือ การทอผ้าไว้ใช้เองในครัวเรือน ด้วยความสามารถพิเศษดังกล่าว “จิม ทอมป์สัน” จึงได้เปิดกิจการทอผ้าไหมขึ้นที่ “ชุมชนบ้านครัว” และ “ผ้าไหมไทย จิม ทอมป์สัน” ได้มีชื่อเสียงปรากฏไปในระดับสากล ด้วยความประณีต และงดงามในฝีมีการรังสรรค์ถักทอของชาวบ้านครัว ที่มีมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ และได้สืบสานต่อเนื่องมาชั่วลูกชั่วหลาน และทุกวันนี้ชาวชุมชนบ้านครัว ยังยึดอาชีพการทอผ้าไหมอยู่เป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันชุมชนบ้านครัว เป็นชุมชนมุสลิมขนาดใหญ่ มีมัสยิดสำหรับประกอบศาสนกิจในศาสนาอิสลามถึง 3 แห่งด้วยกัน คือที่ “มัสยิดยามีอุลค็อยรียะห์” “มัสยิดดารุ้ลฟาลาฮุ” และ “มัสยิดซูลูกุนมุตตะกีน” และนอกเหนือสิ่งอื่นใด ชาวชุมชนบ้านครัวมีความภาคภูมิใจในบรรพบุรุษของตนเอง ที่ได้ช่วยปกป้องผืนแผ่นดินสยามเอาไว้ จนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “พระยาราชบังสัน” และเมื่อคราวที่มีความพยายามจะตัดทางด่วนผ่านชุมชนบ้านครัว ด้วยอานิสงส์วีรกรรมอันกล้าหาญของบรรพบุรุษในอดีตดังกล่าว โครงการตัดทางด่วนนั้น จึงต้องยกเลิกไปในที่สุดครับ

@คมชัดลึก

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ศรีอยุธยา (2)

เมื่อสมเด็จพระเจ้าอู่ทองตั้งกรุงศรีอยุธยานั้น ประเทศสหรัฐอเมริกายังไม่เกิด อังกฤษยังอยู่ในรัชสมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 เกิดสงครามรบพุ่งกับฝรั่งเศสที่เรียกว่าสงครามร้อยปี รัฐสภาซึ่งเกิดก่อนหน้านั้นราวร้อยปีเริ่มแบ่งแยกเป็นสองสภาคือสภาสามัญและสภาขุนนาง ภาษาอังกฤษเพิ่งจะเข้ามาเป็นภาษาทางการในอังกฤษแทนที่ภาษาฝรั่งเศส แต่ในอุษาคเนย์หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขอมยังคงรุ่งเรืองอยู่พร้อมทั้งพุทธศาสนานิกายมหายาน และศาสนาพราหมณ์นิกายบูชาพระศิวะ เรียกว่าไศวนิกาย ตลอดจนนิกายบูชาพระวิษณุเรียกว่าไวษณพนิกาย


บ้านเมืองทั้งหลายเวลานั้นพยายามแปลกแยกปลีกตัวจากอิทธิพลขอมซึ่งเป็นเจ้าถิ่นในละแวกนี้ เช่น สุโขทัย ลพบุรี อู่ทอง และกรุงศรีอยุธยาก็เป็นอีกเมืองหนึ่งที่แม้จะเพิ่งตั้งขึ้นใหม่แต่ก็พยายามสลัดจากอำนาจปกครองของขอม อาณาเขตกรุงศรีอยุธยาในเวลานั้นนอกจากจะครอบคลุมเกาะกรุงศรีอยุธยาแล้ว ยังข้ามแม่น้ำไปทางเหนือจนกินถึงเมืองลพบุรี และชัยนาทด้วย ส่วนทางทิศตะวันตกไปถึงเมืองตะนาวศรี ทวาย ทางตะวันออกไปถึงเมืองจันทบุรี และทางใต้ลงไปถึงเมืองนครศรีธรรมราชและมะละกา

เมื่อเด็ก ๆ ผมเคยเข้าใจว่าเดิมเมืองไทยคือกรุงสุโขทัย พอสุโขทัยล่มสลายจึงเกิดกรุงศรีอยุธยาขึ้นแทนที่ ครั้นกรุงศรีอยุธยาแตกจึงเกิดกรุงธนบุรี กรุงธนฯ ล่มจึงเกิดกรุงรัตนโกสินทร์ ข้อความท่อนหลัง ๆ นั้นจริงเพราะถ้ากรุงศรีอยุธยาไม่แตก ไฉนเลยจะเกิดกรุงธนบุรีได้

แต่แท้จริงแล้วกรุงศรีอยุธยาเกิดขึ้นโดยที่กรุงสุโขทัยยังอยู่ดี ตอนนั้นยังอยู่ในสมัยพระมหาธรรมราชาลิไท กรุงใหม่ของพระเจ้าอู่ทองตั้งตนเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อทั้งขอมและสุโขทัย แต่สุโขทัยและอยุธยาก็มีไมตรีต่อกันด้วยดี หลังจากนั้นอีกหลายปี สุโขทัยจึงเสื่อมลง เจ้านายสายสุโขทัยอพยพลงมาอยู่อยุธยาก็มาก จนภายหลังกลับมีอำนาจขึ้นในกรุงศรีอยุธยา เรียกว่าเจ้านายสายราชวงศ์พระร่วง

ที่เรียกว่าพระเจ้าอู่ทองเพราะท่านเคยเป็นใหญ่อยู่ในเมืองอู่ทอง (ปัจจุบันเป็นอำเภอในจังหวัดสุพรรณบุรี) เชื่อกันว่าเป็นเชื้อพระราชวงศ์ฝ่ายเหนือจากเชียงรายหรือเชียงแสน คำว่าพระเจ้าอู่ทองมีหลายพระองค์เพราะใครที่ครองเมืองอู่ทองก็เป็นพระเจ้าอู่ทองทั้งนั้น กรุงศรีอยุธยาที่ตั้งขึ้นใหม่ไม่ได้เป็นเมืองขึ้นขอมในนครกัมพูชา และยังรบพุ่งกันอีกด้วย จนอยุธยาเคยยกทัพไปตีเมืองพระนคร เมืองหลวงของขอมได้ แม่ทัพไทยครั้งนั้นคือพระราเมศวร พระราชโอรสพระองค์ใหญ่แต่ที่เก่งกล้าสามารถมากกว่าคือขุนหลวงพงั่วผู้เป็นพระเจ้าอู่ทองถัดจากเจ้าเมืองอยุธยาทั้งเป็น “พี่เมีย” ของเจ้าเมืองอยุธยาด้วย ชัยชนะเหนือขอมในครั้งนั้นไทยได้กวาดต้อนผู้คนจากขอมเข้ามาอยู่กรุงศรีอยุธยาเป็นอันมาก และขอมเลิกตอแยกับไทยมาอีกนาน ที่สำคัญคือชื่อเสียงขุนหลวงพงั่วลบรัศมีพระราเมศวรผู้เป็นหลานลุงเกือบสิ้นเชิง

แม้กระนั้นการที่อยุธยามีชัยชนะเหนือกัมพูชา กลับทำให้อิทธิพลของขอมพุทธศาสนานิกายมหายาน และศาสนาพราหมณ์นิกายไวษณพนิกายแผ่เข้ามาในกรุงศรีอยุธยา กรุงศรีอยุธยาเป็นกรุงใหม่ ยังไม่มีขนบธรรมเนียมใดเป็นของตนเอง จึงเต็มใจรับเอาขนบธรรมเนียมพราหมณ์เข้ามาเต็มที่ โดยเฉพาะคตินิยมที่ว่าเจ้าเมืองคือสมมุติเทวราชหรือพระนารายณ์จุติลงมาเกิดเช่นเดียวกับพระราม พระนามของกษัตริย์จึงเปลี่ยนจากขุนหลวงหรือพ่อขุนเป็นสมเด็จพระรามาธิบดี ที่ประทับกลายเป็นปราสาทราชวัง คำพูดคำจากลายเป็นราชาศัพท์หรือศัพท์ชั้นสูงที่คนทั่วไปฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง คำสั่งของกษัตริย์เรียกว่าพระบรมราชโองการ คตินิยมนี้ยังใช้กันมาจนบัดนี้แม้จะไม่ถึงขนาดเลื่อมใสจริงจัง แต่ก็เป็นโบราณประเพณี

เป็นอันว่าเราตีได้ขอม แต่เป็นฝ่ายรับอิทธิพลแนวคิดจากขอมมาใช้คล้าย ๆ กับที่โรมันตีได้กรีก แต่ก็เป็นฝ่ายรับอิทธิพลแนวคิดกรีกมาใช้ ลงท้ายไม่รู้ว่าใครชนะใครแพ้กันแน่

สมัยสมเด็จพระรามาธิบดี (พระเจ้าอู่ทอง) นั้น ฝรั่งยังไม่เข้ามา แต่จีน แขกชวา แขกมลายู แขกเทศ และแขกจาม (เคยเป็นอาณาจักรใหญ่อยู่ในเวียดนามตอนกลาง แถวเว้ ดานัง) เริ่มเข้ามาค้าขายแล้ว ตอนนั้นตรงกับราชวงศ์เหม็งของจีน

เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดีสวรรคต (เริ่มใช้คำนี้เป็นครั้งแรก แปลว่าไปสู่สวรรค์แล้ว) พระชนมพรรษา 55 พรรษา ครองราชย์ 19 ปี พระราเมศวรเจ้าเมืองลพบุรีซึ่งเป็นเมืองชายแดนต่อกับขอม ได้ขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 2 ในฐานะพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ แต่ราว 1 ปีต่อมา ขุนหลวงพงั่วผู้เป็นลุง (พี่ชายแท้ ๆ ของแม่) ก็ยกทัพจากเมืองอู่ทองเข้ามาจะชิงราชสมบัติ สมเด็จพระราเมศวรเคยแพ้ทางกันอยู่คราวไปรบกับขอมก็ยอมถวายราชสมบัติให้ลุงแล้วกลับออกไปเป็นเจ้าเมืองลพบุรีอย่างเดิมแต่โดยดี

พระราเมศวรกลายเป็นพระนามสำคัญของรัชทายาทราชบัลลังก์อยุธยาต่อมา ซึ่งจะตั้งจากพระราชโอรสพระองค์ใหญ่เท่านั้น โปรดสังเกตว่าธรรมเนียมหลายอย่างมักเกิดจากการเริ่มต้นครั้งแรกไม่ว่าจะผิดหรือถูก และไม่ว่าจะมีเหตุผลหรือไม่ หลังจากนั้นก็ถือปฏิบัติกันสืบมา เรียกว่า “โบราณราชประเพณี”

ขุนหลวงพงั่วอภิเษกเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 3 ตามแบบธรรมเนียมขอม แต่ใช้พระนามาภิไธยว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชไม่ใช่สมเด็จพระรามาธิบดี เคยเสด็จขึ้นไปรบกับเชียงใหม่และกำแพงเพชร เวลานั้นกำแพงเพชรเป็นเมืองขึ้นสุโขทัย พระมหาธรรมราชาเจ้าเมืองสุโขทัยยกทัพมาสู้แต่ก็พ่ายแพ้ ครั้งนั้นเองที่สุโขทัยตกเป็นเมืองขึ้นของอยุธยา สมเด็จพระบรมราชาธิราชอยู่ในราชสมบัติ 12 ปี ก็สวรรคตขณะขึ้นไปรบทางเหนือ

สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่า “พงั่ว” น่าจะมาจากภาษาไทยโบราณว่าพ่องั่ว แปลว่าลูกชายคนที่ 5 เริ่มจากอ้าย ยี่ สาม ไส งั่ว ลก เจ็ด แปด เจา เจ๋ง

พระเจ้าทองลัน พระราชโอรสของสมเด็จพระบรมราชาธิราช พระชนมพรรษา 15 พรรษาได้ขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 4 แต่ครองราชย์ได้ 7 วัน สมเด็จพระราเมศวร เจ้าเมืองลพบุรีก็ยกทัพเข้ามาทวงราชสมบัติคืน และจับพระเจ้าทองลันได้ ซึ่งความจริงก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันเพราะพ่อของพระเจ้าทองลันเป็นพี่ของแม่พระราเมศวร ได้โปรดให้ปลงพระชนม์พระเจ้าทองลันเสียด้วยท่อนจันทน์แล้วขึ้นเป็นกษัตริย์รอบสอง

สมเด็จพระราเมศวรคงต้องการแสดงความสามารถในการรบให้เป็นที่ประจักษ์แก้ปมด้อยที่เคยไปรบที่เมืองเหนือแต่ก็ไม่ได้แสดงวีรกรรมเหมือนลุง จึงยกทัพขึ้นไปรบทางเหนือจนชนะเชียงใหม่ คราวนี้กวาดต้อนผู้คนลงมาเป็นอันมากแล้วส่งลงไปอยู่ทางใต้ที่เมืองไชยาและนครศรีธรรมราช คงจะให้ไกลหูไกลตา แต่นี่เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ศิลปวัฒนธรรม และภาษาปักษ์ใต้หลายคำแถบเมืองนครฯ ค่อนข้างใกล้เคียงกับภาษาเหนือจนกระทั่งบัดนี้

ขากลับสมเด็จพระราเมศวรทรงแวะนมัสการพระพุทธชินราชที่เมืองพิษณุโลกจนเป็นธรรมเนียมสืบมาว่ากษัตริย์อยุธยาเสด็จผ่านไปทางนั้นต้องแวะนมัสการพระพุทธรูปสำคัญองค์นี้ สมเด็จพระราเมศวรอยู่ในราชสมบัติราว 6 ปีก็ประชวรสวรรคต พระรามราชบุตรได้เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 5 ทรงพระนามว่าสมเด็จพระรามราชาธิราช นี่ก็ดัดแปลงใช้ชื่อใหม่

เรารู้เรื่องเกี่ยวกับสมเด็จพระรามราชาธิราชน้อยที่สุดในบรรดากษัตริย์อยุธยาทั้งหลาย แม้จะอยู่ในราชสมบัตินานถึง 15 ปี ซึ่งนับว่านานมากสำหรับการจะทำสงครามแผ่ขยายอาณาเขตหรือการจะริเริ่มก่อสร้างหรือวางขนบธรรมเนียมประเพณีใด ๆ แต่แล้วก็หาได้รู้เรื่องของพระองค์ไม่ จนกระทั่ง เจ้าเมืองสุพรรณบุรีชื่อเจ้านครอินทร์ยกทัพเข้ามาแย่งราชสมบัติ แล้วเนรเทศสมเด็จพระรามราชาธิราชให้ไปปลูกตำหนักอยู่เงียบ ๆ ทางฝั่งตรงข้ามเกาะเมือง ย่านนั้นเรียกกันว่า ปทาคูจาม รัชกาลที่ 5 ทรงสันนิษฐานว่าไม่ใช่เมือง แต่คงเป็นท่าเรือ (ภาษาใต้เรียกว่าปละท่า ที่สงขลายังใช้คำนี้) และชุมชนแขกจาม จึงเรียกปทาคูจาม

เจ้านครอินทร์ผู้นี้เป็นลูกน้องชายของขุนหลวงพงั่ว เมื่อขุนหลวงพงั่วเข้ามาครองอยุธยา ก็ยกเมืองอู่ทองให้น้องชายปกครอง พอน้องชายตาย เจ้านครอินทร์ลูกชายได้เป็นใหญ่และคงเห็นตัวอย่างจากลุง (ขุนหลวงพงั่ว) ที่เข้ามายึดกรุงศรีอยุธยาได้โดยง่าย ประกอบกับสมเด็จพระรามราชาธิราชคงเป็นคนธรรมะธัมโมไม่ใช่ขุนศึกนักรบ จึงเข้ายึดอยุธยาบ้างแล้วตั้งตนเป็นกษัตริย์ชื่อสมเด็จพระอินทราชา รัชกาลที่ 6 แห่งกรุงศรีอยุธยา บางครั้งเรียกสมเด็จพระรามาธิบดีศรีนครินทราธิราช

เจ้านครอินทร์เป็นนักการค้า เคยแต่งสำเภาไปค้าขายกับจีนในสมัยราชวงศ์เหม็งจนมีไมตรีอันดีต่อกัน พงศาวดารจีนออกพระนามว่า “เจียวลกควนอิน” บางครั้งเรียก “อินตอลอทีล่า” คงจะมาจากคำว่าอินทราชาธิราช มีพระราชโอรสสำคัญ 3 พระองค์ เจ้าอ้ายพระยาองค์โตให้ไปครองเมืองสุพรรณบุรี ฐานที่มั่นเดิม เจ้ายี่พระยาองค์รองครองเมืองสรรคบุรี แถวกำแพงเพชร เจ้าสามพระยาองค์เล็กครองเมืองชัยนาท

เจ้านครอินทร์อยู่ในราชสมบัติได้ 17 ปีก็สวรรคต ยังไม่ทันมอบราชสมบัติแก่ผู้ใด เจ้าอ้ายพระยาก็ขับช้างมาจากสุพรรณ เจ้ายี่พระยาขับช้างลงมาจากเมืองสรรค์เกิดการยุทธหัตถีกันขึ้นที่สะพานป่าถ่านกลางกรุงศรีอยุธยา ลงท้ายสิ้นพระชนม์ทั้งคู่ เป็นอันว่าตาอินกะตานาตาย เหลือแต่ตาอยู่คือเจ้าสามพระยา น้องนุชสุดท้องได้ขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 7 ทรงพระนามว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราช และเพื่อไม่ให้สับสนกับขุนหลวงพงั่วผู้เป็นสมเด็จพระบรมราชาธิราชพระองค์แรก จึงออกพระนามเรียกเจ้าสามพระยาว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 บัดนี้ชื่อกษัตริย์อยุธยาเริ่มวนเวียนซ้ำกันแล้ว

สมเด็จพระบรมราชาธิราชพระองค์ใหม่โปรดฯ ให้สร้างพระเจดีย์สององค์ไว้ที่สะพานป่าถ่านตรงที่เจ้าพี่ทั้งสองชนช้างกัน (เรียกว่าขาดคอช้าง แปลว่าตายคาคอช้าง) แล้วจัดการถวายพระเพลิงที่ลานใหญ่ไม่ไกลกัน ภายหลังโปรดฯ ให้ก่อพระปรางค์องค์ใหญ่ครอบที่ตรงนั้นแล้วสร้างวัดขึ้น ณ บริเวณนั้นเรียกว่าวัดราชบูรณะ บางคนเข้าใจว่าอาจเป็นวัดเก่ามีมาแต่เดิมแต่มาทรงบูรณะขึ้นใหม่หมดจึงมีชื่อว่าวัดราชบูรณะ

เรื่องการขาดคอช้างและการสร้างวัด ตลอดจนความพิลึกพิลั่นของพระปรางค์วัดราชบูรณะพิสดารขนาดสร้างเป็นหนังไทยได้สบาย เรื่องนี้ต้องเล่าคราวต่อไป

มาถึงบัดนี้ก็ลำดับได้ 7 รัชกาลแรกของกรุงศรีอยุธยาแล้ว นักประวัติศาสตร์นิยมจัดให้ผู้สืบเชื้อสายเดียวกันเป็นญาติกันอยู่ในราชวงศ์เดียวกัน สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงเรียกราชวงศ์แรกของกรุงศรีอยุธยาว่าราชวงศ์เชียงราย แต่บางคนเรียกราชวงศ์อู่ทอง ประกอบด้วยพระเจ้าอู่ทองเจ้าเมืองอู่ทองจากสุพรรณบุรีและผู้สืบเชื้อสายคือพระราเมศวรและพระรามราชาธิราช แต่คั่นด้วยขุนหลวงพงั่ว เจ้าเมืองอู่ทองคนใหม่ที่มาชิงราชสมบัติจากหลานคือพระราเมศวรจนมีลูกหลานเหลนเป็นกษัตริย์ต่อมาอีกหลายพระองค์ เรียกว่าราชวงศ์สุวรรณภูมิ ประกอบด้วยขุนหลวงพงั่ว พระเจ้าทองลัน พระเจ้าอินทราชา (เจ้านครอินทร์) เจ้าสามพระยา ทั้งยังจะมีต่อไปอีกหลายพระองค์

ถ้าเห็นว่ายุ่ง ๆ มากจะจำแต่สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) และสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ไว้แค่นี้ก็ได้เพราะสำคัญอยู่ อ้อ! แล้วมาถึงตอนนี้ กรุงศรีอยุธยามีกษัตริย์แค่ 7 รัชกาล และตั้งมาได้ราว 70 ปีแล้วนะครับ แต่แย่งราชสมบัติกันถึง 4 ครั้ง จับพระเจ้าแผ่นดินสำเร็จโทษ (แปลว่าประหาร) 1 ครั้ง

และนี่เองที่เป็นจุดอ่อนในประวัติ ศาสตร์กรุงศรีอยุธยาสืบมา.


วิษณุ เครืองาม
wis.k@hotmail.com
@เดลินิวส์ 23 สิงหาคม 2554

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ยิปซีพยากรณ์ วันที่ 21 สิงหาคม 2554

พยากรณ์ระหว่างวันที่ 21 ส.ค. - 27 ส.ค. 2554

ราศีมังกร (16ม.ค. - 12 ก.พ.)   

เริ่มมีไอเดียแปลก ๆ ใหม่ ๆ มานำเสนอ ชอบความท้าทาย เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ “ไพ่ เดอะ แชริออท” มีดวงเดินทางไกลรวมถึงต่างประเทศ ย้ายงาน ย้ายที่อยู่ การงานลื่นไหลเอาตัวรอดสุดยอด คุณได้รับโอกาสใหม่ ๆ มีการเริ่มต้นในสิ่งที่ไม่เคยทำซึ่งเป็นการเริ่มต้นที่ดี หากลงทุนทำธุรกิจกับคนรัก ครอบครัวไปได้สวย ช่วงปลายมีดวงโยกย้ายเปลี่ยนงาน  การเงินแม้ไม่ได้เห็นเงินเป็นก้อน แต่ก็มีทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่ขัดสน ส่วนใหญ่จ่ายหนักไปกับเรื่องรถ อาจได้ของใหม่ หรือตกแต่ง ซ่อมแซมของเดิม ความรักหวานเจี๊ยบ คนรักเอาใจใส่เต็มที่ คิดถึงกันทุกลมหายใจ ส่วนคนโสดเสน่ห์แรง มีคนมาเสนอตัวตลอดเวลา หัวบันไดบ้านไม่แห้งเลย


ราศีกุมภ์ (13 ก.พ. - 13 มี.ค.)
   
เจ็บออดแอด เพราะนอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ ต้องพยายามคิดให้น้อยลงหน่อย ช่วยเหลือคนอื่นได้ แต่อย่าเข้าเนื้อ  การงานกำลังแจ่ม ช่วงต้นไปได้สวย ผู้ใหญ่ชื่นชมในความสามารถเฉพาะตัว หากมีปัญหาน้อยใหญ่ให้ปรึกษาผู้รู้แล้วทุกอย่างจะดีเอง ช่วงปลายปวดหัว งานเข้าต้องเร่งรีบทุกเรื่อง สุขภาพไม่เอื้ออำนวย  “ไพ่ 3 เหรียญ” การเงินมีลาภจากผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า ขาวอวบ ใจดี ช่วงกลางมีลุ้นสำหรับคนชอบเสี่ยง ปลาย ๆ เสียเงินกับเรื่องค่ารักษา เรื่องสุขภาพ ความรักคนโสดยังแอบรักเขาข้างเดียวเหมือนเคย อาจมีพฤติกรรมที่ทำให้ดีใจบ้าง แต่สุดท้ายก็ยังยากอยู่ดี ส่วนคนมีแฟนแล้วถ้อยทีถ้อยอาศัย รักกันหวานชื่น เป็นช่วงเวลาที่กำลังปรับตัวเข้าหากัน

ราศีมีน (14 มี.ค. - 12 เม.ย.)

อารมณ์เบิกบาน มองโลกในแง่ดี เสียตรงเป็นคนอ่อนไหวง่าย ขี้สงสารทำให้บางครั้งก็ถูกหลอกได้ง่าย ๆ การงานเจอผู้ใหญ่ใจดีให้การช่วยเหลือสนับสนุน คุณเป็นที่รักของคนรอบข้าง เพราะการชอบช่วยเหลือ แต่อย่ารับปากรับคำสุ่มสี่สุ่มห้าอาจทำให้คุณต้องเดือดร้อน ช่วงปลายดวงงานมั่นคงมากขึ้น มีผลงานโดนใจผู้ใหญ่  การเงินมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือกันและกันได้เป็นอย่างดี จึงไม่มีคำว่า ขัดสน ช่วงกลางได้รับผลตอบแทนจากคนที่คุณเคยช่วยเหลือเขาไว้  “ไพ่ ราชินีถ้วย” ความรักคนโสดตกหลุมรักคนง่าย กำลังนั่งคิด นอนฝันไปไกล มีเรื่องให้ฝันหวานได้ตลอด ส่วนคนมีแฟนแล้วอบอุ่น ต่างคนต่างช่วยเหลือเกื้อหนุน เป็นกำลังใจให้กันและกัน

ราศีเมษ (13 เม.ย. - 13 พ.ค.)

   
เจออุปสรรคตั้งแต่เริ่ม อาจทำให้รู้สึกหงุดหงิดบ้าง แต่คุณไม่ท้อถอยแน่ ช่วงนี้มีปากมีเสียงกับใครก็เสียเปรียบ สงบปากสงบคำไว้ก่อนจะดีกว่า  การงานช่วงต้นเหนื่อยอ่อนกับงานที่ต้องมานั่งตามนั่งแก้อยู่ตลอดเวลา การประสานงานไม่ราบรื่น ต้องรอช่วงกลางลงมาจึงจะดีขึ้น มีการโยกย้าย ปรับเปลี่ยนระบบงานใหม่ ไปได้สวยสำหรับตัวคุณ การเงินจะเสียเปรียบเพศตรงข้าม แต่รายรับยังไหลลื่น มีสะดุดบ้างในช่วงต้น แต่พอช่วงกลางลงมาทุกอย่างฉลุย มีลาภจากการเดินทางและคนไกล “ไพ่ จัดจีเม้นท์” ความรักคนโสดลั้นลา มีคนมาแอบรักแอบชอบ คุณมีดวงได้คู่ต่างที่ต่างถิ่น หรือต่างศาสนา เชื้อชาติ กำลังจะโกอินเตอร์  ส่วนคนมีแฟนแล้วมีจุกจิกบ้าง แต่ยังรักกันดี

ราศีพฤษภ (14พ.ค. - 13 มิ.ย.)   

“ไพ่ เดอะ แมจิกเชี่ยน” เริ่มมีความคิดแปลก ๆ อย่างสร้างสรรค์ ให้เชื่อมั่นในสัมผัสที่หก หรือลางสังหรณ์ของตัวเองจะนำพาสิ่งที่ดีมาให้  การงานอุปสรรคเกิดเพราะความหุนหันใจร้อน อย่าโผงผาง เดี๋ยวปัญหาเล็กจะบานปลาย ช่วงปลายลงมาได้รับข้อเสนอ ได้รับโอกาส เด่นสำหรับงานเสริมจะช่วยสร้างรายได้ สร้างชื่อเสียงมาให้  การเงินหมุนเวียนคล่อง รายจ่ายที่มากกว่าส่วนอื่นคงเป็นเรื่องรถ ที่อยู่และ การเดินทาง ช่วงปลายถึงจะมีโชคลาภเข้ามาบ้าง ความรักคนโสดได้เจอแบบพรหมลิขิต เจอกันโดยบังเอิญ มีการสานสัมพันธ์ที่ดี แต่มีอุปสรรคเรื่องเวลาและระยะทาง ส่วนคนมีแฟนแล้วหากมึนตึงกันอยู่ จะคืนดีเข้าใจกันได้เหมือนเดิม
   
ราศีเมถุน (14มิ.ย. - 14 ก.ค.)

รู้สึกอบอุ่น มีมิตรภาพมากมายรายล้อม แต่ต้องไม่ลืมที่จะรักษามันไว้ให้ดี ความสับสนของคุณอาจทำให้คนรอบตัวหนีหาย “ไพ่ 9 คทา” การงานต้องเจอเข้ากับการโยกย้าย ปรับเปลี่ยน แต่ไม่น่าเป็นห่วง คุณจะมีช่องทางที่ดีกว่าเดิม ขอให้เข้าใจและปรับตัวกับสิ่งที่ได้รับ ช่วงปลายได้ผู้ช่วยทางความคิดและข้อมูล ทำให้ผลงานออกมาดี ประสบผลสำเร็จ การเงินไหลมาเทมา น้ำขึ้นให้รีบตัก อาจจะต้องเหนื่อยลงทุนลงแรง แต่ผลที่ได้รับกลับมาก็ทำให้ชื่นใจ คุ้มเหนื่อย เห็นผลเร็ว ความรักลุกขึ้นมาแต่งตัวปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่ เสน่ห์แรงดึงดูดใจ ทำให้ใครต่อใครอยากใกล้ชิด ส่วนคนมีแฟนแล้วคนรักทั้งรักทั้งหลง แต่ต้องรู้จักทำตัวให้ดีด้วยนะครับ

ราศีกรกฎ (15ก.ค. - 16ส.ค.)
   
หากตั้งความคาดหวังเอาไว้มากจะผิดหวัง ระวังเรื่องของหาย ของพัง ช่วงนี้คุณขาดความระมัดระวังทำให้ต้องมานั่งเสียใจ เสียดาย  การงานกระท่อนกระแท่น ช่วงต้นงานผิดพลาดบ่อย ถูกแก้งาน ถูกตำหนิ ต้องใส่ใจและรับผิดชอบกับมันให้มากขึ้น ช่วงกลางลงมาจะมีผู้ช่วย งานหนักจึงดูเบาลงไปทันที “ไพ่ เดอะ แฮงค์ แมน” การเงินขี้หลงขี้ลืม จึงอาจทำกระเป๋าสตางค์ มือถือ นาฬิกา ของมีค่าสูญหาย ไม่ควรให้ใครหยิบยืม ต้องบอกตัวเองให้ใจแข็งเข้าไว้ ความรักช่วงต้นมีปัญหา ร้องไห้ต่อมน้ำตาแตก ถ้าอารมณ์พาไปก็รุนแรงถึงขั้นเลิกรา แต่ถ้าทนหน่อยช่วงกลางจะดีขึ้น มีดวงได้กลับมาหวานชื่นกันเหมือนเดิม คนโสดมีเรื่องกุ๊กกิ๊กกับคนอายุน้อยกว่า

ราศีสิงห์ (17ส.ค. - 16ก.ย.)
   
ความทะเยอทะยานใฝ่สูงกลับมาอีกครั้ง ทำให้คุณเกิดความฝันแรงบันดาลใจมุ่งไปให้ถึงในสิ่งที่ตั้งใจได้สำเร็จ  “ไพ่ เดอะ สตาร์” การงานแจ่มจรัสเจิดจ้า  ความสามารถและผลงานเป็นที่รู้จักเข้าตาผู้ใหญ่ หากมีโครงการร้อยแปดให้รีบสานต่อจะไปได้สวยและไปได้ไกล ช่วงปลายงานก้าวหน้า มีงานเสริมเข้ามาพ่วง ธุรกิจส่วนตัวมีการขยับขยาย การเงินหมุนคล่อง เริ่มรู้จักวางแผนการใช้จ่ายขึ้นมาบ้าง หลังจากหน้าใหญ่มานาน ช่วงปลายมีลาภลอย เป็นของที่อยากได้  ความรักอุดมสมบูรณ์ คนรักคอยเติมเต็มในสิ่งที่คุณขาด ส่วนใหญ่จะเกิดจากคนรักที่อายุน้อยกว่า สำหรับคนโสดได้กิ๊กเด็กไปเรื่อย ๆ กระชุ่มกระชวย หน้าตาสดใสกว่าเดิม
   
ราศีกันย์ (17ก.ย. - 16 ต.ค.)

มีเรื่องมากมายที่รอคอยให้คุณตัดสินใจ ให้ยึดมั่นในความยุติธรรมแล้วจะเจอคำตอบที่ถูกต้อง การงานสับสนกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โครงการที่วางไว้เดิมไม่ต้องพับเก็บ ลุยต่อแล้วจะประสบผลสำเร็จ ช่วงปลายสะดุดเพราะผู้ใหญ่ เกิดความขัดแย้ง ความคิดเห็นไม่ตรงกัน ปล่อย ๆ ไปบ้างอย่าเอาเก็บมาคิดให้อารมณ์บูด การเงินยักย้ายถ่ายเทตลอด รับมามือซ้ายก็จ่ายทันทีที่มือขวา ไม่ค่อยมีเก็บออมตามที่หวังไว้ แต่สภาพคล่องไม่น่าห่วง แต่ถ้าเป็นเรื่องผลประโยชน์ร่วมหุ้น อาจมีขัดใจกันได้ “ไพ่ 7 ถ้วย” ความรักคนโสดได้ฝันหวาน เริ่มมีใครสักคนย่างกรายเข้ามาในหัวใจ ทำให้คิดฝันไปต่าง ๆ นานา ส่วนคนมีแฟนแล้วออกแนวเจ้าชู้ จะมีคนเข้ามาทำให้คุณสับสน หวั่นไหว 

ราศีตุลย์ (17ต.ค. - 16 พ.ย.)
   

มีเป้าหมายที่แน่ชัด ส่งผลให้คุณมีความมุ่งมั่นที่จะไปถึงจุดนั้น เรื่องยากเย็นเข็ญใจไม่มี เพราะคุณรอบคอบและรู้จักใช้ความเฉลียวฉลาด ทุกสิ่งอย่างไม่จำเป็นต้องตรงไปตรงมา  การงานมีดวงได้เลื่อนขั้น ได้รับการโปรโมชั่น อย่างแน่นอน ดวงงานเจิดจรัส ความสามารถของคุณทำให้มีแต่คนต้องการตัว งานก้าวหน้าทั้งงานหลักและงานเสริม การเงินมีลุ้นได้ของถูกใจ เพราะความเสน่หา คำพูดจามีส่วนทำให้คุณได้ลาภ ช่วงปลายได้รับความเอ็นดู สนับสนุนจากผู้ใหญ่ “ไพ่ ราชินีพระจันทร์” ความรักเสน่ห์แรงเป็นเหตุ ทั้งเพศเดียวกัน เพศตรงข้ามเข้ามาให้วุ่น ตัดสินใจไม่ถูกเพราะตัวคุณเองตัดสัมพันธ์ใครไม่เป็นเสียด้วย ส่วนคนมีแฟนแล้วหอมหวาน แอบมีกิ๊กลับ เพิ่มรสชาติให้ตื่นเต้น
   
ราศีพิจิก (17พ.ย. - 15 ธ.ค.)

ปวดหัวปวดใจ สุขภาพไม่ดี เป็นเพราะชอบเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาเข้าหัว อย่ารับปากสุ่มสี่สุ่มห้าจะเป็นห่วงรัดตัวคุณเอง “ไพ่ 5 ดาบ” การงานหนีไม่พ้นความขัดแย้ง จะมีปากเสียงขัดเคืองใจจากผู้ใหญ่ หัวหน้างาน อย่าใจร้อน คุณจะได้ไม่คุ้มเสีย ช่วงปลายมีโอกาสได้แก้ตัว ได้รับข่าวดีจากการรอคอย การสมัครงานใหม่ รวมถึงคำตอบในการเปลี่ยนย้าย และการโปรโมชั่น  การเงินหมดไปกับค่ายา ค่ารักษา เดือดร้อนเพราะคนอื่นแบบไม่มีหยุดหย่อน อย่าใจดีให้ใครหยิบยืม หรือค้ำประกันจะเป็นภาระรับผิดชอบอีกยาว ความรักงอแงกันตลอด ไม่มีใครยอมใคร ลดทิฐิ อคติ เปลี่ยนเป็นให้อภัยแล้วทุกอย่างจะหวานชื่นรื่นรมย์ ส่วนคนโสดช่วงปลายมีเด็กมาแอบรักแอบชอบ
   
ราศีธนู (16ธ.ค. - 15ม.ค.)

ทุกอย่างต้องขับเคลื่อนเดินทาง จึงทำให้คุณไม่ค่อยได้อยู่ติดที่ มีดวงในการโยกย้าย เปลี่ยนงาน ที่อยู่ วุ่นวายพอควร “ไพ่ 3 คทา” การงานโอกาสในความก้าวหน้าสูง แต่ต้องรู้จักขวนขวาย เรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จ  คุณจะได้รับการยอมรับมากขึ้น แต่ยังคงไม่มั่นคง ต้องหมั่นพัฒนาตัวเอง และขยันขันแข็งเสมอต้นเสมอปลาย การเงินมา ๆ ไป ๆ ไม่ค่อยได้อยู่ในมือนาน หมดไปกับการซ่อมรถ เดินทาง ซ่อมบ้าน แต่ไม่ถึงกับขัดสน แค่ทำให้หงุดหงิดเล็กน้อย ความรักคนโสดเฮฮาปาร์ตี้ เน้นคบหาเพื่อนฝูงรื่นเริง ยังไม่คิดจริงจังกับใคร มีมิตรภาพเพิ่มขึ้น ส่วนคนมีแฟนแล้วมีเวลาให้กันน้อยลง ต้องหมั่นโทรฯ หา ให้กำลังใจจะได้ไม่เกิดอาการเก็บกด น้อยใจ เป็นเรื่องใหญ่โต.

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2554

จารึกวัดศรีชุม จ.สุโขทัย

พันเรื่องถิ่นแผ่นดินไทย 
โดย ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ และคณะ


เมื่อปี พ.ศ.2430 พลโทหลวงสโมสรพลการ (ทัด ศิริสัมพันธ์) ได้ค้นพบศิลาจารึกที่อุโมงค์ของมณฑปพระอจนะวัดศรีชุม จ.สุโขทัย ซึ่งต่อมาภายหลังได้เรียกว่า “จารึกวัดศรีชุม” หรือ “จารึกสุโขทัยหลักที่ 2” ที่เชื่อว่าจารึกขึ้นเมื่อภายหลังปี พ.ศ.1884 และผู้ที่ได้สร้างจารึกหลักนี้ขึ้นมาจากการศึกษาพบว่าคือ ผู้เป็นหลานปู่ของพ่อขุนผาเมือง แห่งราชวงศ์ผาเมือง ที่หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์สุโขทัย ภายหลังที่ราชวงศ์พระร่วง ได้ครองราชย์ที่สุโขทัยนั่นเอง

โดยที่ความในจารึกได้กล่าวถึงพระราชประวัติขององค์ผู้จารึกว่า ทรงเป็นพระราชโอรสของพญาคำแหงพระราม และทรงเป็นนัดดา (หลานปู่) ของพ่อขุนผาเมือง ซึ่งเป็นพระราชโอรสของพ่อขุนศรีนาวนำถม (น้ำท่วม) กษัตริย์พระองค์แรกแห่งกรุงสุโขทัย ที่ครั้นเมื่อสิ้นพระชนม์ ได้เกิดเหตุ “ขอมสมาดโขลญลำพง” ยึดอำนาจ และขึ้นครองกรุงสุโขทัย ครั้งนั้นพ่อขุนผาเมืองพระราชโอรสได้ทรงร่วมมือกับพ่อขุนบางกลางหาวเจ้าเมืองราด ทำการปราบปรามจนเป็นผลสำเร็จ

เมื่อทรงมีชัยเหนือขอมสมาดโขลญลำพงแล้ว พ่อขุนผาเมืองได้อภิเษกให้พ่อขุนบางกลางหาวทรงครองกรุงสุโขทัย เป็นต้นราชวงศ์พระร่วง ได้ทรงถวายพระนาม “ศรีอินทราทิตย์” กับ “พระขรรค์ชัยศรี” ซึ่งเป็นของพระองค์แต่เดิม ที่ได้รับพระราชทานมาจากกษัตริย์ขอม ในฐานะราชบุตรเขย จากนั้นก็ได้ทรงหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ดังกล่าว จากจารึกวัดศรีชุมจึงทำให้ทราบว่า แท้จริงราชวงศ์ของพระองค์ไม่ได้หายไปไหน แต่คงด้วยเหตุผลทางการเมืองจึงยุติบทบาทลงไป

กระนั้นก็ตามผู้ทรงจารึกได้กล่าวไว้ในจารึกว่า เมื่อพระองค์ทรงมีพระชนม์ได้เพียง 26 พรรษานั้น ได้กระทำยุทธหัตถี (ชนช้าง) กับขุนจังเป็นสามารถ ทั้งที่ช้างของขุนจังคู่ต่อสู้กำลังอยู่ในอาการตกมันโดยแท้ การรบครั้งนั้นขุนจังเป็นฝ่ายแพ้ ได้ไสช้างหนีไป แต่สุดท้ายได้ถูกพระองค์ผู้ทรงจารึกจับได้ทั้งคน แลทั้งช้างที่ตกมันนั้นได้ในที่สุด วีรกรรมครั้งนั้นย่อมเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า ทรงเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์หนุ่มแห่งราชวงศ์ผาเมือง ที่มีความกล้าหาญเพียงใด

ครั้นพระชนม์ได้ 29 พรรษาทรงจารึกว่า ทรงมีพระราชโอรสหนึ่งพระองค์ แต่ต่อมาเมื่อพระชนม์ได้ 31 พรรษาทรงเบื่อหน่ายโลก ได้เสด็จทรงผนวช และทรงเสด็จจาริกไปถึงเกาะลังกา ทรงจำพรรษาอยู่ถึง 9 พรรษาด้วยกัน ภายหลังเมื่อกลับสู่กรุงสุโขทัย ได้ทรงเป็นผู้นำลัทธิลังกาวงศ์ และสถาปัตยกรรมทางพุทธศาสนาจากลังกามาเผยแพร่ ในผืนแผ่นดินไทยเป็นอันมาก และชาวลังกามีความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระองค์ท่านเป็นอย่างสูง ได้ถวายพระนามแด่พระองค์ท่านว่า “สมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามณีรัตนลังกาทวีป”

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ศรีอยุธยา (1)


เรื่องอมรรัตนโกสินทร์แล้ว ยังนึกไม่ออกว่าจะเขียนอะไรต่อ แม้แต่เรื่องอมรรัตนโกสินทร์ เดิมก็คิดว่าจะเล่าพอเอาสนุก เพราะไม่ได้เขียนสารคดีหรือทำวิทยานิพนธ์ กะว่าสัก 10 ตอนคงจบ เอาเข้าจริงก็ติดลมบนลมล่าง มีคนโน้นถามมาบ้าง ขอให้ขยายความบ้าง สงสัยเรื่องโน้นเรื่องนี้มาบ้าง เขียนไปเขียนมาจนงอกเป็น 25 ตอน

เรื่องของประวัติศาสตร์นั้น ถ้าเล่าให้น่าเบื่อก็จะน่าเบื่อ แต่ถ้าจะเล่าให้สนุกก็สนุก วิธีทำให้สนุกมีหลายวิธี สมัยเด็ก ๆ ถ้าได้ฟังประเภทพระอาทิตย์ทรงกลด แผ่นดินไหว อสุนีบาตฟาดเปรี้ยงจนยอดปราสาทหัก หรือขณะไฟไหม้พระมหาปราสาท สมเด็จพระนารายณ์ราชกุมารแม้ทรงพระเยาว์ก็หาญกล้าสะบัดมือจากพระพี่เลี้ยงเสด็จขึ้นไปดับไฟผู้คนหวีดร้องกันอึง บัดนั้นก็เห็นเป็นเงาดำรูปคนสี่พระกรแกว่งจักรอยู่กลางกองเพลิง ไฟก็ดับลง หรือตอนโกษาปานไปฝรั่งเศส เรือตกลงในทะเลวนจนต้องอธิษฐานบนบาน เรือจึงลอยขึ้นมาได้ อย่างนี้ละแหม! สนุกนัก


โตขึ้นถูกบังคับให้จำ พ.ศ. วันเดือนปีขึ้นกี่ค่ำแรมกี่ค่ำ พม่ายกมากี่คน มาทางทิศไหน ใช้เวลากี่วัน ความสนุกเลยเหือดหายไปหมด ได้แต่พึมพำว่า “จำไปทำไม (วะ)”

โตขึ้นกว่านั้นกลายเป็นต้องมาขบคิดสิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อน เช่น เหตุใดพม่าจึงพากเพียรจะต้องยึดไทย เหตุใดไทยจึงต้องเข้ายึดลาว เหตุใดเราจึงต้องคบพระเจ้ากรุงจีน เหตุใดเราต้องส่งทูตไปฝรั่งเศส เหตุใดเราจึงต้องเสียกรุง เหตุใดพระยาตากซึ่งมีเชื้อสายจีนและไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตมาก่อน นอกจากเจ้าเมืองบ้านนอกแถบตะเข็บชายแดนจึงสามารถชนะใจผู้คนตั้งตนเป็นผู้นำได้สำเร็จ ความสงสัยอย่างนี้ชวนให้สนุกอีกแบบ พอแก่ตัวลงกว่านั้นสิ่งที่เคยนึกว่ารู้กลายเป็นว่ามีคนชวนให้สงสัยอีกแล้วว่าข้อมูลเดิมถูกต้องไหม เช่น ไทยมาจากไหน ศิลาจารึกพ่อขุนรามฯ ทำขึ้นเมื่อใด พระมหาอุปราชของพม่าทำยุทธหัตถีจนแพ้และถูกพระนเรศวรฟันด้วยพระแสงของ้าวจริงไหม ใครฆ่าพระเจ้ากรุงธนบุรี เป็นต้น นี่ก็สนุกแต่น่าปวดหัว

ประวัติศาสตร์มีประโยชน์ตรงช่วยให้เรารู้จักตัวเรา อเมริกาเขามีอายุแค่ 200 ปีเศษ แต่เขาก็ภูมิใจในประวัติศาสตร์ 200 ปีเศษของเขา คนอเมริกานั้นใครจะตบหัวลูบหลังด่าทออย่างไรก็ไม่ว่า แต่อย่าทะลึ่งไปดูหมิ่นเหยียดหยามธงชาติและเพลงชาติของเขาเป็นอันขาด

ไทยเรามีประวัติความเป็นมายาวนาน บางเรื่องแม้ไม่นานขนาดก่อนคริสตกาลพุทธกาลเราก็อดภาคภูมิใจในความเป็นตัวเป็นตนของเรา ความมีรากเหง้าอันยาวนานของเราไม่ได้

ประโยชน์ต่อไปคือประวัติศาสตร์เป็นองค์ความรู้ที่สืบสาวราวเรื่องแตกลูกแตกหลาน และต่อยอดไปถึงเรื่องต่าง ๆ ได้อีกหลายเรื่อง เพราะในท่ามกลางกาลเวลาและเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์นั้นย่อมมีความสำเร็จ ความล้มเหลว มีตัวบุคคล มีขนบธรรมเนียมประเพณี ชื่อเสียงเรียงนาม ชื่อบ้านนามเมืองหลายต่อหลายอย่างผุดขึ้นมา คนจะมีความรู้ทางนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ อักษรศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ และอีกสารพัดศาสตร์ จึงควรมีความรู้ทางประวัติศาสตร์อยู่บ้าง มิฉะนั้นจะรู้แต่เรื่องปัจจุบัน แล้วถวิลหาแต่อนาคต โดยไม่รู้ความเป็นมาในอดีต

ประโยชน์ที่เกี่ยวเนื่องกันและเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่คือการได้บทเรียนจากอดีตในสิ่งที่สำเร็จและล้มเหลวมาแล้ว มีคนพูดว่าประวัติศาสตร์เหมือนวงล้อเกวียน นี่คงเทียบมาแต่สมัยที่มนุษย์นั่งเกวียน วันนี้จะเทียบกับล้อแม็กก็ได้ วงล้อนี้หมุนไปหมุนมาย่อมทับรอยเดิมของตัวฉันใด ประวัติศาสตร์ก็ฉันนั้น บางอย่างเราสามารถเรียนรู้ภูมิปัญญาในอดีต เช่น ตำรายา ตำราข้าวปลาอาหาร ของคาว ของหวาน ตำราโหร ตำราเกษตร บางอย่างเราสามารถเรียนรู้กลวิธีในอดีต ดังที่วันนี้ทหารก็ยังต้องเรียนรู้วิธีรบทัพจับศึกของสมเด็จพระนเรศวร สมเด็จพระเจ้าตากสิน รัชกาลที่ 1 และกรมพระราชวังบวรฯ ในสงคราม 9 ทัพ ตลอดจนวิธีปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นและวิธีการทูตของไทยในอดีต เหล่านี้คือบทเรียนจากประวัติศาสตร์


มีผู้ใหญ่หลายคนแนะว่าถ้างั้นย้อนกลับไปเขียนเรื่องกรุงศรีอยุธยาสิ เอาแบบง่าย ๆ เล่าสนุก ๆ อย่างเดิม ผู้ใหญ่อีกคนแนะว่าแต่ไม่ต้องยาวขนาดเทียบบัญญัติ ไตรยางศ์ว่ากรุงรัตนโกสินทร์ 9 รัชกาลยังว่าเสีย 25 ตอน อยุธยามี 34 รัชกาลมิยาวถึง 80 ตอนหรือ ท่านกระซิบว่าเกรงว่าจะอยู่ไม่ทันถึงตอนจบ!

อย่างนั้นเห็นจะเล่าพอสัณฐานประมาณ และพยายามหลีกเลี่ยงรายละเอียดที่ยังโต้แย้งกัน อะไรที่ไม่น่าสนุกก็อาจข้าม ๆ ไปบ้างโดยไม่ให้เสียเนื้อความ โดยขอให้ชื่อเรื่องว่า “ศรีอยุธยา” ซึ่งเป็นชื่อกรุงก่อนจะตั้งกรุงธนบุรีและกรุงเทพฯ คำนี้สำคัญเพราะเมื่อตั้งกรุงเทพฯแล้วยังใช้คำว่ามหินทรายุธยา เป็นสร้อยนามของกรุงเทพฯ ในท่อนที่ว่า “กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์ มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์”

อ้อ! ไม่ต้องกลัวหรอกครับว่าจบเรื่องศรีอยุธยาแล้ว ผมจะต่อด้วยมหาดิลกภพ และนพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์ ไปจนถึงวิษณุกรรมประสิทธิ์ เพราะผมเองก็เบื่อตัวเองเป็นเหมือนกันนะครับ

ก่อนมีกรุงเทพมหานครฯ ที่เราเรียกว่ากรุงรัตนโกสินทร์ และก่อนมีกรุงธนบุรี ซึ่งเราเคยเรียกสองกรุงนี้รวมกันว่าบางกอก แล้วแต่จะพูดถึงบางกอกฝั่งตะวันตก (ธนบุรี) หรือฝั่งตะวันออก (พระนคร) เราเคยมีกรุงอันยิ่งใหญ่ไพศาลมาก่อนชื่อกรุงศรีอยุธยา อยู่ทางเหนือของบางกอก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำลพบุรี และแม่น้ำป่าสัก รูปพรรณสัณฐานเหมือนเกาะเพราะมีน้ำล้อมรอบ แม้บางช่วงจะเป็นคลองขุดจนเป็นลำน้ำล้อมอยู่ก็ตาม เดี๋ยวนี้คนรุ่นเก่าบางคนก็ยังเรียกว่า “เกาะเมือง” หรือ “เกาะกรุง” เพราะจะเข้าจะออกต้องข้ามสะพาน ความเป็นเกาะนี้จะว่าดีก็ดี เพราะช่วยกันข้าศึกได้ จะว่าเสียก็เสียเพราะถ้าข้าศึกปิดล้อมอยู่นอกเกาะ เราก็ไปไหนไม่รอด


ฝรั่งแล่นเรือรอบกรุงแล้ววาดแผนที่อยุธยาเป็นรูปคล้ายเรือสำเภาหรือถุงตะแคงอยู่ สมัยนั้นไม่ได้ใช้แผนที่ทางอากาศนี่ครับกูเกิลก็ยังไม่มี ชื่อกรุงตามทางการเรียกว่า กรุงเทพมหานครบวรทวาราวดีศรีอยุธยา ซึ่งเรารับเอาชื่อนี้มาดัดแปลงเรียกเป็นชื่อทางการของกรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ ในเวลาต่อมา บางครั้งก็เรียกแบบรวบรัดว่ากรุงเทพมหานครด้วยซ้ำ คนอ่านประวัติศาสตร์จึงต้องระวังอย่าปะปนกับกรุงยุคปัจจุบัน

เราถือธรรมเนียมมาแต่โบราณว่าเมืองใด กรุงใด (หมายถึง เมืองริมแม่น้ำสายใหญ่) เป็นราชธานีที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดิน เมืองนั้นกรุงนั้นมีชื่อว่ากรุงเทพ มหานครทั้งสิ้น ส่วนสร้อยว่า “ทวาราวดีศรีอยุธยา” นั้นเป็นเพราะเดิมก่อนจะตั้งกรุงศรีอยุธยาทุกวันนี้เคยมีเมืองโบราณอยู่นอกเกาะเมืองอยู่ก่อนแล้ว เรียกกันว่าอโยธยาศรีรามเทพนคร วัดนอกเกาะชื่อ วัดมเหยงค์ วัดพนัญเชิงที่มีพระนั่งองค์ใหญ่ หรือแม้แต่วัดธรรมิกราชในเกาะเมืองซึ่งยังมีหลักฐานมาจนบัดนี้ล้วนมีมาก่อนพระเจ้าอู่ทองตั้งกรุงศรีอยุธยาทั้งสิ้น พระเจ้าอู่ทองซึ่งยังเถียงกันอยู่ว่ามาจากไหน บ้างก็ว่าหนีโรคระบาดมาจากอู่ทองแถวเมืองสุพรรณบุรี บ้างก็ว่ามาจากทางเหนือ บ้างก็ว่าคงแถว ๆ ลพบุรี แต่ยังไม่เคยได้ยินว่าขึ้นจากทางใต้แถวสุไหงโก-ลกหรือยะลา ได้นำผู้คนอพยพมาอยู่ที่อโยธยาแห่งนี้เป็นครั้งแรก


ต่อมาจึงขยับขยายไปตั้งเมืองในตัวเกาะแถวหนองโสนหรือบึงพระรามในบัดนี้ เมื่อคำนวณวันเวลาจากปูมโหรและพระราชพงศาวดารแล้ว น่าจะเป็นวันศุกร์ ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ พ.ศ.1893 เป็นอันว่าเริ่มวันที่ 1 ปีที่ 1 แห่งการสถาปนากรุงศรีอยุธยา และอยู่ยั้งยืนยงมารวม 417 ปีจึงแหลกสลายลง มีกษัตริย์ปกครอง 34 พระองค์ เราเรียกพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ว่าสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า เวลาที่ต้องมีพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณอดีตพระมหากษัตริย์ เช่น คราวรัชกาลที่ 5 เสด็จขึ้นไปบวงสรวงที่พลับพลาจัตุรมุข พระนครศรีอยุธยาหรือคราวรัชกาลปัจจุบันทรงครองราชย์ครบ 60 ปี มีพระราชพิธีบวงสรวงที่พระที่นั่งชุมสาย หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ใน พ.ศ.2549 ก็ได้ออกพระนามพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าทั้ง 34 พระองค์ โดยเฉพาะพระเจ้าอู่ทอง พระผู้สร้างกรุงศรีอยุธยานั้น ถือมาตลอดกรุงศรีอยุธยาว่าเป็น “พระเทพบิดร” หรือ Founding Father ของพระนคร เวลาดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา ข้าราชการสมัยอยุธยาต้องไปถวายสัตย์ปฏิญาณต่อดวงพระวิญญาณเสมอ

ชื่อ “อยุธยา” หรือ “อโยธยา” แปลว่ายากที่ผู้ใดจะรบด้วยจนได้ชัยชนะ แปลอีกอย่างก็ได้ว่าเมืองที่ไม่เคยพ่ายแพ้ เป็นการตั้งเอาเคล็ดตัดไม้ข่มนาม ฝรั่งที่เข้ามาภายหลังเรียกตามพม่าและมอญว่า โยเดีย คงกระดกลิ้นเรียกแบบไทยยาก ชื่ออยุธยาตรงกับชื่อเมืองที่พระอินทร์ใช้ให้พระวิษณุกรรมไปสร้างขึ้นให้เป็นที่อยู่ของท้าวอโนมาตัน พระชนกของท้าวอัชบาล และต่อมาตกเป็นของพระรามผู้เป็นพระราชโอรส ของท้าวอัชบาลตรงกับคตินิยมว่า พระมหากษัตริย์คือพระรามซึ่งต้องครองกรุงศรีอยุธยา


อีกประการหนึ่งการนำเอาคำว่าทวาราวดีมาใช้เพราะกรุงทวาราวดีเป็นเมืองมีน้ำล้อมรอบและมีประตูหลายด้านตรงกับลักษณะของกรุงศรีอยุธยา แต่ไม่ตรงกับลักษณะของกรุงรัตนโกสินทร์ เพราะไม่มีแม่น้ำล้อมรอบ รัชกาลที่ 1 จึงทรงตัดคำว่าทวาราวดีออก แล้วทรงเปลี่ยนสร้อยนามพระนครเป็นบวรรัตนโกสินทร์แทน เพราะเป็นที่อยู่ของพระแก้วมรกตอันพระอินทร์เนรมิตขึ้น และทรงรักษาคำว่า “อยุธยา” ไว้ แต่แทนที่จะเป็นกรุงเทพมหานคร บวรทวาราวดีศรีอยุธยา ก็ให้เป็นกรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยาฯ ซึ่งแปลว่ายิ่งใหญ่เหนืออยุธยา ภายหลังรัชกาลที่ 4 เปลี่ยนคำว่า “บวร” เป็นอมร จนถึงบัดนี้

ศรีอยุธยาหรือกรุงศรีอยุธยาอันยิ่งใหญ่เริ่มต้นขึ้นแล้ว!.

ชื่อ “อยุธยา” หรือ “อโยธยา” แปลว่ายากที่ผู้ใดจะรบด้วยจนได้ชัยชนะ แปลอีกอย่างก็ได้ว่าเมืองที่ไม่เคยพ่ายแพ้ เป็นการตั้งเอาเคล็ดตัดไม้ข่มนาม ฝรั่งที่เข้ามาภายหลังเรียกตามพม่าและมอญว่า โยเดีย

วิษณุ เครืองาม
wis.k@hotmail.com
เดลินิวส์ 16 สิงหาคม 2554

อาณาจักรสุโขทัย

พันเรื่องถิ่นแผ่นดินไทย 
โดย ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ และคณะ


อาณาจักรสุโขทัยมีพัฒนาการมาจากการเป็นชุมชนถลุงเหล็กที่มีความสำคัญมากว่า 2,500 ปี โดยมีแหล่งแร่เหล็กอยู่ที่บ้านวังหาด ต.ตลิ่งชัน อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย ในปัจจุบัน อันเป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำแม่ลำพัน ที่ไหลผ่านเมืองเก่าสุโขทัย ไปสู่แม่น้ำยม ได้ค้นพบเครื่องประดับเงิน ทอง และสัมฤทธิ์ ตลอดจนดาบโบราณ สันนิษฐานได้ว่า ความมั่งคั่งของทรัพยากรธรรมชาติจำพวกแร่ธาตุ ได้ดึงดูดผู้คนให้มาอาศัย กลายเป็นชุมชนสุโขทัยในยุคแรก


ผู้ที่อพยพโยกย้ายไปมาค้าขายในบริเวณเมืองเก่าสุโขทัยในช่วงเวลานั้นคือ กลุ่มตระกูลลาว และตระกูลอื่นๆ ที่เคลื่อนไหวไปมาระหว่างสองฝั่งโขง สู่แม่น้ำน่าน และกระจายตัวลงสู่บริเวณแม่น้ำยม ที่บนเขาสมอแครง จ.พิษณุโลก ได้พบหลักฐานพระพุทรรูปแบบทวารวดีอีสาน ขณะเดียวกันได้พบเสมาหินแบบอีสานสลักภาพนูนต่ำ ที่ อ.นครไทย นับเป็นหลักฐานอย่างหนึ่งที่ทำให้เชื่อได้ว่า ผู้คนแถบพิษณุโลกและสุโขทัยในอดีตนั้น มีความสัมพันธ์กับลาวและอีสาน

การโยกย้ายไปมาค้าขายดังกล่าว ทำให้ชุมชนถลุงแร่เหล็กบนที่ลุ่มแม่น้ำลำพันดังกล่าวได้พัฒนากลายเป็นบ้านเป็นเมือง เป็นนครรัฐ ตลอดจนได้ขยายอำนาจทางการค้า และการปกครองออกไปอย่างกว้างไกล จนมีสถานะเป็นอาณาจักร ในสมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์พระร่วง ด้วยทรงเป็นกษัตริย์นักรบที่ทรงปรีชาญาณ สามรถผนวกเมืองเหนือไปจรดที่หลวงพระบาง และเมืองใต้ไปจรดที่นครศรีธรรมราช เป็นอาทิ

ศิลาจารึกในหลักที่ 1 ของพ่อขุนรามคำแหงได้บันทึกไว้ว่า ในพุทธศตวรรษที่ 19 หลังการสิ้นพระชนม์ของพ่อขุนศรีนาวนำถุม (น้ำท่วม) “ขอมสมาดโขลญลำพง” ขุนนางขอมที่กรุงละโว้ (ลพบุรี) ส่งมากำกับดูแลกรุงสุโขทัย ได้ทำการยึดอำนาจ การณ์นั้นพ่อขุนผาเมืองเจ้าเมืองราด โอรสพ่อขุนศรีนาวนำถุม และพระสหายคือ พ่อขุนบางกลางหาวเจ้าเมืองบางยาง ได้ร่วมกันขับไล่ขอมสมาดโขลญลำพง ภายหลังเมื่อมีชัยได้ทรงอภิเษกพ่อขุนบางกลางหาวให้เป็นกษัตริย์สุโขทัย

ครั้งนั้นพ่อขุนผาเมืองได้ถวายพระนาม “ศรีอินทรบดินทราทิตย์” พร้อมพระขรรค์ชัยศรี ซึ่งแต่เดิมเป็นของพระองค์เอง ที่ได้รับพระราชทานมาจากกษัตริย์ขอม ครั้งเสกสมรสกับพระธิดาของพระองค์ท่าน นับแต่นั้นมาพ่อขุนบางกลางหาวเจ้าเมืองบางยางจึงได้ทรงครองราชย์ เป็นปฐมแห่งราชวงศ์พระร่วงครองกรุงสุโขทัย ในพระนามว่า “พ่อขุนศรีอินทราทิตย์” ส่วนพ่อขุนผาเมืองภายหลังต่อมาทรงหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ ทิ้งไว้ให้คนปัจจุบันได้สืบหากันต่อไปในอนาคต

วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ยิปซีพยากรณ์ วันที่ 14 สิงหาคม 2554

พยากรณ์ระหว่างวันที่ 14 ส.ค. - 20 ส.ค. 2554

ราศีมังกร (16 ม.ค.-12 ก.พ.)   

ความคาดหวังสูง  เชื่อมั่นตัวเองเกินร้อยเปอร์เซ็นต์จึงไม่ค่อยยอมฟังใคร มีดวงเที่ยวเตร่ ผจญภัย หาประสบการณ์ใหม่ ๆ  การงานไหลลื่น เอาตัวรอดได้ตลอด งานหลักไม่ค่อยสน มุ่งไปที่งานเสริม ธุรกิจส่วนตัว ช่วงต้นถึงกลางคิดทำอะไรทางสะดวก แต่ช่วงปลายหงุดหงิดจุกจิกในการเจรจาและการประสานงาน  การเงินใช้จ่ายเก่ง อยากได้อะไรต้องหามาสนองความต้องการตัวเองให้ได้ กำลังสนุกกับการใช้จ่าย กว่าจะรู้ตัวก็อาจต้องอดมื้อกินมื้อ ควรวางแผนในการใช้จ่ายไว้บ้าง  “ไพ่ เดอะ ฟูล” ความรักสนุกสนานไปเรื่อย คนโสดยังไม่อยากจริงจังกับใคร ช่วงนี้เสน่ห์แรงได้เจอคนถูกใจ หน้าตาท่าทางเข้าที ส่วนคนมีแฟนแล้วได้ชวนกันไปเที่ยวตากอากาศ


าศีกุมภ์ (13 ก.พ. - 13 มี.ค.)
   
ดื้อรั้นหัวชนฝา กว่าจะได้อะไรมาสักอย่างเลือดตาแทบกระเด็น ต้องลงทุนลงแรง ฟาดฟันกับคนรอบข้าง “ไพ่ ราชาดาบ” การงานถูกลดระดับความสำคัญ อาจเป็นเพราะความดื้อ และมีความคิดเห็นไม่ค่อยตรงกับผู้ใหญ่ มักมีเหตุให้คุณหงุดหงิดง่าย อย่าคาดหวังสิ่งใดจากใคร ต้องลงทุนลงแรงเองถึงจะประสบผลสำเร็จ  การเงินกระเป๋ารั่ว มีรายจ่ายตลอดเวลา ต้องหาวิธีปะรอยรั่ว ช่วงกลางรายจ่ายเยอะสุด ๆ แต่พอปลาย ๆ จะมีช่องทางเสริม ให้ใช้จ่ายอย่างประหยัด ความรักมือที่สามคอยวนเวียนเข้ามาแทรก ทำให้รักวุ่น มีเรื่องกังวลใจอยู่ตลอด ส่วนคนโสดได้แต่แอบรักแอบชอบ ความสัมพันธ์จะคืบหน้าได้จากการที่คุณต้องเป็นฝ่ายรุก อย่ารอ อาจเป็นแม่สายบัวรอเก้อได้

ราศีมีน (14 มี.ค. - 12 เม.ย.) 
  

ครั่นเนื้อครั่นตัว อยู่นิ่งไม่เป็นเลย กำลังซุกซนแสวงหาของแปลกใหม่ เพื่อสร้างความตื่นเต้นและแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง การงานเหมาะกับงานที่ต้องออกนอกสถานที่ งานบริการ ที่ต้องเจอผู้คนแปลกหน้าแปลกตาอยู่เสมอ ช่วงกลางหากขยันขันแข็งจะเข้าตาผู้ใหญ่ เหมาะในการร้องขอ แสดงความคิดเห็น จะได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือ  “ไพ่ 6 เหรียญ” การเงินมือเติบ ใช้กินเที่ยว ซื้อของไม่ค่อยระมัดระวัง มีโชคลาภจากความช่างเจรจาของคุณ ช่วงกลางเหมาะในการขอกู้ยืม ขอความช่วยเหลือ ความรักหอมหวาน เพราะความเสน่ห์แรงทำให้ใครต่อใครอยากเข้ามาทำความรู้จัก มีประสบการณ์แปลกใหม่ ส่วนคนมีแฟนแล้วเริงรื่น อบอุ่น คนรักเป็นที่พึ่งพา เป็นกำลังใจที่ดี

ราศีเมษ (13 เม.ย. - 13 พ.ค.)   

“ไพ่ 4 ดาบ” ร้อนรนไปไม่มีประโยชน์ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ การรอคอย ให้ท่องไว้ “ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม” จะได้มีกำลังใจ  การงานเบื่อทั้งคนเบื่อทั้งงาน เจอปัญหาซ้ำซากสุดจะบรรยาย แต่ถึงจะอยากเปลี่ยนอยากย้ายก็ยังไม่ได้สมใจ อาจต้องหนีเสือปะจระเข้ ช่วงปลายเริ่มจะดีขึ้นบ้าง หากมีปัญหาตัดสินไม่ถูกให้ขอคำปรึกษาจากผู้ใหญ่ ครอบครัวคนใกล้ชิด จะได้คำตอบที่ดี การเงินขึ้น ๆ ลง ๆ เหนื่อยใจเพราะแรงกดดันจากคนรอบข้าง พยายามปฏิเสธให้เป็น ต้องเด็ดขาด มิฉะนั้นคุณจะเป็นคนที่เดือดร้อนที่สุด  ความรักเหงาหงอย คนโสดไม่เจอคนถูกใจเสียที เริ่มคิดจะบวช ประชดชีวิต ส่วนคนมีแฟนแล้วซึม ๆ น้อยอกน้อยใจ รู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง ต้องหาเวลาปรับความเข้าใจกัน

ราศีพฤษภ (14 พ.ค. - 13 มิ.ย.)   

ต้องคอยเป็นคนกลางคอยตัดสินปัญหา ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดยังต้องมาวุ่นวายกับเรื่องคนอื่นให้ปวดหัว “ไพ่ จัดจ์เม้นท์” การงานช่วงต้นงานท่วมท้น ใครต่อใครก็เอางานมาสุม ต้องมีความรับผิดชอบสูง ช่วงกลางลงมาจึงจะมีข่าวดี ถ้ากำลังอยากเปลี่ยนอยากย้าย อยากลองทำงานใหม่ ๆ จะมีคนหยิบยื่นโอกาสให้ ช่วงปลายดวงงานมั่นคง เหมาะในการขยับขยายลงทุน  การเงินกว่าจะเก็บหอมรอมริบเป็นกอบเป็นกำช่างแสนยากเย็น แต่ช่วงกลางพอจะมีลาภเข้ามาบ้าง จะเสี่ยงลุ้นก็ต้องใช้จังหวะนี้  ความรักแอบรักแอบชอบ เป็นกิ๊กกับคนนั้นทีคนนี้ที ความสัมพันธ์ยังไม่เปิดเผย บางทีผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วย ส่วนคนมีคู่แล้วหวานกันเป็นพัก ๆ เพราะไม่ค่อยมีเวลาให้กันมากนัก

ราศีเมถุน (14 มิ.ย. - 14 ก.ค.)   

ขี้หลงขี้ลืม ใจร้อน จึงมักจะทำอะไรไปแล้วต้องมานั่งเสียใจภายหลัง ต้องรอบคอบและมีสติจะได้ไม่ต้องมาโอดครวญภายหลัง  การงานกำลังมีข่าวดีมาเยือน มีดวงในการปรับเปลี่ยนโยกย้ายในทางที่ดีขึ้น หากวางแผนเตรียมลงทุนทำกิจการส่วนตัวลุยได้ไม่ต้องยั้ง ช่วงกลางระวังคำพูด อย่ารับปากใครสุ่มสี่สุ่มห้าจะเสียผลประโยชน์  การเงินตักตวงได้เป็นพัก ๆ ช่วงกลางระวังทำของหาย จะช่วยเหลือใครให้ทำใจ ช่วงนี้ช่วยไปจะไม่ได้คืน ช่วงปลายมีลาภปาก ได้กินฟรีเที่ยวฟรี  “ไพ่ 5 ถ้วย” ความรักกำลังคิดถึงรักเก่า อยากให้หวนคืน แต่คงยาก ถ้าเป็นรักใหม่จะมีเข้ามาช่วงปลาย เปิดใจให้กว้างจะได้เจอคนถูกใจที่ดี ส่วนคนมีแฟนแล้วแง่งอน พลั้งปากพูดจาไม่ดี ระวังคำพูดด้วยครับ

ราศีกรกฎ (15 ก.ค. - 16 ส.ค.)   

อ่อนโยน ชอบดูแลเอาใจใส่คนอื่น ทำให้เป็นที่รักของคนรอบข้าง ความใจดีชอบช่วยเหลือจะทำให้คุณเป็นที่ต้องการ และได้รับการช่วยเหลือเมื่อคุณร้องขอ  การงานราบรื่น ทำงานด้วยความสบายใจ เพื่อนฝูงช่วยเหลือกันดี ช่วงปลายมีดวงจัดระบบงานใหม่ อาจถูกลูกหลงจับเปลี่ยน จับย้าย แต่ถือเป็นโชคมากกว่า เพราะคุณจะก้าวหน้ามากขึ้น “ไพ่ 3 เหรียญ” การเงินโดดเด่น ลงทุนอะไรไปก็ได้รับผลตอบแทนที่ดี ช่วงกลางเหมาะสุดในการเสี่ยงลุ้น ชิงโชคทั้งหลาย เพราะกำลังมีโชค  ความรักคนโสดอยู่เฉย ๆ ก็มีคนมาถูกอกถูกใจ มีดวงได้คบคนต่างที่ต่างถิ่น ต่างชาติ ส่วนคนมีแฟนแล้วได้ควงคู่ชู้ชื่นกันไปกินลมชมวิว พักผ่อนตากอากาศ

ราศีสิงห์ (17ส.ค. - 16ก.ย.)   

“ไพ่  เดอะ เวิลด์” มีพลังอำนาจ มีคนห้อมล้อม ช่วงต้นถึงกลางหากคาดหวังอะไรอยู่ต้องรีบสานต่อ จะมีคนช่วยเหลือ แต่ถ้าเลยไปแล้วสำเร็จยาก เพราะคุณขาดสติ ใจร้อน เชื่อมั่นตัวเองมากไป ทำให้คาดการณ์ไม่ถูกต้อง  การงานช่วงต้นทำได้ดี ได้รับการยอมรับจากผู้ใหญ่ ได้รับโอกาสในการทำงานสำคัญสร้างชื่อเสียง แต่ต้องไม่ชะล่าใจ ความรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญ มิฉะนั้นคุณอาจล้มไม่เป็นท่าได้ การเงินยังคงความหน้าใหญ่ใจโตเสมอต้นเสมอปลาย แต่สภาพคล่องไม่น่าเป็นห่วง ถ้าไม่ลงทุนอะไรที่ใหญ่เกินตัว  ความรักเริ่มต้นด้วยความประทับใจ แต่อาจต้องหมางเมินกันเพราะความเข้าใจผิด อย่าด่วนสรุปหากยังไม่มีหลักฐานชี้ชัด ส่วนคนโสดสนิทต้องให้คนใกล้ตัวช่วย

ราศีกันย์ (17ก.ย. - 16ต.ค.)   

มีดวงเดินทางไกล ย้ายที่อยู่ เปลี่ยนรถ เปลี่ยนงาน แต่ที่น่าห่วงที่สุดคงเป็นเรื่องสุขภาพ โรคเก่ากำเริบ โรคประจำตัวจะถามหา  การงานช่วงต้นปรับเปลี่ยนโยกย้ายเป็นเรื่องปกติ งานที่รับผิดชอบจะรุดหน้าไปได้ไกล ถึงแม้งานจะเร่งรีบแต่ผลงานออกมาดี ส่วนช่วงปลายอึดอัดเพราะถูกคาดหวังไว้มาก พยายามทำใจให้เป็นปกติ ทุกอย่างจะผ่านไปได้ การเงินมีโชคลาภจากการเดินทาง หรือคนที่มาจากที่ไกล แต่ช่วงปลายน้ำท่วมปากจากการขอหยิบยืมจากคนสนิท “ไพ่ 1 ถ้วย” ความรักคนโสดมีการเริ่มต้นดี แต่กลับไปไม่ค่อยดี มีอุปสรรคทั้งเรื่องระยะทางและเวลา ถ้ารักแล้วต้องอดทน ส่วนคนมีแฟนแล้วมักถูกเปรียบเทียบจากคนรักทำให้รู้สึกไม่ดี 

ราศีตุลย์ (17ต.ค. - 16 พ.ย.)   

ได้รับข่าวดีทำให้คิดฝันไปไกล แต่กลับไม่เป็นอย่างที่วาดหวังไว้ ต้องแบ่งรับแบ่งสู้ ระหว่างสิ่งที่ฝันกับความเป็นจริง การงานเจอมรสุมเป็นพัก ๆ จะดีจะร้ายก็เพราะปากของคุณเอง หากไม่แน่ใจอย่าตอบรับ ให้นิ่งเฉยเพื่อเก็บมาคิดทบทวน เพราะคุณมีจุดอ่อนในการเผชิญหน้า และโต้ตอบทันที ช่วงปลายระวังขัดแย้งขัดใจกับผู้ใหญ่ มีความดื้อเป็นทุนอยู่แล้ว การเงินระวังความใจอ่อนทำให้ต้องมานั่งเสียใจกับสิ่งที่ทำไป การช่วยเหลือใครในช่วงนี้ยังไม่ได้ผลตอบแทนที่ดี คิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ  “ไพ่ 7 ถ้วย” ความรักคนโสดสดใสซาบซ่า เสน่ห์แรงมีคนมารุมเร้า ได้เจอคนหน้าตาดีถูกอกถูกใจ แต่ความสัมพันธ์ไม่แน่นอน ส่วนคนมีแฟนแล้วเถียงกันเรื่องเดิม ให้อภัย ปรับตัวแล้วจะดี

ราศีพิจิก (17 พ.ย. - 15 ธ.ค.)   

“ไพ่ เดอะ สตาร์ ” ความฝันกำลังจะกลายเป็นจริง ช่วงนี้ถ้อยทีถ้อยอาศัย มีกำลังใจที่ดี ขอร้องให้ใครช่วยก็ได้รับการตอบรับที่ดี  การงานมีผลงานมาแรงแซงโค้งเพื่อนร่วมงาน ได้รับการสนับสนุน คุณมักมีความคิดที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ ทำให้โดดเด่นกว่าใคร หากกำลังคิดปลีกตัวทำธุรกิจเองก็สามารถทำได้ ทำตามความฝัน ตามพรสวรรค์ของตัวเองแล้วจะประสบผลสำเร็จ  การเงินไหลเข้ามากกว่าออก มีช่องทางรับหลายทางจากงานหลักและเสริม มีโชคลาภจากความเสน่หา ความรักคนโสดส่องประกายเจิดจ้า มีแต่คนอยากทำความรู้จัก มีแนวโน้มได้คบหาคนที่อายุน้อยกว่า ส่วนคนมีแฟนแล้วรักหวานชื่น เข้าอกเข้าใจกันมากกว่าเดิม หวานจนคู่อื่นอิจฉา

ราศีธนู (16ธ.ค. - 15ม.ค.)   

อึดอัดใจบอกไม่ถูก จะกระดุกกระดิกคิดทำอะไรเป็นต้องมีอุปสรรคให้หงุดหงิดอยู่เสมอ หากใช้อารมณ์จะยิ่งไกลจุดหมายออกไปอีก “ไพ่ ราชินีดาบ” การงานเหนื่อยสุด ๆ ต้องลุยเองทำเอง มีการกระทบกระทั่งกันทั้งเพื่อนร่วมงานและผู้ใหญ่ ให้เดินหนีอย่าต่อความยาวสาวความยืด ช่วงปลายพอจะมีช่องทางการเจรจาที่ดี การเงินเสียภาษีสังคมเยอะ ซองสารพัดซองหลั่งไหลกันเข้ามา หากลงทุนร่วมหุ้นจะขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ มีลาภปากบ้างแต่ไม่มาก ความรักค้างคาใจกับปัญหาเก่า พอหยิบมาพูดคุยก็เป็นเรื่องไม่จบไม่สิ้น หาทางออกไม่เจอ ช่วงปลายพอมีลุ้นสะสางปัญหาคาใจ ส่วนคนโสดสนิทไร้วี่แวว มีแต่แอบรักแอบชอบคนที่มีเจ้าของ คนที่เอื้อมไม่ถึง.

อ.คฑา ชินบัญชร

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

นมัสเต...เนปาล ดินแดนแห่งเทพเจ้าและสรวงสวรรค์

โดย อดุลย์
@คมชัดลึก 14 สิงหาคม 2554

นมัสเต...คำทักทายสวัสดีพร้อมพนมมือไหว้แบบเนปาล แถมพ่วงด้วยรอยยิ้มจริงใจ ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นคลายความกังวลเมื่อต้องอยู่ต่างถิ่นไปเยอะ วันนี้ผมเดินทางไกลนานกว่า 3 ชั่วโมง จากเมืองไทยมาเยือนดินแดนแห่งเทพเจ้า "เนปาล"

รถบัสคันเล็กพาผมผ่านถนนแคบๆ จากสนามบินตรีภูวัน เข้าสู่ที่พักในกรุงกาฐมาณฑุ ก่อนจะพาเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวทั่วนครหลวงแห่งนี้ เริ่มต้นที่ จัตุรัสกาฐมาณฑุ ดูร์บาร์ หรือพระราชวังหนุมานโดก้า ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญของราชวงศ์ นอกจากนี้ยังมีบ้านกุมารี ที่พำนักของเทพธิดามีชีวิตของชาวเนปาล กุมารีองค์ปัจจุบันมีอายุ 6 ขวบ วันนี้ผมโชคดีกุมารีปรากฏตัวที่หน้าต่างให้ได้ชื่นชมด้วย แต่มีข้อแม้ห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด


อีกหนึ่งสถานที่คือ เจดีย์สวยัมภูวนารถ หรือวัดลิง วัดที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง เป็นเจดีย์ที่มีรูปดวงตาทั้ง 4 ด้าน ตั้งอยู่บนเขา ทำให้เราสามารถมองเห็นทัศนียภาพกรุงกาฐมาณฑุได้เต็มตา
จัตุรัสปาทัน ดูบาร์สแควร์ ในเมืองปาทัน เต็มไปด้วยโบราณสถานเก่าแก่มากมาย สถาปัตยกรรมและศิลปะงดงามมาก สีของอิฐเก่าเมื่อรวมกับสีดำของไม้แกะสลัก ทำให้เกิดความงามอย่างมหัศจรรย์ เมืองปาทันได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งของเนปาล

และอีกหนึ่งสถานที่ที่ควรไปแวะชมคือ วัดโพธินาถ วัดทางพระพุทธศาสนาที่มีเจดีย์มหาโพธินาถที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล บนองค์เจดีย์มีตาทั้งสี่ทิศ บริเวณวัดเป็นแหล่งชุมชนชาวทิเบต วัดนี้ยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2522

"ซองร้อยบาท ซองร้อยบาท" ภาษาไทยแบบคนเนปาลทำให้ผมต้องหันไปสนทนากับเจ้าของเสียงที่ยื่นสินค้าของที่ระลึกให้ผมเลือกซื้อ ผมงงว่าทำไมคนที่นี่ถึงพูดไทยได้ ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่พูดได้หลายคน คงมีคนไทยจำนวนไม่น้อยแวะเวียนมาเที่ยวที่นี่ ปกติคนเนปาลจะใช้ภาษาเนปาลี กับภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก การสนทนา ซื้อขายต่อรองจึงไม่ค่อยมีปัญหาครับ และที่นี้ใช้เงินหลายสกุล ไม่จะเป็นรูปีเนปาล เงินอินเดีย ดอลลาร์สหรัฐ (1ดอลลาร์=70 รูปี) รวมถึงเงินไทย (1 บาท=2 รูปี)

ปิ๊นๆมอๆ...

ตลอดทั้งวันในที่อยู่ในกรุงกาฐมาณฑุ จะได้ยินเสียงแตรรถดังทั้งวัน ถนนหนทางที่นี่แคบมาก กฎระเบียบจราจรยังไม่มีบังคับใช้กันอย่างจริงจัง ไฟจราจรพอมีให้เห็นบ้าง แต่ไม่ได้เปิดใช้ ดังนั้นแตรรถคือสิ่งสำคัญที่สุด

คนเนปาลใช้วิธีบีบแตรเพื่อจะบอกคนอื่นว่าฉันมาแล้วนะ ระวังด้วยนะ แม้จะดูวุ่นวาย ผมกลับไม่เห็นอุบัติเหตุเกิดขึ้นในเมืองนี้เลย รถยนต์ที่ใช้ส่วนมากจะเป็นรถคันเล็กๆ มอเตอร์ไซค์ และจักรยาน ติดป้ายทะเบียนสีแดง โอ้โห...มองไปทางไหนมีแต่รถป้ายแดง ยกเว้นรถแท็กซี่เท่านั้นครับที่ติดป้ายดำ

บนถนนจอแจอีกสิ่งหนึ่งที่จะได้เห็นอยู่บ่อยๆ คือ วัว คนเนปาลนับถือวัว เพราะว่าวัวเป็นพาหนะของพระศิวะ วัวจึงมีสิทธิเสรีที่จะเดินไปไหนมาไหนตามใจ โดยไม่มีใครคอยขัดขวาง หรือไล่ตะเพิด ว่ากันว่าคนขับรถที่นี่ระวังวัวมากกว่าระวังคน ขับรถชนคนยังพอจะเคลียร์กันได้ แต่ถ้าขับรถชนวัว...คุกสถานเดียวครับ

เมืองแห่งเทพเจ้า

คนเนปาลมีวิถีชีวิตติดกับศาสนา มีเทพเจ้ามากมาย มากกว่าจำนวนประชากรด้วยซ้ำ ทุกบ้านจะมีเทพเจ้าประจำบ้าน และตามถนนหนทาง การปฏิบัติศาสนกิจถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิต คนเนปาลไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งเช้า-เย็น ซึ่งคนที่ไปวัดไหว้พระมาแล้วจะแต้มสีแดงที่หน้าผาก

ในรอบปีคนเนปาลจะมีเทศกาลที่ต้องหยุดงานเฉลิมฉลองทางศาสนาเสีย 200 กว่าวัน นั่นหมายความว่า คนเนปาลทำงานกันแค่ปีละร้อยกว่าวันเท่านั้น ยิ่งฤดูหนาวคนเนปาลทำงานแค่ 10 โมงเช้าถึง 3 โมงเย็นเท่านั้น...น่าไปอยู่เหมือนกันนะเนี่ย

คนเนปาลส่วนมากยากจน รายได้เฉลี่ยเพียง 4,500-7,000 รูปีต่อเดือนเท่านั้น ขณะที่อาหารค่อนข้างแพง ไก่ 1 กก.ก็ปาไป 250 รูปี น้ำมันลิตรละ 90 กว่ารูปี ไข่ 8 รูปี คนเนปาลเลยต้องกินอาหารเมนูซ้ำๆ ง่ายๆ แต่ก็มีแหล่งการค้าหรูหรา ฟาสต์ฟู้ด ที่ขายเบอร์เกอร์อันละร้อยกว่าบาท มีห้างขายสินค้าหรูหรา กางเกงยีนมียี่ห้อตกตัวละ 3,000-4,000 รูปี เกือบเท่าเงินเดือนเฉลี่ยของคนเนปาลเลยทีเดียว

ที่นี่มีปัญหาด้านสาธารณูปโภคมาก น้ำไม่ค่อยไหล ไฟฟ้าจะดับวันละ 4-18 ชั่วโมง พอ 4-5 ทุ่มร้านรวงก็ปิดหมดแล้วครับ เงียบสงบไม่มีแสงสี แต่เนปาลก็มีสิ่งที่พวกเขาภาคภูมิใจมากที่สุดคือ ลุมพินี สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า องค์ศาสดาของศาสนาพุทธ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก อีกอย่างคือ ยอดเขาเอเวอเรสต์ ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก สูง 8,848 เมตร ตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย และสุดท้ายคือ ทหารกุรข่า ทหารที่อดทน กล้าหาญ สามารถต่อกรกองทัพอังกฤษจนแตกพ่ายมาแล้ว และปัจจุบันเนปาลส่งออกทหารเหล่านี้ไปรับจ้างตามประเทศต่างๆ ทำรายได้เข้าประเทศอีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากรายได้จากการท่องเที่ยว สินค้าจำพวกพรม เครื่องไม้แกะสลัก และเครื่องทองเหลือง

เมืองมรดกโลก-ศิลปะ

เมืองบัตตาปูร์ หรือ ภักตปุระ มีความหมายว่า เมืองผู้คนที่ภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในหุบเขากาฐมาณฑุ เดิมเคยเป็นเมืองหลวงที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางการค้ามาก่อน เป็นเมืองที่ใหญ่มาก เดินทั้งวันก็คงไม่ทั่วแน่ สถาปัตยกรรมเมืองบัตตาปูร์สวยงามมาก จนเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ดังอย่าง ลิตเติล บุดดา และละครไทยหลายเรื่อง

เมืองนี้ไม่ใช่แค่เป็นโบราณสถาน แต่เป็นเมืองที่ยังมีชีวิต ชาวบ้านยังอาศัยอยู่และดำเนินวิถีชีวิตเป็นปกติ มันน่าทึ่งตรงนี้แหละครับ ที่นี่เป็นแหล่งผลิตงานศิลปะมากมาย คนรักศิลปะอย่างผมอดไม่ได้ที่ต้องแวะดูช่างแกะสลักหน้ากากไม้อยู่นานสองนานเลยทีเดียว แถมได้นั่งคุยกับครอบครัวศิลปิน ที่วาดรูปเกี่ยวกับศาสนาขายทั้งครอบครัว ศิลปินท่านนี้บอกผมว่า วาดรูปมาตลอดชีวิต การได้วาดรูปที่เกี่ยวข้องกับศาสนาทำให้จิตใจสงบ ดูแล้วอิ่มเอมใจครับ

หิมาลัย...สวรรค์แค่เอื้อม

จากเมืองบัตตาปูร์ ผมเดินทางไปพักบนเขาใน เมืองดูลิเคว เมืองเล็กๆ ที่เคยเป็นเมืองหน้าด่านค้าขายกับชาวทิเบตมาเป็นเวลานาน อยู่ในหุบเขาห่างจากกรุงกาฐมาณฑุสัก 1 ชั่วโมง เป็นเมืองที่สงบ ชาวบ้านยังดำรงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม มีบ้านเรือนที่เก่าแก่และสวยงาม ไม่มีความวุ่นวาย ต่างจากในเมืองหลวงอย่างสิ้นเชิง สองข้างทางระบายด้วยสีเขียวของภูเขาและแหล่งเกษตรกรรม ถนนคดเคี้ยวลัดเลาะไปตามไหล่เขา สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมตะลึงนั่นคือ เทือกเขาหิมาลัย ที่ทอดยาวเหนือขอบฟ้า ราวกับเมืองสวรรค์ ช่างสวยงามเกินคำบรรยาย

เอเวอเรสต์-ล่องลอยบนสวรรค์

ยอดเขาที่สูงที่สุดบนเทือกหิมาลัย ที่ใครต่อใครเมื่อไปถึงเนปาลก็อยากจะดั้นด้นไปชม แต่การจะปีนขึ้นถึงยอดเขาเอเวอเรสต์ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายสูงแล้ว ต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมอีกด้วย ดังนั้นความฝันที่จะเห็นยอดเอเวอเรสต์จึงเป็นจริงได้ยาก ซึ่งจังหวะที่ผมไปก็มีทีมนักไต่เขาชาวไทยไปพิชิตเอเวอเรสต์เหมือนกัน ภายใต้โครงการ “Thai Everest 2011 Live Your Dream คิดใหญ่...กล้าใช้ชีวิต” ที่จัดโดย ททบ.5 และบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด แต่ก็ไปได้ถึงระดับความสูง 7,500 เมตร ก็ต้องล้มเลิก ด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวน รวมทั้งทีมงานเชอร์ปาบางคนป่วยอีกด้วย

ปัจจุบันการได้เห็นเอเวอเรสต์ไม่ยากครับ ที่นี่มี เมาเท่น ไฟลท์ เครื่องบินขนาดเล็ก เที่ยวบินพิเศษพานักท่องเที่ยวบินชมหิมาลัยอย่างใกล้ชิด ได้ชมความงามของเอเวอเรสต์อย่างเต็มตา เหมือนฝันครับ นี่คงเป็นสวรรค์แน่ๆ ผมกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาว มองไปข้างๆ มียอดเขาสีขาวโผล่พ้นเมฆขึ้นมาเหมือนปราสาทในความฝัน มันอธิบายความรู้สึกไม่ถูก เหมือนอยู่สวรรค์จริงๆ ครับ

นมัสเต...สวัสดีเนปาล

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อมรรัตนโกสินทร์ (25)

ใดที่เกิดขึ้นแล้ววนไปเวียนมาจนกลับมาซ้ำรอยเดิมนั้นเรียกว่า “วัฏจักร”

การเมืองไทยในรอบ 60 ปีมานี้ก็ชักจะเป็นวัฏจักรคือเริ่มด้วยการยึดอำนาจซึ่งอาจเรียกชื่อต่าง ๆ กัน เช่น รัฐประหาร ปฏิวัติ การรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ การปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ตามมาด้วยการใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวไปพลางก่อนแล้วจัดให้มีการยกร่างฉบับถาวร การตั้งรัฐบาลและการมีสมาชิกสภาจากการแต่งตั้งโดยระหว่างนั้นยังไม่ให้มีการเลือกตั้ง เมื่อการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จจึงจะตามมาด้วยการเลือกตั้ง และลงเอยด้วยการตั้งรัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้ง ต่อจากนั้นสักพักก็จะเริ่มวัฏจักรใหม่อีกรอบ

หลัง พ.ศ. 2475 เราจึงมีรัฐประหารปี 2490 การปฏิวัติปี 2494 ปี 2500 ปี 2502 ปี 2514 ปี 2519 ปี 2520 ปี 2534 และปี 2549 ส่วนที่พยายามทำแต่ไม่สำเร็จกลายเป็นขบถก็มีแทรกเป็นระยะ ๆ อีกหลายครั้ง



ความขัดแย้งทางลัทธิอุดมการณ์ระหว่างเสรีประชาธิปไตยกับคอมมิวนิสต์ได้เปลี่ยนรูปมาเป็นการก่อการร้ายและการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ ดินแดนไทยหลายแห่งถูกประกาศเป็นเขตสีชมพูหรือสีแดง หรือเขตปลดปล่อย เจ้าหน้าที่ของรัฐห้ามเข้า ฝ่ายหนึ่งตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นดำเนินการโดยมีกองกำลังติดอาวุธ ข้างฝ่ายทางการก็ประกาศใช้กฎหมายป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์จัดการแก่ผู้ต้องสงสัยหรือผู้กระทำผิดอย่างรุนแรงและเฉียบขาด

ชัยชนะของฝ่ายเรียกร้องการปลดปล่อยในลาว เขมร เวียดนามระหว่างปี 2517-2518 ทำให้สถานการณ์ในไทยไม่สู้ดีนัก หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ยุคเสรีภาพเบ่งบาน แม้ในโลกความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตจะลดลงจนกลายเป็นสงครามเย็นคือใช้วิธีโฆษณาประชาสัมพันธ์เข้าต่อสู้กันมากกว่าใช้กำลัง แต่ภายในประเทศ การต่อสู้จากฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ต่ออำนาจรัฐยังคงมีมากขึ้น จนเมื่อมีการก่อความไม่สงบและทางการเข้าปราบปรามถึงขั้นยึดอำนาจในปี 2519 มีผู้หลบหนีเข้าป่าจับอาวุธต่อสู้กับอำนาจรัฐกลายเป็นความแตกแยกรุนแรง

รัฐบาลยุค พล.อ.เปรมได้ออกคำสั่งยุติการปราบปรามที่รุนแรงและให้โอกาสผู้หลบหนีกลับเข้ามา “ร่วมพัฒนาชาติไทย” แรก ๆ ก็ยังระแวงกันอยู่ แต่ภายหลังก็วางอาวุธทยอยกลับมาเรียนต่อบ้าง ทำงานบ้าง เข้ารับราชการบ้าง จนหลายคนได้ก้าวหน้าถึงขั้นเป็นนายทุน เป็น ส.ส. และรัฐมนตรี จังหวะนั้นพรรคคอมมิวนิสต์ในไทยก็อ่อนแอลง ต่างชาติเริ่มลดหรืองดการสนับสนุน พอดีกับที่เกิดการล่มสลายของสหภาพโซเวียต การทลายกำแพงเบอร์ลินในเยอรมัน วิธีการต่อสู้กับอำนาจรัฐแบบใช้ความรุนแรงจึงไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป

สิทธิเสรีภาพและบรรยากาศประชาธิปไตยอันเนื่องมาจากการเรียกร้องชนิดเอาชีวิตเข้าแลกในปี 2516 ไม่ได้สูญเปล่า แม้จะซบเซาไปบางขณะแต่ต้องถือว่าเป็นการจุดชนวนให้ผู้คนตื่นตัวในสิทธิเสรีภาพ และเป็นการเริ่มยุคใหม่ของประชาธิปไตยไทยก็ว่าได้

นับแต่สมัย พล.อ.เปรม เป็นต้นมา เศรษฐกิจไทยเริ่มดีขึ้นทันตาเห็นด้วยนโยบายปรองดองประการหนึ่ง นโยบายการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคประการหนึ่ง และนโยบายความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชนอีกประการหนึ่ง ความเป็นรัฐบาลต่อเนื่องยาวนานถึง 8 ปี ความซื่อสัตย์สุจริตของผู้นำ และการรู้จักใช้คนตลอดจนมีคนมาให้ใช้มากหน้าหลายตาทำให้เกิดโครงการพัฒนาดี ๆ ขึ้นเป็นอันมากจนเป็นปัจจัยสำคัญที่ไทยเกิดความก้าวหน้าดังที่เริ่มมีการพูดถึงไทยในฐานะเสือเศรษฐกิจตัวที่ 5 ด้วยซ้ำ

สมัยนายกฯ ชาติชาย ชุณหะวัณ เศรษฐกิจยังเจริญต่อมาโดยเฉพาะเมื่อผสมกับนโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า การผูกมิตรกับเพื่อนบ้าน แต่นักเศรษฐศาสตร์ก็ค่อนขอดว่าเศรษฐกิจโตเร็วเหมือนฟองสบู่ ซึ่งฟองสบู่มาแตกลงจริง ๆ ในสมัยรัฐบาลต่อ ๆ มา จนถึงขั้นวิกฤติหนักในปี 2540 สมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อรัฐบาลลดค่าเงินบาท ธุรกิจหลายแห่งล้มครืน เศรษฐีต้องล้มละลาย พ่อแม่ต้องเรียกลูกกลับจากนอกมาเรียนต่อในไทย หนี้สาธารณะสูงจนเราต้องกู้เงินจากกองทุนไอเอ็มเอฟ

รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาพร้อมกับชูนโยบายลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ ขยายโอกาส การปฏิรูปในทุกด้านและการคิดใหม่ทำใหม่ การคิดนอกกรอบโดยมีโครงการประชานิยมเป็นเครื่องมือ ที่จริงก็ต้องยอมรับว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นหลายอย่างในสังคมไทย แต่ด้วยกฎเกณฑ์ที่การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐเข้มข้นขึ้น มีการชูหลักนิติธรรม และธรรมาภิบาลชัดเจนขึ้น นโยบายและวิธีการหลายอย่างของรัฐบาลจึงเสี่ยงและถูกจับตาดูด้วยความวิตกกังวลในความชอบด้วยกฎหมายและผลกระทบอันอาจเกิดต่อเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองการปกครองของประเทศในระยะยาว


ในท่ามกลางความผันผวนและสารพันปัญหาที่รุมล้อมเข้ามาตลอด ช่วงเวลาดังกล่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจหลายอย่างเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนทางกายและใจของราษฎร ในต่างจังหวัดนั้นหลายโครงการเริ่มผลิดอกออกผลกลายเป็นความช่วยเหลือด้านแหล่งน้ำ ที่ทำกิน การพัฒนาอาชีพ เพื่อให้ราษฎรลุกขึ้นยืนหยัดช่วยตนเองได้ จากพรุอันเฉอะแฉะดินก็เปรี้ยวกลายเป็นนาข้าว จากไร่ฝิ่นบนดอยกลายเป็นสวนผลไม้ ไร่ชา และสวนครัว จากผืนดินที่แตกระแหงกลายเป็นทางผ่านของระบบชลประทาน

ในกรุงนั้น ปัญหาที่ได้รับการผ่อนคลายมีอาทิการแก้ปัญหาจราจร การตัดหรือขยายถนน การสร้างสะพาน การแก้ปัญหาพลังงานและสิ่งแวดล้อม

ในอดีตเมื่อต้นกรุงเทพฯ นั้น พระเจ้าแผ่นดินทรงทราบปัญหาทุกข์สุขของบ้านเมืองจากการฟังคำกราบบังคมทูลถวายรายงานเวลาเสด็จออกทรงว่าราชการ บางรัชกาลถึงกับเสด็จออกว่าราชการวันละสองครั้ง อีกทางหนึ่งคือทรงทราบจากการที่ต้องเสด็จฯ ไปรบทัพจับศึก ระหว่างเดินทัพย่อมทรงเห็นความเป็นไปของบ้านเมืองและผู้คนได้ว่าสุขทุกข์อย่างไร

มาสมัยรัชกาลที่ 3 ทรงทราบจากการออกขุนนางและการรับฎีกาจากราษฎร สมัยรัชกาลที่ 4 พระองค์เคยผนวชมาถึง 27 ปี จึงทรงรู้เห็นและฟังมามากจากชาวบ้านระดับทายกทายิกา ยังจะทรงคบค้าชาวต่างชาติและทรงอ่านจากหนังสือพิมพ์ต่างประเทศอีก ว่ากันว่าครั้งยังทรงผนวช เวลาเสด็จออกทรงรับบาตรและก่อนหลังทำวัตรเย็นนั่นแหละคือเวลาที่ราษฎรจะร้องทุกข์บ่นเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟัง

รัชกาลที่ 5 ทรงใช้ทุกวิธี ก่อนบรมราชาภิเษกครั้งที่ 2 เสด็จฯไปสิงคโปร์ ชวา อินเดีย หลังบรมราชาภิเษกทรงออกตรวจราชการเอง ยิ่งเมื่อมีมอเตอร์คาร์เข้ามายิ่งเป็นความสะดวกจนได้เสด็จออกไปทอดพระเนตรเห็นความผิดปกติของข้าราชการและความเดือดร้อนของราษฎรในที่ไกล ๆ และใกล้ชิด การเสด็จประพาสต้นตอนปลายรัชกาลและการเสด็จประพาสยุโรป 2 ครั้งเป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้ทรงทราบปัญหาและแนวทางแก้ไข


รัชกาลปัจจุบันไม่ได้ประพาสต้น แต่ประพาสในทุกถิ่นที่ บางครั้งต้องทรงขับรถลุยน้ำฝ่าฝนไปประทับอยู่กับราษฎร กางแผนที่ชี้จุดต่าง ๆ ด้วยกันจนค่ำมืดยุงกัดยุงตอม ต้องจุดโคมหรือส่องไฟฉาย อีกทั้งยังมีผู้กราบบังคมทูลนอกระบบอีกมาก เช่น ผ่านทางฎีการ้องทุกข์และจากที่บรรดาข้าราชบริพารทั้งหลายเล่าถวาย เวลาเสด็จฯต่างจังหวัดราษฎรก็ยังจะได้กราบบังคมทูลถวายรายงานตรงไม่ต้องผ่านใครทั้งยังทรงซักถามได้อีกด้วย ความเจริญทางเทคโนโลยี สื่อมวลชนก็เป็นอีกทางที่ทำให้ทรงทราบเรื่องต่าง ๆ ได้มาก ผมเคยกราบบังคมทูลถามถึงเรื่องหนึ่งว่าทรงทราบได้อย่างไร เพราะรัฐบาลเพิ่งจะถือมาเฝ้าฯ เดี๋ยวนี้

ทรงตอบว่า เมื่อวานตื่นนอนแล้วเปิดวิทยุฟังเขาอภิปรายกันในสภา!


ขณะเดียวกันก็ยังต้องปฏิบัติภารกิจของพระราชาคือการลงพระปรมาภิไธยในกฎหมายปีละนับร้อยฉบับ ทรงวินิจฉัยฎีกานักโทษและฎีกาขอความเป็นธรรมปีละหลายร้อยเรื่อง การพระราชทานปริญญาบัตร เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประดับยศทหาร ตำรวจ การรับผู้มาเฝ้าฯ ปีละหลายร้อยคณะ โดยที่ยังทรงปฏิบัติกิจที่พระมหากษัตริย์ในอดีตทรงถือเป็นกิจอันพึงกระทำมาตลอด รัชกาลนี้จึงทรงดนตรี ทรงพระราชนิพนธ์เพลง ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือ ทรงกีฬา ทรงงานช่าง

แม้แต่การสร้างวัดซึ่งเป็นพระราชประเพณีมานาน นอกจากวัดญาณสังวรารามและวัดพระรามเก้าซึ่งทรงสร้างใหม่ทั้งพระอารามแล้ว น้อยคนที่จะทราบว่าโปรดให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ใช้พระราชทรัพย์ทยอยซ่อมวัดเก่าที่สมเด็จพระบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าเคยสร้างไว้แล้วให้กลับบริบูรณ์งดงามขึ้นแทนการสร้างวัดใหม่จนสำเร็จไปแล้วหลายวัดโดยไม่ใช้งบประมาณแผ่นดินอีกด้วย

หลังบรมราชาภิเษกในปี 2493 ไม่นาน วันหนึ่งเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรพบว่าพระพุทธรูปปูนองค์ใหญ่หนาเตอะเทอะทะที่เชิญมาจากวัดพระยาไกรอันรกร้างลงและนำมาวางไว้กับพื้นในโรงหลังคาพอกันฝนไม่มีใครใส่ใจ แม้ยกให้วัดใดเชิญไปเป็นพระประธานก็ไม่มีใครอยากได้นั้น บัดนั้นปูนกะเทาะจนแตกร้าวเพราะแรงกระเทือนจากการชักลากเคลื่อนย้ายจนเห็นว่าภายใน “พระเป็นทองทั้งองค์อร่ามตา”

เมื่อกะเทาะออกจนได้ชิ้นปูน 9 ชิ้น จึงแน่ชัดว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำสมัยสุโขทัยทั้งองค์ ขนาดใหญ่ หนักประมาณ 5,000 กิโลกรัม หนังสือกินเนสส์บุ๊กลงข่าวว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำองค์ใหญ่ที่สุดในโลก

ประวัติพระพุทธรูปองค์นี้พิสดาร มาจากที่ใด มาได้อย่างไรไม่ปรากฏ น่าจะหล่อสมัยสุโขทัย ผู้สั่งให้หล่อต้องเป็นกษัตริย์ไม่งั้นจะเอาทองมาจากไหน ช่างต้องฝีมือเลิศไม่งั้นจะหล่อได้งามฉะนี้หรือ ต่อมาคงมีผู้หุ้มปูนไว้กันข้าศึกหลอมเอาทองไปใช้ ชาวบ้านนำลงแพล่องลงมาจนถึงบางกอก จึงชักขึ้นไว้ที่วัดพระยาไกรและได้มาอยู่วัดไตรมิตรในที่สุด วัดนี้อยู่หัวถนนเยาวราชย่านร้านทอง พระพุทธรูปก็เป็นทอง นับว่าถูกโฉลกกันดี พระราชทานนามว่า “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร” ลองเทียบกับนามพระแก้วมรกตซึ่งรัชกาลที่ 1 พระราชทานว่า “พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร” มณีรัตน์แปลว่าแก้ว สุวรรณแปลว่าทองคำ นอกนั้นขึ้นต้นและลงท้ายเหมือนกัน


ถ้าพระแก้วมรกตเป็น “สิริ” ของบ้านเมืองดังที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีตรัส และรัชกาลที่ 1 มีพระราชดำริว่าเป็นพระคู่บารมีเพราะทรงเป็นผู้ไปเชิญลงมาจากเวียงจันทน์ จนเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย เป็นต้นเค้าของ ชื่อกรุงว่า “รัตนโกสินทร์” แปลว่าแก้วของพระอินทร์เพราะตามตำนานว่าทำจากแก้วของพระอินทร์ พระพุทธรูปทองคำวัดไตรมิตรซึ่งบัดนี้เชิญขึ้นประดิษฐานในพระมหามณฑปสูงใหญ่งามสง่าเป็นศรีพระนคร น่าจะเป็น “สิริ” ของบ้านเมืองและเป็นพระพุทธรูปคู่พระบารมีของรัชกาลที่ 9 เช่นกัน


ขออานุภาพแห่งพระแก้วมรกต พระพุทธรูปทองคำวัดไตรมิตร ไม่ว่าผู้ใดจะเนรมิตขึ้นก็ตาม และพระสยามเทวาธิราชซึ่งรัชกาลที่ 4 ทรงสร้างขึ้น ตลอดจนอานุภาพแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าในกรุงรัตนโกสินทร์ ดวงวิญญาณแห่งบรรพชนที่ช่วยกันก่อร่างสร้างประเทศ รักษาอธิปไตย ช่วยทะนุบำรุงบ้านเมืองไทยจนเรืองรุ่งมาเป็นลำดับ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือขุนนางหรือไพร่กระยาจก ไม่ว่าเป็นนักรบ ทหารเลว ข้าราชการใหญ่น้อย พ่อค้าวาณิช กรรมกรแบกหาม นักวิชาการ นักการเมือง ชาวไร่ชาวนา ชาวบ้านร้านช่อง และไม่ว่าจะเป็น ชาวไทยหรือชาวต่างประเทศที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารหรือรับราชการจนเป็นบรรพบุรุษต้นเค้าต้นตระกูลต่าง ๆ ของคน 63 ล้านคนสืบมาถึงบัดนี้หลายหมื่นตระกูลวงศ์


จงช่วยปกปักรักษาให้ราชอาณา จักรไทยและกรุงรัตนโกสินทร์ “อมร” และยั่งยืนสืบไป-จบ-

วิษณุ เครืองาม
wis.k@hotmail.com
เดลินิวส์ 9 สิงหาคม 2554
----------------------
ใดที่เกิดขึ้นแล้ววนไปเวียนมาจนกลับมาซ้ำรอยเดิมนั้นเรียกว่า “วัฏจักร” เป็น สิ่งใดที่เกิดขึ้น ..... หรือ ใด ๆที่เกิดขึ้น... หรือ สิ่งที่เกิดขึ้น... หรือเปล่า?1?

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ยิปซีพยากรณ์ วันที่ 7 สิงหาคม 2554

พยากรณ์ระหว่างวันที่ 7-13 ส.ค. 2554

ราศีมังกร (16 ม.ค.-12 ก.พ.)

หลังจากผ่านมรสุมอย่างหนัก ฟ้าเริ่มสดใส “ไพ่ 6 ดาบ” ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ ช่วงกลางลงมาทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง การงานคล่องตัวมากกว่าเดิม การเจรจาประสานงานราบรื่น ช่วงกลางได้ผู้ช่วยคอยสนับสนุน ผ่อนแรงให้หนักเป็นเบา หากมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ให้รีบนำเสนอ จะได้รับการตอบรับและได้รับคำชมจากผู้ใหญ่  การเงินงอกงาม สิ่งที่ลงทุนไปออกดอกออกผล มีโชคลาภจากอสังหาริม ทรัพย์ ขายที่ดิน ทำคอนโด ช่วงกลางเหมาะในการเสี่ยงโชค ความรักคนโสดจังหวะเหมาะได้พบรักคนถูกใจในการเดินทาง หรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ส่วนคนมีแฟนแล้วหันมาปรองดอง เข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น รักมีความสุขหวานชื่น

   
ราศีกุมภ์ (13 ก.พ.-13 มี.ค.)

กระตือรือร้นในการออกนอกกรอบ ไม่ชอบทำอะไรจำเจ อยากผจญภัยหาสิ่งแปลกใหม่ มีดวงเดินทางไกล เปลี่ยนที่อยู่ เปลี่ยนงาน  การงานรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ ต้องการความก้าวหน้า พัฒนาศักยภาพของตัวเองให้เพิ่มมากขึ้น ช่วงปลายได้รับโอกาส มีข้อเสนอสำหรับงานใหม่ งานเสริม การเงินไปได้สวยกับสิ่งที่ลงทุนเอาไว้ ช่วงกลางได้ลาภจากการเดินทาง หรือคนที่มาจากที่ไกลจะนำข่าวดีมาให้ ช่วงปลายเหมาะกับการเสี่ยงโชค เก็งกำไร “ไพ่ เดอะ เฮอร์มิท” ความรักอยู่ใกล้เหมือนอยู่ห่างไกล มีเรื่องค้างคาในใจ บ่อยครั้งจึงรู้สึกเหงา พยายามหาเวลาคุยกัน รักจะหวานชื่น ส่วนคนโสดยิ่งหาก็เหมือนยิ่งอยู่ไกลออกไป อยู่เฉย ๆ จะมีคนเข้ามาเอง ช่วงนี้จะมีอายุมากกว่ามาคบหา
   
ราศีมีน (14 มี.ค.-12 เม.ย.)

เจอปัญหาหนักชนจัง ๆ ต้องตั้งสติให้ดี จะเดินทางไปไหนทำอะไรให้ระวังอุบัติเหตุ ดวงการเดินทางไม่ค่อยดี “ไพ่ อัศวินดาบ” การงานสะดุด ทำงานผิดพลาดถูกตำหนิบ่อย ถ้าต้องรับผิดชอบงานใหญ่ต้องไม่ลืมเรื่องเล็กน้อย ช่วงนี้อาศัยผลงานที่ผ่านมาทำให้เอาตัวรอดได้ทุกครั้ง ผู้ใหญ่ยังให้ความเชื่อมั่น แต่ก็ต้องพยายามแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น การเงินสภาพคล่องลดลง หมดเงินไปกับการซ่อมแซมรถ ที่พัก และเครื่องใช้ไฟฟ้า อย่าไปรับปากใครสุ่มสี่สุ่มห้าจะเดือดร้อนเสียเอง ความรักเอาแน่นอนไม่ได้ คนที่ดูเหมือนไม่สนใจไยดีกลับเป็นห่วงเป็นใย ยามตกทุกข์ได้ยาก ส่วนคนที่เหมือนดีกลับหนีหายไป คนโสดหาเท่าไรก็ยังไม่เจอ คนที่เข้ามายังไม่ถูกอกถูกใจ
   
ราศีเมษ (13 เม.ย.-13 พ.ค.)

สุขภาพไม่ค่อยเอื้ออำนวย จะคิดทำอะไรอย่าทำเกินตัว ช่วงปลายอยู่ไม่ติดที่ มีดวงเดินทางบ่อย เงินทองเข้าออก ได้มือซ้ายจ่ายมือขวา เก็บไม่อยู่  การงานช่วงต้นงานหนักเหนื่อย ต้องลุยเองตลอด พยายามหาเวลาเข้าปรึกษาผู้ใหญ่จะได้รับการช่วยเหลือ หากมีงานสำคัญ การนัดหมายเจรจาช่วงเวลาที่ดีที่สุด คือ ช่วงกลาง หากเลยไปแล้วจะยืดเยื้อ ผัดวันประกันพรุ่งอยู่ร่ำไป การเงินขึ้น ๆ ลง ๆ ช่วงต้นหมดเงินไปกับค่ายา ค่ารักษา ระวังทำของมีค่าสูญหาย พอมีลาภจากผู้ใหญ่ “ไพ่ เทมเพอแรนซ์” ความรักคนโสดผ่านมาผ่านไป ยังไม่ติดใจอะไร คนที่มีอิทธิพลกับคุณ คือ คนที่อายุมากกว่า ส่วนคนมีแฟนแล้วแง่งอนน้อยใจไปตามเรื่อง ต้องแบ่งเวลาให้กันและกันมากขึ้น
   
ราศีพฤษภ (14 พ.ค.-13 มิ.ย.)

วางแผนไว้ดิบดี แต่พอสุดท้ายกลับคว้าน้ำเหลว หากมีโครงการไว้ในใจต้องรัดกุมในการลงมือ อย่าไว้วางใจใครจนเกินไป มีดวงถูกหักหลัง ถูกขโมยซีนได้ การงานไหวพริบปฏิภาณดี เอาตัวรอดได้ ช่วงกลางมีคนติดอกติดใจผลงาน ได้รับข้อเสนอ ได้รับโอกาส แต่ต้องระวังเรื่องพันธะสัญญา อาจถูกโกง ถูกเอาเปรียบ ต้องรอบคอบให้มากที่สุด การเงินรู้ค่าของเงินมากขึ้น เก็บหอมรอมริบเองได้ดี แต่ต้องระวังคนมาย่องเบา ฉกฉวยผลประโยชน์ที่จะเป็นของคุณไป “ไพ่ 10 ดาบ” ความรักมีแนวโน้มอกหักรักคุดสูง อย่าพลั้งปากพูดอะไรตามอารมณ์จะต้องมานั่งเสียใจภายหลัง  คนโสดไร้วี่แวว เน้นหนักไปในการทำงานจะได้ไม่ทำให้คิดมาก มีดวงเจอคนถูกใจจากงานแต่ไม่คืบหน้า
   
ราศีเมถุน (14 มิ.ย.-14 ก.ค.)

มนุษยสัมพันธ์ดีอันดับหนึ่ง ใครต่อใครก็อยากคบหา มีมิตรภาพที่ดี ช่วยเหลือเกื้อกูลไม่ผิดหวัง การมีเพื่อนฝูงทำให้ทางสะดวก การงานมีผลงานเน้น ๆ เด่น ๆ ได้รับคำชมจากผู้ใหญ่ เพื่อนฝูงรักกันผิดหูผิดตา โดยเฉพาะบริวารทำตัวดีจนน่าแปลกใจ ทำให้ธุรกิจก้าวหน้า ช่วงปลายผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน ได้รับการโปรโมชั่น งานสำเร็จ การเงินกำลังคันไม้คันมือ อยากลงทุน อยากเอาเงินเก็บมาใช้จ่าย สภาพคล่องยังดีไม่มีตก มีดอกผลจากสิ่งที่ลงทุน คนอายุมากกว่าจะชี้ทาง นำโชคมาให้ “ไพ่ เดอะ เอมเพอเร่อร์” ความรักสุขสมหวัง คนโสดได้เจอคนถูกใจทั้งเด็กกว่า แก่กว่า ชอบแบบไหนลองเลือกดู ส่วนคนมีแฟนจดจ้องกันมานาน ถึงเวลาเข้าเรือนหอเสียที
   
ราศีกรกฎ (15 ก.ค.-16 ส.ค.)

ในหัวมีแต่เรื่องของงาน อาจเป็นเพราะช่วงนี้เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่คุณต้องคิดต้องตัดสินใจ “ไพ่ 10 คทา” การงานล้นมือ ต้องรับผิดชอบงานมากขึ้น มักต้องเป็นคนกลางคอยตัดสินปัญหา น่าลำบากใจ แต่สุดท้ายจะผ่านไปได้ด้วยความเชื่อมั่น ช่วงปลายระวังเรื่องความขัดแย้ง อาจไปขัดหูขัดตาผู้ใหญ่ อย่าใจร้อน ใช้ความอ่อนโยนจะทำให้คุณสามารถชนะได้ การเงินหาเงินเก่ง แต่ไม่ค่อยได้ใช้เอง ส่วนใหญ่มีแต่คนมาเบียดเบียน ขอหยิบยืม พยายามอย่าเปิดช่องโหว่ เพราะคุณปฏิเสธไม่เก่ง ความรักรู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง ต้องปรับนั่นเปลี่ยนนี่ เพื่อให้ถูกใจคนรัก ช่วงปลายจะมีปากเสียง ส่วนคนโสดมีคนมาชอบแต่กลับทำให้คุณรู้สึกอึดอัด
   
ราศีสิงห์ (17 ส.ค.-16 ก.ย.)

ดวงเรื่องเงินไม่ค่อยดี มีสะดุดตลอด ช่วงนี้งานเข้าเยอะ แต่มักจะได้หน้าไม่ค่อยได้เงิน ต้องเพลา ๆ ชื่อเสียง เน้นงานผลตอบแทนให้มากขึ้นจะดีกว่า “ไพ่ 3 คทา” การงานกำลังรุ่งพุ่งแรง ได้รับการยอมรับจากหลายฝ่าย ความสามารถท่วมท้น แต่มักจะตายเพราะคำเยินยอ งานขยับขยาย ผู้ใหญ่ให้ความไว้วางใจ แต่ต้องดูเรื่องสัญญาผลตอบแทนให้ดี อาจถูกเอาเปรียบบิดพลิ้ว  การเงินย่ำแย่ หมุนเงินตัวเป็นเกลียว อะไรที่ไม่จำเป็นคงต้องผลัดไปก่อน ห้ามทำตัวหน้าใหญ่ใจโตจะเดือดร้อน  ความรักคนโสดได้แต่แอบรักแอบชอบ ความสัมพันธ์ไม่ค่อยคืบหน้า ต้องให้ผู้ใหญ่เข้ามาช่วย ส่วนคนมีแฟนแล้วชอบเอาเรื่องเล็กน้อยมาคิดมาก ทำให้น้อยอกน้อยใจไปเอง
   
ราศีกันย์ (17 ก.ย.-16 ต.ค.)


ให้คำปรึกษาคนอื่นได้ แต่พอเรื่องตัวเองความคิดมันซับซ้อนสับสนจนตัดสินใจไม่ถูก “ไพ่ 5 คทา” การงานน่าเป็นห่วง ช่วงนี้มุทะลุใจร้อนทำให้เกิดความขัดแย้งทั้งหัวหน้า และเพื่อนร่วมงานได้ง่าย รอให้ใจเย็นค่อยคุยกันต่อจะดีกว่า ช่วงกลางหัวสมองโล่งมีความคิดดี ๆ ได้รับการยอมรับ ได้หน้ามีชื่อเสียง เหมาะกับงานที่ปรึกษา งานบริการ การเงินหาเงินเก่ง ทำให้สภาพคล่องดี จะมีบู๊บ้างก็เรื่องของการต่อรองเรื่องผลประโยชน์ มีแววการขัดแย้งเกี่ยวกับผลตอบแทน ความรักคนโสดได้เวลาลงจากคานเสียที ได้พบคนถูกใจ มีการสานความสัมพันธ์ที่ดี ต้องพยายามต่อให้ติด ส่วนคนมีแฟนแล้วช่วงต้นอาจมีถกเถียงกันบ้าง แต่สุดท้ายก็กลับมาหวานชื่นเหมือนเดิม
   
ราศีตุลย์ (17 ต.ค.-16 พ.ย.)

ชอบค้นหาความแปลกใหม่มาทำอยู่เสมอ ต่อมความคิดสร้างสรรค์กำลังทำงาน สัมผัสที่หกกำลังแรงกล้า ให้เชื่อในความรู้สึกของตัวเอง  การงานเฉลียวฉลาด เรียนรู้ไว ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ได้รับคำชมจากผู้ใหญ่ มีดวงได้ทำงานเสริม ได้ลองในสิ่งที่ไม่เคยทำ ดูท้าท้ายแต่ไม่เกินความสามารถ “ไพ่ 7 เหรียญ” การเงินอยู่ไม่นิ่ง ความอยากไม่มีหยุดหย่อน อยากได้นั่นอยากได้นี่ ทำให้ต้องเอาเงินเก็บออกมาใช้จ่าย แต่สภาพคล่องดีไม่น่าเป็นห่วง  ความรักได้เจออะไรแปลกใหม่มากระตุ้นความรู้สึก คนโสดไม่เสียหาย มีอิสระเต็มที่ แต่ถ้ามีแฟนแล้วต้องระวังกิเลสตัณหาที่เข้ามายั่วยวน อาจทำให้ผิดใจกับคนรัก
   
ราศีพิจิก (17 พ.ย.-15 ธ.ค.)


ขวนขวายกระตือรือร้นที่จะพัฒนาตัวเอง อยากเด่น อยากเก่งกว่าคนอื่น ซึ่งเป็นจุดดีสำหรับคุณ  “ไพ่ ราชาคทา” การงานก้าวหน้า ได้รับการยอมรับมากขึ้น ช่วงนี้หากคิดเปลี่ยนงาน จะได้งานที่ดีกว่าเดิม หรืออาจได้รับข้อเสนอในตำแหน่งใหม่ ถึงแม้จะไม่เคยลองมาก่อน แต่ผลตอบแทนของมันก็คุ้มค่าเหนื่อย งานเดิมจะพบปัญหาในจุดเดิม ๆ ทำให้เบื่อหน่าย การเงินมี ดวงใช้จ่ายในการลงทุน จึงต้องรอผลตอบแทนที่จะได้กลับคืนมาบ้าง ช่วงปลายมีลาภจากคนไกล และคนอายุมากกว่า ความรักโหยหา อยากเจออยากมีกับเขาบ้าง แต่คนที่มีแล้วกลับรู้สึกเคว้งคว้าง ไม่พอใจกับสิ่งที่มีอยู่ มีดวงห่างไกลคนรัก หรือเลิกรากันโดยความต้องการของตัวคุณ เพราะเข้ากันไม่ได้
   
ราศีธนู (16 ธ.ค.-15 ม.ค.)

ช่วงต้นหนักใจกับสิ่งที่ต้องเจอ ให้ใช้ความกล้าและเชื่อมั่นตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ปัญหาที่คาราคาซังจะหมดไป การงานได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนฝูง และได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ งานหนักจึงกลายเป็นเบา ช่วงนี้ปัญหาน้อยใหญ่ถ้ามาเจอคุณเป็นต้องแก้ไขได้สำเร็จ ได้รับความเชื่อมั่นกลับคืน “ไพ่ อัศวินเหรียญ” การเงินค่อย ๆ เก็บวันละนิดวันละหน่อย ทำให้มีเงินเป็นกอบเป็นกำ ยังไม่รู้จะลงทุนกับสิ่งไหนก็ไม่ต้องใจร้อน รอไปก่อนจนกว่าจะพบสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจ  ความรักเฮฮา เลี้ยงฉลอง คนรักเอาใจสารพัด เป็นช่วงโปรโมชั่น อยากได้อะไรให้รีบขอจะได้สมใจ ส่วนคนโสดลืมเรื่องเหงา เพราะมีเพื่อนฝูงคอยอยู่ไม่ห่างกาย จะได้คู่ก็เพราะเพื่อนเป็นพ่อสื่อแม่ชักนี่เอง.

อ.คฑา ชินบัญชร

วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อินเลิฟ“ซานโตรินี”

ให้อมอะโครโพลิสมาพูดก็แทบไม่อยากเชื่อว่า นี่คือเมืองที่ผ่านการถูกเขย่ามาอย่างรุนแรงเมื่อ 50 กว่าปีที่ผ่านมานี่เอง เพราะภาพบ้านเรือนที่เลื้อยไล่ไปตามระเบียงผาที่อยู่ตรงหน้า แทบไม่เหลือริ้วรอยการถูกภัยธรรมชาติระรานเลยด้วยซ้ำ


หมู่บ้านเอีย (Oia) แห่งเกาะซานโตรินี (Santorini) ประเทศกรีซ ยังคงงดงามราวกับภาพวาด แรกเห็นซานโตรินีเมื่อ 2 ปีก่อน ได้แต่ยืนอ้าปากค้างกับความสวย โมงยามเคลื่อนไปก็ยังผุดลุกผุดนั่งบนเรืออย่างคนคิดถึงกันตั้งแต่เฟอร์รี่ตีโค้งให้เห็นเหลี่ยมแรกของเกาะ


นี่ถ้าไม่รักกันจริง มีหรือจะดั้นด้นกลับมาหาอีก เกาะซานโตรินีก็ใช่ว่าจะไปมาหาสู่กันง่ายๆ เหมือนเกาะเสม็ดเสียเมื่อไหร่ นี่ยังดี เที่ยวนี้สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ (0-22310300-7) ยอมให้เกาะเรือบินไปลงที่เอเธนส์ พอถึงที่นั่น คราวนี้ใครจะลงเรือหรือนั่งเรือบินก็ขึ้นอยู่กับความหนักเบาของกระเป๋าสตางค์และตัวเลขวันพักผ่อนของแต่ละคน เพราะถ้าเลือกนั่งเรือก็ต้องสละเวลาเกือบทั้งวันอุทิศให้แก่การเดินเรือ แต่ถ้าเลือกนั่งเรือบินใช้เวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมง ก็ต้องสละเงินหลายพันอุทิศให้เจ้าของสายการบิน

แต่ไม่ว่าใครจะไปหาเกาะซานโตรินีด้วยวิธีไหน ขอให้รู้ว่า ในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมเป็นเดือนที่ยุโรปมีราคาแพง ซานโตรินีเองก็เช่นกัน ถ้าไม่จับจองที่พักไปก่อนอาจไม่มีที่ให้เอนหลัง ฉันเองถึงจะไปในช่วงต้นฤดูร้อน แต่ก็ไม่ประมาท คลิกเข้าไปจับจองห้องพักกับเว็บไซต์อโกดา(www.agoda.co.th) ให้เรียบร้อยก่อน เพราะเคยผิดพลาดเรื่องหาที่พักเมื่อคราวมาครั้งก่อน คราวนี้ไม่ประมาท เลือกพักย่านฟิร่าที่อยู่ใจกลางเกาะไปเลย ปักหลักที่นั่น แล้วจะไปเที่ยวไหนค่อยว่ากัน


เที่ยวนี้ พักฟิร่า แต่ใจพุ่งไปหาหมู่บ้านเอีย ไม่ใช่เพราะเอียเป็นหนึ่งในมุมดูพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในโลก แต่ทุกมุมของเอียชวนให้คิดถึงอยู่บ่อยๆ ซอกซอยของเอียราวกับมีมนต์ เหนี่ยวให้ทุกคนเดินผลุบเข้าออกได้เป็นวักเป็นเวร


เอียมีบ้านสีละมุนตาคอยหลอกล่อให้ทุกคนบันทึกเข้าเมมโมรี่การ์ด มีอาร์ตแกลเลอรี่ที่อวดผลงานศิลปะงามๆกระจายอยู่ทั่วหมู่บ้าน มีเสื้อผ้าเก๋ๆ ในแบบสาวชาวเกาะขายอยู่เต็มไปหมด  ความจริงไม่ต้องช็อปอะไร แค่เดินสอดส่องดูการแต่งร้านของที่นี่ก็คุ้มแล้ว หรือถ้าไม่อยากเสียเงิน จะหาคาเฟ่เหมาะๆ แล้วนั่งแฮงก์เอาท์จิบวิว แค่นี้ก็อิ่มได้เหมือนกัน


อย่างคนมีเวลาให้ซานโตรินีเหลือเฟือ เที่ยวนี้เลยไม่ยอมพลาดเลยสักซอย เรียกว่าซอกเล็กซอยน้อยแค่ไหนก็ต้องผลุบเข้าไปดู แล้วก็พบว่า ต่อให้ตรอกนั้นแคบและเปลี่ยวแค่ไหนก็มีความสวยความน่ารักรออยู่ที่ปลายทาง บางซอยดูวิเวกเชียว พอเดินเข้าไปถึงได้เห็นว่า มีหลังคาโบสถ์สีฟ้าเข้มเป็นฉากสวยๆ


โบสถ์สีขาวที่ยอดโบสถ์คลุมด้วยโดมสีฟ้า มีระฆังประดับความงาม เมื่อถูกตัดด้วยสีครามของฟ้ามีริ้วของผืนน้ำเป็นฉากหลัง ช็อตแบบนี้จึงถูกนักท่องเที่ยวจับเข้าเฟรมกันทุกคน ดูเหมือนเอียยังฮอตไม่เลิก วันนี้เดินสวนกับคู่บ่าวสาวที่มาถ่ายรูปกันหลายคู่แล้ว ยังไม่รู้ว่าช่วงรอดูดวงตะวันหล่นใส่ ทะเลอีเจียน จะมีใครมานั่งคุกเข่าขอแต่งงานอีกหรือเปล่า เที่ยวก่อนเจอมาแล้ว เพราะโรแมนติกเกินห้ามใจ หนุ่มเลยขอแต่งงานกับแฟนสาว โดยมีทะเลอีเจียนและนักท่องเที่ยวนับร้อยเป็นพยานรักบนป้อมชมวิว ฉันหวนกลับไปยืนปักหลักบนป้อมปราการแห่งนี้อีกครั้ง โดยหวังว่าจะได้เห็นภาพหวานๆ ที่น่าจดจำแบบนั้นอีก


เป็นแบบนี้ทุกวัน เมื่อจวนได้เวลาพระอาทิตย์ตก กองทัพนักท่องเที่ยวที่กระจายตัวอยู่บนเกาะซานโตรินี จะพากันแห่แหนมายืนออกระจุกตัวกันตรงป้อมชมวิวริมชายขอบหมู่บ้านเอีย เสียงชัตเตอร์รัวใส่ทะเลไม่ยั้งมือ ราวกับว่ามีซูเปอร์โมเดลยืนโพสท่าอยู่ตรงหน้า ยิ่งใกล้ชุดฟินาเล่ ดูเหมือนบรรดาช่างภาพจากทั่วมุมโลกก็พากันลั่นชัตเตอร์ชนิดหูดับตับไหม้



ถึงแม้วันนี้อากาศออกจะขมุกขมัวเล็กน้อย แต่นักท่องเที่ยวยังเฝ้ารอดูการทำหน้าที่ในวินาทีสุดท้ายของดวงตะวัน แสงสีส้มอมชมพูระเรื่อทาบทาไปทั่วผืนน้ำ บ้านขั้นบันไดที่เคยเห็นสีขาวนวลตา ยามนี้ถูกอาบไว้ด้วยสีละมุน เป็นฉากที่เหมือนภาพวาด กังหันโบราณโรยยิ้มใส่ทะเลอีเจียน บนดวงหน้าของผู้คนอาบความสุข ความโรแมนติกแผ่คลุมไปทั่วเกาะ เพราะแบบนี้ใครๆ ก็หลงรักซานโตรินี

แล้ว "ซานโตรินี" ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า บ้านของความโรแมนติกอยู่ที่นี่ มันไม่เคยย้ายที่พำนัก เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร

โดยกาญจนา หงษ์ทอง
เที่ยวนี้ขอเล่า @คมชัดลึก
วันที่ 7 สิงหาคม 2554