หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ศรีอยุธยา (11)

ปี 2301 อยุธยาตั้งมาแล้ว 408 ปี มีพระมหากษัตริย์ปกครอง 32 พระองค์ ปีนั้นได้พระเจ้าอยู่หัวอุทุมพรเป็นพระองค์ที่ 33 อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็สละราชสมบัติให้พี่ชายคือพระเจ้าเอกทัศเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 34 ไม่มีใครรู้เลยว่าอีก 9 ปี พระนครอันรุ่งเรืองอย่างที่นักเดินเรือยุโรปบรรยายไว้เมื่อ 200 ปีก่อนหน้านั้นว่า “เจริญที่สุดในทวีปเอเชีย และยิ่งใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่งในโลก” จะล่มสลายย่อยยับอัปราชัย

ปรากฏการณ์นี้ยิ่งกว่าฟองสบู่แตกนับร้อยเท่า เพราะถึงขนาดสูญบ้านเสียเมืองเชียวแหละพี่น้องเอ๋ย!

คนที่เรียนประวัติศาสตร์ไทยต้องรู้จักประวัติศาสตร์ประเทศ เพื่อนบ้าน ไว้ด้วย ด้านหนึ่งต้องเข้าใจว่าเราทั้งหลายเป็นสังคมเครือญาติกัน ไม่เกี่ยวกันทางโน้นก็ดองกันทางนี้ พรมแดน ประชิดติดกัน ราษฎรไปมาหาสู่กัน สิ่งที่ไปมากับกองเกวียนไม่ได้มีแค่สินค้าปลากรอบเท่านั้น หากยังมีศิลปวัฒนธรรมรำฟ้อนละครโขนและดนตรีติดมาด้วย แม้กระทั่งภาษา ขนบธรรมเนียม ความเชื่อและแนวคิดต่าง ๆ ดังที่เราได้ ภาษา เขมร พม่า มลายู และสูตรอาหารเขมร ลาว ญวน พม่า มลายูเข้ามามาก ลาวเขมรก็ได้ไปจากไทยมาก


เรื่องระบำรำฟ้อนละครโขน ที่เกี่ยงกันอยู่ก็เหมือนกัน เขมรเจริญมาก่อน รูปปั้นแกะสลักท่านางอัปสร ตามปราสาทหินเขมรน่าจะแสดงว่าเขามีมาก่อน แต่พออิมพอร์ตเข้ามาสู่อยุธยาก็มีการดัดแปลงจนเปลี่ยนไป เช่น อ่อนช้อย ขึ้น ประณีต ขึ้นไม่ตวัดชายผ้านุ่งยกขาฉับ ๆ อย่าง พม่า ไม่ยักไหล่กางแขนอย่าง เขมร จะเป็นของเราแท้หน่อยก็บทละคร เช่น ขุนช้างขุนแผน พระอภัยมณี แต่ถ้าเป็นอิเหนาก็ได้เค้ามาจากชวา “ครั้งกรุงเก่าเจ้าสตรีเธอนิพนธ์” รามเกียรติ์ก็เป็นของสากล พระราม พระลักษมณ์ ทศกัณฐ์ หนุมานล้วนมาจาก คัมภีร์ แขกเล่มเดียวกัน

ท่ารำที่เราดัดแปลงแล้วย่อมเป็นของเรา จะว่าเป็นของต่างชาติก็ไม่ถูก รวมความคือเขาก็ขึ้นทะเบียนตามแบบของเขาไป เราก็ขึ้นทะเบียนตามแบบของเรา สมัยอยุธยา พม่าตีกรุงแตก 2 ครั้งก็กวาดต้อนเชลยไปคงได้ครูละครหลวงจากอยุธยาไปบ้างล่ะน่า! ผมเคยไปดูโชว์ที่โรงแรมของคุณพันธ์เลิศ ใบหยก ในย่างกุ้ง เขาเรียก “ระบำโยเดีย” คล้าย ๆ รำอวยพรของไทย แต่พอยกขาตวัดชายผ้าพึ่บพั่บก็รู้ว่า “อ้อ! แปลงสัญชาติแล้ว”

สมัยผมเป็นรองนายกฯ เคยไปประชุมรัฐมนตรีข่าวสารที่ พนมเปญ ตกค่ำ นายพลเตีย บันห์ มาเป็นเจ้าภาพเลี้ยง มี มโหรี และรำโชว์ ท่านเตีย บันห์ ชี้ให้ดูเครื่องดนตรีแล้วอธิบายว่าชิ้นโน้นเป็นไม้นวม ชิ้นนี้เป็นไม้แข็ง กลองนั้นเรียกว่ามโหระทึกเป็นของขอม ไทยมาตีเขมรได้ก็เอาท่ารำไปดัดแปลง สมัยรัชกาลที่ 5 ครูละครของไทยหนีมาเขมรได้เป็นหม่อมพระเจ้ากรุงพนมเปญชื่อ หม่อมฉวีวาด ท่านเป็นครูสอนดนตรีและท่ารำไทยให้เขมร อะไรที่ดูเป็นไทยเกินไปท่านก็แปลงให้เป็นเขมร อะไรเคยเป็นของเขมรมาก่อนท่านก็สอนให้กลับไปรำแบบเก่า ของมาจากที่ไหน เราก็แปลงให้เข้ากับเราหมด ว่าแล้วก็ชี้ให้ดูสเต๊กบนโต๊ะกระซิบว่า “เหมือนสเต๊กอร่อยยังไงก็ต้องจิ้มแจ่ว!”

อีกด้านหนึ่งที่เราต้องรู้จักประวัติศาสตร์เพื่อนบ้านคือ บางเรื่องอาจเป็นเหตุเป็นผลมากระทบกับเรา ถ้า เวียงจันทน์ ไม่เกิดขบถเราก็ไม่ไปปราบ ป่านนี้ พระแก้วมรกต อาจยังอยู่ที่เวียงจันทน์หรือไม่ก็ที่ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในฝรั่งเศส พนมเปญถ้าไม่รบกันเอง สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ก็คงไม่ต้องส่ง สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ออกไปปราบจนข้างหลังทางนี้เกิดขบถพระยาสรรค์ขึ้น พม่าเองก็เถิดถ้าไม่รบกับมอญ บางทีเราอาจไม่ต้องเสียกรุง!

ได้กล่าวแล้วว่าที่เรียก พม่าหรือที่ฝรั่งเรียกเบอร์มา วันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น เมียนมาร์ นั้น เดิมทีเป็นหลายอาณาจักรไม่ขึ้นแก่กัน พม่าแท้ตั้งเมืองหลวงอยู่ที่ กรุงอังวะ พม่าสายไทยใหญ่แยกมาตั้งตนเป็นใหญ่ที่เมือง ตองอู มอญ อยู่ทางใต้ตั้งเมืองหลวงอยู่ที่ กรุงหงสาวดี (วันนี้เรียกว่าบากัน) สามพวกนี้รบกันเองเป็นประจำ กลางสมัยอยุธยาราวรัชกาลสมเด็จพระไชยราชาธิราชจนถึงสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระเจ้าตะเบงชะเวตี้กษัตริย์ตองอูและญาติคือบุเรงนองตีหงสาวดีและกรุงอังวะได้ พม่าไทยใหญ่จึงรวมกับพม่าเดิมและมอญเป็นมหาอาณาจักรเดียวกัน แต่เมืองหลวงยังอยู่หงสาวดี

ลูกพระเจ้าบุเรงนองคือพระเจ้านันทบุเรงเคยยกทัพไปตีอังวะซึ่งเป็นขบถแต่ไม่ชนะ ภายหลังกษัตริย์พม่าแท้แห่งกรุงอังวะได้ตั้งตนเป็นใหญ่ชื่อพระเจ้าสีหสุธรรมราชายกทัพไปตีเมืองเล็กเมืองน้อยจนรวมอาณาจักรพม่าได้แทบทั้งหมด และมีอังวะเป็นศูนย์กลาง

ถึงรัชกาลสมเด็จพระเจ้าบรมโกศของไทย กษัตริย์พม่ายกทัพไปตีมอญหงสาวดีซึ่งยังแยกตัวเป็นอิสระอยู่ แต่หงสาวดีชนะ มอญกลับผงาดได้อีกครั้งสามารถยกไปตีอาณาจักรพม่าได้ เก่งไหมล่ะ! แต่เพียง 3 ปีต่อมา กำนันบ้านมุตโชโบ ชื่ออองใจยะ เชื้อสายพม่าชาวอังวะสามารถรวบรวมผู้คนได้ขับไล่มอญออกจากอังวะตีลงมาจนถึงตองอู และหงสาวดี รวบรวมพม่ากลับเป็นมหาอาณาจักรหนึ่งเดียวอีกครั้ง สถาปนาตนเองเป็นพระเจ้าอลองมินตยาคยี คนทั้งปวงเรียกว่าพระเจ้าอลองพญา ตั้งเมืองหลวงที่บ้านมุตโชโบ (เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองรัตนสิงค์)

เมื่อพระเจ้าเอกทัศขึ้นครองอยุธยานั้น มอญมิได้เป็นประเทศอีกต่อไปจนถึงวันนี้ พระเจ้าอลองพญาซึ่งพม่านับถือว่าเป็นมหาราชเท่ากับพระเจ้าบุเรงนอง และพระเจ้าสีหสุธรรมราชายังไล่ตามราวีพวกมอญจนหนีเข้ามาอยู่ในอยุธยาเป็นอันมากเป็นต้นตระกูลชาวไทยเชื้อสายมอญมาจนบัดนี้ ข้าวแช่กะละแมปี่พาทย์มอญก็คงเข้ามาด้วยตอนนั้น!

ทัพพม่ายกไปตีทวาย มะริด ตะนาวศรี ซึ่งเป็นชุมชนมอญแต่เป็นของไทย ครั้นไม่เห็นไทยตอบโต้ เท่านี้พระเจ้าอลองพญาก็ประเมินกำลังได้แล้วว่าอยุธยาใจเสาะ จึงยกทัพเข้ามาทางด่านสิงขรแถวประจวบคีรีขันธ์ ฝ่ายกรุงศรีอยุธยากลับไปฟังข่าวกรองสันติบาลสมัยนั้นว่าพม่าเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์เมืองกาญจน์และด่านแม่ละเมาเมืองตากจึงไปตั้งทัพดักรออยู่ที่โน่น! นี่เรียกว่ายุทธการลับ ลวง พรางของพม่า

พระเจ้าอลองพญานำทัพผ่านราชบุรีเข้ามาจนถึงชานกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าเอกทัศเห็นจวนตัวจึงขอให้พระเจ้าอุทุมพรที่ผนวชอยู่สึกมาว่าราชการช่วยรบทีเถิด เสร็จแล้วจะคืนราชสมบัติให้ ถึงตอนนี้ต้องบอกว่าสมเด็จพระเจ้าบรมโกศท่านมีวิสัยทัศน์ดีแท้ มองลูกชายท่านไม่ผิดเลยว่าเจ้าฟ้าองค์นี้รักษาบ้านเมืองไว้ไม่ได้

พระเจ้าอุทุมพร เป็นผู้นำที่เก่ง พอสึกมามีอำนาจก็สั่งจับขุนนางที่สอพลอยุแหย่ให้คนแตกแยก และสั่งปล่อยขุนนางผู้ใหญ่ที่ต้องโทษถูกจำคุกอย่างไม่เป็นธรรมตามแผนปรองดอง แก้ไขไม่แก้แค้น จะเรียกว่า “คืนความเป็นธรรม” ก็ทันสมัยดี แล้วตั้งนักโทษที่ถูกปล่อยตัวมาเป็นแม่ทัพไปรบกับพม่าแต่พวกนี้ถูกพม่าฆ่าตายหมด พม่าเข้าล้อมกรุงอยู่ข้างนอกได้ในปี 2303 จนถึงขนาดยิงปืนจากวัดกษัตราข้ามแม่น้ำไปตกในเมือง อีกทัพมาตั้งปืนใหญ่หน้าวัดหน้าพระเมรุหันปากกระบอกระดมยิงพระราชวังถูก ยอดพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ หักลง

นี่เองที่ว่าเหตุใดวัดหน้าพระเมรุเป็นวัดเดียวที่ไม่ถูกทำลายในสงคราม คำตอบคือพม่ายิงจากหน้าวัดข้ามไปอีกฟาก ครูเคยพานักเรียนไปดูวัดนี้หรือยัง!

พระพุทธรูปวัดหน้าพระเมรุคงศักดิ์ สิทธิ์เอาการ พระเจ้าอลองพญา เห็นว่ายอดปราสาทหักเป็นลางร้ายของอยุธยา จึงทรงจุดชนวนปืนใหญ่จะยิงซ้ำอีกลูกกะถล่มพระมหาปราสาทที่ประทับ แต่ปืนใหญ่แตกพระเจ้าอลองพญาบาดเจ็บ พม่าเลิกทัพทันทีแล้วรีบยกทัพกลับทางด่านแม่ละเมา ยังไม่ทันพ้นเมืองตากพระเจ้าอลองพญาสิ้นพระชนม์ (พงศาวดารพม่าบันทึกว่าพระเจ้าอลองพญาไม่ได้ถูกระเบิด แต่เป็นโรคบิดต้องรีบกลับ) เป็นอันว่ายกนี้อยุธยายังไม่แตก!

อยุธยา รู้ว่าแม่ทัพพม่าเจ็บจนหนีกลับไม่เป็นกระบวนก็ยังไม่กล้าสั่งให้ทหารตามไป ทางพม่า มังลอกพระราชโอรสองค์ใหญ่ได้ครองราชย์เป็นพระเจ้าบวรมหาธรรมราชา แต่ปกปิดไม่ให้คนรู้ว่าต้นราชวงศ์อลองพญาสวรรคตแล้ว กลับเเช่พระศพด้วยสมุนไพรห่อผ้าขาวยกขึ้นตั้งเหนือพระแท่น ปิดม่านไว้บาง ๆ แล้วให้มังลอกว่าราชการแทน ราว 4 ปีต่อมามังลอกสิ้นพระชนม์ มังระพระอนุชาที่เคยร่วมทัพกับพระเจ้าอลองพญาผู้เป็นพระชนกมาล้อมกรุงก็ขึ้นเป็นรัชกาลที่ 3 ชื่อพระเจ้าสิริสุธรรมมหาราชาธิบดี

ทางอยุธยา พระเจ้าอุทุมพรขึ้นไปเฝ้าพระเจ้าเอกทัศเพื่อทวงราชสมบัติก็เห็นพระเจ้าพี่วางดาบพาดตักไว้ตรัสว่าศึกสงครามก็สงบแล้วเจ้าจะอยู่รออะไร พระเจ้าอุทุมพรจึงออกผนวชรอบสอง กลายเป็นขุนหลวงหาวัดไป

พระเจ้ามังระยังโกรธอยุธยาไม่หาย คิดว่าอย่างน้อยน่าจะมาตีสั่งสอนอีกหน แต่คงเพราะมิได้คิดจะเอาบ้านเอาเมืองจริงจังหรือทางพม่าเองอาจเกิดความไม่สงบภายในด้วยจึงไม่เสด็จมาเองอย่างคราวบุเรงนองและพระเจ้าอลองพญา กลับให้เนเมียวสีหบดีและมังมหานรธาเป็นแม่ทัพเข้ามาทางเหนือคนหนึ่ง ทางใต้คนหนึ่ง

กองทัพพม่ายกมาตั้งอยู่รอบอยุธยาชั้นนอก เนเมียวสีหบดีพักทัพอยู่ที่แขวงเมืองวิเศษไชยชาญ ทหารพม่าออกปล้นฆ่าผู้คนฉุดลูกสาวชาวบ้านไปบำเรอทหาร ราษฎรบ้านบางระจันแขวงเมืองสิงห์เดือดร้อนจึงรวมตัวกันได้ราว 500 คนออกต่อสู้ ได้ผ้าประเจียดพระอาจารย์ธรรมโชติ วัดเขานางบวชคุ้มกัน ชาวบ้านบางระจันต่อต้านพม่าได้ชัยชนะถึง 7 ครั้ง ครั้งที่ 8 สุกี้ (ภาษาพม่าเรียกซุกคยี) ตำแหน่งนายกอง เคยอยู่เมืองไทยรับอาสาเข้าตีค่ายบางระจันจนแตกเพราะบางระจันไม่มีอาวุธ ราษฎรก็เหนื่อยล้าเต็มที อยุธยาก็ไม่ยอมไปช่วย

ถึงฤดูฝนน้ำหลากอย่างเช่นที่ท่วมใหญ่ในขณะนี้ ทหารพม่ามี 2 ทางเลือกคือรบต่อจนรู้แพ้รู้ชนะหรือจะรอบางระกำโมเดลแก้น้ำท่วมก่อนระหว่างนี้ควรถอยกลับ ขณะนั้นเนเมียวสีหบดีและมังมหานรธากำลังแย่งกันเป็นใหญ่ชิงนำทัพเพียงผู้เดียว มังมหานรธาให้รบต่อ สั่งให้ทหารนุ่งโสร่งให้กระชับก็แล้วกัน แต่แล้วจู่ ๆ มังมหานรธาก็เสียชีวิตลงที่สีกุกใกล้เสนา

คราวนี้เป็นเคราะห์ร้ายของอยุธยา เดิมเนเมียวสีหบดีและมังมหานรธายังแตกคอกัน น้ำก็ท่วม เราพอรับมือได้ พอน้ำลดอำนาจตกเป็นของเนเมียวสีหบดีแต่ผู้เดียวการสั่งการก็เป็นเอกภาพ พม่าลุยเดินหน้าต่อ ยกทัพมาอยู่ที่วัดท่าการ้อง วัดภูเขาทอง วัดเต่า วัดแดง วัดเจดีย์แดง วัดสามวิหาร วัดนางปลื้ม วัดศรีโพธิ์รอบเกาะเมือง อยุธยาขนปืนประจำเมืองชื่อ “ปราบหงสา” และ “มหากาลมฤตยูราช” ออกมายิงตอบโต้ กระสุนก็ด้านบ้าง ตกไม่ไกลบ้าง ข้างพม่าก็ยิงเอา ๆ ทุกวันจนผู้คนขวัญหนีดีฝ่อ แม่ทัพนายกองที่มีความสามารถก็ถูกกำจัดหมดตัวไปก่อนแล้วตั้งแต่สมัยพระเจ้าบรมโกศ

วันอังคาร เดือน 5 ขึ้น 9 ค่ำ ปีกุน พ.ศ.2310 เป็นวันเนาสงกรานต์ ชาวอยุธยากำลังฉลองสงกรานต์ ไม่ได้ตระหนักว่าภัยมาเยือนถึงชานกรุงเพราะเห็นพม่ามาล้อมอยู่กว่าปี ไม่เห็นทำอะไรได้คงนึกว่าเดี๋ยวพระก็ช่วยบันดาลให้ปืนใหญ่ระเบิดหรือไม่แม่ทัพพม่าก็คงเป็นบิดลงท้องจู๊ด ๆ อย่างคราวก่อนโน้นอีกกระมัง

บ่าย 3 โมงวันนั้น พม่าจุดไฟสุมเผารากกำแพงเมืองตรงหัวรอ และระดมยิงปืนใหญ่พร้อมกันจากทุกค่าย ราว 2 ทุ่มกำแพงเมืองก็พังลง พม่าเอาบันไดไม้ไผ่พาดกำแพงกรูเข้าเมืองจากทุกทิศ สุดปัญญาที่ใครจะรับมือได้ 2 ทุ่มวันนั้นกรุงศรีอยุธยาแตก หลังจากอยู่มา 417 ปี และนับถึงวันนี้ 244 ปี

สุนทรภู่เคยไปยืนดูซากกำแพงเมืองอีกไม่กี่ปีต่อมาแล้วรำพึงว่า “กำแพงรอบขอบคูก็ดูลึก ไม่น่าศึกอ้ายพม่าจะมาได้”.

วิษณุ เครืองาม
wis.k@hotmail.com

เที่ยวลิเบียหลังสิ้นเสียงปืน

โดย : ลิเวอร์ เบิร์ด
@กรุงเทพธุรกิจ


การปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างฝ่ายต่อต้านกับฝ่ายที่ภักดีต่ออดีตผู้นำลิเบียยังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะที่เมืองเซิร์ต บ้านเกิดของกัดดาฟี

แม้ว่าเสียงปืนกลางกรุงตริโปลี เมืองหลวงของประเทศลิเบียจะยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสงครามกลางเมืองที่ยังไม่สงบ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในลิเบียยังคงมีความหวังว่านักท่องเที่ยวพร้อมที่จะเลือกดินแดนที่บอบช้ำจากสงครามให้เป็นจุดหมายปลายทางของพวกเขา



ลิเบียเป็นประเทศในทวีปแอฟริกาเหนือ มีดินแดนที่ติดกับทะเลทรายและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนกรุงตริโปลีตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ และเนื่องจากเป็นเมืองที่มีประวัติยาวนาน จึงมีแหล่งโบราณคดีมากมายและมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม


“เพียงเวลาไม่กี่วันที่คุณได้มาสัมผัสลิเบีย คุณจะประทับใจเหมือนรักแรกพบ” เว็บไซต์ของบริษัททัวร์เชอร์เวส เขียนเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวลิเบียยุคหลังสงคราม สนนราคา 12,000 บาทสำหรับทัวร์ 3 วันที่เน้นการเที่ยวชมเมืองหลวง แหล่งโบราณคดีและโบราณสถานสถาปัตยกรรมโรมัน รวมถึงการเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของลิเบียผ่านพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติบนย่านกรีนสแควร์


ทัวร์วันแรกเริ่มต้นด้วยการเดินเที่ยวชมศูนย์กลางของกรุงตริโปลี โดยมีไกด์พาทัวร์ วันที่สอง ไปชมเมืองเลปทิส แมกน่า (Leptis Magna) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของกรุงตริโปลี เมืองนี้ถูกขนานนามว่าเป็นอาณาจักรโรมันที่มีชื่อเสียงและงดงามมากที่สุดในแอฟริกา ปัจจุบันยังคงสภาพความรุ่งโรจน์ไว้เพราะสร้างขึ้นจากหินปูนจึงทนต่อการเกิดแผ่นดินไหวและยังขึ้นทำเนียบสิ่งมหัศจรรย์ของโลกด้วย


จากนั้นไปชมวิลล่า ซีลีน (Villa Sileen) คฤหาสน์หรูหราในยุคไบแซนไทน์ของมหาเศรษฐีชาวโรมันที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นบ้านพักตากอากาศ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้อยู่ระหว่างปรับปรุง


ทัวร์วันสุดท้ายจะให้นักท่องเที่ยวหาซื้อของที่ระลึกในกรุงตริโปลีหรือจะเดินเล่นตามถนนหรือตรอกซอกซอยที่วกไปวนมาชวนให้หลงทาง


แต่ความหวังที่จะให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาเที่ยวที่ลิเบียท่ามกลางเสียงปืนที่ยังไม่สงบดูแล้วเป็นไปได้ค่อนข้างยาก
อิบราฮิม อุสตา เจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลลูกค้าต่างชาติของเชอร์เวสบอกว่า ทัวร์ลิเบียเคยได้รับความนิยมในอดีตแต่นักท่องเที่ยวยังไม่น่ากลับมาเที่ยวตอนนี้


“มีคนสอบถามข้อมูลมามากในขณะนี้ แต่ปัญหาหลักก็คือเรื่องความปลอดภัยและการขอวีซ่า เพราะตอนนี้ระบบการให้วีซ่ายังไม่เรียบร้อยและสถานทูตหลายแห่งก็ยังไม่เปิดทำการ” อิบราฮิม กล่าว


แต่อิบราฮิมก็ส่งสัญญาณเชิงบวกโดยบอกว่า ลิเบียมีทุกอย่าง ไม่ว่าทะเลทราย ทะเลและภูเขา เพียงแต่ต้องการคนที่เหมาะสมกับสถานที่ที่เหมาะสมเท่านั้นเอง


เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ประชาชนลิเบียออกมาประท้วงและเดินขบวนครั้งใหญ่เพื่อต่อต้านรัฐบาลของพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบียที่ครองอำนาจมา 40 กว่าปี แม้ว่าฝ่ายกัดดาฟีจะพ่ายแพ้ต่อฝ่ายกบฏในเวลาต่อมา และมีการตั้งสภาเพื่อการถ่ายโอนอำนาจแห่งชาติลิเบียหรือเอ็นทีซีขึ้นมาปกครองประเทศชั่วคราวแต่ก็ยังไม่สามารถประกาศปลดปล่อยลิเบียอย่างเป็นทางการได้


การปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างฝ่ายต่อต้านกับฝ่ายที่ภักดีต่ออดีตผู้นำลิเบียยังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะที่เมืองเซิร์ต บ้านเกิดของกัดดาฟีซึ่งเป็นหนึ่งใน 2 เมืองหลักที่สำคัญที่สุดที่เอ็นทีซียังไม่สามารถปราบปรามกลุ่มผู้สนับสนุนได้หมดแม้จะใช้เวลาปราบกว่า 2 เดือนแล้วก็ตาม


ผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ท่องเที่ยวของลิเบียจำนวนมากบอกว่า ลิเบียมีองค์ประกอบหลายอย่างที่เอื้อให้ธุรกิจท่องเที่ยวเติบโต ทั้งอากาศที่อบอุ่น ชายหาดสวยงาม โบราณวัตถุและการอยู่ใกล้กับยุโรป แต่หลายคนกลับเห็นว่าแม้สงครามจะจบลง ลิเบียก็มีอุปสรรคในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างอียิปต์และตูนิเซีย เพราะคนลิเบียพูดภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสไม่ได้ รวมถึงข้อห้ามเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ด้วย บางคนคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมาอีกครั้งภายในหนึ่งปีนับจากนี้


บรรยากาศในตริโปลีตอนนี้กำลังค่อยๆ กลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างช้าๆ ร้านจิวเวลรี่และร้านกาแฟที่อยู่ริมถนนใหญ่กลับมาเปิดร้านใหม่ แต่ตามตรอกซอกซอยยังคงมีปลอกกระสุนตกอยู่เกลื่อน ตามบันไดหรือหัวมุมถนนจะเห็นชายหนุ่มพร้อมปืนอาก้าข้างกายนั่งสูบบุหรี่และสนทนากัน แม้คนจะบอกว่าพวกเขามีความเป็นมิตรกับชาวต่างชาติแต่การปรากฏตัวของพวกเขาไม่น่าจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเลย


ถ้าการท่องเที่ยวลิเบียได้รับการพัฒนาจริง มันอาจช่วยลดอัตราการว่างงานของลิเบียที่อยู่ในระดับสูงลง เพราะจะมีการสร้างงานสำหรับไกด์ทัวร์ คนขับรถ พนักงานร้านอาหาร และพนักงานโรงแรม รวมถึงช่วยขยายรายได้ทางเศรษฐกิจจากที่เคยพึ่งพาแต่การขายน้ำมันและก๊าซด้วย


บรรดาผู้ประกอบการท่องเที่ยวบอกว่าก่อนที่จะเกิดสงครามกลางเมือง การท่องเที่ยวในลิเบียไม่เป็นที่นิยมเพราะการขาดความสนใจ การไร้ความสามารถในการจัดการ ความยุ่งยากของการทำวีซ่า ความเข้มงวดของตำรวจและกฎระเบียบภายใต้รัฐบาลกัดดาฟี ซึ่งพวกเขาก็หวังว่าผู้ปกครองคนใหม่จะสามารถช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศให้ดีขึ้นหลังเสียงปืนสิ้นสุดลง


--------------
ที่มา : เว็บไซต์ เดลี่ เมล

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

บ้านซอยสวนพลูกับการอยู่อย่างไทย

พันเรื่องถิ่นแผ่นดินไทย
โดย: อัครเดช สุภัคกุล

น้ำท่วมบ้านเมืองมากมายอย่างนี้ ผู้เขียนนึกถึงผู้ใหญ่ 2 ท่านในชีวิต ที่ผู้เขียนเรียกว่า “พ่อ” ท่านหนึ่งล่วงลับไปแล้วคือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อีกท่านยังมีชีวิตอยู่คือ ดร.วทัญญู ณ ถลาง ที่จะพูดถึงในคราวนี้คือ ทั้งสองท่านมีอะไรคล้ายกันอยู่อย่างหนึ่งคือ เวลาน้ำท่วมบ้านแล้วท่านไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไรกับใครเขาเลย โดยเฉพาะท่านแรกนั้น กลับรู้สึกเฮฮาตามประสาของท่าน มากกว่าใครในชีวิต เท่าที่ผู้เขียนได้เคยประสบพบเห็นมา

ขอเล่าถึงท่านแรกก่อน เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วมา ที่ผู้เขียนยังอาภัพอัปภาคย์อยู่ ต้องนั่งรถเมล์มาจากบ้านไหนไม่ทราบ (เพราะย้ายไปหลายที่) มาลงที่ถนนสีลม แล้วเดินเท้ามาข้ามถนนสาทร เพื่อมาขอข้าวขอเหล้า บ้านซอยสวนพลูของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ กินทุกวันในตอนเย็น จำได้แม่นยำอยู่อย่างหนึ่งว่า วันไหนที่กรุงเทพฯ ฝนตกหนัก น้ำยังไม่ท่วมที่ไหน หากใครไปบ้าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ในเวลานั้น จะต้องลุยน้ำท่วมเข้าไปขนาดหน้าแข้ง ตั้งแต่ปากซอยพระพินิจกันไปเลย


ไม่พักที่จะต้องพูดถึงเรือนไทยของท่าน ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ก็มีอาการอย่างเดียวกัน คืออยู่ในน้ำเลยทีเดียว แทนที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ผู้เป็นเจ้าของบ้านจะทุกข์ใจ เมื่อเวลามีแขกไปใครมายามน้ำท่วมบ้านอย่างนี้ ท่านกลับมีอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ที่จะได้จัดสำรับกับข้าว ต้อนรับแขกเหรื่อลูกศิษย์ลูกหา ที่มาร่วมกินข้าวค่ำ ที่บนเรือน ซึ่งปกติจะกินข้าวกันที่โต๊ะอาหารใต้ถุนเรือนอยู่เป็นประจำ เคยมีคนไปถามท่านว่า “ไม่เดือดร้อนหรือที่น้ำท่วมบ้าน” ท่านบอกว่า “ผมสร้างบ้านนี้ไว้รับน้ำท่วม”

อีกท่านต่อมาคือ อดีตผู้ว่าฯ การเคหะแห่งชาติท่านแรก ดร.วทัญญู ณ ถลาง ท่านมีบ้านอยู่ที่เมืองนนทบุรี ตรงข้ามเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน บ้านท่านอยู่ในซอยลึกเข้าไป ผู้เขียนเคยมองลงมาจากเครื่องบิน เห็นเป็นบ้านหลังเดียวในละแวกนั้น ที่ยังเป็นป่าคลุมอยู่ มองแทบจะไม่เห็นตัวบ้านเลยก็ว่าได้ ด้วยความเป็นนักสิ่งแวดล้อมที่อยู่อย่างเข้าใจในธรรมชาติ ตัวเรือนที่ออกแบบอย่างสมัยใหม่ ได้ยกสูงกว่าระดับพื้นดินเกือบเมตรครึ่ง ถึงน้ำจะท่วมท่านก็ไม่เดือดร้อนเช่นกัน

นอกไปจากนั้นบ้านของท่านอีกหลังหนึ่งที่ บ้านหลวง ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง ก็เป็นเรือนไม้ธรรมดา หลังคามุงแป้นเกร็ด ยกใต้ถุนสูงเกือบ 2 เมตร อยู่ท่ามกลางแมกไม้สายธาร เวลาใครไปหาก็จะต้องผ่านป่าเข้าไปจึงจะถึงตัวบ้าน จะเห็นได้ว่า ทั้งสองท่านมีความเป็นอยู่อย่างไทย เข้าใจวิถีชีวิตไทยดั้งเดิมเป็นอย่างดี แม้ทั้งสองท่านจะจบการศึกษามาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกในตะวันตก แต่ท่านก็ไม่ลืมความเป็นไทย และมองอย่างคนในอดีตว่า น้ำท่วมนั้นดี เอาปุ๋ย เอาพันธุ์ปลามาให้ รวมถึงได้มีการชะล้างสิ่งปฏิกูลต่างๆ จากผืนดินออกไป ถึงเวลาแล้วหรือยังครับ ที่คนไทยเราจะกลับมาอยู่อย่างไทยในอดีต จะได้ไม่ต้องแก้ปัญหาด้วยการสร้างเขื่อนกันอีกต่อไป

@คมชัดลึก

สตุตการ์ท บาดหัวใจ

โดย : มานพ จันทรฯ 
@กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


ช่วงเดือนตุลาคมทุกปี เยอรมนีมีเทศกาล “ออคโทเบอร์ เฟสต์” สนุกกับการดื่มเบียร์อย่างเป็นล่ำสัน


เยอรมนีไม่ได้มีชื่อเสียงแต่เบียร์เพียงอย่างเดียว อุตสาหกรรมยานยนต์ก็อยู่ในระดับแนวหน้าของโลก หนึ่งในเมืองที่เป็นที่ตั้งโรงงานก็คือ “ชตุตการ์ท” ที่คนไทยมักคุ้นปากเรียก สตุตการ์ท (Stuttgart) นั่นเอง


ในอดีตปี ค.ศ.1800 สตุตการ์ท เป็นเพียงเมืองเล็กๆ มีผู้คนอยู่ราว 22,000 คน ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นนับแต่กลางศตวรรษที่ 18 เมื่อชนชั้นนายทุนไม่ยอมขึ้นกับระบบเจ้าขุนมูลนาย มารวมตัวกันประกอบธุรกิจ เปลี่ยนสภาพเมืองจากระบบกษัตริย์ กลายเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจและการค้าในเวลาต่อมา



สิ่งที่ภาคภูมิใจของชาวเมืองแห่งนี้ก็คือ การเป็นบ้านเกิดของ ก็อตลีบ เดมเลอร์ นักประดิษฐ์เครื่องจักรเล็กๆ น้ำหนักเบาหมุนเร็วได้ด้วยแก๊สโซลีน ต้นกำเนิดของรถยนต์นั่นเอง


สตุตการ์ท เป็นเมืองหลวงของรัฐบาเดน-วูร์ตเทมแบร์ก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนี เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีศิลปวัฒนธรรมแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป โบราณสถานต่างๆ ยังสมบูรณ์เพราะได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 2 น้อยกว่าเมืองอื่น บ้านของคนที่นี่มักตั้งอยู่ตามไหล่เขาลดหลั่นกันไป และมีสีสันสวยงามตัดกับสีเขียวของทุ่งหญ้าป่าไม้

ในเมืองมีสถาปัตยกรรมยุคเก่าน่าสนใจหลายแห่ง ทั้งโอเปร่าเฮ้าส์ มหาวิทยาลัยศิลปะ สวนสาธารณะที่ชาวเมืองเรียกว่า “ชลอสปาร์ค” (Schlosspark) แหล่งพักผ่อนและปอดของเมืองที่มีผู้นิยมมานอนอาบแดดในช่วงบ่าย


ใกล้ๆ กันนั้นมีพระราชวังใหม่ (New Castle Palace) ของกษัตริย์ เฟรเดอริก แห่งวูลลัมแบร์ก (King of Frederich) สร้างโดย คาร์โลเอเกน ศิลปินชื่อดังของสตุตการ์ท มีอายุกว่า 260 ปี ทำให้พระราชวังแห่งนี้มีอายุกว่า 260 ปี ปัจจุบันถูกปรับให้เป็นศูนย์ราชการ เป็นที่ตั้งของกระทรวงการคลัง กระทรวงวัฒนธรรม เป็นต้น ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นแหล่งชอปปิงที่ใหญ่ของเมือง มีทั้งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ และร้านค้าเล็กๆ ตั้งอยู่รายรอบ


สตุตการ์ทในปัจจุบันเป็นเมืองที่มีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจมากที่สุดของประเทศ เป็นแหล่งผลิตรถยนต์ เมอเซเดส-เบนซ์ และ พอร์ช โดยสัญลักษณ์ของพอร์ชที่เป็นม้ากระโจนนั้น เป็นสัญลักษณ์เดียวกับเมืองแห่งนี้


นอกจากนี้ยังเป็นเมืองแห่งการศึกษา มีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก 2 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยสตุตการ์ท (Universitat Stuttgart) และมหาวิทยาลัยโฮเฮนไฮม (Universitat Hohenheim) นั่นเอง


หากมีเวลาอยากสัมผัสชีวิตผู้คนให้ใกล้ชิดมากขึ้นการเดินชมตลาดสดกลางเมือง คือตลาดสตุตการ์ท (Verkaufszeiten der markthalle) ซึ่งมีสินค้าของกินหลากหลาย ทั้งไส้กรอก ชีส เครื่องเทศ ผลไม้ ผัก ไวน์ และอีกสารพัด


สตุตการ์ทมีสถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะและห้องแสดงงานแห่งรัฐ (Staatsgalerie), พิพิธภัณฑ์ศิลปะ (Art Museum Stuttgart) พิพิธภัณฑ์รถยนต์เมอเซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz-Museum), สวนสัตว์, เดอะกรีนยู (The "Green U") สวนสาธารณะที่ตกแต่งอย่างสวยงาม


ในภาพยนตร์ Unveiled (2005) เล่าเรื่องของคนอิหร่านในเยอรมนี “ฟาริบา ทาบริจิ” (แจสมีน ทาบาทาไบ) หญิงสาวคนหนึ่งหลบหนีจากการประหารชีวิตในประเทศบ้านเกิด ด้วยการปลอมแปลงเอกสารเพื่อขอลี้ภัยในประเทศเยอรมนี ด้วยข้ออ้างทางการเมือง แต่ความจริงแล้วเธอเป็นเลสเบี้ยน ซึ่งไม่ได้รับการยอมรับในอิหร่าน ทางการเยอรมนีจึงส่งตัวกลับทันที แต่เพื่อนชายของเธอซึ่งขอลี้ภัยมาพร้อมๆ กันฆ่าตัวตายไปเสียก่อน ฟาริบาจึงสวมรอยเป็น "เซียมัค" (นาวิด อัคคาวาน) เข้ามาอาศัยอยู่ในเยอรมนีจนได้


ฟาริบา ในนามของเซียมัค พักอยู่ในชนบทตอนใต้ของเยอรมนีอย่างจำกัดพื้นที่ ผู้คนที่นั่นคิดว่าเธอคือผู้ชายคนหนึ่ง ฟาริบาใช้ชีวิตอย่างรอบคอบปกปิดทุกอย่างไว้อย่างเงียบเชียบ เพราะถ้าความจริงเปิดเผยเธอจะถูกส่งตัวกลับประเทศทันที เธอต้องปลอมแปลงเอกสารทุกอย่างซึ่งล้วนแต่ต้องใช้เงินทั้งสิ้น ฟาริบาจึงจำเป็นต้องหางานทำ และเธอก็ได้พบสนิทสนมกับหญิงหม้ายชาวเยอรมันคนหนึ่งที่เข็ดขยาดกับการคบหาผู้ชาย


Unveiled กำกับโดย แองเจลินา แมกคาโรนี่ ผู้กำกับหญิงคนเก่งชาวเยอรมัน จับเอาปัญหาระหว่างประเทศมาย่อยลงให้เข้าใจได้อย่างง่ายๆ และให้คนดูได้ลุ้นเอาใจช่วยตัวละครเป็นระยะๆ โดยใช้สถานที่หลักๆ ในการดำเนินเรื่องที่เมืองสตุตการ์ท แห่งแคว้นบาเดน-วูร์ตเทมแบร์ก ทางตอนใต้ของประเทศ


เมืองเล็กๆ แต่อบอุ่น ทัศนียภาพงามบาดตาบาดใจ


…………….
City : Stuttgart
State : Baden-Württemberg
Country : Germany
Population : 606,588
Film : Unveiled (2005)
Director : Angelina Maccarone
Cast : Jasmin Tabatabai, Navíd Akhavan, Bernd Tauber

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ศรีอยุธยา (10)

การสิ้นรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มิได้มีความหมายเพียงว่าสิ้นราชวงศ์ปราสาททองเท่านั้น แต่หมายถึง การสิ้นสุดความเจริญทางการปกครอง การค้า การต่างประเทศ และความรุ่งเรืองทางวรรณคดีอีกด้วย


ในสมัยสมเด็จพระเพทราชา มีการฟื้นกฎหมายห้ามคนไทยแต่งงานกับคนต่างชาติต่างศาสนา (ยกเว้นจีน) ขุนนางมีฝีมือหลายคนถูกกำจัด พงศาวดารกล่าวว่าก่อนสวรรคตสมเด็จพระนารายณ์ทรงแช่งขุนนางสองพ่อลูกคือพระเพทราชาและหลวงสรศักดิ์ไว้เป็นอันมาก โชคดีที่ระหว่างนั้นพม่ามีเรื่องไม่สงบภายในจึงมิได้ถือโอกาสยกทัพมาตีอยุธยาอย่างที่เคยทำ

สิ้นสมัยสมเด็จพระเพทราชาก็เป็นสมัยสมเด็จพระสรรเพชญที่ 8 หรือสมเด็จพระเจ้าเสือ ที่จริงก็เกือบไม่ได้ขึ้นครองราชย์เพราะสมเด็จพระเพทราชามีพระราชโอรสอีกพระองค์ที่ประสูติ “ในเศวตฉัตร” คือเจ้าพระขวัญ แต่สมเด็จพระเจ้าเสือก็จับฆ่าแล้วเอาศพไปฝังที่วัดโคกพระยา สมเด็จพระเพทราชากริ้วมากจึงมอบราชสมบัติให้เจ้าพระพิไชยสุรินทร์ผู้เป็นหลาน

ครั้นสมเด็จพระเพทราชาสวรรคตแล้ว เจ้าพระพิไชยสุรินทร์กลัวภัยจึงยกราชสมบัติถวายสมเด็จพระเจ้าเสือ นี่อาจเป็นเวรกรรมตามคำสาปแช่งของสมเด็จพระนารายณ์ก็ได้

สมเด็จพระเจ้าเสือมีพระราชโอรสสำคัญ 2 พระองค์คือเจ้าฟ้าเพชร และเจ้าฟ้าพร เมื่อสมเด็จพระเจ้าเสือสวรรคต เจ้าฟ้าเพชรซึ่งครองตำแหน่งกรมพระราชวังบวรฯพระอุปราชได้เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 31 ลำดับที่ 3 ของราชวงศ์บ้านพลูหลวง ทรงพระนามว่าสมเด็จพระสรรเพชญที่ 9 แต่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าพระเจ้าท้ายสระ เพราะโปรดประทับที่พระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ข้างสระน้ำ และด้วยความที่พอพระทัยเสวยปลาตะเพียน จนออกกฎหมายห้ามราษฎรจับกิน ถ้าฝ่าฝืนให้ปรับ 5 ตำลึง ผู้คนจึงเรียกอีกชื่อว่าขุนหลวงปลาตะเพียน



ผู้ใหญ่เคยเล่าให้ฟังว่าเมนูปลาตะเพียนของพระเจ้าท้ายสระได้แก่ปลาตะเพียนทอดกรอบ ปลาตะเพียนต้มเค็มไร้ก้าง วิธีทำคือวางอ้อยทุบรองก้นหม้อ ล้างปลาตะเพียนให้สะอาดแล้ววางเรียง ใส่น้ำตาลโตนด เกลือ หัวหอม จะใส่น้ำส้มมะขามเปียกด้วยก็ได้ แล้วปิดฝาเคี่ยวไว้ 2-3 วันจนก้างยุ่ยนุ่มนิ่มทั้งตัว

กฎหมายนี้มาเลิกสมัยกรุงเทพฯ แต่คนรุ่นเก่าที่เคยกลัวก็ยังชินอยู่ไม่กล้าบริโภคสืบมาอีกหลายปี

พระเจ้าท้ายสระตั้งน้องชายคือเจ้าฟ้าพรเป็นกรมพระราชวังบวรฯวังหน้า แปลว่าในระหว่างนั้นจะทำหน้าที่ช่วยราชการสำคัญ ๆ และต่อไปจะขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ตำแหน่งนี้มีตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาเป็นกษัตริย์ ก็ได้ตั้งสมเด็จพระนารายณ์มาแล้ว ภาษาทั่วไปเรียกว่า “พระบัณฑูรใหญ่” ถือว่าสูงศักดิ์เป็นที่ 2 รองจากพระเจ้าแผ่นดิน



อยุธยาและปริมณฑลสมัยนั้นก็เหมือนสมัยนี้คือพอถึงหน้าฝนน้ำก็หลากจากเหนือลงมาท่วมไปทั่ว ถ้าน้ำกำลังพอดีชาวไร่ชาวนาก็ทำนาได้ดี ถ้าน้ำนองอยู่นานนาก็ล่ม พอย่างเข้าฤดูทำนาต้องทำพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปีไหนน้ำน้อยต้องทำพิธีขอฝน ปีไหนน้ำมากได้เวลาจะเก็บเกี่ยวต้องมีพระราชพิธีไล่น้ำ บรรพบุรุษของเราอยู่มาได้ด้วยข้าว ปลาที่มากับน้ำ และความมากน้อยของน้ำเป็นร้อย ๆ ปีแล้ว เราจึงมีพิธีทำขวัญข้าว ไหว้แม่โพสพ ขอขมาแม่คงคา เห่เรือ ทอดกฐินทางน้ำ

จะว่าไปแล้วน้ำก็ช่วยรักษาบ้านเมืองไว้หลายครั้ง เวลาพม่าข้าศึกยกมาล้อมอยุธยาต้องหลีกฤดูน้ำหลากให้ดี เพราะช้างม้ากลัวน้ำ ถึงทหารพม่าเองก็เถอะ นุ่งแต่โสร่งอย่างนั้น น้ำมาปลาตอดลอดโสร่ง ปลิงเกาะ คงยุ่งเหมือนกัน

พระพุทธไสยาสน์วัดป่าโมกนั้นสร้างไว้หลายปีแล้ว ต่อมาน้ำท่วมกัดเซาะตลิ่งพังจวนถึงวิหาร เดิมทีพระเจ้าท้ายสระจะให้รื้อไปก่อใหม่แต่พระสงฆ์ทัดทานไว้จึงโปรดฯ ให้พระยาราชสงคราม ซึ่งเป็นตำแหน่งทางทหารตั้งจากผู้มีฝีมือทางช่างหรือการโยธาในการสร้างค่ายคูประตูหอรบ เรียกว่าเอ็นจิเนียร์ประจำชาติไปจัดการชะลอเลื่อนเคลื่อนย้ายโดยขุดดินใต้องค์พระแล้วสอดไม้ซุงเข้ารองรับพระ ค่อย ๆ ฉุดลากจนย้ายพระนอนได้ ใช้เวลา 5 เดือน พระยาราชสงครามผู้นี้คือคนที่ไปขุดคลองโคกขามอันคดเคี้ยวจนตรงเชื่อมกันได้ พระราชทานชื่อว่าคลองมหาไชย




ทหารคนไหนมีฝีมือทางช่างจะได้เป็นพระหรือพระยาราชสงครามตลอดมา สมัยรัชกาลที่ 5 พระราชสงคราม (กร หงสกุล) เป็นคนไปย้ายพระที่นั่งจากเกาะสีชังมาสร้างใหม่จนเป็นพระที่นั่งวิมานเมฆ เวลาทหารออกรบจึงมักเรียกว่า “ยุทธโยธา” คือรบไปสร้างไปรื้อไป ไม่ใช่เอาแต่รบลูกเดียว

ก่อนสวรรคต พระเจ้าท้ายสระกลับไปยกราชสมบัติให้เจ้าฟ้าอภัย พระราชโอรส ทีนี้พระมหาอุปราชเจ้าฟ้าพรซึ่งนั่งรอมานานแล้วก็ไม่ยอมสิครับ น้อยพระทัยว่าเสียแรงร่วมตายกันมา จำจะต้องรบกันให้ตายไปข้างหนึ่ง

พ.ศ.2274-2275 เกิดสงครามใหญ่ที่สุดเท่าที่เกิดภายในประเทศเรียกว่าสงครามกลางเมือง (civil war) คือคนไทยรบกันเองคล้าย ๆ ที่ต่อมาอเมริกาทำสงครามเลิกทาส ฝ่ายหนึ่งนำโดยเจ้าฟ้าอภัยและน้องคือเจ้าฟ้าปรเมศวร์ อีกฝ่ายนำโดยเจ้าฟ้าพรผู้เป็นอา แต่ละฝ่ายมีรี้พลพอกัน ส่วนใหญ่เจ้าฟ้าอภัยจะชนะ แต่สุดท้าย
พระมหาอุปราชก็จับตัวเจ้าฟ้าอภัย เจ้าฟ้าปรเมศวร์ได้ โปรดฯ ให้นำไปประหารพร้อมกับพวกที่เข้าด้วยช่วยเหลือนับไม่ถ้วน




การที่เจ้าฟ้าพรทำศึกกลางเมืองกับหลานชายคือเจ้าฟ้าอภัยนั้นจะว่าขัดพระบรมราชโองการเป็นขบถก็ว่าได้ แต่ประวัติศาสตร์ต้องอ่านกันหลายฉบับและพิจารณาหลายแง่ เจ้าฟ้าเพชร (พระเจ้าท้ายสระ) มิได้เป็นลูกรักของสมเด็จพระเจ้าเสือ พระราชชนกเคยกริ้วจนคว้าอาวุธจะทำร้ายแต่เจ้าฟ้าพรทรงออกรับแทน ตอนจะตั้งอุปราชเดิมก็จะทรงข้ามเจ้าฟ้าเพชรไปตั้งเจ้าฟ้าพรเพราะฉลาดหลักแหลมกว่า แต่เจ้าฟ้าพรทูลขอให้ตั้งพี่ชายก่อน

เมื่อพระเจ้าท้ายสระเป็นกษัตริย์ก็ทรงตั้งเจ้าฟ้าพรเป็นพระมหาอุปราช เท่ากับมีสัญญาลูกผู้ชายต่อกัน อยู่มาก็จะไปมอบราชสมบัติแก่เจ้าฟ้านเรนทร พระราชโอรสองค์ใหญ่ แต่เจ้าฟ้านเรนทรเห็นว่าควรมอบให้พระเจ้าอาจึงจะเป็นธรรม แล้วเสด็จออกผนวชเสีย พระเจ้าท้ายสระยังหาทาง “เบี้ยว” อีกจึงไปมอบให้เจ้าฟ้าอภัย พระราชโอรสองค์รอง คราวนี้เจ้าฟ้าพรก็เหลืออดสิครับ “อย่างนี้เบี้ยวกันชัด ๆ นี่หว่า”

เจ้าฟ้าพรได้เป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 32 ลำดับที่ 4 แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง เรียกกันว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ อยู่ในราชสมบัติ 26 ปี แรก ๆ ท่านไม่ยอมทำศพพระเจ้าท้ายสระพี่ท่านจะให้เอาไปลอยน้ำ แต่พอขุนนางทัดทานก็ให้ทำพอเป็นพิธี ครั้งนั้นกรุงศรีอยุธยากลับรุ่งเรืองขึ้นใหม่ทางการค้า ศาสนา และวรรณคดี เราได้ส่งพระสงฆ์ไปเจริญศาสนไมตรีกับลังกาตามคำทูลขอของกษัตริย์ลังกา เดิมลังกาเคยมาเผยแผ่พุทธศาสนาในไทยตั้งแต่ครั้งสุโขทัย ได้บวชให้ชาวไทยเป็นอันมากเรียกกันว่าพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทแบบลังกาวงศ์ หลักฐานยังปรากฏเป็นศิลปกรรม รูปทรงเจดีย์ บทสวดแบบลังกาในภาคใต้ของไทย

ต่อมาลังกาถูกต่างชาติปกครองหลายปี มีการทำลายล้างพระและวัดจนหาพระสงฆ์ลังกาไม่ได้ (มีแต่เณร) เมื่อลังกาจะฟื้นพุทธศาสนาใหม่ก็หาอุปัชฌาย์ที่บริสุทธิ์ไม่ได้ จึงนึกได้ว่าพระไทยเคยบวชจากพระลังกาจึงขอนิมนต์พระไทยผู้ใหญ่ไปเป็นอุปัชฌาย์บวชกลับให้ชาวลังกาบ้าง เราส่งพระอุบาลีนำคณะไปทางเรือสำเภา ได้บวชให้กุลบุตรลังกาเป็นร้อยเป็นพัน พระในฝ่ายนี้เรียกว่าสยามวงศ์ ปัจจุบันลังกามีสมเด็จพระสังฆราช 2 องค์ เป็นฝ่ายลังกาวงศ์และสยามวงศ์ ทั้งยังหล่อรูปปั้นพระอุบาลีไว้บูชา ปีที่แล้วผมไปไหว้พระที่ศรีลังกาได้ไปเยี่ยมวัดที่พระอุบาลีเคยอยู่และมรณภาพ เห็นแล้วปลื้มใจแท้

อย่างไรก็ตามความอัปยศของกรุงศรีอยุธยาสมัยนี้คือแม้เจ้าฟ้าพรจะชนะจนได้ราชสมบัติ แต่เจ้านาย แม่ทัพนายกอง ทหารกล้าและขุนนางล้มตายมากมาย ที่รอดตายก็ทิ้งราชการหนีเข้าป่าไปเป็นโจรบ้าง ทำสวนทำนาบ้าง บ้านเมืองหาคนดี คนเก่ง คนกล้าไม่ได้ มีแต่การหวาดระแวงกันเอง ไม่รู้จักแก้ไขหรือปรองดอง มีแต่แก้แค้นและจับดองไว้! เรื่องนี้ทำไมพม่าจะไม่รู้ ฉะนั้นอีก 30 ปีเศษต่อมา พม่ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา กรุงจึงแตกอย่างง่ายดาย!

แม้กระนั้น 26 ปีของรัชกาลนี้ ราษฎรทั่วไปที่ไม่อยู่ฝ่ายใดก็เป็นสุขสบายดี ข้าศึกไม่มี ศาสนาเจริญ การค้าเจริญ กวีมีมากมาย ทำไร่ทำนาได้ผล มีโขนระบำรำฟ้อนให้ดู เรายังพูดถึงรัชกาลนี้ต่อมาอีกหลายสิบปีว่า “เมื่อครั้งบ้านเมืองดี” โดยเทียบกับสมัยก่อนหน้านั้นและหลังจากนั้น

ในรัชกาลนี้มีเด็กสามัญชนที่ควรรู้จักมาเกิด 4 คน และเป็นเพื่อนรักกันด้วย รุ่นโตชื่อพ่อสิน รุ่นกลางชื่อพ่อทองด้วง รุ่นเล็กชื่อพ่อบุญมาและพ่อบุนนาค พ่อสินเป็นลูกจีนแม่ไทย พ่อทองด้วงและพ่อบุญมาเป็นพี่น้องกันเป็นลูกไทยเชื้อสายมอญและอาจมีเชื้อจีนทางมารดาด้วยก็ได้ พ่อบุนนาคเป็นลูกไทยเชื้อสายเปอร์เซียต้นตระกูลเป็นมุสลิมแต่แม่เป็นไทย ระยะหลังบรรพบุรุษเปลี่ยนมานับถือพุทธ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศมีพระราชโอรสที่สำคัญ 3 พระองค์คือ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร (เรารู้จักกันในนามเจ้าฟ้ากุ้ง ได้เป็นกรมขุนเสนาพิทักษ์) เจ้าฟ้าเอกทัศ (กรมขุนอนุรักษ์มนตรี) และเจ้าฟ้าอุทุมพร (กรมขุนพรพินิต)

เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรได้เป็นอุปราช แต่ด้วยนิสัยกวีปากหวานเจ้าชู้ ภายหลังลอบเป็นชู้กับพระสนมของพ่อจึงถูกโบยจนสิ้นพระชนม์ เจ้าฟ้าองค์นี้แหละที่แต่ง “เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ นกบินเฉียงไปทั้งหมู่” สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเห็นว่าเจ้าฟ้าเอกทัศไม่เฉลียวฉลาด โฉดเขลา ไม่พากเพียร ไม่กล้าหาญ ไม่ควรเป็นผู้ปกครองได้จึงข้ามไปตั้งเจ้าฟ้าอุทุมพรพระราชโอรสพระองค์เล็กเป็นพระมหาอุปราช

เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศสวรรคต เจ้าฟ้าอุทุมพรจึงได้ครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 33 ทรงพระนามว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 แต่อยู่ได้ 10 วัน เจ้าฟ้าเอกทัศผู้เป็นพี่ทำท่าปรารถนาราชสมบัติ วังก็ไม่ย้ายจะยึดวังหลวงอยู่อย่างนั้น พระเจ้าอยู่หัวอุทุมพรคงรำคาญจึงถวายราชสมบัติแล้วเสด็จออกผนวช

เจ้าฟ้าเอกทัศได้เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 34 ลำดับที่ 6 ของราชวงศ์บ้านพลูหลวงและพระองค์สุดท้ายของกรุงศรีอยุธยา ทรงพระนามว่าสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 คนทั่วไปเรียกว่าพระเจ้าอยู่หัวสุริยามรินทร์ตามชื่อพระที่นั่งที่ไม่ทรงยอมย้ายออก บางคนเรียกพระเจ้าเอกทัศ มีบ้างที่เรียกว่า “ขุนหลวงขี้เรื้อน” ตามพระโรคที่ทรงเป็น

บัดนั้นพม่าซึ่งเล็งอยู่นานด้วยความแค้นตั้งแต่สมเด็จพระนเรศวรทรงทำยุทธหัตถีชนะเมื่อ 200 ปีก่อน ก็จับสายตามาที่พระมหานครแห่งนี้ และให้สัญญาณนัดหมายว่า “ไม่ต้องแก้ไข” แต่ได้เวลาแก้แค้นแล้ว!”.

“อยุธยาและปริมณฑลสมัยนั้นก็เหมือนสมัยนี้คือพอถึงหน้าฝนน้ำก็หลากจากเหนือลงมาท่วมไปทั่ว ถ้าน้ำกำลังพอดีชาวไร่ชาวนาก็ทำนาได้ดี ถ้าน้ำนองอยู่นานนาก็ล่ม พอย่างเข้าฤดูทำนาต้องทำพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปีไหนน้ำน้อยต้องทำพิธีขอฝน ปีไหนน้ำมากได้เวลาจะเก็บเกี่ยวต้องมีพระราชพิธีไล่น้ำ บรรพบุรุษของเราอยู่มาได้ด้วยข้าว ปลาที่มากับน้ำ และความมากน้อยของน้ำเป็นร้อย ๆ ปีแล้ว เราจึงมีพิธีทำขวัญข้าว ไหว้แม่โพสพ ขอขมาแม่คงคา เห่เรือ ทอดกฐินทางน้ำ”


วิษณุ เครืองาม
wis.k@hotmail.com

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มหกรรมคนขี่วัว

โดย : ชาธิป @กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


"กล้า" หรือ "บ้า" บางครั้งก็ต่างกันแค่เส้นขนหูวัว แต่ไม่ว่าจะกล้าหรือบ้า กลุ่มคนที่เรียกว่า นักขี่วัวมืออาชีพ (Professional Bull Riders -PBR) ก็มีตัวตนอยู่จริง และมีอยู่อย่างเป็นกลุ่มก้อน

ตั้งแต่ปี 1992 กลุ่มนักขี่วัว 20 เกิดไอเดียบรรเจิดว่าอยากจะแยกกีฬาขี่วัวออกมาจากกิจกรรมที่เรียกว่า "โรดิโอ" แบบดั้งเดิม ทั้ง 20 คนควักกระเป๋าลงขันคนละ 1,000 ดอลลาร์ ก่อตั้งกลุ่มคนเล็กๆ ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นขององค์กรที่เรียกว่า "the Professional Bull Riders, Inc"



จนถึงปัจจุบัน The Professional Bull Riders, Inc มีสมาชิกนักขี่วัวมากกว่า 1,200 รายจากสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา และเม็กซิโก จัดกิจกรรมแข่งขันขี่วัวกว่า 300 รายการต่อปี

ส่วนผสมที่ลงตัวของกีฬาดิบๆ กับความบันเทิงที่ผูกพันอย่างแนบแน่นกับรากวัฒนธรรมอเมริกันทำให้กลุ่มผู้ชมการแข่งขันขยายตัวขึ้น ในปี 1995 มีผู้ชมราว 310,000 เข้าชมการแข่งขันของ PBR (ตัวเลขเฉพาะในสหรัฐ) ทุกวันนี้ แต่ละปีมีผู้เข้าชมปีละมากกว่า 1.5 ล้านคน และหากนับเฉพาะช่วงการแข่งขันรอบสุดท้าย 7 วัน มีผู้เข้าชมเกือบ 90,000 คน และอีกนับล้านที่ชมการแข่งขันทางโทรทัศน์


การแข่งขันรอบสุดท้ายของจัดกันที่ลาส เวกัส ช่วงเดือนตุลาคมของทุกปีภายใต้ชื่อ PBR World Champion ดูรายละเอียดได้ที่ www.pbrnow.com

วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คราบน้ำบนผนังสกปรกมาก ขัดออกอย่างไรดี

คราบน้ำบนผนังทั้งในบ้านและนอกบ้านหรือที่รั้วมีไว้โม้กับเพื่อนว่าบ้านคุณโดนน้ำท่วมขนาดไหน แต่คุณคงไม่อยากอยู่กับมันไปนาน ๆ

คราบหลังน้ำท่วมใหญ่จะมีทั้งคราบดินโคลน คราบน้ำมัน คราบเชื้อรา คราบตะไคร่น้ำ และคราบเกลือ สิ่งแรกที่แนะนำให้ทำก่อนคือ พยายามใช้ผ้าชุบน้ำสบู่หรือน้ำเปล่าเช็ดคราบโคลนและคราบเกลือออกให้มากที่สุด ถ้าใช้แปรงช่วยให้ใช้แปรงขนพลาสติกอ่อน ๆ จะได้ไม่ไปขัดเอาสีทาบ้านหลุดล่อนออกมาด้วย (ยกเว้นกรณีที่แช่น้ำนานมาก ๆ จนสีเสื่อมสภาพ ต้องขัดออกเพื่อทาสีใหม่อยู่ดี)

สำหรับบ้านที่ติดถนนใหญ่หรืออยู่ใกล้ร้านอาหาร อาจมีคราบน้ำมันลอยมาเกาะผนังด้วย ลองใช้น้ำส้มสายชูผสมเบกกิ้งโซดาล้าง หรือใช้น้ำยาขจัดคราบไขมันสำหรับใช้ในครัวได้เลย

จากนั้นใช้โซเดียมไฮโปคลอไรต์ หรือ “น้ำยาฟอกขาว” ล้างคราบตะไคร่น้ำและคราบเชื้อราออกได้และช่วยฆ่าเชื้อโรคด้วย นอกจากนี้ยังสามารถนำโซเดียมไฮโปคลอไรต์ไปผสมน้ำในความเข้มข้น 0.5-1 เปอร์เซ็นต์ แล้วนำไปราดพื้นเพื่อฆ่าเชื้อโรคได้ด้วย อย่าลืมสวมถุงมือยางเวลาที่ขัด มือจะได้ไม่ลอก กลิ่นจะฉุนนิดหนึ่ง แนะนำให้เปิดประตูหน้าต่างให้มากที่สุด เปิดบานตู้และเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น ผึ่งลมให้แห้ง ใช้พัดลมและดรายเออร์ช่วยในบางจุด

นอกจากนี้ยังอาจวางสารดูดความชื้น (มีขายที่ห้างเคหะภัณฑ์ใหญ่ ๆ) และก้อนถ่านไว้ตามจุดต่าง ๆ ในบ้านเพื่อลดกลิ่นอับชื้น คลอรีนปริมาณมาก ๆ ที่ใช้ล้างบ้านอาจทำให้จุลินทรีย์ในท่อน้ำทิ้งรอบ ๆ บ้านตายด้วย การเทน้ำหมักชีวภาพ (EM) ลงไปในบ่อพักน้ำรอบ ๆ บ้านจะช่วยเพิ่มจุลินทรีย์และลดกลิ่นเหม็นเน่าได้เป็นอย่างดี

ทีมงาน “บ้านและสวน” เชื่อว่าในช่วงที่ผ่านมา คุณผู้อ่านหลายท่านคงประสบปัญหาอุทกภัยซึ่งอาจมีผลกระทบต่อบ้านของคุณเป็นแน่ เราจึงทำหนังสือ คู่มือปรับปรุง-ซ่อมแซมบ้าน หลังน้ำท่วม ฉบับพิเศษ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงบ้านแก่ผู้ประสบภัยและบุคคลทั่วไป สามารถมารับได้ฟรีที่ งานบ้านและสวนแฟร์ ระหว่างวันที่ 17-25 ธันวาคม 2554 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี หรือเข้าไปดาวน์โหลดหนังสือเล่มนี้ได้ที่ www.baanlaesuan.com

บ้านและสวน via @เดลินิวส์

วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ภูฎานอภิเษก

ภูฏานเตรียมพิธีอภิเษกสมรส'จิกมี'

ภูฏานจัดเตรียมสถานที่จัดงานพิธีอภิเษกสมรสระหว่าง สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกลวังชุค และนางสาวเจตซัน เปมา ที่พูนาคา เมืองหลวงของภูฏาน

ทางการภูฏาน เตรียมจัดพิธีอภิเษกสมรสระหว่าง สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกลวังชุค และนางสาวเจตซัน เปมา ที่พูนาคา ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าแก่อายุกว่า 300 ปี หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้น ทั้งกษัตริย์จิกมีและพระราชินีจะเสด็จไปยังกรุงทิมพู และจะมีพิธีเฉลิมฉลองพิธีเสกสมรสที่สนามกีฬา ชางลิงมิทาง Changlingmithang stadium ในกรุงทิมพูในวันที่ 15 ต.ค.นี้

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ศรีอยุธยา (09)

สมเด็จพระนารายณ์เป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ประสูติภายหลังจากที่พ่อท่านครองราชย์แล้ว ตามโบราณประเพณีเรียกว่า “ประสูติภายใต้เศวตฉัตร” ไม่ได้แปลว่าไปกางร่มคลอดอยู่ตรงนั้น

ที่จริงท่านควรได้เป็นกษัตริย์ต่อจากพระเจ้าปราสาททอง แต่พ่อท่านไปทรงทำท่าเหมือนจะยกราชสมบัติให้เจ้าฟ้าไชย ที่ “ประสูตินอกเศวตฉัตร” จึงเลยตามเลยจนต่อมาสมเด็จพระนารายณ์เข้ายึดอำนาจจากสมเด็จเจ้าฟ้าไชย พี่ชายคนละแม่ แล้วยกอาคือพระศรีสุธรรมราชาขึ้นเป็นกษัตริย์สมเด็จพระศรีสุธรรมราชาไม่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ไปปล้ำน้องสาวสมเด็จพระนารายณ์เข้าทั้งที่เป็นหลานอา สมเด็จพระนารายณ์จึงเข้ายึดอำนาจจับสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาสำเร็จโทษที่วัดโคกพระยา แล้วขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 28 แต่นับเป็นลำดับที่ 4 และลำดับสุดท้ายแห่งราชวงศ์ปราสาททอง




กรุงศรีอยุธยาตั้งแต่ปลายสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถมาจนถึงต้นสมัยสมเด็จพระนารายณ์ร่วม 30 ปี ไม่มีศึกสงครามกับพม่า แต่ภายในพระนครร้อนรุ่มไม่เป็นสุขมีแต่การทะเลาะเบาะแว้งแย่งอำนาจกัน พี่ฆ่าน้อง (พระเจ้าทรงธรรมจัดการกับพระศรีเสาวภาคย์) ขุนนางยึดอำนาจ (เจ้าพระยากลาโหมจัดการกับสมเด็จพระเชษฐาธิราช) น้องฆ่าพี่ (สมเด็จพระนารายณ์จัดการกับสมเด็จเจ้าฟ้าไชย) และหลานฆ่าอา (สมเด็จพระนารายณ์จัดการกับสมเด็จพระศรีสุธรรมราชา)

วัดโคกพระยานอกเกาะอยุธยาซึ่งเป็นที่สำเร็จโทษพระเจ้าแผ่นดินและเจ้านายมาตั้งแต่ครั้งประหารพระเจ้าทองลันเป็นอันไม่ค่อยจะว่างพระศพเลย!

เวลาจะยึดอำนาจกัน เหตุผลที่ใช้มาทุกยุคทุกสมัยเพื่อให้ราษฎรฟังแล้วพยักหน้าว่า เออ! ก็สมควรอยู่คือ “ด้วยพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ก่อนไม่ทรงดำรงอยู่ในทศพิธราชธรรม จรรยา สัมมาปฏิบัติ”

ฟังแล้วคล้าย ๆ ที่เวลาจะปฏิวัติในยุคหลัง ๆ ต้องประกาศว่า “ด้วยปรากฏหลักฐานเป็นที่แน่ชัดว่ารัฐบาลกระทำการทุจริต...”

ทศพิธราชธรรมจึงไม่ใช่เรื่องที่จะพูดถึงกันเล่น ๆ แต่เป็นสิ่งที่พระมหากษัตริย์ต้องปฏิญาณ ต้องมี และต้องรักษาไว้ให้ได้ มิฉะนั้นจะเกิดความไม่พอใจในหมู่ราษฎรและขุนนาง แม้ราชบัลลังก์มั่นคงเพียงใดก็สะท้านสะเทือนได้ ธรรมะนี้เป็นของผู้ปกครอง สมัยก่อนโน้นพระราชาเป็นผู้ปกครอง ก็เป็นธรรมะของพระราชา ต่อมารัฐบาลเป็นผู้ปกครอง ข้าราชการเป็นผู้ใช้อำนาจ จึงกลายเป็นธรรมะของนักการเมืองและข้าราชการจนบัดนี้

รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ 32 ปีสงบเรียบร้อยดีด้วยความสามารถในทางการทหาร การปกครอง การทูต และการค้า ปัจจัยสำคัญแห่งความสำเร็จ คือ 1. การมีเวลาปกครองยาวนาน 2. การมีคนเก่งให้ใช้งานทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ 3. การมีสติปัญญาล้ำเลิศและดำเนินนโยบายอย่างชาญฉลาด จนเล่นเอาพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสงง!

ความเจริญในสมัยนี้มี 5 ด้าน คือ ด้านการปกครอง ได้ขยายอาณาเขตทางเหนือไปจนถึงเชียงใหม่ ทางใต้ไปจนถึงนครศรีธรรมราช สงขลา เมืองไทรบุรี และหัวเมืองมลายู ด้านเศรษฐกิจมีเรือสำเภาจากยุโรปและอาหรับเข้ามาค้าขายมากมาย ทำให้เศรษฐกิจดีมีการปรับปรุงระบบเก็บภาษี รัฐบาลร่ำรวย

ด้านการต่างประเทศฝรั่งเศสส่งราชทูตเข้ามาถวายพระราชสาส์นและเปิดสถานทูตเป็นครั้งแรก อยุธยาส่งราชทูตไปเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสและเปิดสถานทูตบ้าง ทั้งยังติดต่อกับอังกฤษ สเปน ฮอลันดา และกรุงโรม ทูตฝรั่งเศสที่เข้ามาคนแรก คือ เชอวาลิเยร์ เดอ โชมองต์ ต่อมาคือลาลูแบร์ ได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับอยุธยาไว้ ทูตอยุธยาที่ไปฝรั่งเศสและมีชื่อเสียงมากคือพระวิสุทธสุนทร ต่อมาเป็นเจ้าพระยาโกษา (ปาน)

ด้านศาสนา เสรีภาพ และวิทยาการ พวกบาทหลวงฝรั่งเศสได้เข้ามาเผยแพร่คริสต์ศาสนาอย่างเป็นทางการจนขุนนางอยุธยากลัวว่าสมเด็จพระนารายณ์จะเข้ารีต พระราชทานที่ดินสร้างวัดและเสรีภาพในการนับถือศาสนา เจ้านาย และขุนนางหลายคนเข้ารีตไปแล้ว คณะบาทหลวงยังนำช่างเข้ามาตั้งหอดูดาว สร้างป้อมทหาร สร้างโบสถ์ สร้างวัง ออกแบบถนนหนทาง น้ำพุ

ขุนนางสำคัญเวลานั้นถ้าไม่เป็นเปอร์เซียก็เป็นอังกฤษ ฝรั่งเศส แขกมัวร์ ที่ยิ่งใหญ่ระดับนายกรัฐมนตรีคือเจ้าพระยาวิไชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ชาติกรีกด้านวรรณคดีสมัยนี้เป็นยุคทอง กวีเก่ง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ศรีปราชญ์ก็ว่าเป็นคนสมัยนี้ แต่บางคนยังเถียงว่าอาจไม่มีตัวจริงหรือไม่ก็เป็นคนรุ่นหลัง

ตั้งแต่สถาปนาอยุธยามา อยุธยายังไม่เคยดี เด่น ดังทีเดียวพร้อมกันทุกด้านขนาดนี้ ว่าไปแล้วในบรรดากษัตริย์อยุธยาทั้งหมดฝรั่งเห็นจะรู้จักแต่สมเด็จพระนารายณ์พระองค์เดียว แต่ถ้าถามพม่าถามมอญก็ต้องเป็นสมเด็จพระนเรศวร

สมเด็จพระนารายณ์มีจุดอ่อนคือ 1. ไม่มีลูกชายไว้สืบราชสมบัติ มีแต่เอาเด็กมาเลี้ยง 2. มีพระทัยกว้าง ทำให้ขุนนางระแวงว่าแม้มีทศพิธราชธรรมแต่เป็นการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน เพราะภายหลังฝรั่งเศสส่งทหารเข้ามาข่มขู่เอาจริง ๆ เจ้าพระยาวิไชเยนทร์ก็ตั้งท่าว่าเผลอ ๆ อาจเป็นกษัตริย์ต่อไปด้วยซ้ำ 3. พระสุขภาพไม่ดี ปีหนึ่งต้องเสด็จไปประทับที่ลพบุรีหลายเดือน ปล่อยให้ทางอยุธยาอยู่ในมือเจ้าพระยาวิไชเยนทร์

ในที่สุดพระเพทราชาเจ้ากรมช้าง (เทียบสมัยนี้คงระดับ ป.ต.อ.) ก็เข้ายึดอำนาจจับเจ้าพระยาวิไชเยนทร์ประหาร เปิดฉากรบกับกองทัพฝรั่งเศสจนลงเรือหนีไป สมเด็จพระนารายณ์ซึ่งประชวรอยู่แล้วสวรรคต พระเพทราชาจึงได้ครองราชย์เป็นสมเด็จพระเพทราชา กษัตริย์พระองค์ที่ 29

สมเด็จพระเพทราชาเป็นสามัญชนชาวบ้านพลูหลวง สุพรรณบุรี จึงไม่อยู่ในราชวงศ์ปราสาททอง นักประวัติศาสตร์เรียกว่าราชวงศ์บ้านพลูหลวง เป็นราชวงศ์สุดท้ายของอยุธยา เพราะกษัตริย์รวม 6 พระองค์ครองราชย์มาจนถึงวันที่กรุงแตกครั้งที่ 2

เมื่อสมเด็จพระเพทราชาสวรรคต พระราชโอรสซึ่งเดิมคือหลวงสรศักดิ์ (เดื่อ) ได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 30 ทรงพระนามว่าสมเด็จพระสรรเพชญที่ 8 แต่ด้วยความที่เป็นคนดุ ฆ่าคนได้ง่าย ๆ วันดีคืนดีปลอมตัวออกไปชกมวยพนันกับชาวบ้าน คนจึงเรียกว่า “สมเด็จพระเจ้าเสือ” รัชกาลนี้แหละที่เกิดเรื่องพันท้ายนรสิงห์พายเรือไปตามคลองโคกขาม หักเรือพระที่นั่งไม่ทันโค้ง หัวเรือชนตลิ่งจนหัก พันท้ายนรสิงห์ขอให้ประหารชีวิตตน สมเด็จพระเจ้าเสือให้อภัยแต่พันท้ายนรสิงห์ก็ไม่ยอม ต้องการให้รักษากฎหมาย ลงท้ายก็ต้องประหาร ถึงตอนนี้ต้องร้องเพลงน้ำตาแสงใต้ประกอบ “นวลเจ้าพี่เอย คำน้องเอ่ย...”

สมเด็จพระเจ้าเสือนั้นมีคนเชื่อกันว่าเป็นพระราชโอรสสมเด็จพระนารายณ์แต่ประสูติจากสาวชาวบ้านธรรมดา จึงให้พระเพทราชาเลี้ยงเป็นลูก ว่ากันว่าหน้าตาละม้ายสมเด็จพระนารายณ์และเป็นคนโปรดด้วย ในการปฏิวัติปลายสมัยสมเด็จพระนารายณ์ท่านเป็นคนวางแผนและก่อการแทบทั้งหมด

พูดถึงสมเด็จพระนารายณ์ พงศาวดารเขียนไว้ว่าเป็นคนมีบุญมาแต่เกิด เมื่อประสูติก็มีคนเห็นเป็น 4 มือ วันหนึ่งไฟไหม้ พระราชกุมารถลันตามคนขึ้นไปช่วยดับไฟ คนทั่วไปเห็นเป็นเงาคนสี่มืออยู่กลางหมอกควัน ไม่ช้าไฟก็ดับลง พระราชชนกจึงพระราชทานนามว่าพระนารายณ์ราชกุมาร ทรงเป็นมหาราชพระองค์หนึ่งของไทย

อ้อ! เจ้าพระยาโกษา (ปาน) คนที่เคยเป็นทูตไปฝรั่งเศสนั้น ภายหลังได้ตำแหน่งใหญ่แทนเจ้าพระยาวิไชเยนทร์ที่ถูกฆ่า แต่ตัวท่านเองถึงสมัยสมเด็จพระเพทราชาก็ถูกประหาร ท่านเป็นคนรุ่นหลานเหลนสืบเชื้อสายมอญมาจากพระยาเกียรติ พระยาราม มอญที่ถูกใช้ให้ลอบฆ่าสมเด็จพระนเรศวรที่เมืองแครงแล้วกลับสารภาพเข้าด้วยกับสมเด็จพระนเรศวร จำได้ไหม

รัชกาลที่ 4 ทรงอธิบายแก่เซอร์จอห์น เบาว์ริ่ง ราชทูตอังกฤษว่า เจ้าพระยาโกษา (ปาน) เป็นบรรพบุรุษชั้นทวดของพระอักษรสุนทร (ทองดี) พระอักษรสุนทรเป็นพระบรมราชชนกของรัชกาลที่ 1

ดังนั้นพระบรมราชจักรีวงศ์นอกจากเป็นไทยแล้ว ยังมีเชื้อสายมอญทางเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) และย้อนไปถึงพระยาเกียรติ พระยารามอีกด้วย ทั้งยังมีเชื้อสายทางจีนและมุสลิมเช่นกัน แม้แต่ราษฎรทั้งหลายในประเทศนี้ก็ระคนปนเปกัน กลืนกัน ไม่เคยแบ่งแยกเป็นเขาเป็นเรา

ชาติทั้งหลายโดยเฉพาะในอุษาคเนย์นี้ล้วนแต่สังคมเครือญาติกันทั้งนั้น แล้วจะทะเลาะกันทำไม!.

“ทศพิธราชธรรมจึงไม่ใช่เรื่องที่จะพูดถึงกันเล่น ๆ แต่เป็นสิ่งที่พระมหากษัตริย์ต้องปฏิญาณ ต้องมี และต้องรักษาไว้ให้ได้ มิฉะนั้นจะเกิดความไม่พอใจในหมู่ราษฎรและขุนนาง แม้ราชบัลลังก์มั่นคงเพียงใดก็สะท้านสะเทือนได้ ธรรมะนี้เป็นของผู้ปกครอง สมัยก่อนโน้นพระราชาเป็นผู้ปกครอง ก็เป็นธรรมะของพระราชา ต่อมารัฐบาลเป็นผู้ปกครอง ข้าราชการเป็นผู้ใช้อำนาจ จึงกลายเป็นธรรมะของนักการเมืองและข้าราชการจนบัดนี้”

วิษณุ เครืองาม
wis.k@hotmail.com

คาบูล เมืองที่ถนนไร้ชื่อ

โดย : ลิเวอร์ เบิร์ด@กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


กรุงคาบูล เมืองหลวงของประเทศอัฟกานิสถานเป็นเมืองที่มีถนนเพียงไม่กี่สายที่มีชื่อถนนและมีบ้านเพียงไม่กี่หลังที่มีบ้านเลขที่

ทำให้คนสงสัยว่าบุรุษไปรษณีย์ของเมืองนี้ทำหน้าที่ส่งจดหมายถึงผู้รับได้อย่างไรกัน



สำหรับบุรุษไปรษณีย์ของคาบูลแล้ว การเสาะหาที่อยู่ของผู้รับในเมืองที่เปรียบเสมือนเขาวงกตแห่งนี้เป็นงานที่หนักหนาสาหัสเอาการมาก เพราะคาบูลเป็นเมืองที่มีประชากรมากกว่า 4 ล้านคนและเป็นเมืองหนึ่งที่มีการสร้างบ้านและถนนขึ้นใหม่ในทุกๆ ปี และสำนักงานไปรษณีย์กลางยังไม่ได้นำระบบรหัสไปรษณีย์มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ


ซองจดหมายกองโตในที่ทำการไปรษณีย์ของกรุงคาบูลแห่งหนึ่งมีข้อมูลของผู้รับที่ระบุบนซองน้อยมาก ส่วนมากจะไม่มีการระบุบ้านเลขที่ มีแต่ข้อมูลที่ค่อนข้างคลุมเครือ จดหมายฉบับหนึ่งที่ถูกส่งมาจากประเทศสหรัฐอเมริการะบุถึงผู้รับไว้เพียงว่า “ฮามิด จาน หลังพระราชวังดารุ้ล อามาน” อีกฉบับหนึ่งจ่าหน้าว่า “หลังมัสยิดโอมาร์ จาน” ในขณะที่อีกฉบับหนึ่งระบุไว้เพียงว่า “อยู่ใกล้โรงเรียนอะล้อดดิน”


“จดหมายที่ถูกส่งมาถึงคนที่นี่มักจะไม่ระบุที่อยู่ที่ชัดเจนเสมอ คนส่งเขียนที่อยู่ของคนรับเหมือนกับว่าผมเป็นเพื่อนของผู้รับ บางครั้งกว่าจดหมายจะถึงมือผู้รับก็ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง” อาหมัด โอมิด บุรุษไปรษณีย์ของที่ทำการไปรษณีย์อัฟกานิสถานกล่าว


อาหมัดซึ่งทำงานที่ไปรษณีย์แห่งนี้มา 2 ปีโดยมีจักรยานเป็นพาหนะคู่ใจบอกว่า การจะหาตัวผู้รับจดหมายเจอนั้นขึ้นอยู่กับพื้นฐานของความรู้ส่วนบุคคลและบางครั้งต้องขอความช่วยเหลือจากคนท้องถิ่น


อาหมัดปั่นจักรยานเพื่อนำจดหมายไปส่งให้กับฮามิด จาน โดยมุ่งหน้าไปยังพระราชวังดารุ้ล อามาน ซึ่งอยู่ทางใต้ของกรุงคาบูลและเป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นเมื่อ 90 ปีที่แล้วในสมัยการปกครองของกษัตริย์อมานูเลาะห์ ข่าน ซึ่งต่อมาสถาปนาตนเองเป็นพระเจ้าชาห์


ระหว่างทางอาหมัดสอบถามข้อมูลของฮามิด จาน จากคนเกือบทุกคนที่เขาได้พบตั้งแต่ตำรวจจนถึงเด็กนักเรียน บางคนบอกว่าให้ตรงไปเรื่อยๆ บางคนก็ให้ที่อยู่ของฮามิด จานที่พวกเขารู้จัก แต่โชคร้ายที่ไม่ใช่ฮามิด จานคนที่เขากำลังตามหา


คนในอัฟกานิสถานส่วนใหญ่เป็นที่รู้จักกันโดยอาชีพของพวกเขา ฮามิด จาน ที่ถูกระบุชื่อในจดหมายฉบับนั้นปรากฏว่าเป็นพ่อค้าขายเนื้อ หลังจากขี่จักรยานท่ามกลางอุณหภูมิที่ 32 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 2 ชั่วโมง และมีการสอบถามข้อมูลจากคน 10 กว่าคน อาหมัดก็หาบ้านของฮามิดพบ


อัฟกานิสถานเข้าเป็นสมาชิกของสหภาพไปรษณีย์สากลในปี ค.ศ. 1928 และได้เริ่มต้นใช้ประโยชน์จากสถานะสมาชิก ยกตัวอย่างเช่น มีบริษัทเอกชนจำนวนหนึ่งที่ให้บริการรับส่งจดหมายและพัสดุเช่นเดียวกับหน่วยงานของรัฐ


โมฮัมหมัด ยะซิน ราห์มาติ หัวหน้าสำนักงานไปรษณีย์กรุงคาบูล กล่าวว่า ลูกค้าที่มาใช้บริการที่นี่ส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานราชการ คนทั่วไปไม่ค่อยมาเป็นลูกค้า เพราะปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย คนสามารถส่งอีเมล์ผ่านอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องมาใช้บริการของที่ทำการไปรษณีย์


โมฮัมหมัดบอกว่า ด้วยความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคจากสหภาพไปรษณีย์สากล สำนักงานไปรษณีย์อัฟกานิสถานเริ่มใช้รหัสไปรษณีย์และโครงการจัดระบบของที่อยู่เพื่อทำให้การบริการมีความทันสมัยมากขึ้น แต่มันต้องใช้เวลากว่าที่ประชาชนจะคุ้นเคยกับระบบ และการใช้รหัสไปรษณีย์จะเสร็จสมบูรณ์ต่อเมื่อมีการให้ชื่อถนนและเลขที่กับบ้านเรือนแล้ว


ความยากลำบากนี้ทำให้เกิดธุรกิจทำป้ายชื่อถนนและเลขที่บ้านขึ้น โดย อับดุล อาลี โอดารี่ พ่อค้าขายป้ายชื่อถนนและเลขที่บ้านในเขตอัฟชาร์ เกิดความคิดบรรเจิดหลังจากที่ต้องประสบความลำบากในการค้นหาสถานที่ต่างๆ


"เมื่อคนมาถึงที่นี่ พวกเขาจะเดินไปรอบๆ เป็นชั่วโมงๆ เพื่อหาสถานที่ที่ตัวเองจะไป เมื่อทางเทศบาลนครคาบูลยังไม่ได้ติดป้ายชื่อถนนและเลขที่บ้าน ผมจึงตัดสินใจทำป้ายและบ้านเลขที่ไปติดไว้ที่ถนนและบ้านเรือนที่นี่" เขากล่าว


ปัญหาที่เกิดขึ้นยังมาจากการที่เมืองคาบูลยังไม่มีแผนที่ถนนที่ทำขึ้นอย่างเป็นทางการ บางคนจึงทำแผนที่ของตัวเองขึ้นมา


ลอเรนซ์ ลิวซ่าร์ หัวหน้าขององค์กรวัฒนธรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากสถานทูตฝรั่งเศสในกรุงคาบูล รวบรวมข้อมูลสถานที่ในกรุงคาบูลโดยอาศัยข้อมูลจากคนท้องถิ่น


เธอบอกว่า มันเป็นเรื่องยากเสมอที่จะหาสถานที่ใด ๆ ก็ตามในกรุงคาบูล ถ้าเธอจะไปที่ไหนสักแห่งที่ปกติจะใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง เธอต้องเผื่อเวลาไว้ 1 ชั่วโมง โดยใช้เวลาเดินทางจริงครึ่งชั่วโมง ส่วนอีกครึ่งชั่วโมงหมดไปกับการค้นหาและถามข้อมูลจากคนท้องถิ่น


"แต่มันก็สนุก และคุณจะรู้จักคนอัฟกันมากขึ้นด้วยวิธีนี้" เธอกล่าว

ที่มา : เว็บไซต์บีบีซี

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สถานการณ์น้ำท่วม 6 ตุลา

คุก“อยุธยา”จมสนิท-สาย”เอเชีย”อัมพาต

ฝนถล่มซ้ำอยุธยาจมสนิท ท่วมคุกลอยคอย้ายนักโทษโกลาหล ถนนสายเอเชียอัมพาต ทั้งฝั่งขาเข้า-ออก

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเมื่อคืนวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมาพายุฝนได้เทกระหน่ำลงมาอย่างหนักชนิดไม่ลืมหูลืมตาเป็นเวลานานหลายชั่วโมง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น หลายอำเภอ ทำให้ในช่วงเช้าถนนสายเอเชีย ขาออก ที่จะมุ่งหน้าขึ้นสู่ภาคเหนือ แน่นขนัดไปด้วยรถยนต์นานาชนิด เนื่องจากถนนบางช่วงถูกน้ำท่วมเป็นระยะ ๆ จนต้องเหลือถนนแค่ 2 เลน จาก 3 เลน


ประกอบกับถนนสายเอเชียฝั่งตรงข้าม ขาเข้า ซึ่งถนนเลนซ้ายสุดจะวิ่งไม่ได้เพราะโดนน้ำท่วม เลยทำให้เหลือแค่ 2 เลน รถยนต์ที่จะมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ พอเจอข้างหน้าถูกน้ำท่วมสูง คนขับเลยเปลี่ยนใจเลี้ยวหันรถกลับ เลยยิ่งทำให้รถทั้งฝั่งขาเข้ากับขาออกติดขัดยาวหลายกิโล กลายเป็นอัมพาตในทันที

ขณะเดียวกันที่เรือนจำกลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระดับน้ำได้สูงถึง 1 เมตรหรือเท่ากับเอว เจ้าหน้าที่เลยได้เร่งขนย้ายนักโทษจำนวน 1700 คน โดยใช้วิธีใส่กุญแจมือลอยคอออกมาจากเรือนจำทีละ 2 คน เพื่อนำไปส่งยังเรือนจำจังหวัดต่าง ๆ 7 แห่ง โดยมีเจ้าหน้าที่เล็งปืนยาวเพื่อป้องกันไม่ให้นักโทษดำน้ำหนี ซึ่งกว่าจะขนย้ายนักโทษหมดเป็นไปด้วยความทุลักทุเล.

ด้านนายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้ดูแลพื้นที่น้ำท่วม จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา วิกฤติหนัก โดยมีบางพื้นที่ที่เป็นของภาคเอกชนหลายจุดที่ค่อนข้างจะไม่ปฏิบัติตามคำเตือนของทางราชการ ดังนั้นจะต้องเร่งรัดให้มีการเสริมแนวป้องกันให้สูงขึ้น เพราะอีก 50 เซนติเมตรก็ไม่ปลอดภัยแล้วต้องเสริมเป็นเมตร อาทิ นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค บางปะอิน และโรจนะ รวมทั้งนวนครด้วย เพื่อจะได้ไม่เกินปัญหาเหมือนนิคมอุตสาหกรรมสหนวนคร ซึ่งตอนนี้ได้มีการเตือนภัยไปแล้ว

รมว.สาธารณสุข กล่าวต่อว่า ล่าสุดได้สั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเตรียมมาตรการอพยพ ขณะเดียวกันทางภาคเอกชน คือ นายชาตรี พูนคุปวาณิชย์ ซึ่งเป็นเพื่อนของตนได้จัดอาคารพาณิชย์จำนวน 100 คูหาจะคนได้ประมาณ 1,000 ครอบครัว บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนได้อาศัย ขณะเดียวกันได้ให้ใช้พื้นที่ตลาดบริเวณสี่แยกวัดพยาธิ เป็นจุดดูแลอาหารสดเพื่อปรุงอาหารให้ประชาชนรับประทาน

นายวิทยา กล่าวด้วยว่า ผลกระทบจากน้ำท่วมขณะนี้ได้รับรายงานว่า ที่ อ.บางปะหัน น้ำท่วมสูงจากพื้น 30-40 เซนติเมตร และเพิ่มขึ้นชั่วโมงละ 1 เซนติเมตร ไม่สามารถให้บริการผู้ป่วยได้ จึงจำเป็นต้องปิดให้บริการผู้ป่วยนอก ฉุกเฉิน และผู้ป่วยในชั่วครว โดยได้มีการย้ายผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวอยู่ใน รพ. 17 รายไปรักษาต่อที่ รพ.อื่น อย่างไรก็ตามได้ระดมหน่วยแพทย์จาก รพ.วชิระภูเก็ตจำนวน 2 ทีมไปตั้ง รพ.สนาม 2 แห่ง ที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท. ระหว่าง รพ.บางประหันกับทางเข้าที่ว่าการอำเภอบางปะหันและจุดที่ 2 ต.บางขวาง อ.มหาราช

ขณะที่นางมณฑา ประณุทนรพาล ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กนอ. ได้แจ้งเตือนผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และนิคมฯ บ้านหว้า (ไฮเทค) จ.พระนครศรีอยุธยา ให้เตรียมความพร้อมรับมือกับภัยน้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากทั้งสองนิคมฯ ที่มีโรงงาน 233 ราย มูลค่าลงทุนรวม 125,312 ล้านบาท จ้างงานรวม 111,186 คน อยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง เพราะระดับน้ำขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว แต่น้ำยังไม่สามารถเข้าในพื้นที่นิคมฯหลังจากผู้เกี่ยวข้องมีการป้องกันอย่างเต็มที่

สำหรับนิคมฯ บางปะอิน เป็นนิคมฯ ร่วมดำเนินงานระหว่าง กนอ. กับบริษัทที่ดินบางปะอิน จำกัด เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2532 ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.บางปะอิน พื้นที่โครงการรวม 1,962 ไร่ ซึ่งมีโรงงานทั้งสิ้น 90 ราย จำนวนแรงงานทั้งหมด 60,000 คน มูลค่าลงทุน 60,000 ล้านบาท ประเภทอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือวิทยาศาสตร์,อุตสาหกรรมยาง พลาสติก เป็นต้น

ส่วนนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) เป็นนิคมฯ ร่วมดำเนินงานระหว่าง กนอ. กับบริษัท ไทยอินดัสเตรียลเอสเตท จำกัด เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2532 ตั้งอยู่บริเวณถนนสายเอเซีย-นครสวรรค์ อ.บางปะอิน พื้นที่โครงการรวม 2,379 ไร่ มีโรงงานทั้งหมด 143 ราย มีแรงงานทั้งสิ้น 51,186 คน มูลค่าลงทุน 65,312 ล้านบาท ประเภทอุตสาหกรรมประเภทอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือวิทยาศาสตร์, อุตสาหกรรมยาง พลาสติก เป็นต้น

“สถานการณ์น้ำท่วมเฉียบพลันในพื้นที่นิคมฯ สหรัตนนคร ซึ่งน้ำเริ่มเข้าท่วมภายในนิคมฯ ตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา ปริมาณน้ำท่วมสูงในพื้นที่ 2-3 เมตร โรงงานในพื้นที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 43 ราย ประมาณการณ์มูลค่าความเสียหายในพื้นที่กว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ผู้ประกอบการต้องปิดโรงงานก่อน 5 วัน หรือจนกว่าปริมาณน้ำจะลดลง” นางมณฑา กล่าว

ทั้งนี้นิคมฯ สหรัตนนคร เป็นนิคมฯ ร่วมดำเนินงานระหว่าง กนอ. กับบริษัท สหรัตตนนคร จำกัด เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 37 ตั้งอยู่อำเภอนครหลวง พื้นที่โครงการรวม 2,050 ไร่ พัฒนาในระยะแรก 1,441 ไร่ ซึ่งมีโรงงานทั้งสิ้น 43 ราย จำนวนแรงงานทั้งสิ้น 14,696 คน มูลค่าการลงทุน 9,472 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป้นประเภทอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือวิทยาศาสตร์, อุตสาหกรรมยาง พลาสติก เครื่องหนัง เครื่องแต่งกาย เป็นต้น สัดส่วนการลงทุน ญี่ปุ่น 70% ไทย 20% และอื่น ๆ 10%.













http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=420&contentID=168031

28จังหวัดยังระทมฤทธิ์น้ำท่วม

แม่น้ำลพบุรี-ป่าสัก และเจ้าพระยา ทะลักล้นตลิ่ง ไหลเข้าท่วมหลายจังหวัดจมบาดาล ส่วนชาวบ้านทนไม่ไหว บ้านโดนน้ำท่วมอยู่ฝั่งเดียว ลุยพังดินกั้นน้ำ


เมื่อวันที่ 5 ต.ค. นายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผอ.ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ว่า น้ำท่วมยังครอบคลุม 28 จังหวัด นอกจากนี้อีก 8 จังหวัด คือ จ.แม่ฮ่องสอน ,ตาก ,กำแพงเพชร ,จันทบุรี ,ตราด ,ระนอง ,พังงา และ จ.สุราษฏร์ธานี ในช่วง 1-2 วันนี้ให้ระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนสถานการณ์ระดับน้ำในเขื่อนใหญ่ อาทิ เขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำร้อยละ 97 ของความจุอ่าง เขื่อนสิริกิติร้อยละ 99 เขื่อนแควน้อยร้อยละ 97 และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ร้อยละ 138 ซึ่งเกินความจุของอ่างไปเรียกร้อยแล้ว


ส่วนสถานการณ์ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าแม่น้ำลพบุรี แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำเจ้าพระยาได้สูงขึ้นอีก 30 ซม. ส่งผลให้น้ำไหลเข้าท่วมเป็นพื้นที่วงกว้าง ขณะเดียวกันชาวชุมชนการเคหะริมถนนโรจนะ ฝั่งขาออก ที่ถูกน้ำท่วมสูง 1.5 เมตร แต่ถนนอีกฝั่งทางเทศบาลได้นำดินมากั้นน้ำเลยไม่ไหลเข้าไป ชาวชุมชนการเคหะเครียดที่บ้านตัวเองโดนน้ำท่วมอยู่ฝั่งเดียว เลยร่วมตัวกันกว่า 100 คน ถือจอบ เสียม เดินลุยน้ำไปพังแนวดินกั้นน้ำ เพื่อเปิดทางให้น้ำไหลเข้าไปอีกฝั่งหนึ่ง ระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่เทศบาลมาห้ามปราม เลยเกือบทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายจะมีเรื่องกัน สุดท้ายฝ่ายเทศบาลยอมให้ชาวบ้านพังดินกั้นน้ำได้ ชาวบ้านเลยสลายตัวกันไป เช่นเดียวกับอีกหลายจังหวัดที่หลายอำเภอยังจมบาดาล อาทิ จ.ลพบุรี ,อุทัยธานี ,ชัยนาท นนทบุรี และ จ.นครสวรรค์.

อยุธยา
อยุธยา
อยุธยา
อยุธยา
อุทัยธานี
สุพรรณบุรี
สระบุรี
นครสวรรค์
สุโขทัย
ภูเก็ต

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=167919

@เดลินิวส์

สตีฟ จ็อบส์

Steve Jobs
1955-2011


วันนี้มีแถลงการณ์การเสียชีวิตของสตีฟ จ็อบส์ ที่หน้าเว็บไซต์ของแอปเปิ้ล


วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ประกาศเตือนภัย
"พายุ “นาลแก”
ฉบับที่ 9 ลงวันที่ 05 ตุลาคม 2554

เมื่อเวลา 19.00 น. วันนี้ (5 ต.ค. 54) พายุดีเปรสชัน “นาลแก” บริเวณเมืองดองฮอย ประเทศเวียดนาม ได้ออ่นกำลังเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว
อนึ่ง ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกกระจายถึงเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางแห่งทางด้านภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

ประกาศ ณ วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ออกประกาศ เวลา 22.30 น.



สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
----------------------------------------------------
ประกาศเตือนภัย
"พายุ “นาลแก”"
ฉบับที่ 8 ลงวันที่ 05 ตุลาคม 2554
เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (5 ต.ค. 54) พายุดีเปรสชัน “นาลแก” บริเวณอ่าวตังเกี๋ย มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 280 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกจังหวัดนครพนม ประเทศไทย หรือที่ละติจูด 18.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 107.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 6 นอต หรือ 10 กิโลเตรต่อชั่วโมง คาดว่า จะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในคืนนี้ และจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำในระยะต่อไป
อนึ่ง ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกกระจายถึงเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางแห่งทางด้านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

ประกาศ ณ วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ออกประกาศ เวลา 16.30 น.

สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
------------------------------------------------------------

ประกาศเตือนภัย
"พายุ “นาลแก”"
ฉบับที่ 7 ลงวันที่ 05 ตุลาคม 2554
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (5 ต.ค. 54) พายุดีเปรสชัน “นาลแก” บริเวณอ่าวตังเกี๋ย มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 150 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกของเมืองวิญ ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 18.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 108.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้าๆ คาดว่า จะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในวันนี้ และจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำในระยะต่อไป
อนึ่ง ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกกระจายถึงเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางแห่งทางด้านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

ประกาศ ณ วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ออกประกาศ เวลา 11.30 น.



สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร


-----------------------------------------------------
ประกาศเตือนภัย
"พายุ “นาลแก”"
ฉบับที่ 6 ลงวันที่ 05 ตุลาคม 2554
เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (5 ต.ค.) พายุโซนร้อน “นาลแก” บริเวณอ่าวตังเกี๋ย ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 200 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกของเมืองวิญ ประเทศเวียดนาม หรือที่ ละติจูด 18.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 108.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในวันนี้ และจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำในระยะต่อไป
อนึ่ง ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้ ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

ประกาศ ณ วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ออกประกาศ เวลา 05.30 น.



สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
------------------------------------------------------------------------------
ประกาศเตือนภัย
"พายุ “นาลแก”"
ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 04 ตุลาคม 2554
เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (4 ต.ค.) พายุโซนร้อน “นาลแก” บริเวณทะเลจีนใต้ มีศูนย์กลางอยู่บริเวณเกาะไหหลำ ประเทศจีน หรือที่ ละติจูด 18.8 องศาเหนือ ลองจิจูด 109.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ ขอให้ประชาชนติดตามข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดในระยะนี้
อนึ่ง ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้ ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

ประกาศ ณ วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ออกประกาศ เวลา 15.30 น.



สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
-----------------------------------------------------------------
ประกาศเตือนภัย
"พายุ “นาลแก”"
ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 04 ตุลาคม 2554
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (4 ต.ค.) พายุโซนร้อน “นาลแก” บริเวณทะเลจีนใต้ มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 100 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ของเกาะไหหลำ ประเทศจีน หรือที่ ละติจูด 18.1 องศาเหนือ ลองจิจูด 111.1 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ ขอให้ประชาชนติดตามข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดในระยะนี้
อนึ่ง ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้ ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

ประกาศ ณ วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ออกประกาศ เวลา 11.30 น.



สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
--------------------------------------------------
ประกาศเตือนภัย
"พายุ “นาลแก”"
ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 04 ตุลาคม 2554
เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้(4 ต.ค.) พายุโซนร้อน “นาลแก” บริเวณทะเลจีนใต้ มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 250กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ของเกาะไหหลำ ประเทศจีน หรือที่ ละติจูด 18.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 112.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ในวันที่ 5 ตุลาคม นี้ ขอให้ประชาชนติดตามข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดในระยะนี้
อนึ่ง ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้ ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

ประกาศ ณ วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ออกประกาศ เวลา 05.30 น.



สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
-------------------------------------------------------------
ประกาศเตือนภัย
"พายุ “นาลแก”"
ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 03 ตุลาคม 2554
เมื่อเวลา 19.00 น. วันนี้(3 ต.ค.) พายุโซนร้อน “นาลแก” บริเวณทะเลจีนใต้ มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 300กิโลเมตร ทางตะวันออก ของเกาะไหหลำ ประเทศจีน หรือที่ ละติจูด 18.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 112.9 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ในวันที่ 5 ตุลาคม นี้ ขอให้ประชาชนติดตามข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดในระยะนี้
อนึ่ง ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้ ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

ประกาศ ณ วันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ออกประกาศ เวลา 22.30 น.



สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
-----------------------------------------------
ประกาศเตือนภัย
"พายุ “นาลแก”
 ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 03 ตุลาคม 2554

เมื่อเวลา 1530 น. วันนี้(3 ต.ค.) พายุโซนร้อน “นาลแก” บริเวณทะเลจีนใต้ มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 360กิโลเมตร ทางตะวันออก ของเกาะไหหลำ ประเทศจีน หรือที่ ละติจูด 17.7 องศาเหนือ ลองจิจูด 113.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ในวันที่ 5 ตุลาคม นี้ ขอให้ประชาชนติดตามข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดในระยะนี้
อนึ่ง ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักในระยะ 1-2 วันนี้ ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

ประกาศ ณ วันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554
ออกประกาศ เวลา 15.30 น.



สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ศรีอยุธยา (8)

ย้อนกลับไปพูดถึงสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ไม่ปรากฏว่าทรงยกสตรีใดขึ้นเป็นพระอัครมเหสี ที่จริงจะมีพระภรรยาเจ้าไม่ว่าชั้นใดหรือไม่ก็ยังไม่มีหลักฐาน อาจจะทรงเอาแต่รบทัพจับศึกก็ได้ จึงไม่ปรากฏว่ามีพระราชโอรสธิดาหรือผู้สืบเชื้อสายแต่มีเรื่องเล่าถึงสตรีที่ทรงรักตั้งแต่วัยรุ่นคือเจ้าขรัวมณีจันทร์ซึ่งได้ตามเสด็จหนีจากพม่าเข้ามาอยู่อยุธยา พงศาวดารไทยกล่าวว่าเจ้าขรัวมณีจันทร์มีชีวิตต่อมาจนถึงสมัยพระเจ้าทรงธรรม

เครื่องหมายแห่งวีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวรที่ยังปรากฏสืบมา บัดนี้เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เวลาทำพิธีบรมราชาภิเษกพระมหากษัตริย์ไทยจะเชิญออกมาประดิษฐานเป็นสิริมงคลสูงส่งคือพระแสงปืนข้ามแม่น้ำสะโตง (ใช้ยิงสุรกรรมาแม่ทัพพม่า) พระแสงดาบคาบค่าย (ใช้คาบปีนรั้วทัพพม่าขึ้นไปต่อสู้ถึงหอคอย) พระมาลาเบี่ยง (ถูกพม่าฟันหมวกจนบิ่น) และพระแสงแสนพลพ่าย (ใช้ฟันพระมหาอุปราชา) ครูควรพานักเรียนไปดู ชาติไทยเป็นเอกราชมาได้ด้วยของทั้ง 4 นี้


พระราชานุสาวรีย์มหาราชพระองค์นี้มีอยู่หลายแห่ง ที่อนุสรณ์สถานดอนเจดีย์ สุพรรณบุรีแห่งหนึ่ง ทางจังหวัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระนเรศวรไว้ใต้ถุนน่าดูนัก ที่ทุ่งมะขามหย่องนอกเกาะอยุธยาแห่งหนึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง ผมไปยืนดูทีไรน้ำตาซึม พระเดชพระคุณท่วมหัวจริง ๆ เจ้าประคุณเอ๋ย และที่หน้ากองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะชานกรุงใกล้แค่นี้เองอีกแห่งหนึ่ง ครูโรงเรียนไหนยังไม่รู้จักพานักเรียนไปชมให้ได้สักแห่ง ผมว่าน่าเสียดาย!


ได้เล่าแล้วว่าสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมได้ครองราชย์ต่อจากสมเด็จเจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ พระราชโอรสสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงเป็นกษัตริย์อยุธยาพระองค์ที่ 22 และเป็นลำดับที่ 5 ในราชวงศ์สุโขทัย ก่อนจะได้ราชสมบัติเป็นเจ้าชั้นลูกเธอของสมเด็จพระเอกาทศรถ แต่บางคนเชื่อว่าดีไม่ดีอาจเป็นลูกเธอของสมเด็จพระนเรศวรด้วยซ้ำ ที่แน่คือพระชนนีมิได้เป็นพระอัครมเหสี มิฉะนั้นคงได้ครองราชย์ก่อนสมเด็จเจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ไปแล้วเพราะพระชนมายุมากกว่าและฉลาดหลักแหลมกว่าเจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ เมื่อแรกประสูติเป็นพระอินทราชาภายหลังพระราชชนกคงเกรงจะก่อความยุ่งยากในการสืบราชสมบัติจึงให้ออกผนวชและไปประทับที่วัดระฆัง (บัดนี้คือวัดวรโพธิ์ยังมีอยู่) จนได้เป็นพระราชาคณะชื่อพระพิมลธรรม


สมณศักดิ์พระพิมลธรรมสมัยอยุธยาตอนนั้นอาจไม่ใหญ่โตนัก แต่มาถึงกรุงรัตนโกสินทร์จนถึงบัดนี้เป็นสมณศักดิ์ของพระราชาคณะชั้นรองสมเด็จ 1 ใน 4 ที่สำคัญในแผ่นดินคือพระพิมลธรรม พระธรรมวโรดม พระพรหมมุนี และพระอุบาลีคุณูปมาจารย์

พระพิมลธรรมจะสึกก่อนนำพระและทหารเข้ายึดอำนาจจากสมเด็จพระศรีสรรเพชญ (ที่ 4) หรือจะยึดอำนาจจากสมเด็จเจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์แล้วจึงลาผนวชภายหลังยังสับสนอยู่ แต่พิเคราะห์ดูเหตุผลแล้วน่าจะสึกก่อน จะครองผ้าเหลืองวิ่งจีวรปลิวเข้ายึดอำนาจแล้วสั่งสำเร็จโทษสมเด็จเจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ได้กระไร ครองราชย์แล้วทรงพระนามว่าสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม คำแปลใกล้เคียงกับธรรมราชาตามคตินิยมสุโขทัยฝ่ายพระราชบรรพบุรุษ

สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามากตามประสาคนเคยบวชเรียน ในรัชกาลนี้มีการค้นพบรอยพระพุทธบาทที่สระบุรี ถ้าว่าตามตำนานจะพิลึกพิลั่นมาก แต่ถ้าดูให้เป็นวิทยาศาสตร์และรัฐศาสตร์เข้าใจว่าอาจทำขึ้นเพื่อเหตุผลทางการเมืองให้คนคร้ามเกรงก็ได้ว่าพระเจ้าแผ่นดินพระองค์นี้มีบุญ พอขึ้นเป็นใหญ่ก็ได้พบของศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง โปรดฯ ให้สร้างมณฑปครอบและมีพระราชพิธีจัดขบวนเสด็จพระราชดำเนินเป็นการใหญ่ไปทรงนมัสการพระพุทธบาทมาทุกรัชกาลตลอดสมัยอยุธยา จะว่าเป็นปูชนียสถานสำคัญที่สุดในสมัยอยุธยาก็ว่าได้


สมัยนั้นการคบค้ากับต่างประเทศเริ่มมีมากโดยเฉพาะกับเปอร์เซีย ฮอลันดาซึ่งเราเรียกว่าวิลันดา อังกฤษ และญี่ปุ่น จนถึงกับเข้ามาตั้งห้างและเข้าเป็นทหาร นายห้างฮอลันดาคนหนึ่งชื่อฟอนฟลีต เราเรียกว่าวันวลิตเข้ามาค้าขายในอยุธยาจนเข้านอกออกในราชสำนักได้ วันวลิตได้เรียบเรียงจดหมายเหตุเล่าถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสมัยนั้นไว้อย่างละเอียดได้ความรู้เป็นอันมากและน่าเชื่อถือด้วย

คนสำคัญในสมัยนั้นที่ควรกล่าวถึงคือพ่อค้าเปอร์เซียนับถือศาสนาอิสลามชื่อเฉกอาหมัด (เฉก คือ ชีค) แล่นเรือเข้ามาจากเมืองกุม (ปัจจุบันอยู่ในอิหร่าน) นำสินค้าเข้ามาค้าขายจนมั่งคั่ง ทรงนับเป็นพระสหาย เพราะนอกจากคงจะช่วยอุดหนุนราชการด้านทรัพย์สินเงินทองแล้วยังเป็นกำลังหลักช่วยควบคุมดูแลพวกมุสลิมต่างพระเนตรพระกรรณ อีกด้วย คราวพวกญี่ปุ่นก่อการขบถจะจับพระองค์ขณะเสด็จลงทรงฟังพระสอนบาลีก็ได้ท่านผู้นี้ช่วยจนทรงรอดพ้นไปได้จึงโปรดฯให้เป็นเจ้าพระยาบวรรัตนนายกเทียบเท่าอัครมหาเสนาบดีแต่ไม่ต้องทำราชการใด ๆ

ลูกหลานของท่านเป็นกำลังสำคัญของบ้านเมืองมาทุกยุคสมัยจนตราบถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ยากที่จะหาวงศ์ตระกูลใดในประเทศนี้เสมอเหมือน เฉกอาหมัดผู้นี้คือต้นตอบ่อเกิดสกุลบุนนาคครับ!

คนสำคัญอีกคนเป็นข้าราชการที่สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมทรงไว้วางพระราชหฤทัยมาก ในรัชกาลนี้ได้เป็นพระยาศรีวรวงศ์ ประวัติยังอึมครึมอยู่ ว่ากันว่าอาจเป็นพระราชโอรสสมเด็จพระเอกาทศรถประสูติจากสาวชาวบ้านธรรมดา บ้างก็ว่าอาจเป็นญาติข้างแม่ของพระเจ้าทรงธรรมจึงมิได้เป็นเจ้ามาแต่กำเนิด เอาเป็นว่าต่อไปท่านได้เป็นเจ้าพระยามหาเสนาซึ่งใหญ่ยิ่งมากในรัชกาลหน้า และยังได้ครองราชสมบัติเป็นกษัตริย์เริ่มพระราชวงศ์ใหม่อีกด้วย

เมื่อสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมสวรรคต พระยาศรีวรวงศ์ได้ยกราชสมบัติถวายสมเด็จพระเชษฐาธิราช พระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ทั้งที่ความจริงพระศรีศิลป์ น้องชายสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมเข้าคิวรออยู่ สมเด็จพระเชษฐาธิราชเป็นกษัตริย์องค์ที่ 23 ตัวพระยาศรีวรวงศ์เองมีคุณงามความดีได้เป็นเจ้าพระยามหาเสนา สมุหพระกลาโหม คนทั่วไปเรียกว่าเจ้าพระยากลาโหม มีอำนาจมากเพราะเป็นคนตั้งพระเจ้าแผ่นดิน

ตอนต้นรัชกาลพระศรีศิลป์ยกทัพมาก่อการขบถทวงราชสมบัติแต่ถูกจับได้และนำตัวไปสำเร็จโทษที่วัดโคกพระยา วันหนึ่งเจ้าพระยากลาโหมจัดงานศพมารดา ผู้คนไปร่วมงานทั้งอยุธยา สมเด็จพระเชษฐาธิราชกริ้วว่าเป็นแค่อัครมหาเสนาบดีคนยังประจบเอาใจขนาดนี้ บางทีอาจทรงริษยาด้วยจึงทรงระแวงว่าเจ้าพระยากลาโหมอาจเป็นขบถ ทรงแสร้งเรียกให้มาเฝ้าฯด่วนแต่เจ้าพระยากลาโหมรู้ทันประกาศก้องว่าท่านเองได้ทำราชการมาด้วยความจงรักภักดี บัดนี้พระเจ้าแผ่นดินกล่าวหาว่าจะเป็นขบถก็จะขอเป็นขบถล่ะ ว่าแล้วก็คุมผู้คนที่ภักดีเข้าจับสมเด็จพระเชษฐาธิราชปลงพระชนม์เสียที่วัดโคกพระยา

ขุนนางยกราชสมบัติให้เจ้าพระยากลาโหมแต่ท่านไม่ยอมรับกลับแสดงอาการว่าจงรักภักดีโดยขอถวายพระอาทิตยวงศ์ พระราชโอรสอีกพระองค์ของพระเจ้าทรงธรรมขณะนั้นพระชันษา 10 ปี สมเด็จพระอาทิตยวงศ์ กษัตริย์พระองค์ที่ 24 ยังเด็กนัก วัน ๆ เอาแต่เล่นไม่เป็นโล้เป็นพาย หกเดือนต่อมาขุนนางก็พร้อมใจกันถอดสมเด็จพระอาทิตยวงศ์ พงศาวดารกล่าวว่า “จำจะยกพระอาทิตยวงศ์ลงเสียจากเศวตฉัตร”แล้วมอบราชสมบัติให้เจ้าพระยากลาโหมขึ้นครองราชย์ให้รู้แล้วรู้รอด คราวนี้ท่านยอมรับ เป็นอันสิ้นสุดวงศ์พระร่วงและเริ่มพระราชวงศ์ใหม่

กษัตริย์พระองค์ใหม่นี้ชื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปราสาททอง รัชกาลที่ 25 แห่งอยุธยา แต่ความที่ยังหาหลักฐานเชื่อมโยงกับราชวงศ์สุโขทัยซึ่งเริ่มตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระมหาธรรมราชาไม่ได้ จึงถือว่าเป็นการเริ่มราชวงศ์ใหม่ นักประวัติศาสตร์เรียกว่าราชวงศ์ปราสาททอง

คำว่า “ปราสาททอง” ไม่ใช่พระนาม แต่เป็นเพราะรัชกาลนี้โปรดฯ ให้สร้างพระมหาปราสาทจักรวรรดิไพชยนต์ปิดทองทั้งหลังซึ่งเป็นเรื่องแปลกในสมัยนั้น คนทั้งปวงจึงเรียกว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปราสาททอง

พระเจ้าปราสาททองฉลาดหลักแหลมแต่ดูจะมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวอยู่ การยกพระเชษฐาธิราชขึ้นเป็นกษัตริย์แทนที่จะถวายพระศรีศิลป์จะมองว่าเป็นการรักษากฎเกณฑ์ก็ได้ แต่ความจริงพระศรีศิลป์มีความสามารถและมีพระชนมายุสูงกว่าพระเชษฐาธิราชมาก ขุนนางเองก็ไม่ได้ยอมรับพระเชษฐาธิราชเท่าไรนัก การคุมกำลังมายึดอำนาจจากพระเชษฐาธิราชอ้างว่าถูกกล่าวหาก่อนว่าจะเป็นขบถก็ยังน่าคิดว่าพระเชษฐาธิราชอาจมีเหตุควรระแวงก็ได้ การยึดอำนาจจากพระเชษฐาธิราชแล้วทำทีถวายราชสมบัติแด่พระอาทิตยวงศ์ทั้งที่รู้ว่าเป็นเด็กอาจยกย่องเพื่อทำลายง่าย ๆ ภายหลังก็ได้คล้าย ๆ ที่ทหารปฏิวัติแล้วยกพลเรือนเป็นนายกฯ ต่อไปค่อยหาเหตุปลดนายกฯ อีกที ด้วยเหตุนี้คนสมัยก่อนเช่นรัชกาลที่ 5 เคยทรงตั้งข้อสังเกตว่าพระเจ้าปราสาททองอาจจะเป็นคนช่างอุบายและมีมารยากระมัง!

ในรัชกาลนี้มีการกวาดล้างข้าราชการและเจ้านายสมัยราชวงศ์ก่อนเป็นอันมากจนแทบจะหาข้าราชการไม่ได้ต้องรับคนต่างชาติเข้ามาทำราชการ

พระเจ้าปราสาททองมีน้ององค์หนึ่งรู้จักไว้ตรงนี้ก่อนว่าชื่อพระศรีสุธรรมราชา แต่ไม่โปรดฯ ให้ทำราชการสำคัญอันใด มีพระราชโอรสประสูติตั้งแต่ก่อนครองราชย์คือเจ้าฟ้าไชยและมีพระราชโอรสชั้นเจ้าฟ้าหลัง
ครองราชย์แล้วชื่อพระนารายณ์ราชกุมาร

พระเจ้าปราสาททองเป็นคนสร้างวัดไชยวัฒนาราม (บัดนี้เหลือแต่ซากแต่สมบูรณ์และสวยงามมากกลางคืนประดับไฟน่าดู) วัดชุมพลนิกายารามและพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ที่บางปะอิน


ก่อนสวรรคตพระเจ้าปราสาททองประชวรหนักแต่ทรงมอบพระขรรค์ให้เจ้าฟ้าไชยประหนึ่งว่าเป็นการมอบราชสมบัติ เจ้าฟ้าไชยได้เป็นกษัตริย์องค์ที่ 26 แต่ความสัมพันธ์กับพี่ป้าน้าอาและน้อง ๆ ในพระราชวงศ์ไม่ดีนัก พระนารายณ์ราชกุมารจึงนำทหารเข้ายึดอำนาจและปลงพระชนม์สมเด็จเจ้าฟ้าไชยพี่คนละแม่ แล้วยกพระเจ้าอาคือพระศรีสุธรรมราชาเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 27 ส่วนพระองค์เองเป็นพระมหาอุปราช

สมเด็จพระศรีสุธรรมราชามีนิสัยไม่ดีสมกับที่พระเจ้าปราสาททองไม่ไว้วางใจ แทนที่จะเมตตาพระนารายณ์กลับวางตัวเป็นใหญ่ วันหนึ่งจะปลุกปล้ำพระน้องนางของพระนารายณ์ซึ่งความจริงก็เป็นหลานอา พระนารายณ์จึงเข้ายึดอำนาจจับสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาไปสำเร็จโทษตามธรรมเนียมกษัตริย์ที่วัดโคกพระยา แล้วขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 28 ทรงพระนามว่าสมเด็จพระนารายณ์

บัดนี้เริ่มแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ มหาราชอีกพระองค์ แผ่นดินนี้กรุงศรีอยุธยาเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด เสียดายที่แต่แล้วตอนปลายกลับตกต่ำลงจนค่อย ๆ ถึงแก่กาลอวสานในเวลาต่อมา.

วิษณุ เครืองาม
wis.k@hotmail.com
@เดลินิวส์ 4 ตุลาคม 2554

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สถานการณ์น้ำท่วม

อัพเดตสถานการณ์น้ำท่วม  3 ตุลาคม 54
News Mthai

17.05 น. กรมอุตุฯ : ขณะนี้พายุโซนร้อนนาลแกอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะไหหลำ ประเทศจีนแล้ว และคาดว่ากำลังจะขึ้นฝั่งประเทศเวียดนาม จะ ส่งอิทธิพลให้เกิดฝนตกหนักในประเทศไทยตั้งแต่เย็นวันนี้ต่อเนื่องไปจนถึงวัน ที่ 8 ตุลาคม ในเขตภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคเหนือตอนล่าง เช่นที่จังหวัดสุโขทัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน
16.50 น. อยุธยา : น้ำท่วมหลากตามทุ่งนาในเขต อ.มหาราช ได้บ่าข้ามทุ่งในในเขต ต.บ้านขล้อ อ.บางปะหัน สูงกว่า 3 ม.
- ยังมีน้ำหลากจากแม่น้ำป่าสักมาทางต.บางพระครู น้ำท่วมจากแม่น้ำลพบุรีมาจาก ต.ทางกลาง อ.บางปะหัน และจากคลองบางพระครู ที่เชื่อมแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำลพบุรี ไหลมาจ่อล้อมนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครทุกด้าน ส่งผลให้สาวโรงงานที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว ต้องขนข้าวของหนีน้ำท่วมสูงกว่า 1 ม. ออกมาที่ถนนใหญ่

16.25 น. กระทรวงเกษตร ฯ : เตือนกรมชลฯ เฝ้าระวังปริมาณน้ำที่ผ่าน อ.บางไทร จ. นครสวรรค์ ในช่วงที่น้ำทะเลจะหนุน สูงในช่วงระหว่างวันที่ 16 – 17 ต.ค. นี้
- เตือน กทม. , นนทบุรี และปทุมธานี เตรียมรับมือสถานการณ์ดังกล่าวด้วย
14.25 น. เชียงใหม่ : อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ประกาศ สั่งให้อพยพชาวบ้านขึ้นพื้นที่สูงด่วน หลังปริมาณน้ำในเขื่อนผากั๊บใกล้ล้น
11.55 น. ตาก : ระดับ น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เหลืออีกประมาณ 2 เมตรน้ำจะล้นเขื่อน โดยขณะนี้มีน้ำกักเก็บ 12,741 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือ 94.64 % และระดับน้ำยังมีมาก และสูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้ว่าสั่งอพยพชาวบ้านที่อยู่ใกล้บริเวณเขื่อนแล้ว
10.45 น. เชียงใหม่ : หมู่ที่ 1 บ้านแม่ลอง , หมู่ที่ 2 บ้านท่าข้ามใต้ , หมู่ที่ 9 บ้านห้วยส้มป่อย และหมู่ที่ 12 บ้านหลังกาด ต.หางดง อ.ฮอด ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านกว่า 350 ครัวเรือนเดือดร้อนหนัก ชาวบ้านหลาย 10 คน ติดอยู่ในบ้าน ขณะเดียวกัน มีชาย 1 คน ตกน้ำสูญหาย
- ฝนที่ตกหนักทำให้แม่น้ำแม่แจ่มและน้ำปิงทะลักเข้าน้ำท่วมถนนฮอด-เชียงใหม่ บริเวณคอสะพานบ้านท่าข้าม
- ถนนสายฮอด-แม่สะเรียงกิโลเมตรที่ 4, 5, 9, 12, 15 รถยนต์ไม่สามารถผ่านไปมาได้ จึงขอแจ้งไปยังผู้ที่จะเดินทางไปยัง อ.แม่เสรียง จ.แม่ฮ่องสอน ให้ใช้เส้นทาง อ.แม่ริม-แม่มาลัยแทน
น้ำ ป่าจากเทือกเขาได้ไหลลงสู่แม่น้ำแจ่ม ก่อนทะลักเข้าสู่ตัวอำเภอแม่แจ่ม บ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรเสียหาย ระดับน้ำเริ่มทรงและลดลงแล้ว หากไม่มีฝนตกอีกคาดว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ
10.30 น. ลำปาง : น้ำท่วมเข้าสู่ สนามบินลำปางแล้ว สั่งยกเลิกเที่ยวบิน จนกว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ
09.10 น. อยุธยา : โบราณสถานป้อมเพชร ใน ต.หอรัตนไชย อ.เมือง ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้เกิดน้ำท่วมทะลักเข้ามา ในตัวโบราณสถานแล้ว
09.00 น. ลำปาง : 6 อำเภอของจังหวัดประกอบด้วย อ.เกาะคา เสริมงาม ห้างฉัตร งาว สบปราบและเมือง ฝนตกหนักต่อเนื่อง จนเกิดน้ำท่วม
- ตำบลพิชัย ตำบลพระบาท และเขตตัวเมืองลำปาง ใน อำเภอเมือง โดยเฉพาะ ชุมชนป่าขาม ชุมชนสุขสวัสดิ์ ชุมบ้านกาดเมฆ หมู่บ้านทองประเสริฐ และบ้านผาลาด
น้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนเดือดร้อนกว่า 100 หลังคาเรือน
……………………………………………………………………………………….
2 ตุลาคม 54
19.00 น.  กรุงเทพฯ :ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมผู้บริหาร กล่าวภายหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณท่าเตียน ท่าราชวรดิษฐ์ ท่าช้าง ว่า ขณะนี้ระดับน้ำอาจเพิ่มสูงขึ้น แต่เชื่อ กทม.จะสามารถรับมือได้ มั่นใจช่วงที่อิทธิพลพายุนาลแก ที่จะเข้าประเทศไทย 4-5 ตุลาคมนี้ เชื่อ กทม.จะรับมือได้เช่นกัน
18.00 น. ปทุมธานี-นนทบุรี :ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติได้ประกาศเตือนภัย โดยระบุว่าในวันที่ 2 ต.ค. 2554 อาจเกิดน้ำล้นตลิ่งในบริเวณเลียบคลองรังสิต จ.ปทุมธานี และบริเวณริมฝั่งแม่น้ำนอกเขตคันกั้นน้ำ จ.นนทบุรี ดังนั้นจึงขอให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชน พื้นที่เฝ้าระวังและติดตาม  ข้อมูลต่อไป
15 .15 น. นครสวรรค์ : แม่น้ำปิงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงมากยิ่งขึ้น ทางเทศบาลจึงเร่งเสริมแนวกระสอบทรายให้สูงขึ้นอีก เตรียมรับมือกับน้ำจำนวนมากที่ไหลลงสู่เจ้าพระยา เพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าท่วมชุมชนเศรษฐกิจ
14.30 น. ลพบุรี :นายกรัฐมนตรี บินสำรวจเส้นทางการไหลของน้ำบริเวณพื้นที่ภาคกลาง พบบางจุดมีน้ำเน่าเสีย สั่งนำน้ำยาจุลินทรีย์ไปโปรยในจุดที่น้ำเน่าเสีย โดยเฉพาะที่จังหวัดลพบุรีนายกฯ สั่งโปรยจุลินทรีย์แก้น้ำเน่าเสียลพบุรี
13.54 บุรีรัมย์ : ปภ.บุรีรัมย์ ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้วอีก 6 อำเภอ ได้แก่ อ.พุทไธสง อ.แคนดง อ.สตึก อ.ลำปลายมาศ อ.ละหานทราย และ อ.โนนดินแดง หลังได้มีฝนตกกระจายทั่วทุกพื้นที่ของจังหวัด ติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับน้ำเหนือของ จ.นครราชสีมา และ จ.ชัยภูมิ ได้ไหลมาสมทบกับลำน้ำมูล และลำน้ำมาศ ซึ่งเป็นแหล่งรับน้ำทำให้มีปริมาณหนุนสูงขึ้น และได้เอ่อท่วมถนน นาข้าว ของเกษตรกรที่กำลังออกรวง ใกล้เก็บเกี่ยวในหลายพื้นที่ จึงเตือนให้ราษฎรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ได้ระมัดระวังน้ำท่วมฉับพลัน 
12.41 น. เลย : ในทุกอำเภอของจังหวัดเลย ได้เกิดน้ำท่วมขังตามถนนสายต่างๆ อย่างฉับพลัน โดยเฉพาะเขตอำเภอเมืองเลย ในเขตเทศบาลเมืองตั้งแต่เช้า มีฝนตกหลายชั่วโมง  ทำให้รถเล็กไม่สามารถสัญจรไป-มาได้ ถนนทุกเส้นในเทศบาลเมืองเลยใช้งานไม่ได้
10.00 น. : 4 เขื่อนยักษ์ วิกฤตรับน้ำเกินความจุ สั่งอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย
จากอิทธิพลของพายุเนสาด ส่งผลให้เขื่อนภูมิพล จ.ตาก เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร และเขื่อนอุบล รัตน์ จ.อุบลราชธานี วิกฤตรับน้ำเกินความจุแล้วจำต้องรีบเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อนเป็นการด่วน ส่งผลให้หลายจังหวัดซึ่งอยู่ใต้เขื่อนจมน้ำต้องอพยพชาวบ้านหลายหมื่นคนไป อยู่ที่สูงอย่างเร่งด่วน
09.22 น. ลำปาง : น้ำป่าทะลักท่วม 4หมู่บ้าน ในตกาะคา .จ.ลำปางส่งผลให้บ้านเรือน200หลังต้องจมน้ำ ขณะที่กรมทรัพยากรธรณี (ทธ.)ได้ประกาศให้เฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคเหนือ 8 จังหวัดได้แก่ จังหวัด ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน และพิษณุโลกในช่วง 1-2วันนี้
………………………………………………………………………………………..

1 ต.ค. 54
17.10 น. กำแพงเพชร : จากการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลลงสู่แม่น้ำแม่ปิง เพิ่มเป็นวันละ 10 ลบ.ซม. ส่งผลให้ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง , อ.โกสัมภีนคร ,อ.คลองขลุง และ อ.ขาณุวรลักษบุรี  และเทศบาลเมืองกำแพงเพชร โดยเฉพาะที่ลุ่ม อาจถูกน้ำท่วมขัง
17.00 น.กรมอุตุฯ : เตือนพายุไต้ฝุ่น “นาลแก” จะเข้าประเทศไทย 5-6 ต.ค. นี้
16.00น. กทม. : เตือนน้ำทะเลหนุนเกือบทั้งเดือน ประกอบกับปริมาณน้ำในเขื่อนปีนี้เต็มเกือบทุกเขื่อน อีกทั้งวันที่ 4 และ 5 ตุลาคมนี้จะมีพายุดีเปรสชั่นนาลแกเข้ามา ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางของประเทศไทย  กรุงเทพมหานครจึงเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
11.15 น. ศภช. : เตือน อ.เมือง อ.แม่จัน เชียงราย อ.ปง อ.เชียงคำ พะเยา , อ.ท่าวังผา อ.เมือง น่าน,หนองคาย พังงา เฝ้าระวังดินถล่ม-น้ำป่าไหลหลาก1-3ตุลานี้
11.00 น. ชลบุรี : ประกาศ ให้ 10 อ. ได้แก่ อำเภอเมืองชลบุรี พนัสนิคม เกาะจันทร์ พานทอง บ่อทอง ศรีราชา บ้านบึง บางละมุง สัตหีบ และอำเภอหนองใหญ่ เป็นเขตภัยพิบัติแล้ว (คลิกดูรายละเอียด)
09.45 น. อุตุฯเตือนฉ.9 : พายุโซนร้อน “เนสาด” (NESAT) ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน พายุลูกนี้ส่งผลทำให้ด้านตะวันออกของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงราย น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน 1-2 วันนี้
………………………………………………………………………………………………………………………………
30 กันยายน 54
17.21 กรมอุตุนิยมวิทยา :เผย พายุเนสาดเคลื่อนเข้าเวียดนามแล้ววันนี้ ประกาศเตือน 1-2วันนี้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น สั่งประชาชนพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังภัยน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 30 กันยายน -1 ตุลาคม นี้
14.44 น. ลพบุรี :
กรมชลฯ เตือน ลพบุรี – อยุธยา เตรียมรับมือน้ำท่วม เนื่องจากระดับน้ำจะสูงขึ้นอีก ช่วงวันที่ 3-4 ตุลาคมนี้
13.55 น.พิจิตร : แม่ น้ำน่านเอ่อเข้าท่วม พื้นที่ชุมชนราชรถ เขตเทศบาลเมืองพิจิตร และตำบลคลองคะเชนทร์ ในเขตเมืองพิจิตร ระดับน้ำยังคงท่วมสูง และขยายทางน้ำท่วมกินบริเวณกว้างอย่างต่อเนื่อง
09.43 น.  อยุธยา : น้ำจากเจ้าพระยายังเอ่อล้น อำเภอบางไทร เกิดปัญหาทรายกั้นน้ำขาดตลาด
09.40 น. ลำปาง : ผู้ว่าฯเตือน ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ทางน้ำไหลผ่าน และที่ลุ่มริมแม่น้ำในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนัก
09.30 น. อุตุเตือน ฉ.5
คาดว่าพายุเนสาดนี้จะเคลื่อนตัวขึ้นชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในวันนี้ ขอให้ติดตามข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดต่อไป
ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้บริเวณ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จังหวัดนครนายก จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ยังคงมีฝนตกหนักในบางพื้นที่
………………………………………………………………………………………………………………………………
29 กันยายน 54
16.15 น. ลำปาง : ผู้ว่าฯ ประกาศเขตภัยพิบัติ ใน 7 อำเภอ  คือ อ.เมือง , อ.เถิน , อ.ห้างฉัตร , อ.เมืองปาน , อ.งาว , อ.วังเหนือ และ อ.เกาะคา
16.05 น. ศสอ. : เตือน อาจมีสถานการณ์น้ำหลากที่ ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ บ้านแม่สาย ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย รวมถึงต้องเฝ้าระวังติดตามการเคลื่อนตัวของพายุไต้ฝุ่นเนสาด ที่จะเข้าอ่าวตังเกี๋ย วันพรุ่งนี้ (30 ก.ย.)
14.47 น. น้ำจากคลองรังสิต ทะลักเข้าพื้นที่กรุงเทพแล้ว
น้ำเหนือไหล่บ่าจาก คลองรังสิตไหล่บ่าข้ามกระสอบทราย เข้าพื้นที่ริมถนนโลคัลโรดแล้ว ระดมเจ้าหน้าที่จำนวน 40 นาย และทหารจากปตอ.พัน 7 จำนวน60 นาย มาช่วยเหลือในการป้องกันน้ำเข้าท่วมในเขตกรุงเทพมหานคร
12.39 น. ตาก : เขื่อนภูมิพลใกล้ล้น รับน้ำได้อีกแค่ 7.76 เปอร์เซ็นต์  ประชาชนที่อาศัยอยู่ใต้เขื่อน เริ่มกังวลในความมั่นคงของเขื่อนภูมิพล ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เตรียมจัดซ้อมแผนอพยพและเตือนภัยประชาชนที่อาศัยบริเวณใต้เขื่อน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
11.24 น. เตือน 9 จังหวัดฝนตกหนัก 29-30 ก.ย.
ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เตือน 9 จังหวัด ในภาคตะวันออกและภาคใต้ ประกอบด้วย นครนายก จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนัก 29-30 กันยายนนี้
11.00 น. กาฬสินธุ์ : น้ำจากลำน้ำพานและปาวหลงทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรกว่า 80 หลังคาเรือน นายอำเภอเมืองเร่งอพยพชาวบ้านมาอาศัยในที่สูง
09.31 น. ชัยนาท : ชัยนาทยังท่วมหนัก ฝนตกต่อเนื่อง ทำน้ำระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีพื้นที่ จ.ชัยนาท รับผลกระทบหนัก รวมทั้งสิ้น 8 อำเภอ
09.20 น. กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัย พายุเนสาด ฉบับที่ 1
เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (29 ก.ย. 54) พายุไต้ฝุ่นเนสาด (NESAT) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.1 องศาเหนือ ลองจิจูด 113.2 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 120 กม./ชม. พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือ ด้วยความเร็วประมาณ 18 กม./ชม. คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ยในวันที่ 30 ก.ย. 54 ขอให้ติดตามข่าวจาก กรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดต่อไป
ส่วนมรสุม ตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้บริเวณ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครนายก จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ยังคงมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าว ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้น สำหรับคลื่นลมในทะเล
อันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
09.00 น. เชียงใหม่ : จ.เชียงใหม่ยังวิกฤติแม่น้ำปิงยังเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ และขยายวงกว้าง ทั้งย่านถนนเจริญประเทศ ถนนช้างคลาน ย่านการค้าตลาดไนน์บาร์ซ่า ระดับน้ำบางจุดสูงเกือบ 2 เมตร สูงในรอบ 110 ปี
………………………………………………………………………………………………………………………………
28 กันยายน 54
17.55 น. กรมอุตุฯ : ขณะ นี้พายุ “ไห่ถาง”เคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ ประกอบมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ซึ่งจะทำให้ภาคเหนือด้านตะวันตก ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก จะยังมีฝนตกหนักต่อไป
17.20 น. ชัยนาท : ลือ!! เขื่อนเจ้าพระยาแตก กรมชลยันแข็งแรงดี
กรมชลประทาน ได้ออกมาชี้แจงว่า เขื่อนเจ้าพระยา มีความมั่นคงแข็งแรงดีและยังใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ [อ่านรายละเอียด]
14.43 น. เชียงใหม่ : ระดับน้ำปิงทะลุจุดวิกฤติ 4.20 เมตร เอ่อล้นบางจุดในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ชาวบ้านแห่ขนกระสอบทรายกั้นพื้นที่ ทหารส่งกำลังเข้าข่วยเหลือแล้ว
14.10 น. ปิดทางหลวงหมายเลข 117 พิจิตร-พิษณุโลกทั้งขาขึ้นขาล่อง หลังน้ำท่วมสูงเกือบ 60 ซม.
13.35 น. บุรีรัมย์ : ชาวบ้าน ต.หายโศก อ.พุทไธสง เร่งเกี่ยวข้าวที่กำลังออกรวงน้ำเอ่อท่วมถนนสูงกว่า1ม.ระยะทางกว่า3ก.ม.ชาวบ้านถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
13.32 น. อุตรดิตถ์ : ระดับน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ อยู่ที่161.5 ม.จากที่เก็บกักสูงสุด162ม.คิดเป็น 98.65%
13.30 น. สิงห์บุรี : ปิดทางหลวงหมายเลข 1 หลังน้ำท่วมทำคอสะพานคลองเชียงรากขาดยาว 30ม.
13.19 น. ชัยภูมิ : อิทธิพลพายุไห่ถาง ฝนตกในพื้นที่มาต่อเนื่องไม่หยุดตลอด 3 วัน ทำน้ำในน้ำชีทะลักเข้าท่วมพื้นที่ อ.หนองบัวระเหว,บ้านเขว้า,จัตุรัส,เนินสง่า และเขตรอยต่อในต.ชีลอง,ต.หนองนาแซง และเขตรอยต่อเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ อ.เมืองชัยภูมิ
11.50 น. พบแล้ว 4 ศพ!! น้ำป่าที่ แม่แตง จ.เชียงใหม่
ความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุน้ำป่าถล่ม ต.เมืองก๋าย อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซึ่งล่าสุด เจ้าหน้าที่ค้นหาบริเวณลำห้วยก๋ายน้อย พบแล้ว 4 ศพ เป็นชาย 3 ศพ หญิง 1 ศพ ยังสูญหายอีก 1 ศพ เป็นเด็กหญิงวัย 9 ขวบ
11.32 น. ระนอง : อิทธิพลพายุหมุนเขตร้อนไห่ถาง ทำให้ฝนตกหนักน้ำป่าจากเทือกเขาพระนารายณ์ ไหลเข้าท่วมในพื้นที่ อ.กะเปอร์ ท่วมสวนปาล์มกว่าพันไร่
11.30 น. ลำปาง : นายธรรมรักษ์ เชียงพรม นายกอบต. ไหล่หิน อ.เกาะคา ได้ประกาศแจ้งเตือน ให้ชาวบ้าน ใน 4 ตำบล คือ ต.ไหล่หิน ต.ท่าผา ต.ใหม่พัฒนา ต.เกาะคา ที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้ ลำน้ำแม่ยาวที่ไหลผ่าน เตรียมพร้อมรับมือ น้ำท่วมฉับพลัน
11.27 น. สุโขทัย : ชาวสุโขทัยขนของหนีน้ำโกลาหล ใน ต.บ้านแก่ง และ ต.แม่สิน อ.ศรีสัชนาลัย หลังฝนตกหนัก จนทำให้น้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ท่าแพไหลไปรวมกับน้ำป่า ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วม เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา
10.20 น. อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร  : อิทธิพลของพายุเนสาดจะส่งผลถึงประเทศไทย ทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน
- ขณะนี้ ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศ ทรัพยากรน้ำและการเกษตร คาดการณ์เช่นกันว่า อิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นเนสาดจะทำให้เกิดฝนตกหนักมากในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน ถึงวันที่ 2 ตุลาคม ซึ่งจะทำให้สถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ รวมทั้งกรุงเทพมหานคร มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดน้ำท่วมในฝั่งตะวันออก และเขตธนบุรี
09.50 น. ลพบุรี : ถนนสายบ้านแพรก -ลพบุรี ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ถูกน้ำจากแม่น้ำลพบุรีไหลเข้าท่วมได้รับความเสียหาย ระดับน้ำเพิ่มสูงอีก 20 ซ.ม. ส่งผลให้การจราจรตั้งแต่ ต.โรงช้าง อ.มหาราช ไปจนถึง ต.โพธิ์เก้าต้น อ.เมือง จ.ลพบุรี ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร ถูกน้ำท่วมตลอดสาย
- ตั้งแต่ ต.สำพะเนียง อ.บ้านแพรก ไปจนถึงเขตติดต่อ จ.ลพบุรี มีน้ำท่วมสูงกว่า 40 เซนติเมตรแล้ว
09.25 น. เชียงใหม่ : น้ำป่าไหลท่วมบ้านก่ายน้อย หมู่ 1 ต.เมืองก๋าย อ.แม่แตง มีผู้สูญหาย 5 คน
- อ.สันทราย อ่างเก็บน้ำแม่แฝกและห้วยแก้ว ได้เกิดน้ำล้นไหลทะลักเข้าท่วม 7 หมู่บ้าน จำนวน 200 ครัวเรือน
- ถนน สายขุนแจ๋เวียงป่าเป้า เขตติดต่อ อำเภอดอยสะเก็ดเชียงใหม่ และ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย รถก็ไม่สามารถผ่านไปได้เช่นกัน
- น้ำท่วมบริเวณบ้านป่าไม้จนไปถึงสายแม่แฝก อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ทำให้รถไม่สามารถผ่านไปได้
- กรมชลฯ แจ้ง น้ำอาจล้นแม่น้ำแม่ปิง ท่วมเชียงใหม่ เที่ยงนี้ 
สำนักงานชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ประกาศเตือนปชช.ในเขตเมืองเชียงใหม่เตรียมการรับมือแม่น้ำปิงล้น ตลิ่ง ล่าสุดระดับน้ำที่ p1 สะพานนวรัฐวัดได้ที่ 3.63 ม.จากจุดวิกฤต 3.70 ม. คาดเที่ยงวันนี้น้ำจากอ.เชียงดาว-อ.แม่แตงจะหนุนให้น้ำในแม่น้ำปิงทะลุจุด วิกฤตที่ 3.70ม.และเริ่มล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนป่าพร้าวนอก ต.ป่าแดด ต.ช้างคลานในเชียงใหม่ เร่งนำกระสอบทรายเพิ่มสร้างแนวกำแพงในจุดที่ลุ่ม ย่านเศรษฐกิจไนท์บาร์ซาร์ ช้างคลานรวมถึงจัดเตรียมกระสอบทรายแจ้งจ่ายให้กับประชาชน รับมือน้ำปิงล้นตลิ่งในช่วงบ่ายวันนี้ โรงเรียนพหฤทัยเชียงใหม่ประกาศแจ้งผู้ปกครองกลับมารับบุตรหลานกลับบ้าน
……………………………………………………………………………………………………………………………
27 กันยายน 54 
18.20 น. ตราด - นายฉลอง พันธุนาคิน  หัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานที่ กช.4 น้ำตกคลองพลู  อ.เกาะช้าง จ.ตราด  กล่าวว่า ได้ประกาศปิดการท่องเที่ยว ภายในบริเวณน้ำตกคลองพลูชั่วคราวก่อน เพราะอาจจะมีการเกิดกระแสน้ำป่าไหลหลาก จากบนภูเขา ลงมาสู่ด้านล่างโดยฉับพลัน  ในช่วงที่มีฝนตกลงมาติดต่อกันหลายวัน
14.30 น. อุตุประกาศเตือนภัย ฉบับที่ 5 พายุไห่ถาง
เมื่อ เวลา 10.00 น. วันนี้ (27 ก.ย. 54) พายุดีเปรสชัน“ไห่ถาง” (Haitang) บริเวณเมืองเว้ ชายฝั่งประเทศเวียดนาม มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 16.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 107.5 องศาตะวันออก หรือทางด้านตะวันออกของจังหวัดมุกดาหาร ห่างประมาณ 300 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้าๆ คาดว่า พายุนี้จะอ่อนกำลังลงอีกและจะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศลาวและภาคตะวันออกเฉียง เหนือของประเทศไทยในวันนี้ (27ก.ย.54) บริเวณจังหวัดมุกดาหารและอำนาจเจริญ
ลักษณะ เช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนหนาแน่นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่กับมีลมแรง
จึง ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ที่ราบลุ่มและใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้
- วันที่ 27 กันยายน 2554 ในบริเวณจังหวัดแพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย พิจิตร กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก เลย นครพนม ขอนแก่น ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด นครราชสีมา บุรีรัมย์ มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครสวรรค์ ลพบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี สระบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
- วันที่ 28 กันยายน 2554 ในบริเวณจังหวัดลำปาง ลำพูน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย พิจิตร กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก เลย ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา นครสวรรค์ ลพบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี สระบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ชาวเรือ ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 27- 29 กันยายน 2554
14.20 น. อยุธยา : วิกฤตหนักแม่น้ำทุกสายไหลบ่าถล่มบ้านเรือน วัดโรงเรียน ถนน จมน้ำ ส่วนคลองชลประทานขาดทะลักท่วมทุ่งข้าวนาปี
13.30 น. ปทุมธานี : บ้าน 4 หลัง ในหมู่บ้านชวนอยู่ ถ.เลียบคลองแปด ม.8 อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ทรุดตัว และพบอีก 8 หลัง มีรอยร้าว ประกาศเป็นเขตพื้นที่เสี่ยงภัย ห้ามเข้าโดยเด็ดขาด
11.00 น. เชียงใหม่ : เกิดเหตุดินถล่ม ในพื้นที่หมู่ 5 บ้านม่อนเงาะ ต.เมืองก๋าย อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ 3-4 จุด 3-4 จุด ปิดเส้นทางสัญจรโดยแต่ละจุดยาว 50-60 เมตร สาเหตุเกิดจากฝนตกหนักมากตลอดทั้งคืน ดินจึงอ่อนตัวและทรุดลงมา ถือเป็นเหตุการณ์ดินถล่มหนักที่สุดในรอบ 20 ปี
10.30 น. อ่างทอง : น้ำทะลักใต้ถนนเข้าชุมชนศาลากลางอ่างทอง
นายฉัตรชัย เย็นทรวง ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองอ่างทอง ระดมกำลังสามล้อเครื่องขนกระสอบทรายจากถนนใหญ่เข้ามาในซอยบ้านรอซึ่งติดอยู่ กับศาลากลางจังหวัดอ่างทอง เพื่ออุดน้ำทะลักลอดใต้ถนนคอนกรีตไหลเข้าบ้านเรือนประชาชนและมุ่งหน้าสู่ ศาลากลางจังหวัดอ่างทอง
09.15 น. ลพบุรี – น้ำท่วม หนัก 3  อำเภอ คือ อ.เมือง อ.ท่าวุ้น และ อ.บ้านหมี่ สูงเฉลี่ยกว่า 1 เมตรครึ่ง และไม่สามารถระบายออกได้ โดยมีปริมาณเพิ่มขึ้นวันละ 10-40 ซ.ม.
09.05 น. กทม. - ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเริ่มล้นตลิ่ง ท่วมบ้านเรือนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำแล้ว
09.00 น. นครสวรรค์ - น้ำท่วมรางรถไฟปากน้ำโพธิ์ ถึงบึงบอระเพด ข.9 กรุงเทพ-เชียงใหม่ สูง 25 ซ.ม. จึงปิดให้บริการแต่คาดว่าจะเปิดให้ใช้ได้ตามปกติ ภายในเวลาเที่ยงวันนี้ (27 ก.ย.)
08.55 น. อุตุฯเตือนฉบับ 4
พายุ โซนร้อน “ไห่ถาง” (Haitang) มีศูนย์กลางที่ละติจูด 16.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 107.5 องศาตะวันออก หรืออยู่ทางด้านตะวันออกของจังหวัดมุกดาหาร ประมาณ 300 กิโลเมตร ทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลัง แรงขึ้นทำให้บริเวณด้านตะวันออกและตอนล่างของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกเป็นบริเวณกว้างและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่กับมีลม แรง
……………………………………………………………………………………………………………………………
26 ก.ย.54
18.40 น. สิงห์บุรี - ที่ตลาดปากบาง ต.พรหมบุรี ระดับน้ำยังสูงถึง 2.30 เมตร ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ของสิงห์บุรี ยังทรงตัว
18.35 น. นครสวรรค์ - อ.พยุหะคีรี ต้องทนกับสภาพน้ำท่วมขังมากว่า 1 สัปดาห์แล้ว
- อ.ชุมแสง สถานการณ์ก็ยังวิกฤติ โดยเฉพาะที่ ต.ทับกฤช น้ำยังท่วมสูงมิดหลังคาบ้าน
17 40 น. เตือน 25 จว.รับมือฝนตกหนัก 26-28 ก.ย.นี้
ศูนย์ เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เตือน 26-28 ก.ย.นี้ จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากกับจะมีพายุลมแรง โดยเฉพาะ จ.มุกดาหาร จ.ยโสธร จ.อำนาจเจริญ จ.อุบลราชธานี จ.นครพนม จ.หนองคาย จ.บึงกาฬ จ.ขอนแก่น จ.ชัยภูมิ จ.นครราชสีมา จ.กาฬสินธุ์ จ.มหาสารคาม จ.ร้อยเอ็ด จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ จ.บุรีรัมย์ จ.ระยอง จ.จันทบุรี จ.ตราด จ.ระนอง จ.พังงา จ.ภูเก็ต จ.กระบี่ จ.ตรัง และจ.สตูล จึงขอให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยงภัยและ ติดตามข้อมูลจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง
14.00 น. ศูนย์เตือนภัยพิบัติ : เตือน!! พายุจ่อเข้าอีก 2 ลูก
ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ประกาศเตือนให้เฝ้าระวังพายุโซนร้อนไห่ถาง ซึ่งจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนวันพรุ่งนี้ ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และ พายุไต้ฝุ่นเนสาด อาจเคลื่อนตัวถึงไทยในอีก 3-4 วันข้างหน้า จึงขอให้ระวังอันตรายจากน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม
11.00น. ร้อยเอ็ด - น้ำจากลำน้ำชีไหลก้อนใหญ่พังพนังกั้นน้ำรอบหมู่บ้านดินแดง หมู่ 4 ตำบลดงสิงห์ อำเภอจังหาร ขาดเป็นทางยาว 2 ช่วงๆละ 40 เมตร ท่วมทั้งหมู่บ้าน 124 หลังคาเรือน ระดับน้ำสูง 1-2 เมตร ชาวบ้านหนีตายขนของหนีน้ำจ้าละหวั่น
09.35 น. พิจิตร - เมื่อคืนที่ผ่านมาน้ำป่าจากเทือกเขาวังทองและเทือกเขาเพชรบูรณ์ไหลมาบรรจบ กัแม่น้ำน่านที่ล้นตลิ่ง ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นเป็น 1.30 ม. ส่งผลให้น้ำไหลท่วม 4 ตำบล ของ อ.เมืองพิจิตร ประกอบด้วย ต.ท่ารอด ต.ป่ามะค่า ต.ท่าหลวง และหมู่บ้านจัดสรร ในเขตเทศบาลเมืองพิจิตร ซึ่งถนนถูกตัดขาด ประชาชน เกือบ 1,000 ครัวเรือน ต่างต้องเร่งรีบขนย้ายสัตว์สิ่งของหนีน้ำกันอย่างอลหม่าน
09.30 น. ชัยนาท – อ.สรรพยา อ.เมือง อ.วัดสิงห์ และ อ.มโนรมย์น้ำยังท่วมขัง ผู้ว่าฯห่วง น้ำเหนือไหลสมทบแม้จะเปิดประตูระบายน้ำทั้ง 16 บานแล้วก็ตาม
08.25 น. พายุไห่ถางเข้าเวียดนาม เตือนอีสานฝนตกหนัก
ศูนย์ เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ประกาศเตือนพายุโซนร้อนไห่ถาง ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ห่างจาก จ.นครพนม ประมาณ 800 กม. จะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบนวันที่ 27 ก.ย.นี้ ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ได้แก่ จ.นครพนม มุกดาหาร สกลนคร หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี และหนองบัวลำภู
……………………………………………………………………………………………………………………………
25 ก.ย. 54
22.45น. กาฬสินธุ์ : น้ำ ท่วมหนัก 8 อำเภอ บ้านเรือนกว่า 1,500 หลังคาเรือนถูกน้ำท่วมสูง 2 เมตร ถนนหลายสายถูกตัดขาดประชาชนเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ โดยเฉพาะในเขตรอยต่อตำบลหนองสรวง ตำบลหนองบัว ตำบลเสาเล้า อ.หนองกุงศรี และ ตำบลบึงนาเรียง อ.ห้วยเม็ก และตำบลโนนศิลา ต.โนนแหลมทอง อ.สหัสขันธ์
18.24 น. ปราจีนบุรี : น้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้ไหลทะลักเข้าท่วมถนนเอเชียหมายเลข 1 หรือ 33 สุวรรณศร หลักกิโลเมตรที่ 174 -177  อยู่ในพื้นที่เทศบาลตำบลโพธิ์งาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี สูงราว 50-70 ซม. ส่งผลให้รถยนต์สัญจรผ่านได้อน่างลำบาก และทำให้การจราจรติดขัดเป็นระยะทางยาวกว่า 3 กม.
17 .30 น. นครสวรรค์ : รางรถไฟสานเหนือระหว่างสถานีรถไฟปากน้ำโพ-สถานีรถไฟบึงบอระเพ็ด และระหว่างสถานีทับกฤษ-คลองปลากด ถูกน้ำจากบึงบอระเพ็ดไหลเข้าท่วมรางสูง 10 เซนติเมตรเป็นระยะทางยาว 300-500 เมตรทั้ง 2 จุด ส่งให้ขบวนรถไฟทั้งรถโดยสารและรถขนส่งสินค้าทุกขบวน ต้องใช้ความเร็วต่ำได้เพียง 5 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่านั้น ส่งผลให้การเดินทางล่าช้าไปกว่ากำหนดอย่างน้อย 1-3 ชั่วโมง ขณะที่สถานีรถไฟนครสวรรค์เผย หากน้ำท่วมสูงกว่า 15 เซนติเมตรก็จะปิดการเดินรถไฟทันที เนื่องจากคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลัก

14.00 น. กรมชลฯ :
กรม ชลประทานออกประกาศประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำป่าสักให้ระวังภัยน้ำ ท่วมเชื่อมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นใน 1-2 วันนี้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีรุดดูน้ำท่วมที่ลพบุรีบอกเสียใจเห็นประชาชนเดือดร้อน เล็งขออนุมัติงบเพิ่ม วอนร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน
11.31 น. ลพบุรี :ผู้ ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ประกาศเตือนชาวบ้านเตรียมรับน้ำก้อนใหญ่ท่วมตัวอำเภอบ้านหมี่ หลังจากแนวคันดินมโนรมพัง และไม่สามารถหยุดหรือชะลอน้ำจากประตูบางโฉมศรีได้  คาดระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีก สั่งเพิ่มคันดินล้อมรอบ
09.30 น. กรมอุตุฯ : เผยอีสานตอนล่าง-ตะวันออกฝนตกชุก
กรมอุตุฯ เผยภาคอีสานตอนล่างและตะวันออกมีฝนตกชุกกับมีฝนตกหนักมากได้บางพื้นที่ 11จว.ระวังน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าหลาก กทม.ฝนคะนอง 70%
……………………………………………………………………………………………….
24 ก.ย. 54
18.40 น.ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.)
เตือนอ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และ อ.เถิน จลำปาง เสี่ยงน้ำป่าดินถล่ม24-25ก.ย.นี้
14.00 น. ลำปาง -  ลำห้วยแม่มอญไหลหลากท่วมบ้านเรือนราษฎร บ้านศรีดอนมูล ม.2 และ บ้านหลวง ม.5 ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง หลังจากเมื่อกลางอึก เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง จนถึงช่วงเช้าวันนี้  ระดับน้ำ สูงประมาณ 50 เซนติเมตร และยังไหลท่วมโรงเรียนบ้านหลวง ด้วย
12.15 น. : ประกาศจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.)
- เตือนจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ นครนายก และปราจีนบุรี เสี่ยงอุทกภัย และระดับน้ำยังไม่ลด
- จังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด เสี่ยงต่อน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม
- ในระยะ 1-2 วันนี้(24-25 ก.ย.) ภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงไปอาจจะมีปริมาณฝนตกหนักให้ระวังน้ำ ท่วมฉับพลันหรือน้ำท่วมขัง
 10.15  น. เชียงใหม่ : น้ำป่าทะลัก ดินถล่ม เด็กตาย 1คน สูญหายอีก 3 คน
09.40 น.ชัยนาท- 4 อำเภอติดเจ้าพระยา น้ำท่วมหนัก  เพราะว่า จ.นครสวรรค์ และอุทัยธานี ยังคงระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง ในเขตเทศบาลตอนนี้ ต้องตั้งคันกั้นน้ำสูงถึง 2 เมตร เพื่อป้องกันน้ำทะลักเข้าท่วมตัวเมือง
…………………………………………………………………………………………………………
23 ก.ย. 54 
17.50 น. อุทัยธานี - น้ำท่วมหนักในตำบลเกาะเทโพ และ ตำบลท่าซุง ชาวบ้านต้องใส่ชูชีพ
15.15 น. ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.)
รอง ผอ. ศอส. เตือนประชาชนว่า ในช่วงวันที่ 23-25 ก.ย. ให้รับมือฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม ในบริเวณอาศัยใกล้พื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่ม ใน 47 จังหวัด ได้แก่
แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี หนองบัวลำภู เลย หนองคาย อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ชัยภูมิ นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง
15.12 น. มหาสารคาม :  ได้ประกาศเขตภัยพิบัติน้ำท่วมเพิ่มขึ้นอีก 3 อำเภอ คือ ที่ อ.ชื่นชม บรบือ และ อ.กุดรัง รวมประกาศเขตภัยพิบัติน้ำท่วมแล้ว 9 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง กันทรวิชัย โกสุมพิสัย เชียงยืน นาเชือก พยัคฆภูมิพิสัย ชื่นชม บรบือ และ อ.กุดรัง  รวม 71 ตำบล 639 หมู่บ้าน 30 ชุมชน ราษฎรเดือดร้อน 145,145 คน 40,178 ครัวเรือน
15.00 น.ปภ. : เตือน47จังหวัด เหนือ และอิสาน ระวัง ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในช่วงวันที่ 23-25 ก ก.ย.นี้  หลังมีฝนตกหนัก จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยหมั่นสังเกตสัญญาณผิดปกติทาง ธรรมชาติ
เช่น น้ำในลำธารเปลี่ยนสีเป็นสีเดียวกันกับดินบนภูเขา ฝนตกหนักนานเกินกว่า 6 ชั่วโมง  ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มีต้นไม้ขนาดเล็กไหลปนมากับน้ำ เป็นต้น ให้สันนิษฐานว่าอาจเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มขึ้นได้ ให้รีบอพยพออกจากพื้นที่ในทันที
14.55น. ลพบุรี :หลาย พื้นที่ยังมีน้ำท่วมหนักอย่างต่อเนื่อง หลังประตูน้ำบางโฉมศรี อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี พัง ทำให้ประชาชนกว่า 4,000 ครอบครัวไม่มีที่อยู่อาศัยต้องหอบข้าวของขึ้นมาจับจองที่พักบนถนนสาย 3028 หรือถนนสายบางงา-บ้านหมี่ ด้านเจ้าหน้าที่สั่งเร่งช่วนเลือ และอพยพคนป่วย-คนชรา เป็นการด่วน
09.55 น. พิษณุโลก - แม่น้ำน่านช่วงไหลผ่านเมืองพิษณุโลกจะทรงตัวสูงที่ระดับ 10.92 ม.ต่อไปอีก 2-3 วัน และได้ปรับลดอัตรการระบายน้ำแล้ว
- ขณะที่ปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ จ. อุตรดิตถ์ ขณะนี้อยู่ที่ 98% แล้ว แต่จะไม่มีผลกระทบต่อ จ.พิษณุโลก เนื่องจากเป็นการระบายไล่หลังน้ำจากน้ำปาด และคลองตรอน และสภาพโดยรวมของแม่น้ำน่านเมืองพิษณุโลกจึงคงต้องทรงตัวสูงอย่างนี้อีกหลาย วัน
09.30น. พิจิตร – น้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ไหลสะสมในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ทำให้ปริมาณน้ำท่วมสูง จนถึงเส้นทางการเดินทางรถไฟ ด้านทิศตะวันออก ในขณะที่ด้านทิศตะวันตกก็มีน้ำจากแม่น้ำน่าน ล้นตลิ่ง และมาบรรจบกับน้ำป่า
-โดย มีรางรถไฟเป็นแนวกั้นน้ำระหว่างน้ำป่า และน้ำจากแม่น้ำ โดยบางจุด น้ำได้ล้นท่วมเส้นทาง ช่วงระยะทางระหว่าง สถานีตะพานหิน ถึง ห้วยเกตุ ระยะทาง 2 กิโลเมตร ระดับน้ำท่วมถึงหมอนรางรถไฟ และในช่วงระหว่างสถานีพิจิตร ถึงสถานีท่าฬ่อ เป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร ส่งผลใหืการเดินรถไฟช้ากว่ากำหนดทราว 15 นาที ทุกขบวน
09.25 น. อุบลราชธานี : น้ำป่าจากเทือกเขาพนมดงรัก ไหลทะลักท่วม 22 หมู่บ้าน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักระดับน้ำมีความสูงกว่า 1 เมตร
09.20 น. ชัยนาท : น้ำไหลเชี่ยวกัดเซาะถนนเลียบคันคลองมหาราช ต.หาดอาษาอ.สรรพยา ถ.ขาดเป็นระยะ ชาวบ้านต.ตลุกย้ายมาเพิงพักบนถ.บางส่วนย้ายไปบนถ.เอเชีย
09.00น. กาฬสินธุ์ : สถานการณ์น้ำล้นเขื่อนลำปาว เข้าสู่จุดวิกฤติ เขื่อนรับน่ำเต็มความจุ 100% คือ  1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร
ส่งผลให้พื้นที่ท้ายน้ำ ฝั่ง อ.เมือง อ.สหัสขันธ์ บ้านเรือนประชาชน รวมถึง สถานที่ท่องเที่ยวถูกน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร และยังขยายวงกว้างไปถึง อ.หนองกุงศรี ซึ่งมีบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วม และ 108 หลังคาเรือน ใน 3 ตำบล 4 หมู่บ้าน
……………………………………………………………………………………………….
22 ก.ย. 54
17.15 น. พิจิตร แม่น้ำแม่น้ำยม ในเขตเทศบาลตำบลโพทะเล ที่สถานีวัดน้ำ Y. 5 ระดับน้ำเพิ่มขึ้น 3 เซนติเมตร ระดับน้ำอยู่ที่ 8.96 เมตร สูงกว่าจุดวิกฤติอยู่ 2.01 เมตร
- แม่น้ำน่านระดับน้ำแม่น้ำน่าน ที่บ้านราชช้างขวัญในเขต อ.เมืองพิจิตร ที่สถานีวัดน้ำ N. 7A ระดับน้ำ เพิ่มขึ้น 1 เซนติเมตร ระดับน้ำอยู่ที่ 11.53 เมตร สูงกว่าจุดวิกฤติ 1.32 เมตร
17.10 น. ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและ การบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.)
เตือน ช่วงวันที่ 22 – 23 ก.ย.จะมีฝนตกหนักใน 15 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ ลพบุรี สระบุรี เลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด
17.10 น. อ่างทอง เจ้าหน้าที่เร่งป้องเขตเศรษฐกิจ หลังน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นจนเกินจุดวิกฤติ
17.00น. ลพบุรี ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมทั้งจังหวัดแล้ว
15.22 น. ตาก : ระดับน้ำในเขื่อนภูมิพล ขณะนี้อยู่ที่ 89% การระบายน้ำยังทรงตัว
- อุตรดิตถ์ : เขื่อนสิริกิติ์ ระดับน้ำมีมากถึง 97%
- พิษณุโลก : ปริมาณน้ำในเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน อยู่ที่ระดับ 99% แล้ว จากการเร่งระบายน้ำ จึงอาจส่งผลต่ออำเภอวัดโบสถ์ ได้
- ลพบุรี : เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ระดับอบุ่ที่ 116% แต่ฝนก็ยังตกอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การระบายในครั้งนี้ อาจก่อให้เกิดน้ำท่วมหนักขึ้นในบริเวณพื้นที่ท้ายเขื่อนทั้งในจังหวัดลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อำเภอท่าเรือ และนครหลวง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
15.20 น. ชัยภูมิ : มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของอำเภอเมือง บ้านเขว้าและอำเภอจัตุรัส ยังคงไม่คลี่คลาย โดยน้ำมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ
15.18 น. อุบลราชธานี : ระดับน้ำแม่น้ำมูล ที่จุดวัดระดับน้ำสะพานเสรีประชาธิปไตย สูงกว่าตลิ่งเพิ่มขึ้น ส่งผลให้น้ำที่ท่วมขังชุมชนราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำมูลรวม 22 ชุมชน
- เขตเทศบาลนครอุบลราชธานีและเทศบาลเมืองวารินชำราบ บางชุมชน น้ำสูงกว่า 1.50 เมตร
15.15 น. สิงห์บุรี : เร่งถมหินซ่อมประตูระบายน้ำพระงาม อ.พรหมบุรี แต่น้ำยังคงไหลท่วมบ้านเรือนประชาชนอยู่
15.10 น. อ่างทอง : หลังเปิดประตูระบายน้ำยางมณี น้ำล้นข้ามถนนสายวัดสามประชุม ตำบลบางระกำ อำเภอโพธิ์ทอง เข้าท่วมพื้นที่อย่างรวดเร็ว เพียงไม่ถึงชั่วโมงระดับน้ำเพิ่มน้ำสูงกว่า 1 เมตร
11.10 น. พิษณุโลก : น้ำจากแม่น้ำยมยังไหลผ่านอำเภอบางระกำ จนน้ำล้นตลิ่งสูงเกือบ 4 เมตร
11.05 น. พิจิตร : อำเภอสามง่มน้ำล้นตลิ่ง สูง 76 ซ.ม.
11.00 น. พระนครศรีอยุธยา : ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ในอำเภอบางบาล มีน้ำไหลผ่านเพิ่มขึ้น 1,258 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ล้นตลิ่ง 43 ซ.ม.
10.00 น. นครราชสีมา : ปริมาณน้ำในลำน้ำมูลเอ่อล้น ท่วมบ้านเรือนใน ต.สัมฤทธิ์ อ.พิมาย สูงกว่า 60 ซ.ม.
………………………………………………………………………………………………….
21 ก.ย. 54
19.00 น. นครสวรรค์ : ถนนหลายสายไม่สามารถผ่านได้ อาทิ นครสวรรค์ ต่อเขตแขวงการทางฯพิจิตร , ทางเลี่ยงเมือง นครสวรรค์ด้านตะวันตก , สายนครสวรรค์ ชุมแสง ,สายลาดยาว – วังซ่าน , ทางหลวงหมายเลข 1 -บรรพตพิสัย , บรรพตพิสัย ต่อเขตแขวงกำแพงเพชร ,นครสวรรค์ – โกรกพระ , โกรกพระ – อุทัยธานีและช่วงทางแยกเข้าตลาดพยุหะคีรี
- ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น 3 ซ.ม.
- ที่สถานีวัดน้ำ C 2 ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง มีหลายแห่งที่น้ำเริ่มล้นคันกั้น
14.20 น. พระนครศรีอยุธยา
- น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ป่าสัก ลพบุรี และแม่น้ำน้อย เพิ่มสูงขึ้น 5-10 ซ.ม.
- ชาวบ้านใน อ.บางปะอิน , อ.บางบาล ,อ.ผักไห่ และอำเภอเสนา ที่อศัยริมแม่น้ำ ระดับน้ำสูงขึ้น 2-4 ม. เจ้าหน้าที่เร่งนำประสอบทรายมากั้น
- น้ำเหนือไหลมาถุงส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น กรมศิลปากรเตรียมรับมือ ป้องกันโบราณสถาน
- หน้าวัดพนัญเชิง ระดับน้ำสูงกว่าด้านในวัน 1.50 ม.
 14.00 น.ประกาศจากกรมอุตุฯ ฉบับที่ 9
- ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทย ในช่วงวันที่ 21-23 กันยายน นี้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัด ปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย
- ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีฝนหนาแน่น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากได้บางพื้นที่
โดย เฉพาะบริเวณจังหวัดเพชรบูรณ์ ลพบุรี สระบุรี เลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด
-สำหรับทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน จะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในระยะ
10.25 น.อุทัยธานี : ต.เกาะเทโพ อ.เมือง พื้นที่ 14,000 ไร่ ประสบภาวะน้ำท่วมหมด ผู้ว่าฯแจง อำเภอเมือง ทั้งหมด ถูกน้ำท่วมไปแล้วกว่า 80%
10.10 น. ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.)
แจ้งว่า ในวันที่ 21-22 กันยายนนี้ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยรวม 14 อำเภอ ประกอบด้วย
อ.หล่มสัก อ.หล่มเก่า อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์
อ.ด่านซ้าย จ.เลย
อ.ชาติตระการ อ.วังทอง อ.เนินมะปราง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก
อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น
อ.ขลุง อ.มะขาม อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี
และอ.เขาสมิง อ.บ่อไร่ จ.ตราด

10.00 น. ชัยนาท : พนังกั้นน้ำบ้านดักคะนนพังน้ำทะลักเข้าท่วม ต.ธรรมามูล-เขาท่าพระ-เสือโฮก อ.เมือง
………………………………………………………………………………………………..
20 กันยายน 54
18.00 น. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)
เตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่ม รวม 36 จังหวัด ได้แก่
แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี หนองบัวลำภู เลย หนองคาย อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ขอนแก่นมหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร ชัยภูมิ นครราชสีมา สุรินทร์ และบุรีรัมย์
เตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในช่วงวันที่ 20-25 ก.ย.นี้
- ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย และดินถล่มสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784
16.39 ลพบุรี : รองผอ. ศอส. ได้สั่งเตือนประชาชนในพื้นที่ท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ฯ  และชุมชนริมฝั่งแม่น้ำ ให้ระมัดระวังและเตรียมสิ่งของหนีน้ำ เหลังกรมชลฯ เตรียมปล่อยน้ำออกจากเขื่อนป่าสักฯ เนื่องจากขณะนี้ปริมาณน้ำได้มีมากเกินความจุของเขื่อนแล้ว โดยอยู่ที่ร้อยละ 111   ส่วนสถานการณ์น้ำจากเขื่อนต่างๆ ทั่วประเทศนั้น เขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำร้อยละ 88 ของความจุอ่างฯ,เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำร้อยละ 96 และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาณน้ำร้อยละ 99 เป็นต้น
15.55 น. อยุธยา : ตำรวจตระเวนชายแดนกว่า 100 นาย ช่วยกันจัดนำกระสอบทราบจำนวนกว่า 100,000 ใบมาเสริมบนสันเขื่อนดินหน้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อป้องกันน้ำท่วม แม้ระดับน้ำสูงกว่าพื้นวัดเกือบ 1 เมตร แต่น้ำยังไม่เข้าท่วมพื้นที่วัด เพราะว่าเขื่อนดินหน้าวัดที่สูงกว่า 1 เมตร ยาวเกือบ 800 เมตร สามารถทำหน้าที่ป้องกันน้ำได้
 15.15 น.   น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เห็นชอบให้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่ม และภัยแล้ง เพื่อป้องกันและแก้ไขอย่างบูรณาการ
15.05 น. อุบลราชธานี : น้ำในลำน้ำมูลเริ่มเอ่อเข้าท่วมในที่ราบลุ่ม ทำให้ราษฎรที่อาศัยอยู่ต่ำกว่าตลิ่งได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับการสัญจรไป มา ที่อยู่อาศัย และเครื่องอุปโภค-บริโภค ขณะนี้ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งสูงกว่าระดับตลิ่งและระดับเตือนภัยอยู่ 2.27 เมตร
ส่วนแม่น้ำโขงระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและระดับต่ำกว่าตลิ่งอยู่ เพียง 0.26 เมตร ส่งผลกระทบให้การระบายน้ำจากแม่น้ำมูลลงสู่แม่น้ำโขงไม่สะดวก
14.25 น. พิษณุโลก : ระดับน้ำแม่น้ำน่าน ได้มีระดับสูงถึง 10.89 เมตร และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดระดับน้ำน่าน ได้ทะลักเข้าท่วมบ้านชาวบ้านหมู่ที่ 7 ต.วัดจันทร์ อ.เมือง บางจุดระดับน้ำสูงกว่า 70 ซม. ทำให้ชาวบ้านต้องใช้เรือพาย ออกมาบนที่สูง มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกว่า 20 หลังคาเรือน
13.50 น.ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.)
- สรุปสถานการณ์อุทกภัยใน 25 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี อุบลราชธานี ยโสธร เลย ขอนแก่น มหาสารคาม ศรีสะเกษ ฉะเชิงเทรา นครนายก ตาก และปราจีนบุรี
- ผู้เสียชีวิต 132 ราย สูญหาย 2 ราย
11.25 น. น่าน : ระดับน้ำหน้าที่ว่าการอำเภอเฉลิมพระเกียรติ สำนักงานพัฒนาชุมชน กศน. สำนักงานท้องถิ่น และ งานผ่านแดน เริ่มลดระดับลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังชั้นล่างของตัวอาคารและยังมีน้ำป่าจากเทือกเขาไหลเข้า สมทบอย่างช้าๆ ตลอดทั้งวัน ขณะนี้ต้องสั่งปิดสถานที่ดังกล่าว
11.20 น. กาฬสินธุ์ : ขณะนี้ระดับน้ำในเขื่อยลำปาวอยู่ที่ 92% หรือ 1,820 ล้าน ลบ.ม. จึงต้องเร่งระบายน้ำออกถึงวันละ 7 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งได้ส่งผลให้เกิดน้ำเอ่อล้นทั้งจากแม่น้ำปาว ด้าน อ.ยางตลาด อ.เมือง อ.กมลาไสย และแม่น้ำชีด้าน อ.ฆ้องชัย อ.ร่องคำ มีพื้นที่นาข้าวเสียหายกว่า 5.5 หมื่นไร่ และน้ำบางส่วนได้เริ่มไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ราบลุ่ม
09.55 น. ปภ.ชลบุรี : จะ มีร่องมรสุมพัดผ่านประเทศไทย ขอให้ประชนระมัดระวังฝนตกหนักในระยะนี้ เตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในช่วงนี้ โทร 038-278031-2หรือสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง 
09.25 น. อุทัยธานี : ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสะแกกรัง เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง 4 ตำบล ในเขตอำเภอเมืองอุทัยธานียังวิกฤต  ผู้ว่าราชการจังหวัด เตรียมลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนใน ต.หาดทนง อ.เมือง
07.30 น. อุตุฯ : ประกาศเตือนภัยฉบับที่ 5 ฝนตกหนักช่วง 20-23 ก.ย.
ประกาศเตือนภัย “ฝนตกหนักบริเวณประเทศไทย ” ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 20 กันยายน 2554
บริเวณ ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบนทำ ให้ร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดตอนกลางของประเทศไทยในช่วงวันที่ 20-23 กันยายน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีฝนเพิ่มมากขึ้นกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากได้บาง พื้นที่ จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ที่ราบลุ่ม และใกล้ทางน้ำไหล ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่เกิดขึ้นได้ สำหรับทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน จะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ เรือขนาดเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะ2-4 วันนี้
……………………………………………………………………………………………..
19 กันยายน 2554
17.40 น. ตาก : เขื่อนภูมิพลรับน้ำได้อีกแค่ 11% ขณะนี้มีระดับน้ำ 11,870 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถจุน้ำได้อีก 1,586 ล้านลูกบาศก์เมตร
17.35 น.ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการ และการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.)
- ขณะนี้ยังมีน้ำท่วม 26 จังหวัด ยอดเสียชีวิต 112 ศพ สูญหาย 2 ราย
- สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำต่างๆ ที่ยังต้องเฝ้าระวังระดับน้ำอย่างใกล้ชิด ได้แก่
ลุ่มน้ำน่าน ที่อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์
ลุ่มน้ำปราจีนบุรี ที่อ.กบินทร์ จ.ปราจีนบุรี
ลุ่มน้ำมูล ที่อ.พิมาย จ.นครราชสีมา / อ.เมือง จ.อุบลราชธานี / อ.สตึก อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ และอ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
ลุ่มน้ำชี ที่อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร
ลุ่มน้ำโขง ที่อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร
ลุ่มน้ำสะแกกรัง ที่อ.เมือง จ.อุทัยธานี
ลุ่มน้ำท่าจีน อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี และอ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
- ลุ่มน้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ 3,935 ลบ.ม./วินาที เขื่อนเจ้าพระยาปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,706 ลบ.ม./วินาที
ส่งผลให้มีน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณ 8 จังหวัดได้รับผลกระทบ ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี
16.00 น. นนทบุรี :  แม่น้ำเจ้าพระยา เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมชุมชนเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี สูง 50 ซ.ม. ส่งผลให้เด็กนักเรียนเดือดร้อน ผอ.โรงเรียน ขอรับบริจาคสิ่งของ
15.30 น. น่าน : พบรอยดินแยก เตือนชาวบ้านพร้อมอพยพ
เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบรอยดินแยก ที่บริเวณสันเขา ในพื้นที่ตำบลฝายแก้ว อำเภอภูเพียง  จังหวัดน่าน  ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 1.5 กิโลเมตร / เป็นรอยแยกกว้างเกือบ 1 เมตร เป็นแนวยาวติดต่อกันเกือบ 100 เมตร  และขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ยังเกิดฝนตกหนักและมีการเคลื่อนตัวของดิน จึงต้องรีบออกจากพื้นที่ทันที พร้อมเตือนชาวบ้านเฝ้าระวังดินถล่ม และเตรียมพร้อมอพยพ
14.30 น. สุโขทัย : ยังคงมีภาวะน้ำท่วมหนักอยู่ในหลายตำบลของเขต อ.เมืองและ อ.กงไกรลาสโดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ บางหมู่บ้านระดับน้ำท่วมพื้นที่สูงกว่า 2 เมตรเช่นที่บ้านสามหมื่น , บ้านวังสะพาน ต.ปากพระ อ.เมือง และ หลายหมู่บ้านในตำบลบ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรลาส
โรงเรียนและสถานศึกษาต้องประกาศหยุดเรียนเป็นเวลา 3 วัน คือตั้งแต่วันนี้ (19 ก.ย.) ถึง วันพุธที่ 21 ก.ย.
14.25 น. พิษณุโลก : แม่น้ำน่านเมืองพิษณุโลกอยู่ระดับ 10.88 เมตร สูงกว่าระดับตลิ่ง 10.54 เมตร
ส่วนที่ ม.6 ต.หอกลอง อ.พรหมพิราม น้ำยังล้นตลิ่งอยู่ และซ่อมแนวตลิ่งได้ยาก ทำให้น้ำไหลล้นเข้าไปคลองสระโคล่ คลองโคกช้าง ต.อรัญญิก จนเกิดน้ำท่วมขังอยู่
14.00 น. นนทบุรี : น้ำท่วมชุมชนเกาะเกร็ด ระดับน้ำอยู่สูงถึง 50 ซ.ม. โรงเรียนที่อยู่ใกล้เคียงเดือดร้อน นักเรียนเดินทางมาสอบไม่ได้
11.30 น. : น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  สั่ง ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เสริมแนวกั้นน้ำ
11.00 น. อุตรดิตถ์ : ผอ.เขื่อนสิริกิตื์เผย น้ำในเขื่อนยังจุได้อีก 4% ขณะยี้มีระดับน้ำอยู่ที่ 9,100 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเท่ากับ 95.75 %
10.50 น. สิงห์บุรี :  หลัง ประตูน้ำพระงาม และประตูน้ำกระทุ่มโทง อ.พรหมบุรี คอนกรีตข้างสันเขื่อนพังลงมา น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้ไหลลงสู่แม่น้ำน้อยอย่างรวดเร็ว ทำให้บ้านเรือนประชาชนที่อยู่สองฝั่ง ถูกน้ำท่วมเสียหาย ตั้งแต่ อ.โพธิ์ทอง ถึง อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง และบางตำบลใน อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา
10.30 น. อุบลราชธานี :
- แม่น้ำมูลบริเวณสะพานประชาธิปไตยสูงกว่าระดับเตือนภัย 2.19 เมตร
- แม่น้ำโขงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและหนุนเข้ามายังบริเวณแม่ น้ำสองสี ซึ่งเป็นปากทางออกของแม่น้ำมูล ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมตัวเมือง ระดับน้ำสูงอย่างต่อเนื่องวันละ 10 เซนติเมตร ชาวบ้านต้องอพยพมาอยู่ริมฝั่งถนน จนเกิดปัญหาเดือดร้อนหนักเรื่องสุขา
10.20 น. ชัยภูมิ  : ระดับ แม่น้ำชียังคงทรงตัว หลังเข้าท่วม 3 อำเภอที่อยู่ติดกับแม่น้ำชี ได้แก่ อ.เมือง อ.บ้านเขว้า และอ.จัตุรัส ล่าสุด มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย
09.15 น. ชัยนาท : 4 อำเภอที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาน้ำทักลักท่วมหนัก น้ำเพิ่มสูงขึ้น 10 ซ.ม.ขณะนี้ได้มีการแจ้งให้อพยพประชาชนในพื้นที่ ต.มะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย
09.10 น. อ่างทอง : ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยทั้งจังหวัดแล้ว น้ำได้ไหลเข้าท่วมทั้งสถานที่ราชการสำคัญ ตลาดสด รวมถึงพื้นที่การเกษตร ได้รับผลกระทบจำนวน 11 อำเภอ 100 ตำบล 799 หมู่บ้าน
09.05 น. ลพบุรี : ยังมีน้ำท่วมทั้งจังหวัด ทั้งหมด11 อำเภอ เช้าวันนี้ระดับน้ำในแม่น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ยังทรงตัว แต่จากข้อมูลพบว่า จะมีน้ำระลอกใหม่ไหลมาสบทบ
09.00 น. กรมอุตุฯ : ประกาศจากกรมอุตุฯ ฉบับที่ 2
  •  ร่อง มรสุมที่พาดผ่านประเทศพม่าและประเทศลาวตอนบนเริ่มเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณภาคเหนือและ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนชุกหนาแน่นกับมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่
  •  ร่องมรสุมนี้จะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างประมาณวันที่ 20-23 ก.ย.
  • มรสุม ตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มมากขึ้นขอให้ประชาชนระมัดระวังฝนตก หนักในระยะนี้
…………………………………………………………………………………………………..………………………………..
18 กันยายน 54
13.15 น. ศอส. : ศอ สย้ำ 8 จังหวัด ได้แก่  อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี เตรียมรับน้ำล้นตลิ่งที่เพิ่มสูงขึ้นในวันที่ 19-20 กันยายน 2554 นี้ พร้อมสั่งการให้จังหวัดเร่งเสริมคันกั้นน้ำให้สูงขึ้น และจัดเจ้าหน้าที่ชี้แจงทำความเข้าใจแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่นอกแนวคันกั้น น้ำ เพื่อลดความขัดแย้งและเหตุทะเลาะวิวาทด้วย
12.28 น. : อุทัยธานี :กรมทางหลวง จ.อุทัยธานีประกาศปิดเส้นทางการเดินรถบนทางหลวงหมายเลข333 จากสายเอเชียหลังระดับน้ำท่วมสูงทั้ง4เลนยาวกว่า16กม.รถเล็กสัญจรไม่ได้
11.30 น. นครสวรรค์  : ในวันที่18-20 ก.ย.นี้ คาดว่า ระดับน้ำที่จ.นครสวรรค์ จะขึ้นสูงสุดที่ 3,800 – 3,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่หากเป็นไปตามที่คาดก็จะทำให้น้ำที่ชัยนาทเพิ่มขึ้นถึง 30 เซนติเมตร เบื้องต้นทางกรมชลประทานได้เตือนให้ประชาชนอพยพเคลื่อนย้ายสิ่งของให้พ้นน้ำ แล้ว
09.31 น. นครราชสีมา : โคราชใกล้วิกฤต 4 เขื่อนน้ำใกล้เต็ม
4 เขื่อนที่โคราชวิกฤตหลังมีปริมาณน้ำเกือบเต็มความจุแล้ว ด้านผู้ว่ายันต้องผันลงสู่ลำน้ำสาขาใต้เขื่อนเพื่อรองรับมรสุมลูกใหม่ที่ เข้ามาในวันระหว่าง 18-20 ก.ย. ทำให้พื้นที่ลุ่มในหลายพื้นที่ใน จ.นครราชสีมาถูกน้ำท่วมขังแล้ว
อย่างไรก็ดีได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาว บ้านเร่งเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตร พร้อมทั้งประกาศพื้นที่ของ อ.ปากช่อง สีคิ้ว สูงเนิน ขามทะเลสอ เมืองนครราชสีมา วังน้ำเขียว ปักธงชัย โชคชัย และอ.เฉลิมพระเกียรติ เป็นเขตภัยพิบัติในส่วนที่ถูกน้ำท่วมแล้ว
…………………………………………………………………………………………………..………………………………..
 17 กันยายน 54

19.40 น. สิงห์บุรี : หน้าโรงพยาบาลอินทร์บุรี หมู่ 1 ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี น้ำไหลกัดเซาะคันดิน จนพังทลาย ส่งผลกระทบให้น้ำไหลเข้าท่วมทุ่งทับยา ทุ่งบางพระนอน ทุ่งปากแรด ซึ่งเป็นพื้นที่นาข้าวเนื้อที่กว่า 10,000 ไร่
17.45 น. พิจิตร : น้ำจากภาคเหนือ และจาก จ.พิษณุโลก ที่ไหลลงสู่แม่น้ำน่าน ทำให้วันนี้ระดับน้ำมีปริมาณสูงขึ้น 5-10 ซ.ม. ทำให้ 664หมู่บ้าน ต้องถูกตัดขาดจากโลกภายนอก แต่ยังสามารถเข้าออกหมู่บ้านได้ ด้วยการเดินทางด้วยเรือท้องแบน
17.40 น. เพชรบูรณ์ : ต.สะเดียง ต.นาป่า ต.ดงมูลเหล็ก และ ต.ระวิง ระดับน้ำท่วมสูงตั้งแต่ 50 ซ.ม. จนถึง 1 เมตร จนทำให้ถนนที่ใช้สัญจรผ่านไปมาถูกตัดขาด ซึ่ง ทางกองพลทหารม้าที่ 1 ได้จัดส่งรถบรรทุกยีเอ็มซี และกำลังพล ออกช่วยรับส่งชาวบ้านที่จำเป็น
12.25 น. กาฬสินธุ์ ระดับน้ำในเขื่อนลำปาวสูงถึง 90% ปัจจุบันระดับน้ำอยู่ที่ 8.55 ม.
ขณะที่พื้นที่น้ำล้นตลิ่งได้ขยายกว้างออกเป็น 5 อำเภอ ที่ประกอบด้วยอ.เมือง อ.ยางตลาด อ.ร่องคำ อ.ฆ้องชัย และอ.กมลาไสย
12.20 น.กรุงเทพฯ  ระดับน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นอีกครั้ง บางจุดอยู่ห่างจากแนวคันกั้นน้ำเพียง 60 เซนติเมตร
ส่วนพื้นที่ที่อยู่นอกเหนือแนวคันกั้นน้ำของกรุงเทพ เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายจำนวน 1 คันรถ มาเสริมแนวคันกั้นน้ำ
10.40 น. อ่างทอง : ที่อ.วิเศษชัยชาญ ปริมาณน้ำในแม่น้ำน้อย เพิ่มสูงกว่าตลิ่ง 27 ซ.ม.แล้ว หลังประตูระบายน้ำพระงามพัง
10.30 น. พิษณุโลก : แม่น้ำน่านไหลทะลักเข้าภายในตำบลหัวรอ อ.เมือง กัดเซาะด้านล่างของแนวกั้น บริเวณหน่วยพัฒนาทหารเคลื่อนที่ที่ 34 หรือ โรงทอเก่า ด้านใต้วัดตาปะชาวหาย
…………………………………………………………………………………………………..
 16 กันยายน 54
13.40 น. ชัยภูมิ : สะพานที่เชื่อมอำเภอบ้านเขว้าและอำเภอบัวระเหวถูกน้ำชีไหลเข้าท่วมอย่าง รุนแรง  ส่งผลให้สะพาน ถูกน้ำพัดพังเสียหายทั้งหมด น้ำท่วมสูงกวา 1 เมตร เจ้าหน้าที่ ได้สั่งปิดถนนทุกสาย โดยเฉพาะเส้นทางจากอำเภอบ้านเขว้า ไปยังจังหวัดนครสวรรค์ ระยะทางยาวกว่า 29 กิโลเมตร ซึ่งประชาชน จะต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางผ่านอำเภอจัตุรัส เพื่อความปลอดภัย
11.40 น. เพชรบูรณ์ : เขตเทศบาลเมืองหล่มสัก อ.หล่มสัก ระดับน้ำที่ท่วมขังได้ลดระดับลงจนแทบเป็นปกติแล้ว แต่ในพื้นที่ในตำบลรอบนอกของ อ.หล่มสัก ยังตกอยู่ในสภาพถูกน้ำท่วมหนัก ชาวบ้านบ้านนครเดิด ต.บ้านกลาง เริ่มได้รับความเดือดร้อน เพราะขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม
10.30 น. ปทุมธานี : ชุมชนหลังวัดบางหลวง ม.4 ต.บ้านฉาง อ.เมือง กลายสภาพเป็นเกาะกลางน้ำจมอยู่ในน้ำลึกกว่า 1เมตร  หลังแม่น้ำเจ้าพระยาทะลัก  ชาวบ้านในชุมชนเกือบ 200 หลังคาเรือนต้องช่วยเหลือตัวเองโดยขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูง
10.15 น. ปภ. นครราชสีมา: เตือน ประชาชนในจังหวัด นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ ที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่ม ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากน้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่มที่จะเกิดขึ้น ในระหว่างวันที่ 18 -21 ก.ย. นี้ 
09.25 น. พิษณุโลก : ระดับน้ำของแม่น้ำน่านที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 10.88 เมตร คาดการณ์ว่าอาจจะเพิ่มระดับถึง 11 เมตร ชาวบ้านจึงต้องเร่งทำแนวกระสอบทรายหน้าวัดใหญ่ให้แข็งแรง 

09.20 น. ชัยภูมิ : พนังกั้นน้ำชีช่วงไหลผ่านเขตเทศบาลตำบลหนองบัวระเหว ขาดยาวกว่า 3 กิโลเมตร ท่วมบ้านเรือนราษฎรจมสูงกว่า 1.5 เมตร ใน 3 หมู่บ้านเดือดร้อนหนักกว่า 150 หลังคาเรือน ระดับน้ำยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ยชั่วโมงละกว่า 10 ซม.
ชาวบ้านผวาฟาร์มจระเข้ 5 ตัวยาวกว่า 4 เมตร หลุดโผล่ใกล้บึง
…………………………………………………………………………………………………………
15 กันยายน 54 
17.45 น. พิษณุโลก : แนวกระสอบทรายใต้สะพานข้ามแม่น้ำน่าน ตำบลพลายชุมพล พังทลาย น้ำไหลทะลักเข้าท่วมเขตชุมชนฝั่งตะวันตกของตัวเมือง
17.40 น.จ.อุตรดิตถ์ :  สถานการณ์ น้ำในเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ล่าสุดมีปริมาณน้ำร้อยละ 85 ของความจุ ขณะที่เขื่อนสิริกิต์ จังหวัดอุตรดิตถ์ มีปริมาณร้อยละ 95
17.30 น. นครสวรรค์ : น้ำจากแม่น้ำปิงที่ไหลมาจากจังหวัดกำแพงเพชร ล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจของอำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ระดับน้ำสูง 50-150 เซนติเมตร ทำให้ร้านค้าต่างๆต้องเร่งเก็บของหนีน้ำขึ้นที่สูงเพื่อป้องกันความเสียหาย ในขณะที่บางส่วนต้องนำกระสอบทรายวางเป็นแนวกั้นน้ำกันเป็นจำนวนมาก
16.30 น. ชัยภูมิ : น้ำป่าจากเทือกเขาพังเหย และเทือกเขาภูเขียวทะลักลงสู่แม่น้ำชีเข้าท่วมหมู่บ้านโนนเปลือย ต.ตลาดแร้ง และต.ภูแลนคา อ.บ้านเขว้า กระแสน้ำที่เชี่ยวกรากไหลผ่านถนน ทำให้รถโดยสารปรับอากาศ 2 ชั้น  ทะเบียน 30-1835  นครสวรรค์ ซึ่งพาผู้โดยสารมาเต็มคันกว่า 40 คน มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองชัยภูมิเกือบตกถนน จนท.ช่วยไว้ได้อย่างปลอดภัย
16.10 น. อยุธยา : ระดับ น้ำเจ้าพระยามีระดับน้ำสูงกว่าแผ่นดินของวัดไชยวัฒนารามกว่า 170 ซม. ต้องเพิ่มตัวล็อคคานเหล็กและเพิ่มเสริมเสาค้ำยันตลอดแนวป้องกันน้ำท่วม
15.45 น. เพชรบูรณ์ : น้ำในแม่น้ำป่าสัก ไหลทะลักท่วมบ้านเรือนราษฎรในเขตพื้นที่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ประชาชนกว่า 1,000 คนอพยพมาศัยอยู่บนถนน
15.40 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) :  เตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือในพื้นที่เสี่ยงภัย บริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่มรวม 16 จังหวัดได้แก่ เลย ชัยภูมิ หนองบัวลำภู หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และยโสธร ให้พร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในวันที่ 15-16 ก.ย.นี้
14.00 น. สุพรรณบุรี : เมื่อกลางดึกของคืนที่ผ่านมา เขื่อนกั้นน้ำ แม่น้ำท่าจีนที่ จ.สุพรรณบุรี พัง น้ำทะลักท่วมตลาดเก้าห้อง และบ้านเรือนในตำบลบางปลาม้า อ.บางปลาม้า สูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านขนของไม่ทันวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น

12.20 น. อยุธยา : ผู้ว่าฯ อยุธยาเตือน 17-18 ก.ย. น้ำมาอีกระลอก ส่งผลให้ระดับน้ำสูงขึ้นอีก 50 เซนติเมตร ให้ประชาชนเตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง

12.00 น. ลำพูน : น้ำป่าไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 200 หลังคาเรือน ใน ต.ป่าสัก ต.เวียงยอง อ.เมืองลำพูนสูงกว่า 1 เมตร เนื่องจากฝนตกหนักตลอด 2 วันที่ผ่านมา
11.30 น. น่าน : ระดับน้ำในแม่น้ำน่านได้ขึ้นไปถึง 10.80 เมตรแล้ว ปริมาณน้ำไหลผ่านยังแรงและเร็วที่ 1,673 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อ วินาที
10.40 น. กรุงเทพ : กรมชลฯ เตือนกรุงเทพ เตรียมรับมือน้ำท่วมกรุง เผยน้ำก้อนใหญ่จากเหนือถึงแน่ 19-20 ก.ย.นี้ ชี้สถานการณ์รุนแรงสุดรอบ 5 ปี
10.30 น. ขอนเเก่น : ประกาศให้พื้นที่ 15 อำเภอ จากทั้งหมด 26 อำเภอ เป็นที่ประสบภัยน้ำท่วม หลังปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง และแรงน้ำหนุนจากแม่น้ำเชิญ และน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน
10.00 น. พิษณุโลก : ระวังวิกฤติสูงสุด จัดเวรยามเฝ้าจุดเสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง แม่น้ำน่านได้เพิ่มระดับสูงมากทุกชั่วโมง จนทำระดับสูงสุด 10.78 เมตร
09.40 น. พิจิตร : สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พิจิตร ทวีความรุนแรง และขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง หลังจากในพื้นที่เกิดฝนตกสะสมกันอย่างหนักรวมถึงเขื่อนขนาดใหญ่ทางภาคเหนือ พร่องถ่ายน้ำลงสู่แม่น้ำน่านในพื้นที่ท้ายเขื่อน อีกทั้งยังมีน้ำป่าจาก จ.พิษณุโลก ไหลหลากลงมาสมทบ ทำให้ทั้งน้ำฝน น้ำในแม่น้ำน่านและน้ำป่าไหลหลากลงผสมกันและทะลักเข้าท่วมพื้นที่ทั้ง 15 ตำบลเกือบ 100 หมู่บ้านในเขตอำเภอเมืองพิจิตร บ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมสูง 1-2 เมตร
09. 35 น. ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.): ทุกจังหวัดลุ่มน้ำยังต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันอย่างใกล้ชิด เนื่องจากฝนตกต่อเนื่องหลายพื้นที่ ส่งผลให้น้ำล้นตลิ่งใน 6 จังหวัด คือ สิงห์บุรี ชัยนาท อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานีที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
09.40 น. สิงห์บุรี : สถานการณ์ น้ำท่วมล่าสุดใน จ.สิงห์บุรี หลังจากที่ประตูระบายน้ำบางโฉมศรีแตก ขณะนี้ระดับน้ำริมคลองเชียงรากท่วมสูงประมาณ 2.5 เมตร และยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพมาอาศัยอยู่บนถนนสายเอเชีย  ซึ่งชาวบ้านบางส่วนได้ตัดพ้อว่ายังไม่เห็นเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ โดยมีชาวบ้านกว่า 600หลังคาเรือนเดือดร้อนหนัก อย่างไรก็ดีเชื่อว่าน้ำก้อนดังกล่าวได้ส่งผลกระทบถึง อ.ท่าวุ้ง และ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรีแล้ว
09.14 น. กรมอุตุ : อุตุฯ เผยบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนยังมีฝนเกือบทั่วไปและมีฝน ตกหนักบางพื้นที่ ส่วนทะเลทั้ง 2ฝั่งมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัย และติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง
09.11 น. จันทบุรี : น้ำป่าจากเทือก เขาคิชฌกูฎ ได้เข้าท่วมพื้นที่นายายอาม ระดับน้ำสูง 1 – 2 เมตร ส่งผลให้ 2 ตำบล คือ ตำบลวังใหม่ และตำบลวังโตนด ของอำเภอนายายอาม รวม 10 หมู่บ้าน ถูกน้ำท่วม ชาวบ้านกว่า 100 หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถออกมาจากบ้านได้ ขณะนี้ทางหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัย ได้รุดนำเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือแล้ว
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
14 กันยายน 2554

17.30 น. ศอส.: เตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบริ เวณจ.นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร เสริมแนวคันกั้นน้ำให้สูงขึ้น รวมทั้งให้ขนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นที่สูง และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
15.05 น. สิงห์บุรี : เขื่อนบางโฉมศรี อำเภออินทร์บุรี แตกทำให้น้ำเริ่มไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่จังหวัดลพบุรี
15.00 น. สุรินทร์ : อ่างเก็บน้ำในสุรินทร์ยังรองรับได้ แต่แม่น้ำชีและแม่น้ำมูล มีปริมาณสูงขึ้น เหลือเพียง 50- 80 เซนติเมตร จะล้นตลิ่ง
12.00น. อุตรดิตถ์ : ขณะนี้ ได้ระดมเจ้าหน้าที่ค้นหาเหยื่อดินโคลนถล่ม พร้อมเร่งให้เจ้าหน้าที่ อบจ.บรรจุเครื่องอุปโภคบริโภคจำนวน 500 ชุด นำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยดินโคลนถล่มที่ ต.น้ำไผ่ , ต.บ้านด่านนาขาม และ ต.น้ำริด
 11.00 น. ลำพูน :  ระดับน้ำลำน้ำกวงขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 5 เมตร และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เริ่มเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนในพื้นที่ ต.บ้านแป้น ต.เวียงยอง และ ต.ต้นธง ของ อ.เมือง แล้ว
10.55 น. อ่างทอง : น้ำล้นตลิ่งท่วมผิวการจราจรบนถนนหลักหลายสาย เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ  บางจุดน้ำสูงกว่า 50 ซม. ต้องปิดการจราจรสองช่องทางทำให้การจราจรติดข้ด
09.40 น. ปทุมธานี : น้ำท่วมตลาดสดศิริวัฒนา เขตเทศบาลเมืองปทุมธานี ต.บางปรอก อ.เมือง รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปทุมธานี ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เทศบาลนำกระสอบทราย มาช่วยกันกั้นน้ำแล้ว
ลพบุรี : ประตูน้ำพัง น้ำทะลักท่วม อ.บ้านหมี่ อ.ท่าวุ้ง ผู้ว่าฯ สั่งอพยพคนและสัตว์เลี้ยงแล้ว
09.35 น. เพชรบูรณ์ : ระดับน้ำในอ่างเก็บกักน้ำของกรมชลประทานทั้ง 4 แห่ง มีระดับสูงเกินกว่าปริมาณเก็บกัก ทำให้ล้นออกทางช่องระบายฉุกเฉิน
นอกจากนี้ ในเขตเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ และพื้นที่โดยรอบ น้ำจากแม่น้ำป่าสัก และน้ำที่ถูกระบายออกจากอ่างป่าแดง ทำให้พื้นที่ชุมชนใกล้แม่น้ำตกอยู่ในภาวะน้ำท่วมเช่นกัน
09.30 น. ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ : แจ้งเตือนว่า วันนี้ (14 ก.ย.) ถึงวันที่ 20 กันยายน อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง เนื่องจากมวลน้ำลูกใหญ่ ซึ่งมีปริมาณน้ำมากกว่าปีที่แล้ว ไหลผ่านลุ่มน้ำเจ้าพระยาบริเวณ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี สิงห์บุรี ชัยนาท อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
13 กันยายน 54
18.00 น. ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.)
ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่มรวม 11 จังหวัด ได้แก่ ตาก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ให้เตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในวันที่ 13-14 กันยายน 2554
17.40 น. แพร่ : ฝนตกหนักในพื้นที่ อ.เด่นชัย น้ำป่าไหลตามลำน้ำห้วยไร่ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนเสียหายกว่า 50 หลังคาเรือน
17.30 น. นครสวรรค์ : ผู้ว่าฯ เตือน ประชาชนที่อาศัยอยู่ 2 ริมฝั่งแม่น้ำปิง บริเวณ อ.บรรพตพิสัย อ.เก้าเลี้ยว และ อ.เมืองนครสวรรค์ ให้เตรียมขนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูง เนื่องจากมวลน้ำขนาดใหญ่จากฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ จ.ตาก และกำแพงเพชร จะไหลถึงจังหวัดช่วงเที่ยงคืนวันนี้
16.00 น. กรุงเทพ : กรมชลประทาน เตือน กรุงเทพ วันที่ 19- 20 ก.ย เจอน้ำเหนือก้อนใหญ่ ซึ่งมาจากแม่น้ำปิงในจังหวัดกำแพงเพชร และปริมาณน้ำจากลุ่มน้ำป่าสัก และในส่วนเจ้าพระยาตอนล่างคือ ปทุมธานีและนนทบุรี จะได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำที่มากขึ้น ดังนั้นให้แต่ละจังหวัดเร่งเสริมคันกั้นน้ำให้สูงในระดับที่ไม่ต่ำกว่า 2 เมตรขึ้นไป
15.26 น. แนวเขื่อนกั้นแม่น้ำเจ้าพระยาที่นครสวรรค์พัง บ้านเรือนกว่า 800หลังจมน้ำิมิด
แนว เขื่อนกั้นแม่น้ำเจ้าพระยาที่นครสวรรค์ ได้พังลง หลังน้ำได้กัดเซาะแนวด้านล่างของพนังเขื่อน จนเป็นเหตุให้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาทะลักท่วมชุมนุนติดแม่น้ำ เช่นชุมชนสะพานเดชาติวงศ์ ชุมชนเทวดาสร้าง ชุมชนวัดเขาจอมคีรีนาคพรต อย่างรวดเร็ว จนบ้านเรือนประชาชนกว่า 800 หลังคาเรือนจมอยู่ใต้น้ำทันที  ทำให้ประชาชนต่างเร่งขนของหนีน้ำเป็นการด่วน เบื้องต้นระดับน้ำได้สูงขึ้นกว่า 3เมตรแล้ว ด้าน กองพันทหารช่างที่ 4 ค่ายจิระประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ ได้นำเรือท้องแบนกว่า 20 ลำ พร้อมทั้งระดมกำลังช่วยอพยพชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ และขนย้ายข้าวของกันอย่างเร่งด่วนแล้ว
14.10 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย :เตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่มรวม 11 จังหวัด ได้แก่ ตาก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ให้เตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในวันที่ 13-14 ก.ย.นี้
12.55 น. กาฬสินธุ์ : เตรียมอพยพประชาชน หลังปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาวเพิ่มต่อเนื่อง หวั่นพื้นที่ราบลุ่มเกิดน้ำท่วมใหญ่
12.25 น. เชียงใหม่-ตาก-แม่ฮ่องสอน : กรม ทรัพย์เตือน 3 จังหวัดภาคเหนือ เชียงใหม่-ตาก-แม่ฮ่องสอน ระวังดินถล่ม-น้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้ โดยขอให้ประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยทางภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ อ.แม่แจ่ม อมก๋อย ฮอด จ.เชียงใหม่, อ.แม่สะเรียง สบเมย ขุนยวม แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน และบางพื้นที่ของ จ.ตาก เตรียมการรับมือภัยธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้นหลังพบปริมาณน้ำฝนสูง
11.35 น. กรมชลประทาน : ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลรองรับน้ำไปแล้วกว่า 82%  ขณะที่เขื่อนสิริกิติ์จุน้ำแล้ว 96%
11.30 น. พิจิตร : บางจุดน้ำท่วมสูง 2-3 เมตร ล่าสุดน้ำท่วมแล้ว 664 หมู่บ้าน จากทั้งหมด 888 หมู่บ้าน ต้องปิดโรงเรียนแล้ว 84 แห่ง
ราง รถไฟสายเหนือช่วงสถานีพิจิตร-วังกลด ถูกน้ำท่วมรางรถไฟ เนื่องจากน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ น้ำจากการระบายของเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนภูมิพล รวมถึงเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก ส่งผลให้น้ำก้อนใหญ่ไหลมาท่วม จ.พิจิตร
11.10 น. พระนครศรีอยุธยา : ประกาศให้ชาวบ้านท้ายเขื่อนพระราม 6 ขนของขึ้นที่สูง เนื่องจากจะมีการระบายน้ำท้ายเขื่อนมากขึ้น ทำให้ชาวบ้านในตลาด อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมขยายวงกว้าง
10.50 น. นครสวรรค์ : น้ำล้นและขยายวงกว้าง เป็น 8 อำเภอn เขตเทศบาลเมืองชุมแสง/เมืองนครสวรรค์ หวั่นน้ำปิงมาเพิ่ม
10.20 น. ตาก : เขตเทศบาลนครแม่สอดเริ่มถูกน้ำท่วมแล้วเช่นกัน บางจุดรถเล็กไม่สามารถผ่านได้
นครสวรรค์ : น้ำในบึงบอระเพ็ดไหลเข้าท่วมถนนสายนครสวรรค์-ชุมแสง รวมทั้งจุดที่ชาวบ้านบางกลุ่มอพยพมาตั้งเต็นท์
10.15 น. สิงห์บุรี : น้ำที่ไหลผ่านเพิ่มสูง 30 ซ.ม.ปิดถนนเส้นสิงห์-อ่างทอง/แนวคันดินพังทำน้ำท่วมนาในอ.ท่าช้าง900 ว่าไร่
10.10 น. กรมทรัพยากรธรณี : ประกาศเตือนว่า ให้ 6 จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่งประกอบด้วย จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี ระยอง และจันทบุรี เฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้ เนื่องจากมีฝนตกหนักต่อเนื่อง
10.00 น. พิษณุโลก : ระดับทรงตัว 10.50 เมตร แต่พื้นที่ทางเหนือ อ.เมืองพิษณุโลก ต.ท่าช้าง อ.พรหมพิราม แม่น้ำน่านล้นตลิ่ง ท่วมเส้นทาง สายพิษณุโลก – พรหมพิราม บริเวณ ต.ท่าช้าง อ.พรหมพิราม จำนวน 2 จุด
09.50 น. จันทบุรี : ระดับน้ำเริ่มทรงตัว จุดวัดน้ำที่สะพานวัดจันทนาราม ระดับน้ำอยู่ที่ 4 เมตร 40 เซนติเมตร ส่วนในเขตเทศบาลเมืองจันทบุรี ตลาดน้ำพุ ตลาดสวนมะม่วง น้ำยังท่วมสูงประมาณ 40 เซนติเมตร ขณะที่ถนนสายพระยาตรัง-เขาคิชฌกูฏ น้ำยังท่วมสูง รถไม่สามารถผ่านไปมาได้
……………………………………………………………………………..

ช่องทางช่วยเหลือ ผู้ประสบอุกภัย น้ำท่วม

- ครอบครัวข่าว3 : บัญชี “ครอบครัวข่าว 3 ช่วยผู้ประสบอุทกภัย 2554″
เลขที่บัญชี 014-3004-448 ธนาคารกรุงเทพ บัญชีกระแสรายวัน สาขาอาคารมาลีนนท์
- สำนักนายกรัฐมนตรี : บัญชี “กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี”
ธ.กรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล ออมทรัพย์ เลขที่ 067-0-06895-0 ลดหย่อนภาษีได้
- ธนาคารไทยพาณิชย์
บัญชี “มูลนิธิสยามกัมมาจล-ไทยพาณิชย์เพื่อผู้ประสบภัย”
สาขา ATM & SCB Easy เลขที่ 111-3-90911-5
- MCOT
บัญชี “อสมท รวมใจ ช่วยภัยน้ำท่วม” ธ.กรุงไทย สาขาอโศก ออมทรัพย์ เลขที่ 015-015-999-4
- มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก
ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาเทเวศร์ ออมทรัพย์ เลขที่ 020-2-53333-8
หรือ ธ.กสิกรไทย สาขาถนนหลังสวน เลขที่ 082-2-66600-0
……………………………………………………………………………..

จุดรับบริจาคสิ่งของช่วยน้ำท่วม


 เบอร์ศูนย์อุทกฯ ภาคเหนือ : 053-248925, 053-262683 
- กองปราบฯเปิดรับบริจาคสิ่งของช่วยผู้ประสบอุทกภัย
บริจาคได้ที่กองปราบปราม ถ.พหลโยธิน สอบถามสายด่วน1195
- กทม.ตั้งศูนย์รับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมทั้งสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต
บัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนข้าวสาร
ชื่อบัญชีกองทุนกทม.ช่วยผู้ประสบภัย เลขที่บัญชี 027-0-17081-2
- มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก บริจาคสิ่งของอุปโภคบริโภค สภากาชาดไทย ปทุมวัน กรุงเทพฯ
โทร 0-2256-4583-4, 0-2256-4427-9, 0-2251-0385
http://bit.ly/psfe5U
- อาสาดุสิต: ศูนย์รับบริจาค หอสมุดเทศบาลนครพิษณุโลก
http://www.arsadusit.com/6242
- อาสาดุสิต: (10 ก.ย.) เปิดรับบริจาค ที่ ธ.กรุงไทย สนง.ใหญ่ เพื่อช่วยพื้นที่ จ.อยุธยา
http://www.arsadusit.com/6796
- โรงแรมดุสิตธานี สีลม (ทุกวัน-2 ต.ค.)
ข้าวสารถุง 5 กก น้ำตาล น้ำปลา น้ำมันพืช อาหารแห้ง ไปอยุธยาอ่างทองสิงห์บุรี (via @V_Victory1)
- 96.75 เมกะเฮิร์ตซ
เปิดศูนย์รับบริจาคสิ่งของที่จำเป็น ข้าวสาร อาหารแห้ง ยารักษาโรค ฯลฯ สอบถามที่ 0-5581-7716-7
http://ow.ly/6r1sS