หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อมรรัตนโกสินทร์ (19)

ก่อนปี 2475 เรื่องราวของประเทศไทยคือเรื่องราวของกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ เมืองอื่น ๆ เป็นเพียงตัวประกอบ และเรื่องราวของกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ก็คือเรื่องราวของพระมหากษัตริย์เป็นหลัก อย่างที่รัชกาลที่ 1 ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ว่าอันพระนครทั้งหลายก็เหมือนกับกายสังขารกษัตริย์คือจิตวิญญาณเป็นประธานแก่ร่างและอินทรีย์

แต่หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ. 2475 แม้ความเจริญจะยังไม่ไหลเทไปยังต่างจังหวัด ก็นับว่าทุกแห่งมีความสำคัญ การเลือกตั้งผู้แทนราษฎรจากทุกจังหวัดทำให้คนไทยได้รู้ว่าปัตตานี นราธิวาส ระนอง เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ก็เป็นส่วนหนึ่งของไทย ทั้งตัวละครที่เปลี่ยนหน้ามาเล่นในยุคใหม่นี้ไม่ใช่เจ้าพระยา หรือกรมหลวงกรมขุนอะไรอีกแล้ว แต่เป็นครู เป็นชาวนา เป็นกรรมกร เป็นพ่อค้า เป็นข้าราชการชั้นตรี ทหารยศนายสิบ เพราะอาจได้รับเลือกเป็น ส.ส. และสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ออกกฎหมายได้ เข้ามาเป็นรัฐมนตรีเสียเองก็ได้

พระมหากษัตริย์นั้นทรงลดบทบาทลงมาอยู่ใต้รัฐธรรมนูญซึ่งถูกยกให้เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศแทน อำนาจในการปกครองและบริหารราชการแผ่นดินไปตกอยู่แก่คณะรัฐบาล แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังทรงมีพระราชอำนาจทางสังคมที่สะสมมาแต่พระราชบรรพบุรุษ บางคนถือว่าถึงอย่างไรก็ทรงเป็นเทวราชา ถ้าไม่มีบุญ ไฉนจะได้เป็น บางคนถือว่าทรงเป็นธรรมราชา ถึงจะลดพระราชอำนาจลงแต่ก็ยังทรงไว้ซึ่งพระราชคุณธรรมซึ่งหาไม่ได้จากนักการเมือง

ความผูกพันระหว่างคนไทยกับพระมหากษัตริย์หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองยังคงแยกกันไม่ออก เพราะเคยรัก เคยเคารพ เคยเห็นพระคุณของท่าน พี่ท่าน พ่อท่าน ปู่ท่าน ทวดท่านอย่างไรก็ยังทำอย่างนั้นเพราะได้สัมผัสมาแล้วกว่า 150 ปี


หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง คนไทยทั่วไปมิได้คิดว่าพระราชสถานะของรัชกาลที่ 7 แตกต่างไปจากเดิมเท่าใดนัก หลายเรื่องที่รัฐบาลเป็นผู้ทำ เช่น การแต่งตั้งข้าราชการ สภาเป็นผู้ทำ เช่น การออกกฎหมาย หรือศาลเป็นผู้ทำ เช่น การพิพากษาคดีก็ยังต้องอาศัยพระราชลัญจกร พระปรมาภิไธย หรือพระบรมราชโองการอยู่ดี

แต่ความสัมพันธ์กันเองระหว่างคนภายในรัฐบาลไม่ดีนัก แม้แต่ระหว่างรัฐบาลหรือนักการเมือง ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหม่ที่เข้ามามีอำนาจกับพระเจ้าอยู่หัวก็ไม่สู้ดีนัก การกระทบกระทั่งเกิดขึ้นอยู่เนือง ๆ ตั้งแต่เรื่องที่รัฐบาลถูกมองว่าไม่ได้ถวายพระเกียรติยศเท่าที่ควร การปฏิบัติที่รุนแรงต่อพระบรมวงศานุวงศ์บางพระองค์ เช่น กรมพระนครสวรรค์ฯ ซึ่งต้องเสด็จไปประทับที่ต่างประเทศ และยังมีการปล่อยให้เกิดการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์หลายครั้งจนถึงขนาดทรงถูกฟ้องร้องในศาล

ต่อมายังกระทบไปถึงงานในหน้าที่หรือพระราชเกียรติยศ เช่น เมื่อไม่ทรงลงพระปรมาภิไธยในร่างพระราชบัญญัติบางฉบับ แต่รัฐสภาก็มีมติยืนยันจนต้องนำออกประกาศใช้โดยไม่มีพระปรมาภิไธย

ความกดดันทั้งหมดมาลงที่พระเจ้า อยู่หัว ไม่ว่าความกดดันจากพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมจึงไม่อาจทรงดูแลพระราชวงศ์ให้พ้นภัยได้ ความกดดันจากประชาชน ซึ่งต้องการที่พึ่งที่อาศัย อย่างสมัยก่อน แต่ก็ทรงถูกจำกัดพระราชอำนาจเสียแล้ว และความกดดันจาก พระสุขภาพอนามัยที่เบียดเบียนมาแต่ทรงพระเยาว์

ในการพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับถาวรฉบับแรกเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2475 เป็นไปตามฤกษ์ที่พระธรรมวโรดม วัดสระเกศคำนวณ ท่านเป็นโหรใหญ่ เป็นอุปัชฌาย์ของสมเด็จเกี่ยว ต่อมาได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช

วันเสด็จพระราชดำเนินที่พระที่นั่งอนันตสมาคมเพื่อพระราชทานรัฐธรรมนูญ แม้จะทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์เต็มพระอิสริยยศแต่รับสั่งว่าไม่ต้องถวายพระมหาสังวาลที่รัชกาลที่ 1 ทรงสร้างขึ้น และให้ชักพระแท่นมนังคศิลาของพ่อขุนรามคำแหงออก ตรัสว่าเมื่อรักษาของท่านไว้ไม่ได้ก็ไม่ควรใช้ของท่าน เมื่อพระราชทานรัฐธรรมนูญ เจ้าพระยาพิชัยญาติ (ดั่น บุนนาค) ประธานสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้นเป็นผู้เข้าไปรับ

หลายปีต่อมามีผู้กราบบังคมทูลถามถึงการทรงฉลองพระองค์ยิ่งใหญ่ครั้งนั้น ตรัสว่าเมื่อแรกที่ทรงบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์อย่างนี้คือเมื่อทรงรับราชสมบัติอันเป็นการถวายอำนาจมาให้พระองค์ทรงใช้ บัดนี้จึงทรงบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์นั้นเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อส่งต่อพระราชอำนาจกลับคืนสู่ราษฎรให้ไปปกครองกันเอง

ใครอยากเห็นว่าฉลองพระองค์นี้เป็นอย่างไรดูได้จากพระบรมราชานุสาวรีย์ที่หน้าอาคารรัฐสภา

ความจริงหลายเรื่องจะโทษคณะราษฎรก็ไม่ได้ ในภาพรวมต้องยกประโยชน์ให้ว่าคณะบุคคลกลุ่มนี้มีเจตนาดีที่จะเห็นบ้านเมืองมีความเปลี่ยนแปลงไปในทางเป็นประชาธิปไตย ทั้งมีความกล้าหาญเสี่ยงตายไม่ใช่เล่น และเวลานั้นก็เป็น กระแสของโลกด้วย (หลวงประดิษฐ์ฯ จึงเสนอให้เรียกการเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งนั้นว่า “การอภิวัฒน์”) แนวพระราช ดำริที่ว่าจะพระราชทานรัฐธรรมนูญและการปกครองตนเองแก่ราษฎรก็ใช่ว่าจะรับรู้กันในสมัยนั้น สถานะทางเศรษฐกิจและสภาพสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำอันเป็นมรดกตกทอดจากสมัยราชาธิปไตย ตลอดจนการกดขี่ข่มเหงราษฎรจากระบบเจ้าขุนมูลนายก็ยังคงมีอยู่จริง เหตุเหล่านี้เป็นตัวเร่งความเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น

คณะราษฎรประกอบด้วยบุคคลที่ต่างภูมิหลัง ต่างความคิด ต่างวิธีการ แม้เป้าหมายตอนแรกจะตรงกัน แต่พอได้อำนาจแล้วก็เกิดความขัดแย้งกันเอง อันดูจะเป็นธรรมดาของการยึดอำนาจทั่วโลกเพราะอำนาจไม่เข้าใครออกใคร หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ดร.ปรีดี พนมยงค์) นักกฎหมายจากฝรั่งเศสผู้ปราดเปรื่องดูจะเป็นนักเปลี่ยนแปลงคนสำคัญที่สุด แต่พรรคพวกและสังคมก็ยังตามไม่ทันในหลายเรื่องจนท่านเองต้องเคยถูกขอให้ไป “ดูงาน” ต่างประเทศเสียระยะหนึ่ง

ดาวรุ่งพุ่งแรงของคณะราษฎรในเวลานั้นยังมีหลวงพิบูลสงคราม (จอมพล ป.พิบูลสงคราม) หลวงโกวิทอภัยวงศ์ (นายควง อภัยวงศ์) คนเหล่านี้ผลัดกันมีบทบาทในการเมืองไทยต่อมาอีกหลายสิบปี

ความรุนแรงครั้งใหญ่มาเกิดขึ้นในปี 2476 เมื่อเกิดขบถบวรเดช พระองค์เจ้าบวรเดชทรงนำทหารลงมาจากโคราช ประกาศจะยึดอำนาจถวายคืนรัชกาลที่ 7 ขณะนั้นประทับอยู่ที่หัวหิน รัฐบาลจึงทูลเชิญเสด็จกลับกรุงเทพฯ เหมือนให้เห็นว่าในหลวงอยู่ข้างรัฐบาล พวกขบถเป็นฝ่ายล้มเจ้าหรืออยากเป็นใหญ่เอง แต่ไม่ทรงต้องการเข้าไปข้องแวะกับข้อขัดแย้ง จึงเสด็จไปประทับที่สงขลา

รัฐบาลปราบขบถสำเร็จ หลังจากที่ปะทะกันที่หลักสี่จนล้มเจ็บหรือตายทั้งสองฝ่าย ตรงนั้นจึงมีอนุสาวรีย์ปราบขบถ หลังจากนั้นรัฐบาลดูจะมั่นใจตนเองมากขึ้น แต่ก็เหมือนจะกินใจอะไรต่ออะไรจนร้าวฉานไปหมด

หลังจากนั้นรัชกาลที่ 7 ก็เสด็จไปทรงรักษาพระเนตรที่อังกฤษ พอถึงวันที่ 2 มีนาคม 2477 ก็มีพระราชหัตถเลขามาถึงรัฐบาล ทรงสละราชสมบัติหลังจากอยู่ในราชสมบัตินาน 9 ปีเพราะไม่อาจจะทรงอยู่ภายใต้ภาวะกดดันได้อีกต่อไป และไม่ประสงค์จะให้ฝ่ายใดอาศัยประโยชน์จากพระองค์ไปจัดการกับอีกฝ่ายหนึ่ง

รัชกาลที่ 7 มีพระมเหสีพระองค์เดียวตามแบบยุโรป และไม่ทรงมีพระราช โอรสธิดา ได้เคยทรงขอพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาษ พระโอรสสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช น้องร่วมพระครรภ์กับรัชกาลที่ 5 มาทรงเลี้ยงอย่างพระราชโอรสบุญธรรม พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯ จึงมีศักดิ์เป็นลูกผู้น้องของรัชกาลที่ 7 เมื่อเสด็จไปประทับที่อังกฤษ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯ ได้เป็นนักบินเข้าร่วมกองทัพอากาศอังกฤษในระหว่างสงคราม และประสบอุบัติเหตุสิ้นพระชนม์

ทางเมืองไทยสถานการณ์การเมืองผันผวนหลายอย่าง ก่อนสละราชสมบัติ พระยามโนฯ นายกรัฐมนตรีมีข้อขัดแย้งกับสภาฯ จนออกพระราชกฤษฎีกาปิดสภาฯ และงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา ต่อมาคณะทหารขอให้ท่านลาออก สภาฯ เลือกพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) หัวหน้าคณะราษฎรเป็นนายกฯ ต่อมาท่านได้เสนอให้ยุบสภาเป็นครั้งแรก พอเลือกตั้งใหม่ก็ได้จอมพลแปลก พิบูลสงครามเป็นนายกฯ

พระราชหัตถเลขาทรงสละราชสมบัติมีใจความสำคัญตอนหนึ่งที่เราจำกันได้ดีคือทรงเต็มใจสละอำนาจให้แก่ราษฎรทั้งหลาย ไม่ได้มอบให้แก่หมู่ใดคณะใด ความหมายประการหนึ่งที่ซ่อนอยู่คือทรงสละสิทธิที่จะยกราชสมบัติแก่ผู้ใดทั้งที่ตามกฎมณเฑียรที่ตราขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงกระทำเช่นนั้นได้

หลังสละราชสมบัติ ทางการได้ยึดวังเจ้านายบางพระองค์โดยอ้างว่าใช้ทรัพย์ของแผ่นดินซื้อหามา ในจำนวนนี้มีวังสุโขทัย (เขียนศุโขทัย) ซึ่งเป็นเรือนหอรัชกาลที่ 7 และวังบางขุนพรหมของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระนครสวรรค์ฯ ด้วย

รัชกาลที่ 7 ประทับอยู่ที่อังกฤษกับสมเด็จพระบรมราชินีอย่างเงียบ ๆ นานถึง 7 ปี ทรงย้ายที่ประทับหลายครั้ง ขณะนั้นสงครามโลกเกิดขึ้นในยุโรปแล้วจึงทรงลำบากพอสมควร วันที่ 30 พฤษภาคม 2484 เสด็จสวรรคต พระชนมพรรษา 48 พรรษา

การถวายพระเพลิงทำอย่างเงียบ ๆ ที่สุสานในลอนดอน ไม่มีพระราชพิธี ไม่มีพระบรมโกศ ไม่มีการประโคม มีผู้มาร่วมงานไม่กี่คน ฝรั่งคนหนึ่งเห็นงานเงียบเชียบนักจึงอาสามาสีไวโอลินเพลงที่ทรงโปรดข้างหีบพระบรมศพ หลังจากนั้นอีกหลายปีจนสงครามสงบถึงสมัยรัชกาลที่ 9 รัฐบาลจึงกราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีให้เสด็จกลับ รัฐบาลอังกฤษจัดเรือรบเชิญพระบรมอัฐิมาส่ง ทางการไทยจัดริ้วกระบวนเชิญพระบรมอัฐิไปประดิษฐานในพระบรมมหาราชวัง

เรื่องราวของรัชกาลที่ 7 ถ้าไม่อยากอ่านหนังสือก็แวะไปชมได้ที่พิพิธภัณฑ์รัชกาลที่ 7 ตรงหัวถนนราชดำเนินเชิงสะพานผ่านฟ้าที่เคยเป็นกรมโยธาธิการ บัดนี้สถาบันพระปกเกล้าเป็นผู้ดูแล ในนั้นมีภาพเก่า ๆ งาม ๆ ข้าวของส่วนพระองค์รัชกาลที่ 7 หนังสือที่ทรงโปรด เครื่องทรงต่าง ๆ และภาพพระตำหนักในอังกฤษ รัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีเป็นคนไทยรุ่นแรก ๆ ที่นำกีฬากอล์ฟมาเผยแพร่ สมเด็จฯ นั้นน่าจะเป็นผู้หญิงไทยคนแรกที่เล่นกอล์ฟด้วยซ้ำ

ครูควรพานักเรียนไปชม จะได้รู้จักพระมหากษัตริย์ผู้อาภัพและยิ่งด้วยความอดทน ความเสียสละพระองค์นี้

แม้รัชกาลที่ 7 สวรรคตในปี 2484 แต่รัชกาลใหม่ก็เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2477 คือ 7 ปีก่อนนั้นแล้ว วาระนั้นเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองครั้งใหญ่ ทุกคนรู้ว่าพระองค์เจ้าอานันทมหิดล พระชนมายุ 9 ชันษาได้เป็นรัชกาลที่ 8 ในเวลาต่อมา แต่ที่อาจงง ๆ กันคือทำไมราชสมบัติจึงตกแก่เจ้านายพระองค์น้อยนี้และเหตุใดจึง กล่าวกันว่าการที่สมเด็จพระบรมราชชนนีทรงยินยอมให้พระราชโอรสรับราชสมบัติในครั้งนั้นเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งใหญ่

เรื่องนี้มีคำตอบครับ.

วิษณุ เครืองาม
wis.k@hotmail.com

วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ยิปซี​พยากรณ์​ ​วัน​ที่​ 26 ​มิถุนายน​ 2554​

ราศีมังกร (16 ม.ค.-12 ก.พ.)  
ข่าวดีเข้ามาพร้อม ๆ กับข่าวร้าย คุณขี้กังวลไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ต้องเอาเก็บมาคิดมาก ระวังจะล้มป่วย การงานช่วงต้นรู้สึกผ่อนคลาย งานน้อยกว่าที่ควรเป็น แต่อย่าเพิ่งดีใจไป ช่วงกลางลงมางานเพียบ มีดวงตกเป็นแพะรับบาปต้องรับผิดแทนคนอื่น ทำงานพลาดบ่อย ให้ใจเย็นอย่ารีบร้อนจะทำให้งานเสีย การเงินรู้สึกหดหู่ เงินเข้ามือได้ไม่นานก็มีอันต้องควักจ่ายออก ซึ่งดูเหมือนจะจ่ายมากกว่าเข้า มีดวงทำกระเป๋าสตางค์ มือถือ ของมีค่าสูญหาย “ไพ่ เดอะ มูน” ความรักคนโสดยิ้มแย้มได้เจอคนถูกใจ แต่ต้องดูลึกลงไปอีกว่าเขามีใครหรือยัง มีดวงจะถูกหลอก ส่วนคนมีแฟนแล้วผิดใจกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทำให้รู้สึกเหงา ๆ หาเวลาเปิดใจคุยกันจะทำให้บรรยากาศดีขึ้น


ราศีกุมภ์ (13 ก.พ.-13 มี.ค.)  
“ไพ่ จัสจีเม้นท์” ข่าวดีกำลังมาเยือน พายุพัดผ่านท้องฟ้าก็เริ่มแจ่มใส ช่วงนี้จิตใจอ่อนโยน ชอบช่วยเหลือ ซึ่งก็ทำให้คุณได้รับผลตอบแทนคือความสุขใจ และมิตรภาพ การงานมีช่องทางความก้าวหน้าเพิ่ม ผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน หากมีเจ้านายเป็นผู้หญิงจะโชคดีแบบสุด ๆ ช่วงนี้มีแต่ให้กับให้ ถ้ากำลังอยากเปลี่ยนงานจะมีโอกาส หากสมัครไว้แล้วจะมีข่าวดี การเงินได้ของที่อยากได้แบบไม่ต้องลงทุนมาก การเสี่ยงลุ้นมีโชคลาภ กินฟรีเที่ยวฟรี กระเป๋าตุง ความรักผลิบาน คนโสดได้พบคนถูกใจ มีการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดี ส่วนคนมีแฟนแล้วคนรักทำตัวดี เอาใจเก่ง อยากได้อะไรขอแค่บอก คนรักก็รีบจัดหามาให้ เป็นช่วงโปรโมชั่นจึงต้องรีบตักตวงเอาไว้
 
ราศีมีน (14 มี.ค.-12 เม.ย.)

หัว ปั่นกับเรื่องเงินทอง ได้มาจ่ายไปเก็บเงินไม่อยู่ มีเรื่องที่ต้องคิดตัดสินใจหลายเรื่อง ต้องใช้เหตุผล ความยุติธรรม ถ้าเข้าข้างตัวเองหาคำตอบไม่เจอ การงานวุ่นวายตลอด ต้องหยิบจับทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ต้องหาผู้ช่วย หากรับเหมาเองคนเดียวสำเร็จยาก ช่วงปลายงานเริ่มลงตัวขึ้น ได้เพื่อนฝูงคอยช่วยเหลือ “ไพ่ 2 เหรียญ” การเงินวุ่นหนัก รายจ่ายที่ไม่ได้คาดคิดก็มาเกิดแบบกะทันหันตั้งตัวไม่ทัน บวกกับช่วงนี้คุณมือเติบทำให้รายรับไม่พอรายจ่าย ความรักเกิดอาการรักพี่เสียดายน้อง ตัดสินใจลำบาก คนโสดมีคนมาพัวพันมากกว่าหนึ่ง ทำให้ว้าวุ่นใจ ส่วนคนมีแฟนแล้วมีมือที่สามเข้ามาแทรก ช่วงนี้อ่อนไหวง่ายอยู่ด้วยทำให้รักวุ่นวาย ขึ้น ๆ ลง ๆ
 
ราศีเมษ (13 เม.ย.-13 พ.ค.)
ขี้ หึงขี้หวงไปเสียทุกเรื่อง ทำอะไรอึดอัดมีคนคอยจ้องจับผิด ต้องรอบคอบรัดกุมให้มากขึ้น การงานต้องอดทนหน่อย ช่วงนี้งานตึมและคุณเองต้องลงมือควบคุมดูแลด้วยตัวเองถึงจะสำเร็จ ช่วงปลายมีแนวโน้มทะเลาะเบาะแว้ง ขัดใจกับหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน อย่าพยายามออก ปากออกเสียงมากจะเป็นภัยกับตัว “ไพ่ 4 เหรียญ” การเงินต้องใช้จ่ายประหยัดมากขึ้น อย่าเพิ่งไปหวังดีกับใคร ช่วงนี้คนอายุน้อยกว่าจะหาเรื่องเสียเงินเสียทองมาให้ ความรักหึงหวงกันจนเป็นเรื่อง เอาใจเขามาใส่ใจเรา ไว้เนื้อเชื่อใจกันให้มาก ๆ แล้วความสุขจะบังเกิด  ส่วนคนโสดสนิทยังไร้วี่แววคนถูกใจ อาจเป็นเพราะช่วงนี้ช่างเลือกมากไปหน่อย
 
ราศีพฤษภ (14 พ.ค.-13 มิ.ย.)
เหตุการณ์ พลิกผันตลอด มีแต่ความไม่แน่นอน ช่วงต้นดีจนน่าใจหาย แต่พอช่วงกลางลงมาเริ่มถดถอย ผิดหวังตลอด การงานหากมีโอกาสต้องรีบฉกฉวยต้องรีบตัดสินใจ ช่วงนี้อารมณ์ผู้ใหญ่ไม่แน่นอน อย่าคาดหวังอะไรไปไกล พยายามให้เต็มที่ ผู้ใหญ่กำลังจับตามอง อาจจะเบื่อเซ็งกับคำติฉินนินทาใส่ร้าย อย่าไปสน เพชรย่อมเป็นเพชร การเงินต้องคอยระวังให้ดี มีดวงทำกระเป๋าสตางค์ มือถือ ของมีค่าสูญหาย ห้ามรับปาก หรือให้ใครหยิบยืมความเดือดร้อนจะมาเยือน “ไพ่ เดอะ ซัน” ความรักคนโสดมีแววได้เจอคนถูกใจ แต่อย่าหลงระเริง อุปสรรคเพียบ  ส่วนคนมีแฟนแล้วมีแนวโน้มเลิกรา มีเรื่องเข้าใจผิดกันบ่อย พอใจเย็นทั้งคู่แล้วค่อยคุยกันจะดีกว่า
 
ราศีเมถุน (14 มิ.ย.-14 ก.ค.)
ให้ ทำตามสุภาษิต “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น” แล้วคุณจะค้นพบ การงานเครียดพอสมควร เป็นเวลาของการแข่งขัน ใครดีใครเด่นก็ได้รับการโปรโมชั่น ช่วงกลางมี ดวงเริ่มต้นงาน เปลี่ยนแนวงานใหม่ ไม่ต้องกลัวช่วงนี้ดวงงานคุณรุ่งถ้าขยันขันแข็ง ช่วงปลายระวังทำงานพลาด เพราะความประมาท การเงินได้มาจากน้ำพักน้ำแรงล้วน ๆ อย่าไปคิดถึงโชคลาภจะทำให้เสียมากกว่าได้ ช่วงกลางหนักใจจากคนมาขอหยิบยืม “ไพ่ เดอะ เดธ” ความรักเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าจะคบหรือจะเลิก คนโสดมีโอกาสได้เจอเพื่อนใหม่ ถูกอกถูกใจกันจากการประสานงาน แต่ยังจริงจังมากไม่ได้ เพราะอนาคตยังไม่แน่นอน
 
ราศีกรกฎ (15 ก.ค.-16 ส.ค.)
เงิน ทองมากมาย แต่กลับรู้สึกเหงา ๆ เศร้า ๆ เป็นเพราะดวงความรักไม่ค่อยดี การงานหนักหนาสาหัสกับการต้องตัดสินใจ มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง คุณก็อยู่ท่ามกลางความวุ่นวายเหล่านั้น ให้ใช้เหตุผลและความยุติธรรม อย่าเอาแต่ใจตัวเองฝ่ายเดียวแล้วจะประสบผลสำเร็จ “ไพ่ 10 เหรียญ” การเงินท่วมท้น ได้ผลตอบแทนจากสิ่งที่ลงทุนไปแล้ว ช่วงต้นจะหยิบจับทำอะไรก็ได้ผลกำไรทั้งสิ้น แต่ช่วงกลางลงมารายจ่ายเริ่มเยอะ มีคนมาเบียดเบียน ความรักคนโสดเลือกไม่ค่อยถูก อาจเป็นเพราะมีกฎเกณฑ์ไว้ในใจทำให้ตัดสินใจไม่ถูก ว่าจะเลือกคุณสมบัติที่เพียบพร้อม หรือคนที่ชอบ ส่วนคนมีแฟนแล้วขึ้น ๆ ลง ๆ ช่วงปลายมีเหตุให้เข้าใจผิด ต้องห่างกัน รู้สึกเหงา
 
ราศีสิงห์ (17 ส.ค.-16 ก.ย.)
กระโดด โลดเต้นได้ไม่นานก็ต้องพบกับความอึดอัด “ไพ่ 8 ดาบ” มีคนคอยจ้องจับผิด หาเรื่องอยู่ตลอด จะก้าวไปทางไหนอย่าประมาท การงานช่วงต้นไปได้ดี ให้รีบทำผลงาน เจรจานัดหมายเรื่องสำคัญ เพราะช่วงกลางลงมาจะล่าช้า มีอุปสรรคร้อยแปดที่ทำให้คุณต้องปวดหัว อย่าพยายามหาเรื่อง ก่อศัตรูจะเป็นผลเสียกับตัวคุณเอง การเงินมีดวงได้ลาภจากการเดินทางไกล ช่วงนี้ห้ามให้ใครรู้ว่ามีเงินเยอะ จะมีคนมาคอยตอดเล็กตอดน้อยทำให้คุณอึดอัดน้ำท่วมปาก  ความรักไม่แจ่มใส คนโสดหดหู่ แอบรักแอบชอบใครเป็นต้องมีเจ้าของแล้วทั้งนั้น หาคนโสดดี ๆ ไม่มีเลย ส่วนคนมีแฟนแล้วมีปัญหากับเรื่องเดิม ๆ คนรักเริ่มไม่ไว้วางใจในพฤติกรรม ตามหึงหวงคอยเช็กตลอดเวลา
 
ราศีกันย์ (17 ก.ย.-16 ต.ค.)
มุ่ง อยู่กับเรื่องงานไม่ค่อยมีเวลาสนใจสิ่งอื่น เป็นช่วงที่ต้องตักตวงและต้องแสดงผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ “ไพ่ 6 คทา” การงานมั่นคง ได้รับการยอมรับจากผู้ใหญ่ รวมถึงเพื่อนฝูงก็ช่วยเชียร์ช่วยลุ้น ช่วงต้นมีการแข่งขันเหนื่อยหน่อย แต่สุดท้ายก็เป็นไปตามคาดเดา คุณมีโอกาสสูงสุดในที่จะได้รับการโปรโมชั่น หากคิดเปลี่ยนงานย้ายงานจะได้สมใจและเลื่อนขั้นดีกว่าเดิม  การเงินไม่มีโชคลาภ แต่สภาพคล่องดีเยี่ยม เป็นผลมาจากการงานที่ก้าวหน้าของคุณ ความรักอบอุ่น คนรักทำตัวดี คอยพูดจาหวานหู เป็นกำลังใจยามท้อถอย ทำให้มีความสุขสุด ๆ ส่วนคนโสดคนใกล้ตัวคอยผลัดกันเป็นพ่อสื่อแม่ชัก มีแนวโน้มได้สละโสด แต่ถ้ามัวแต่หาเองทำเอง มีแววจะขึ้นคานเหมือนเดิม
 
ราศีตุลย์ (17 ต.ค.-16 พ.ย.)
ไม่ ค่อยพอใจกับอะไรที่มีอยู่ ต้องออกแสวงหาสิ่งใหม่ มีดวงเดินทาง และปรับเปลี่ยนสิ่งใหม่ ๆ แต่ยังไม่ลงตัว การงานเอาแน่นอนไม่ค่อยได้ มี ดวงโยกย้ายทั้งจากตัวเอง และถูกจับย้าย ช่วงต้นถึงกลางค่อนข้างกดดัน รู้สึกเบื่อเซ็งจนต้องหาทางออกให้กับตัวเอง ช่วงปลายจะมีข่าวดี ได้เพื่อนฝูง ครอบครัวคนใกล้ชิดคอยสนับสนุน  “ไพ่ 9 ดาบ” การเงินเสียจุกจิกเกี่ยวกับค่าซ่อมและสุขภาพ ต้องรู้จักใส่ใจตัวเองให้มาก ช่วงปลายมีลาภจากคนอายุน้อยกว่า ความรักคนโสดกำลังโหยหาความรัก อยากเจออยากมีกับเขาบ้าง แต่ยังไร้วี่แวว ส่วนคนมีแฟนแล้วยังไม่ค่อยพอใจ ชอบเปรียบเทียบกับคนอื่นทำให้เห็นแต่ข้อบกพร่อง เริ่มมีความคิดอยากเปลี่ยนคนรัก หาใหม่
 
ราศีพิจิก (17 พ.ย.-15 ธ.ค.)
ปัญหา ที่มีจะค่อย ๆ คลี่ คลาย จากร้ายกลับกลายเป็นดี “ไพ่ เดอะ เอมเพอเรอ” เริ่มมีความโดดเด่น เป็นที่รู้จัก เป็นที่ยอมรับมากขึ้น  การงานมีผลงานเข้าตาผู้ใหญ่ ได้รับคำชม ได้รับการสนับสนุน เป็นช่วงทองที่ต้องรีบคว้า หากได้รับข้อเสนอใหม่ ๆ ท้าทายให้ตอบรับทันที คุณมีดวงจะก้าวหน้าได้อีกไกล เข้าหาผู้ใหญ่จะได้รับความเอ็นดู ได้รับการช่วยเหลือ การเงินมีสภาพคล่อง ส่งผลมาจากงานที่ไปได้สวย ช่วงกลางลงมามีโชคลาภจากผู้ใหญ่ หากชอบเสี่ยงลุ้นก็มีโชคลาภที่ดี ความรักคนโสดมีดวงได้พบคนถูกใจ แบบว่าสบตาก็รู้ใจทันที แต่มีแนวโน้มว่าคนที่พบช่วงนี้จะอายุมากกว่า ส่วนคนมีแฟนแล้วจด ๆ จ้อง ๆ กันอยู่ มีดวงพูดคุยเรื่องแต่งงาน ถ้ามีครอบครัวแล้วจะมีข่าวดีเกี่ยวกับบุตร
 
ราศีธนู (16 ธ.ค.-15 ม.ค.)
ดวง ขึ้น ๆ ลง ๆ เจอเรื่องดีก็ดีแบบสุด ๆ พอพบเรื่องร้ายก็ร้ายแบบสุด ๆ เช่นกัน ต้องทำตัวเป็นกลางไม่ประมาท การงานช่วงต้นและปลายมีปัญหาจุกจิกเกี่ยวกับคน อย่าเพิ่งขยับขยาย และต้องระวังการคดโกง เล่นไม่ซื่อ มีศัตรูคอยหาเรื่องกลั่นแกล้งอยู่ตลอด ช่วงกลางพอจะก้าวไปถึงฝันได้บ้าง แต่ต้องพยายามและมีกำลังใจที่ดี มองโลกในด้านบวก การเงินช่วงต้นมีเรื่องต้องเสียเงินก้อนโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว พยายามอย่าเอาตัวไปพัวพันกับเรื่องเดือดร้อนของคนอื่นจะถอนตัวยาก “ไพ่ เดอะ สตาร์” ความรักคนโสดน่าดีใจเป็นที่สุด จะได้พบคนในฝัน แต่ก็ต้องฟัน ฝ่าอุปสรรคพอสมควรรักถึงจะสมหวัง ส่วนคนมีแฟนแล้วต่อล้อต่อเถียงกันเป็นประจำ มีดวงแตกหักสูงถ้าไม่ระงับอารมณ์.

อ.คฑา ชินบัญชร

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

พายุไหหม่า

พายุ “ไหหม่า” ขึ้นฝั่งและอ่อนกำลังลง กระทบภาคเหนือ อิสานมีฝนเพิ่มวันที่ 24-26 มิ.ย.

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศทั่วไป เมื่อเวลา 22:00 น.วันนี้ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมั
ดระวังและเรือเล็กในบริเวณดังกล่าวควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ สำหรับบริเวณประเทศไทยมีฝนกระจายและมีฝนตกหนักบางแห่ง อนึ่ง พายุโซนร้อน “ไหหม่า” (Haima) ในทะเลจีนใต้ตอนบน ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเหนือเกาะไหหลำ ทางตอนใต้ของประเทศจีนแล้ว คาดว่าพายุนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเข้าประเทศเวียดนามตอนบนต่อไป ซึ่งจะมีผลกระทบทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นในช่วงวันที่ 24-26 มิ.ย. 54

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
23 มิถุนายน 2554

กรมอุตุวิทยาเตือนหลายภาคของไทยเจอฤทธิ์พายุไหหม่า

กรมอุตุฯ เตือนคนในภาคเหนือ, อีสานตอนบน และภาคใต้ ระวังภัยจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และคลื่นลมแรง จากฤทธิ์พายุโซนร้อน"ไหหม่า"

มีรายงานพายุโซนร้อน ไหหม่า (Haima) ในอ่าวตังเกี๋ยตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 250 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกของเมืองฮานอย และกำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเข้าสู่ชายฝั่งบริเวณเมืองไฮฟอง ประเทศเวียดนาม คาดว่าพายุนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่น และจะยังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเข้าประเทศลาวตอนบนต่อไป ซึ่งจะมีผลกระทบต่อประเทศไทย ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ ตั้งแต่วันนี้ (24 มิ.ย.) ถึงวันที่ 26 มิ.ย.

ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในบริเวณดังกล่าว อาทิ จังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา จังหวัดน่าน จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดเลย จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ระมัดระวังภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร จึงขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กในบริเวณดังกล่าวควรงดออกจากฝั่ง ส่วนประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งทะเลภาคใต้ฝั่งตะวันตกและภาคตะวันออกให้ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่งในช่วงนี้ไว้ด้วย

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 24 มิถุนายน 2554

พายุ “ไหหม่า”ทำความเสียหาย 4 จังหวัด เดือดร้อนร่วมแสนคน

ปภ. สรุป พายุ “ไหหม่า”ทำความเสียหาย 4 จังหวัด เดือดร้อนร่วมแสนคน

นายวิบูลย์ สงวน พงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)กล่าวว่า หลังจากเกิดฝนตกหนักมากเนื่องจากอิทธิพลจากพายุดีเปรสชั่นไหหม่า ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่บริเวณประเทศลาว ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ ใน 4 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย จ.ตาก จ.พะเยา และ จ.น่าน ส่งผลให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อนรวม 29 อำเภอ 133 ตำบล 896 หมู่บ้าน 37,147 ครัวเรือน รวม 118,856 คน และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก อีกทั้งมีผู้สูญหาย 1 ราย ที่ อ.เวียงสา จ.น่าน รวมถึงพื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับความเสียหาย 53,227 ไร่ และยังมีสิ่งปลูกสร้าง สะพาน และทรัพย์สินต่างๆ ที่ได้รับความเสียหายอีกเป็นจำนวนมาก

นายวิบูลย์ กล่าวว่า ทันทีที่เกิดเหตุ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้สำรวจความเสียหาย ให้ความช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมทั้งให้เฝ้าระวังภัยตลอด 24 ชั่วโมง และรายงานให้ทราบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยยังได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจระดับจังหวัด และอำเภอ ขึ้นเป็นศูนย์กลางประสานงานในพื้นที่ด้วย เพื่อเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ระดับน้ำ โดยประสานงานกับกรมชลประทานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำกก และแม่น้ำยม

“ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่เบื้องต้นแล้ว เช่น จัดหากระสอบทราย ถุงยังชีพ อาหารปรุงสุก รวมถึงเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ในการกู้ภัย และอพยพราษฎรไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว โดยในวันที่ 1 ก.ค.กรม ป.ภ.จะมีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่มปี 2554 โดยเชิญผู้ว่าฯ มาร่วมประชุมผ่านระบบ วีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น”นายวิบูลย์ กล่าว

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 29 มิถุนายน 2554

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อมรรัตนโกสินทร์ (18)

ใครรู้วิชาโหรน่าจะลองผูกดวง พระชะตาพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ดูว่าเป็นอย่างไร เพราะแปลกเหลือหลาย

เมื่อแรกประสูติจนทรงเป็นหนุ่ม ไม่มีใครคาดคิดว่าต่อไป “ทูลกระหม่อมเอียดน้อย” สมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ พระราชโอรสพระองค์สุดท้องในรัชกาลที่ 5 ประสูติจากสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี และเป็นลำดับที่ 76 จากทุกพระครรภ์จะได้ครองราชสมบัติเพราะยังมีพระเชษฐาร่วมพระครรภ์อีกหลายพระองค์ ความจริงหลังจากประสูติ 1 วัน สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาได้ประสูติพระราชธิดาเป็นลำดับที่ 77 แต่อยู่ได้วันเดียวก็สิ้นพระชนม์

คนมักสะกดคำว่า “ศักดิเดชน์” ผิดเป็น “เดช” ซึ่งแปลว่าอำนาจ แต่ “เดชน์” แปลว่าลูกศร เมื่อครองราชย์แล้วจึงทรงใช้ตราประจำพระองค์เป็นรูปศร 3 เล่ม เมื่อทรงพระเยาว์ พระสุขภาพไม่ดีเจ็บออด ๆ แอด ๆ มาตลอด แพทย์แนะนำให้ทรงเรียนวิชาทหารเพื่อจะได้ออกพระกำลัง เสด็จกลับจากอังกฤษแล้ว
จึงได้ทรงเข้าทำราชการในสมัยรัชกาลที่ 6



ตอนต้นรัชกาลที่ 6 เข้าใจกันว่าถ้าแม้นไม่มีพระราชโอรส พระราชอนุชาที่ทรงพระชนม์และอยู่ในลำดับถัดไปคือสมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ น่าจะได้สืบราชสมบัติ เพราะรัชกาลที่ 6 ทรงโปรดและเจ้าชายพระองค์นี้ก็ทรงพระปรีชาสามารถมาก

เรื่องของเจ้าชายพระองค์นี้น่าสนใจ รัชกาลที่ 5 ทรงส่งไปเรียนที่รัสเซีย พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 กษัตริย์รัสเซียที่เคยช่วยไทยให้รอดจากการถูกยุโรปคุกคามทรงรับเป็นผู้ปกครอง วันหนึ่งเจ้าฟ้าหนุ่มจากสยามได้ทรงพบกับสาวรัสเซียในงานเลี้ยงหรูหราที่พระราชวังปีเตอร์ฮอฟ กรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก จนเกิดเป็นความรักและเสกสมรสด้วยจนมีพระโอรสคือพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์

ผมเคยไปชมวังปีเตอร์ฮอฟ ไกด์รัสเซียอธิบายละเอียดลออว่าทรงพบกันตรงนี้ เสด็จไปเต้นรำตรงนั้น ดนตรีเล่นเพลงอะไร วัทอะโรแมนติก! แต่เมื่อเสด็จกลับไทย รัชกาลที่ 5 กริ้วมาก วังของกรมหลวงพิษณุโลกฯ อยู่ข้างกระทรวงศึกษาธิการชื่อ “วังปารุสกวัน” ทรงมีพระอารมณ์ขันว่าไหน ๆ ฝรั่งก็ออกพระนามว่า “ปรินซ์ จักรกระบอง” (จักรพงษ์) จึงทรงคิดตราประจำพระองค์เป็นรูปจักรมีกระบองสอด ยังติดอยู่หน้าประตูวังปารุสก์ ถนนราชดำเนินนอก ผ่านไปมาลองสังเกตดู

ต่อมากรมหลวงพิษณุโลกฯ ทรงหย่าจากหม่อมชาวรัสเซีย วันหนึ่งเสด็จไปราชการที่สิงคโปร์ กลับจากงานเลี้ยงก็ประชวรสิ้นพระชนม์ที่นั่น

เมื่อเจ้าฟ้าประชาธิปกฯ ทรงผนวชประทับที่วัดบวรฯ และจะทรงลาผนวช สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ เจ้าอาวาสและพระอุปัชฌาย์ทรงแนะนำว่าน่าจะบวชต่อไป เพราะสึกไปก็คงเอาดีทางโลกยาก พี่ชายก็มีอยู่หลายคน แม้นครองผ้าเหลืองต่อไปอาจได้ดีเป็นใหญ่ทางคณะสงฆ์ แต่ทูลกระหม่อมทูลว่าไปหลงรักผู้หญิงเข้าแล้ว

ลาผนวชแล้วได้เสกสมรสกับ ม.จ.รำไพพรรณี สวัสดิวัตน์ พระธิดากรมพระสวัสดิ์ฯ (พระราชโอรสรัชกาลที่ 4 ประสูติจากเจ้าจอมมารดาเปี่ยม จึงทรง
เป็นน้าแท้ ๆ ของเจ้าฟ้าประชาธิปกฯ)

พระเชษฐาร่วมพระครรภ์ของเจ้าฟ้าประชาธิปกฯ ค่อย ๆ สิ้นพระชนม์ไปจนหมด คราวนี้มีวี่แววแล้วว่าอาจทรงเป็นรัชทายาทราชบัลลังก์สยาม รัชกาลที่ 6
จึงเริ่มให้ทรงศึกษาระบบระเบียบราชการเตรียมไว้ แต่ความไม่แน่นอนก็ยังมีเพราะใน พ.ศ. 2468 พระนางเจ้าสุวัทนาฯ ทรงพระครรภ์ ถ้าประสูติเป็นชาย เจ้าฟ้าพระองค์ใหม่ก็จะเป็นกษัตริย์ อย่างมากเจ้าฟ้าประชาธิปกฯ ก็แค่สำเร็จราชการแทนพระองค์

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2468 รัชกาลที่ 6 ประชวรหนัก พระนางเจ้าสุวัทนาฯ ได้ประสูติพระราชธิดา นาทีนั้นจึงแน่แล้วว่า
เจ้าฟ้าประชาธิปกฯ กรมหลวงศุโขทัยธรรมราชาจะได้ครองราชย์ วันต่อมารัชกาลที่ 6 สวรรคต ขณะพระชนมพรรษา 45 พรรษา

เจ้านายและเสนาบดีเปิดประชุมทันที และทูลเชิญเจ้าฟ้าประชาธิปกฯ พระชนมายุ 32 พรรษา ทรงรับราชสมบัติแต่ตรัสถ่อมพระองค์ว่า พระชนมายุและพระประสบการณ์ยังน้อย พระเชษฐาต่างพระราชชนนีที่มีความสามารถยังมีอีกหลายพระองค์ โดยเฉพาะสมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต


กรมพระนครสวรรค์ฯ คุกเข่าลงถวายบังคมทูลย้ำว่าขอให้ทรงรับราชสมบัติเพราะเป็นไปทั้งตามกฎมณเฑียรบาล พ.ศ. 2467 ที่รัชกาลที่ 6 ทรงตราไว้ และพระราชประสงค์รัชกาลที่ 6 ที่ทรงสั่งไว้ ทุกพระองค์ขอปฏิญาณความจงรักภักดีและสนองราชการแบ่งเบาพระราชภาระ นั่นแหละ
จึงทรงรับ

รัชกาลที่ 7 เป็นพระเจ้าแผ่นดิน 9 ปี จึงสละราชสมบัติ ที่จริงเป็นความยากลำบากในการเป็นผู้นำประเทศขณะนั้น เพราะ
เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ในอเมริกาเกิดเหตุยิ่งกว่าฟองสบู่แตกเรียกว่า Great Depression โรงงานในญี่ปุ่นหลายแห่งต้องปิด คนว่างงานทั่วโลก ในสยามการเก็บภาษีก็ทำได้น้อย การค้าขายฝืดเคือง รัฐบาลขาดเงินสดจนต้องเลื่อนบรรดาศักดิ์แทนขึ้นเงินเดือนข้าราชการ บางปีก็ต้อง “ดุลย์” คือ เอาข้าราชการออก พระเจ้าอยู่หัวต้องทรงลดเงินปีของพระองค์และค่าใช้จ่ายประเทศ



ในสมัยรัชกาลที่ 1 พระน้องนางเธอของรัชกาลที่ 1 ชื่อพระองค์เจ้าหญิงกุ กรมหลวงนรินทรเทวี มีวังอยู่ข้างวัดโพธิ์ คนทั่วไปเรียกว่าเจ้าครอกวัดโพธิ์ ทรงเป็นนักบันทึกจดหมายเหตุความทรงจำ จะว่าเป็นคนไทยคนแรกที่เขียนไดอารี่ก็ได้ เคยทรงบันทึกไว้ว่าเวลาลงเสาหลักเมืองพระนครนั้น เห็นงูอยู่ที่ก้นหลุม จะเขี่ยออกก็ไม่ทัน หลักเมืองเลื่อนลงไปทับพอดีจึงมีคำพยากรณ์ว่าพระนครจะอยู่แค่ 150 ปี

ข้อที่คนโบราณร่ำลือกันเรื่องคำทำนายอายุพระนคร ไม่ใช่ว่าคนจะเชื่อตามไปหมด บางคนที่รู้เรื่องดีก็แย้งว่าสมัยรัชกาลที่ 4 เคยมีการยกเสาหลักเมืองใหม่อีกหน จึงเท่ากับแก้เคล็ดไปแล้ว บ้างก็ว่าถ้าจะสิ้นพระนครก็น่าจะสิ้นเสียตั้งแต่รัชกาลที่ 5
เมื่อฝรั่งเศสและอังกฤษเข้ามาคุกคาม เมื่อรอดจากคราวนั้นจึงเห็นจะไม่มีอีก

รัชกาลที่ 7 ทรงทราบดีว่าหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นต้นมา โลกเห็นจะไม่เหมือนเดิม จึงทรงเตรียมการหลายอย่างเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะพระองค์เองก็เป็นนักเรียนอังกฤษ เรียนประวัติศาสตร์และรัฐศาสตร์มาไม่น้อย ได้ทอดพระเนตรเห็นความเปลี่ยนแปลงมาบ้าง

หลังครองราชย์ไม่นาน ดร.ฟรานซิส บี. แซยร์ นักกฎหมายอเมริกันซึ่งเคยรับราชการสมัยรัชกาลที่ 6 จนได้เป็นพระยากัลยาณไมตรี ผ่านมาทางเมืองไทยอีกหน ได้โปรดให้ฝรั่งผู้นี้ยกร่างรัฐธรรมนูญถวายฉบับหนึ่ง ราวปีพ.ศ. 2473 ได้โปรดให้ที่ปรึกษาชาวอเมริกันชื่อ นายสตีเวนส์และพระยาศรีวิสารวาจา ร่างรัฐธรรมนูญถวายอีกฉบับ แต่ก็ไม่ได้ประกาศใช้



ระหว่างนั้นได้ทรงแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และมีพระราชดำริให้ยกร่างกฎหมายเทศบาล (เรียกว่าประชาภิบาล) เพื่อให้ราษฎรในท้องถิ่นมีการปกครองตนเอง เลือกผู้บริหารเอง มีงบประมาณใช้เอง ตรัสว่าเป็นการเริ่มจากฐานล่างขึ้นไปถึงชั้นบน เมื่อฐานล่างทำได้ก็จะเริ่มใช้ในระดับประเทศ แต่ดูจะไม่มีใครเข้าใจกัน จนมีพระราชหัตถเลขาไปเร่งว่า “หวังว่าจะได้ทันเห็นก่อนชีวิตข้าพเจ้าหาไม่” แต่ก็ไม่เสร็จอยู่ดี

เคยมีพระราชหัตถเลขาไปถึงกระทรวงธรรมการ (ศึกษาธิการ) ว่า สักวันหนึ่งดีโมเครซี่คงเข้ามา ถ้าคิดว่าจะรักษาแอปโซลุท โมนากีไว้ได้ก็แล้วไป แต่ถ้าคิดว่าจะต้านทานไม่ได้ก็ให้เตรียมตั้งรับดีโมเครซี่เถิด น่าคิดว่าทำไมจึงทรงสั่งกระทรวงสอนหนังสือ ไม่สั่งกระทรวงกลาโหมหรือตั้ง ศอฉ.มารับมือการล้มเจ้า คำตอบคือมีพระราชประสงค์จะใช้การศึกษา ครู เด็กและเยาวชนเป็นฝ่ายตั้งรับนั่นเอง ซึ่งตรงกับความเข้าใจในปัจจุบันว่าประชาธิปไตยต้องเริ่มที่บ้านและโรงเรียน



แต่รัชกาลที่ 7 เป็นพระเจ้าแผ่นดินที่อาภัพ ผู้มีอำนาจสมัยนั้นล้วนเป็นอาเป็นน้าเป็นพี่ท่านหรือไม่ก็ขุนนางหลายแผ่นดินทั้งนั้น จึงดูจะไม่ค่อยได้ดังพระราชหฤทัย ปัญหานี้รัชกาลที่ 5 ก็เคยประสบมาแล้วในช่วง 10 ปีแรก จึงอย่าคิดว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินจะทำอะไรได้ดังใจเสมอไป

วันที่ 6 เมษายน 2475 กรุงเทพ มหานครมีอายุครบ 150 ปี เคยมีคนคาดว่าอาจจะพระราชทานรัฐธรรมนูญเป็นของขวัญให้คนไทยปกครองกันเองแบบญี่ปุ่น แต่ก็ไม่มี เข้าใจว่ามีผู้ทักท้วงว่ายังไม่ถึงเวลา ควรให้ราษฎรมีการศึกษาและมีความรู้ความเข้าใจมากกว่านี้

ลงท้ายก็มีแต่พิธีเปิดสะพาน พุทธฯ เชื่อมกรุงเทพฯ กับกรุงธนฯ มีขบวนชลมารค และงานสมโภชพระนคร

หลังจากนั้นเข้าหน้าร้อน รัชกาลที่ 7 และพระประยูรญาติเสด็จฯไปประทับที่วังไกลกังวล หัวหิน ตามที่เคยปฏิบัติ ทางกรุงเทพฯ ก็โปรดให้กรมพระนครสวรรค์ฯ ทรงรักษาพระนคร

ขณะนั้นข่าวลือว่าอาจเกิดการยึดอำนาจมีอยู่หนาหู นักเรียนนอกที่จบวิชากฎหมาย วิชาทหาร วิชาช่างจากฝรั่งเศส และเยอรมนีกลับมาหลายคน คนเหล่านี้เคยพบปะกันในเมืองนอกและเป็นห่วงบ้านเมืองว่าจะปล่อยไปอย่างเดิมไม่ได้ ในหลวงจะไปทรงรับผิดชอบทุกอย่างได้อย่างไร ราชการงานเมืองวันนี้ซับซ้อนกว่าแต่ก่อนมากนัก
วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน 2475 ฝนตกพรำ ๆ ทั้งคืน ตอนค่ำรถถังออกมาวิ่งเต็มถนน ใครถามก็ได้คำตอบว่า “ซ้อมรบ” หรือไม่ก็ “ผลัดเปลี่ยนกำลัง” คำตอบอย่างนี้คุ้น ๆ แฮะ!
พอย่ำรุ่งวันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน รถถังก็บ่ายหน้าไปลานพระบรมรูปทรงม้า กำลังส่วนหนึ่งไปตัดสายโทรเลขโทรศัพท์ อีกส่วนเข้าคุมสถานที่สำคัญ หัวหน้าคณะก่อการซึ่งเรียกตัวเองว่า “คณะราษฎร” คือ พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาก็ขึ้นยืนอ่านแถลงการณ์ยึดอำนาจบนลัง
ข้างพระบรมรูปทรงม้า

มีการเชิญเจ้านายผู้ใหญ่ เช่น จากวังบางขุนพรหม วังวรดิศ วังเทเวศร์ ตำหนักปลายเนินไป “อารักขา” ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ตกสายก็แจกใบปลิวแถลงการณ์ทั่วกรุง มีการต่อสู้เลือดตกยางออกแห่งเดียวที่กองพล 1

ขณะนั้นรัชกาลที่ 7 ประทับอยู่หัวหิน ตกบ่ายผู้แทนคณะราษฎรคือหลวงศุภชลาศัยก็ถือหนังสือหัวหน้าคณะราษฎรไปเฝ้าฯ ทูลเชิญเสด็จฯกลับกรุงเทพฯ

ตรัสว่าที่จริงความมุ่งหมายก็ตรงกัน แต่วิธีการอาจแตกต่างกัน ไม่มีพระราชประสงค์จะให้คนไทยต่อสู้กันเองเพราะแม้จะทรงพอมีกำลังทหาร แต่ลงท้ายจะเกิดศึกกลางเมือง คนไทยจะตายเปล่า ๆ จึงจะเสด็จฯกลับ พระองค์เองสุขภาพก็ไม่ดี พระราชโอรสก็ไม่มี ไม่ได้อยากได้ใคร่ดีจะเป็นกษัตริย์ต่อไป แต่ถ้าทรงต่อต้าน คณะราษฎรจะลำบากเพราะนานาประเทศคงไม่ยอมรับรองรัฐบาลใหม่ คราวนี้จะยุ่งยากมากขึ้นเห็นน้ำพระราชหฤทัยไหมล่ะครับ!

ในที่สุดก็เสด็จฯกลับ คณะราษฎรได้เข้าเฝ้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษ ที่ทรงเสียพระราชหฤทัยที่สุดคือการที่แถลงการณ์คณะราษฎรได้กล่าวหาพระบรมราชจักรีวงศ์อย่างรุนแรง จนต้องมีผู้กราบบังคมทูลว่าเป็นธรรมดาของการยึดอำนาจที่จะต้องกล่าวหาอำนาจเก่า ซึ่งก็ได้พระราชทานอภัยโทษ

คณะราษฎรได้ถวายพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองฯ ฉบับแรกด้วย ซึ่งได้ประกาศใช้ในวันที่ 27 มิถุนายน ต่อมาก็มีการตั้งรัฐบาลเรียกว่า “คณะกรรมการราษฎร” มีพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นประธาน มีการตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ภายหลังก็ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ประกาศใช้ในวันที่ 10 ธันวาคม 2475 ถือเป็นฉบับที่ 2 แต่เป็นฉบับถาวรที่เรียกรัฐธรรมนูญฉบับแรก

วันที่ 10 ธันวาคม จึงเป็นวันรัฐธรรมนูญ มีการเรียกชื่อรัฐบาลว่าคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งแรก พระยามโนฯ ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก

อะไรต่ออะไรดูจะเข้ารูปเข้ารอย การปกครองแบบใหม่เริ่มแล้ว แต่ก็ไม่ได้เรียบร้อย หลายอย่างกลับรุนแรงหนักขึ้นจนกลายเป็นการแตกหักครั้งใหญ่ในอีก 2 ปีต่อมา.

“ตรัสว่าที่จริงความมุ่งหมายก็ตรงกัน แต่วิธีการอาจแตกต่างกัน ไม่มีพระราชประสงค์จะให้คนไทยต่อสู้กันเองเพราะแม้จะทรงพอมีกำลังทหาร แต่ลงท้ายจะเกิดศึกกลางเมือง คนไทยจะตายเปล่า ๆ จึงจะเสด็จฯกลับ พระองค์เองสุขภาพก็ไม่ดี พระราชโอรสก็ไม่มี ไม่ได้อยากได้ใคร่ดีจะเป็นกษัตริย์ต่อไป แต่ถ้าทรงต่อต้าน คณะราษฎรจะลำบากเพราะนานาประเทศคงไม่ยอมรับรองรัฐบาลใหม่ คราวนี้จะยุ่งยากมากขึ้น”

วิษณุ เครืองาม
wis.k@hotmail.com

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ยิปซี​พยากรณ์​ ​วัน​ที่​ 19 ​มิถุนายน​ 2554​

ราศีมังกร (16 ม.ค.-12 ก.พ.)

เจอผู้ใหญ่หัวดื้อหัวแข็งจนเซ็ง ช่วงนี้อย่าใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาโดยเด็ดขาดจะทำให้เรื่องบานปลาย การงานช่วงต้นทั้งหนักทั้งเหนื่อย ต้องสะสางปัญหาด้วยตัวเอง สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เรื่องของความคิด นโยบายที่ไม่ตรงกันกับผู้ร่วมงาน มีการแข่งขันชิงดีชิงเด่น คุณมีโอกาสที่ดีกว่าคนอื่น แต่ต้องไม่ประมาท การเงินมีจ่ายหนัก ๆ เกี่ยวกับที่อยู่ และยานพาหนะ ปฏิเสธไม่ได้ น้ำท่วมปาก พยายามอยู่ห่างเรื่องเดือดร้อนของคนอื่นไว้บ้าง ช่วงปลายมีรายรับเยอะจากงาน “ไพ่ ราชาถ้วย” ความรักเป็นเหมือนที่ปรึกษาของเพื่อนฝูง แต่พอโดนกับตัวก็ตัดสินใจไม่ถูกเหมือนกัน คนโสดมีเสน่ห์ มีคนมาสนใจ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคนโผงผาง ตรงไปตรงมา ส่วนคนมีแฟนแล้วงอนกันบ่อย ต้องใส่ใจกันบ้าง


ราศีกุมภ์ (13 ก.พ.-13 มี.ค.)

รู้สึก มั่นคง ไม่เหงาใจ เพราะได้คนรัก ครอบครัว เพื่อนฝูงคอยอยู่ห้อมล้อม เป็นที่ปรึกษา “ไพ่ 2 คทา” การงานจริงจังมากขึ้น แต่ก็เบาแรงลง เพราะได้คนมาช่วยงาน มีเพื่อนสนิทคอยเป็นที่ปรึกษา หากคิดลงทุนทำธุรกิจกับครอบครัว คนสนิท ได้ผลตอบแทนที่ดีแน่นอน ช่วงปลายมีผลงานโดดเด่น มีชื่อเสียง ได้รับการยอมรับและไว้วางใจจากผู้ใหญ่ การเงินหากเคยให้ความช่วยเหลือใครไว้ เขาจะกลับมาตอบแทน ช่วงกลางมีโชคลาภจากการเดินทาง และคนอายุน้อยกว่า ความรักหวานชื่น คนรักทำตัวดี เอาใจตลอดเวลา มีดวงได้ท่องเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศด้วยกัน ส่วนคนโสดมีแนวโน้มได้เจอคนถูกใจที่อายุน้อยกว่าจากการเดินทาง


ราศีมีน (14 มี.ค.-12 เม.ย.)

เกิด ความไม่แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทั้งงาน และเงินในกระเป๋า ต้องเตรียมพร้อมกับทุกเรื่อง การงานส่อแววไม่มั่นคง มีคนคอยหาเรื่อง หากคุณเผลออาจถูกแทงข้างหลัง ถูกเลื่อยเก้าอี้ได้ ต้องพยายามทำคะแนนเสมอต้นเสมอปลาย มีดวงถูกจับโยกย้าย เปลี่ยนตำแหน่งหน้าที่ ช่วงนี้ดวงเรื่องงานคุณยังไม่ปลอดภัยต้องหาผู้ใหญ่เป็นกำแพงปกป้อง “ไพ่ 4 เหรียญ” การเงินหืดขึ้นคอ ต้องคอยกระเหม็ดกระแหม่ใช้จ่ายอย่างประหยัด ห้ามให้ใครหยิบยืม มีดวงจะถูกชักดาบสูง ความรักหึงหวงกันตลอด ไม่ค่อยมีความสุข เพราะถูกจ้องจับผิดกันตลอด หากมีปากเสียงอาจบานปลายใหญ่โตถึงขั้นเลิกราได้ คนโสดไร้วี่แววยิ่งตามหายิ่งเหมือนอยู่ห่างไกล

ราศีเมษ (13 เม.ย.-13 พ.ค.)

ฝัน หวานไปไกล แต่ลืมนึกถึงอุปสรรคร้อยแปดที่รออยู่ ให้ระวังสุขภาพมีดวงจะล้มหมอนนอนเสื่อ การงานมีแววจะไปได้ไกล แต่ถูกสกัดดาวรุ่ง ต้องระวังผู้ใหญ่ที่คอยตั้งแง่ น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง คุณได้ไม่คุ้มเสียแน่นอน ช่วงกลางระวังเรื่องขัดแย้งขัดใจในที่ทำงาน อาจคิดมากทำให้ล้มป่วยได้ การเงินไม่เข้าใครออกใคร จะออกปากช่วยเหลือใครต้องดูให้ดีเสียก่อน ช่วงปลายมีดวงเสียเงินกับครอบครัว ญาติพี่น้อง เกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล “ไพ่ 7 ถ้วย” ความรักคนโสดยิ้มออก ช่วงต้นเสน่ห์แพรวพราวโดนใจใครหลายคน แต่หากคิดคบหายังต้องศึกษาให้ดีก่อน ส่วนคนมีแฟนแล้วเดี๋ยวหวาน เดี๋ยวเหงา นิสัยเสียของคุณคือ คิดไปเอง จึงต้องมานั่งเศร้าทุกที

ราศีพฤษภ (14 พ.ค.-13 มิ.ย.)

มีดวง เดินทางไกล และได้รับข่าวดีจากคนไกลอีกด้วย “ไพ่ 8 คทา” ดวงงานพุ่งพรวด หากกำลังแข่งขันชิงดีชิงเด่นกับใคร ต้องบอกว่าคุณมีภาษีเหนือกว่า ผู้ใหญ่ให้ความสนใจ และไว้วางใจมากขึ้น ช่วงกลางลงมางานมีการขยับขยายก้าวหน้า หากคิดลงทุนเพิ่ม ทำธุรกิจส่วนตัวนับว่าประสบผลสำเร็จมากมาย มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ การเงินมีโชคลาภจากคนอายุมากกว่า หากคิดขอความช่วยเหลือกู้ยืมช่วงนี้เหมาะสุด ๆ มีดวงผู้ใหญ่อุปถัมภ์ค้ำชู รายรับมีเข้ามากกว่ารายจ่าย ความรักคนโสดได้พบเนื้อคู่แน่ ๆ แต่ต้องทำตัวยิ้มง่าย เป็นมิตรกับทุกคนเข้าไว้ ส่วนคนมีแฟนแล้วหวานจ๋อย มีดวงได้ฮันนีมูน ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กัน
อีกรอบ

ราศีเมถุน (14 มิ.ย.-14 ก.ค.)

ช่วง ต้นทุกอย่างดูสวยงาม ผู้ใหญ่ให้ความเอ็นดู แต่ช่วงกลางลงมาน่าเป็นห่วง มีเรื่องที่คุณต้องตัดสินใจลำพัง ดวงสุขภาพไม่ค่อยดี การงานมีดวงได้เลื่อนขั้นปรับตำแหน่ง แต่ดูเหมือนทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด ต้องเจอกับเพื่อนร่วมงาน บริวารที่นำเรื่องปวดหัวมาให้ ต้องค่อย ๆคิดตัดสินใจให้ดี หากใจร้อนจะเสียทั้งมิตรภาพและงาน การเงินมีแนวโน้มจะเสียรู้คนอื่น อย่าไว้วางใจใครมากจะต้องเสียใจเสียเงิน ช่วงปลายมีรายจ่ายจุกจิกจากคนใกล้ชิดและค่ายาค่ารักษา “ไพ่ เดอะ มูน” ความรักมีเรื่องวิตกกังวล คิดมากสารพัด ช่วงนี้ควรหยุดความคิดเหล่านั้นเอาไว้ก่อน อาจทำให้คุณป่วยไข้ พยายามมองโลกในแง่ดี หันหน้าคุยกันดีกว่าคิดไปเองคนเดียว

ราศีกรกฎ (15 ก.ค.-16 ส.ค.)

คุณ ต้องข้องเกี่ยวกับเรื่องเงินทอง กำไรขาดทุนอยู่ตลอด แต่ช่วงนี้นับว่าดวงขึ้น ไม่ว่าจะหยิบจับทำอะไรก็เกิดผลประโยชน์ที่ดี การงานคล่องแคล่วว่องไว แต่ก็ต้องระวังความโดดเด่นจะเป็นภัยกับตัว อย่าข้ามหน้าข้ามตาใคร เพราะจะทำให้คุณมีศัตรูเพิ่ม ช่วงต้นและปลายมีดวงการลงทุนที่ดี เหมาะกับการขยับขยาย หยิบจับงานเสริม “ไพ่ ราชาเหรียญ” การเงินเฟื่องฟู ได้รับผลกำไรจากสิ่งที่ลงทุนไป หากชอบเสี่ยงลุ้นมีดวงโชคลาภเข้ามาแล้ว ผู้ใหญ่จะช่วยชี้ทางสว่างให้ ความรักมีอุปสรรคจากผู้ใหญ่ ต้องเข้าตามตรอกออกตามประตู และไม่โกหกถึงจะสมหวัง คนโสดสนิทจะมีคนอายุมากกว่าเข้ามาพัวพัน อาจจะยังไม่ถูกใจมาก แต่คบไว้ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนมาให้ ดู ๆ ไปก่อนละกันครับ

ราศีสิงห์ (17 ส.ค.-16 ก.ย.)

เป็น ธรรมดาของการเริ่มต้นที่ต้องมีอุปสรรคก่อน คุณจะหงุดหงิด ง่ายเพราะเสียงนินทา และเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ต้องพยายามทำใจให้นิ่งมากกว่าเดิม การงานช่วงต้นมีปัญหาเดิม ๆ แก้ไม่ตก แต่ช่วงปลายจะได้คนดีมีฝีมือมาช่วยเหลือ เรียกว่า ต้นร้ายปลายดี ช่วงนี้หากคิดจะเริ่มต้นทำสิ่งใดขอให้มีแนวร่วม อย่าทำอะไรเพียงลำพังจะไม่ประสบผลสำเร็จ “ไพ่ 3 เหรียญ” การเงินมีลาภลอยเล็ก ๆ น้อย ๆ พอให้ได้ดีใจกัน หากชอบเล่นหุ้น เสี่ยงลุ้นคงได้สมหวังไป
ตาม ๆ กัน ความรักคนโสดพบรักโดยบังเอิญ แต่ไม่แน่ก็อาจจะจุดใต้ตำตอ ชอบเพื่อนสนิทก็เป็นได้ ส่วนคนมีแฟนแล้วงอนกันบ่อย ช่วงปลายถึงจะกลับมาหวานชื่น เข้าอกเข้าใจกันได้เหมือนเดิม

ราศีกันย์ (17 ก.ย.-16 ต.ค.)

คน รอบตัวล้วนแล้วแต่นำปัญหาหนักอกหนักใจมาให้ทั้งสิ้น แนะนำให้ปลีกวิเวกอยู่คนเดียวจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องฟังคำขอร้องของใคร การงานขึ้น ๆ ลง ๆ มักถูกกดขี่ข่มเหงมากกว่า ใครต่อใครก็ไหว้วานให้ช่วย ต้องรับผิดชอบแทนคนอื่น และอาจกลายเป็นแพะรับบาปโดยไม่รู้ตัว ช่วงนี้ดวงงานไม่ค่อยดี ต้องรอบคอบและมีสติกับทุกสิ่งที่ทำ “ไพ่ เจ้าชายเหรียญ” การเงินกำลังคิดหนักกับการเก็บออมและการลงทุน ช่วงนี้แนะนำให้เก็บออมไว้ก่อน อย่าเพิ่งเสี่ยงลงทุนจะได้ไม่คุ้มเสีย ความรักคนโสดมีรักกุ๊กกิ๊กเข้ามาบ้าง แต่เป็นเพียงการเริ่มต้นยังไม่จริงจังมากมาย ส่วนคนมีแฟนแล้วจุกจิก มีปัญหาให้คิดมากได้ตลอด ช่วงนี้ชอบคิดไปเอง จึงมีเรื่องเข้าใจผิดกันเสมอหาเวลาเคลียร์กันดีกว่า

ราศีตุลย์ (17 ต.ค.-16 พ.ย.)

“ไพ่ จัสติค” โอกาสดีกำลังวิ่งเข้ามาหา ขอแค่ใจกล้าตอบรับ และเชื่อมั่นในตัวเอง หากลังเลตัดสินใจช้า อาจอดได้ การงานคุณมีโอกาสตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีกว่า คนรอบข้างคอยเป็นกำลังใจและสนับสนุน ทำให้การประสานงาน การเจรจาง่ายขึ้น ช่วงปลายอาจได้รับข้อเสนอพิเศษ ความเชื่อมั่นและความเฉลียวฉลาดจะทำให้คุณประสบผลสำเร็จ การเงินได้ข้อมูลที่ถูกต้องก่อนใครทำให้สามารถตัดสินใจได้เร็วและไม่ผิดพลาด ไม่ว่าจะซื้อจะขายหุ้นล้วนแล้วแต่มีผลกำไร ความรักเสน่ห์ร้อนแรง มีคนมารุมจีบ อาจเป็นเพราะคุณนำจุดเด่นในตัวออกมานำเสนอมากขึ้น ส่วนคนมีแฟนแล้วอบอุ่น คนรักเอาใจ แต่ก็ยังมีคนใหม่ ๆ มาเสนอตัวทำให้คิดไม่ตก

ราศีพิจิก (17 พ.ย.-15 ธ.ค.)

จะ เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด บางสิ่งบางอย่างที่ดูเหมือนดีเลิศ ก็อาจพลิกผันเปลี่ยนแปลงได้ คุณต้องเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมรับสิ่งเหล่านี้ การงานช่วงต้นถึงกลางได้รับความเอ็นดู และความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ มีคนให้ความช่วยเหลือ มีชื่อเสียง แต่ช่วงปลายต้องระวังตัวมากขึ้น มีคนคิดทำร้าย ทำให้เสื่อมเสีย ไม่เหมาะในการลงทุนใหญ่โต การเงินหากขยันหาขยันเก็บก็ไม่น่าเป็นห่วง อย่าเพิ่งลงทุนร่วมหุ้นจะมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ มีดวงเสียเงินกับการถูกหลอก ของหาย “ไพ่ เดอะ ซัน” ความรักคนโสดอาจคิดว่าตนเจอคนที่ใช่ แต่สุดท้ายอาจผิดพลาดได้ อย่าทุ่มเทใจให้กับใครที่ยังไม่ศึกษากันนาน ส่วนคนมีแฟนแล้วช่วงต้นหวาน ช่วงปลายเศร้า ระวังคำพูดทำให้เกิดความแตกหัก

ราศีธนู (16 ธ.ค.-15 ม.ค.)

เก็บ กด ย้ำคิดย้ำทำกับสิ่งเดิม ๆ ทำให้คุณรู้สึกหดหู่ไม่มีที่ระบาย ช่วงนี้ความอดทนเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ต้องรู้วิธีปลดปล่อยด้วยเช่นกัน มิฉะนั้นอาจระเบิดออกมาได้ การงานมั่นคงดี แต่ก็เบื่อเซ็งกับปัญหาเดิม ๆ ซึ่งคุณเองก็มีโอกาสก้าวพลาดซ้ำรอยเก่าได้หากไม่ระมัดระวัง ช่วงปลายงานหนัก ต้องแบกรับลำพัง น้ำท่วมปากปฏิเสธยาก การเงินภาระเยอะ ห่วงหน้าพะวงหลัง มีภาระผูกพันอย่างต่อเนื่อง ให้ขยันขันแข็ง รายรับได้มาจากงาน ไม่มีดวงโชคลาภ “ไพ่ 7 ดาบ” ความรักคนโสดได้แต่เพียงแอบมอง แอบรักเขาข้างเดียว ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้า ส่วนคนมีแฟนแล้วพลั้งปากพูดจาทำร้ายจิตใจกัน สุดท้ายก็ต้องมานั่งเสียใจกับสิ่งที่ทำไป ให้คิดก่อนพูดจะได้ไม่มีปัญหา.

อ.คฑา ชินบัญชร

วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2554

แสงแดด.น้ำมัน.ทุ่งทะเลทรายใน“กาตาร์”

โดย : กาญจนา หงษ์ทอง

เป็นอีกครั้งที่บอกตัวเองว่า เรื่องเที่ยวเราไม่ควรผลัดวันประกันพรุ่งอย่างเด็ดขาด แล้วทำไมกับปลายทางอย่าง "กาตาร์" ถึงได้อิดอ้อน พิรี้พิไรอยู่ร่ำไป ทั้งที่เมื่อนั่งไร่เรียงดูแล้ว กาตาร์เป็นประเทศในตะวันออกกลางที่ฉันโฉบไปโฉบมาทุกปี เรียกว่าบ่อยที่สุดในอาหรับเลยก็คงไม่ผิด


แต่ที่ผ่านมากลับใช้กาตาร์เป็นแค่ทางผ่าน เพื่อไปหายุโรปบ้าง อเมริกาใต้บ้าง ผัดผ่อนกับกาตาร์มาตลอด ฤกษ์งามยามงงเลยทุบโต๊ะ ประกาศลั่นว่าจะไม่ปล่อยให้กาตาร์เป็นสะพานทอดยาวมุมอื่นของโลกอีกต่อไป


เพราะถึงยังไงในรอบทศวรรษที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าตะวันออกกลางเป็นดาวเด่น ที่ไม่ว่าใครอยู่มุมไหนของโลก เป็นต้องเหลียวหันมามองกันทั้งนั้น เพราะเขาเล่นแข่งกันสนั่นลั่นทุ่ง แข่งกันโต แข่งกันพัฒนา แข่งกันเพื่อครองความเป็นสุดยอดในดินแดนอาหรับ

ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่นาทีนี้ตะวันออกกลางจะยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่หอมหวานเสมอในสายตานักท่องโลก ไม่ว่าจะเป็นดูไบ อาบูดาบี บาห์เรน หรือมัสกัต ตอนนี้เลยเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเท้าของนักเดินทาง
ที่จริงอาการหลงใหลได้ปลื้มนครมัสกัตแห่งประเทศโอมานยังไม่ทันสลายตัว ความพร้อมและความอยากในการทำความรู้จักกับกาตาร์ก็ดูเหมือนบรรจบกันพอดี

แน่นอนว่าไปกาตาร์ก็ต้องใช้บริการสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ (0-2259-2701-3) สายการบินห้าดาวที่ทั้งบริการดี ที่นั่งกว้างขวาง สะดวกสบายแถมมีจอทีวีส่วนตัวที่หาความบันเทิงได้อย่างหลากหลาย นั่งดูหนังเพลินๆ แค่ 6 ชั่วโมงกว่าก็ถึงโดฮาแล้ว

สำหรับคนไทยที่จะไปเที่ยวกาตาร์ต้องมีวีซ่าด้วย จะทำที่สถานทูตไทยในกรุงเทพฯ ก็ได้ หรือจะใช้วิธีจองที่พักกับโรงแรมในกาตาร์แล้วให้เขาจัดการวีซ่าก็ได้

เที่ยวนี้เราไปพักกันที่ โรงแรมชาร์ค วิลเลจ(www.sharqvillage.com) โรงแรมริมอ่าวโดฮาที่นอกจากจะตกแต่งอย่างสวยงามในสไตล์อาหรับแล้ว ยังมีความสะดวก สบายคอยปรนเปรอแขกเหรื่อที่มาพักอีกด้วย ข้อสำคัญอยู่ห่างจากสนามบินแค่ประมาณ 5 นาทีเท่านั้นเอง

กาตาร์จัดว่าเป็นอีกประเทศหนึ่งในแถบอ่าวเปอร์เซียที่ร่ำรวยน้ำมันและแก๊สธรรมชาติ โดยเฉพาะแก๊สธรรมชาติถือว่ามีเยอะขนาดเป็นท็อปทรีของโลกรองจากรัสเซียและอิหร่านเลยก็ว่าได้ ซึ่งความมั่งคั่งของกาตาร์ก็สะท้อนได้จากตัวเลขรายได้ของประชากรต่อหัว ถือว่าสูงที่สุดในกลุ่มอาหรับ

สมัยก่อนกาตาร์ก็ไม่ต่างจากประเทศอื่น เขาก็หามุก หาปลา ทำอาชีพประมงกันซะเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อ 70 กว่าปีที่ผ่านมานี่เองที่เมื่อค้นพบบ่อน้ำมัน เขาใช้น้ำมันและแก๊สธรรมชาติมาเป็นตัวขับเคลื่อนเร่งรัดพัฒนาประเทศไม่ต่างจากสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ บาห์เรนและชาติอื่นๆในแถบตะวันออกกลาง

ในระหว่างที่พัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศ กาตาร์เองก็ไม่ลืมให้ความสำคัญกับด้านท่องเที่ยวด้วย เรียกว่า การท่องเที่ยวกาตาร์ (www.qatartourism.gov.qa) เขาจัดระบบการท่องเที่ยวและมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ดีมาก
ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา กาตาร์จึงเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าอยู่บริเวณใจกลางเมืองโดฮา เราก็จะเห็นหมู่ตึกระฟ้าตั้งเรียงรายอัดแน่นอยู่ริมอ่าวอาระเบียน

สำหรับคนไทยอาจจะคุ้นหูกับชื่อของกาตาร์เมื่อตอนปี 2006 ที่กาตาร์เป็นเจ้าภาพเอเชี่ยนเกมส์ ทั้งที่จริงมีคนไทยหลายพันคนทำงานอยู่ที่นั่น ที่รู้จักประเทศกาตาร์เป็นอย่างดีและเดินทางมาทำงานที่นี่กันนานแล้ว เพราะกาตาร์จัดว่าเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เป็นจุดหมายสำหรับแรงงานต่างชาติ

เวลาเราเดินเหินอยู่ในกาตาร์จะสังเกตว่าเจอแต่คนต่างชาติ ที่เห็นเยอะหน่อยก็มีที่มาจากอินเดีย ปากีสถาน และฟิลิปปินส์ ไม่ใช่เฉพาะเอเชียเท่านั้น แม้แต่ฝรั่งจากฝั่งตะวันตกเดี๋ยวนี้ก็นิยมเข้ามาทำงานในแถบตะวันออกกลางและกาตาร์กันเยอะ เรียกว่า ถ้าเป็นงานบริการเราจะไม่เห็นคนกาตาร์มาทำงานพวกนี้เลย มีแต่ต่างชาติทั้งนั้น ตอนนี้กาตาร์เลยกลายเป็น แหล่งนัดพบของชาวต่างชาติ ไปเลย มีทั้งที่เข้ามาทำงานและเข้ามาท่องเที่ยว แต่ถ้าคำนวนจำนวนพื้นที่และจำนวนประชากร ก็ต้องบอกว่า เป็นอีกประเทศหนึ่งที่เขาอยู่กันหลวมๆ

สมัยก่อนกาตาร์เป็นแค่ทางผ่านของนักเดินทางที่มีไว้แค่เปลี่ยนเครื่อง แต่ทุกวันนี้กาตาร์ถือว่าเป็นอีกจุดหมายหนึ่งที่ใครๆ ก็อยากแวะ เพราะชื่อเสียงเรื่องแหล่งท่องเที่ยวของกาตาร์เองก็โด่งดังไม่ใช่น้อย อย่างน้อยก็ที่ พิพิธภัณธ์ศิลปะอิสลาม ที่มีของเก่าและศิลปวัตถุโบราณจากอิหร่าน อิรัก ตุรกี ซีเรีย อัฟกานิสถาน และอียิปต์ตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 จนถึงช่วงศตวรรษ 17 จำนวนมาก เรียกว่าถ้ามีใจให้พวกของโบราณเก่าเก็บเป็นทุนเดิม เชื่อเถอะว่าคุณจะขลุกอยู่ที่นี่ได้เป็นวัน

และที่ขาดซะไม่ได้ของเมืองอาหรับก็เป็น ซุค หรือ ตลาด โดฮาเองก็มี วาคิบ ซุค เหมือนกัน ซึ่งต้องบอกว่าตั้งแต่ต้นทางวาคิบ ซุคก็ทำให้ตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน มีคาเฟ่เก๋ๆ แบบอาหรับมาต้อนรับขับสู้กันตั้งแต่ปากทางเข้าตลาด บรรดาข้าวของที่วางขายก็น่าซื้อซะไม่มี

เคยประทับใจกับมัทรา ซุคในนครมัสกัต และโอลด์ ซุคในดูไบมาแล้ว พอมาเจอวาคิบ ซุคก็เกิดนึกชอบขึ้นมาอีกแล้ว จะว่าไป นี่จัดว่าเป็นตลาดอาหรับที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้

แต่เรามาถึงประเทศที่มีแต่เม็ดทรายอยู่รอบตัวทั้งที จะไม่ออกไปตะลุยทุ่งแล้งและทะเลทรายก็ดูจะเสียเที่ยว นี่จัดว่าเป็นทัวร์อีกประเภทหนึ่งที่ขายดิบขายดีของโดฮา แต่ละวันจะมีรถโฟร์วีลส์พานักท่องเที่ยวออกมาตะลุยทะเลทรายกันไม่รู้เท่าไหร่ บางคณะก็มาเป็นคาราวาน พวกนี้บางทีก็แค้มปิ้งและค้างคืนกันในทะเลทรายเลย

ที่จริงกิจกรรมในทะเลทรายมีหลากหลายรูปแบบ บางพวกก็ยืนหรือนั่งแล้วสไลด์ลงมาจากเนินทรายสูงๆ หรือไม่ก็ขับพวกรถเอทีวีซิ่งไปตามทุ่งแล้งและเนินทราย แต่ถ้าไม่ชอบโลดโผนจะขี่อูฐค่อยๆ ดื่มด่ำบรรยากาศร้อนแล้งของทะเลทรายไปก็ได้ อีกพวกก็เป็นพวกซิ่งรถบนชายหาดที่อยู่ติดทะเลทรายเลย ซึ่งมองไปอีกฟากหนึ่งก็จะเห็นประเทศซาอุดิอาระเบียที่อยู่ไม่ไกลกัน

ไม่น่าเชื่อว่ากาตาร์มีทั้งวัฒนธรรมและธรรมชาติเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัสกันอย่างจุใจ แต่ลางสังหรณ์บอกว่า นี่คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะได้ชิมแดดอันเผ็ดร้อนของกาตาร์อย่างแน่นอน





วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อมรรัตนโกสินทร์ (17)

เมื่อสิ้นแผ่นดินรัชกาลที่ 5 ใน พ.ศ.2453 ต้องถือว่าสยามมีความเจริญแข็งแกร่งในทุกทางชนิดที่ตะวันตกจะมาดูถูกเหยียดหยามไม่ได้อีก

พระเจ้าแผ่นดินสยามเสด็จประพาสเกือบทั่วยุโรปแล้วถึงสองครั้ง ในเอเชียก็อีกหลายครั้ง ได้มีพระราชดำรัสเป็นภาษาอังกฤษ ได้ทรงปฏิสันถารกับเจ้าแผ่นดินและผู้นำรัฐบาลทั่วยุโรปได้ทรงรับปริญญากิตติมศักดิ์จากออกซฟอร์ดและเคมบริดจ์ จนเป็นที่ประจักษ์ไปทั่วว่า คิง ออฟ ไซ แอม พระองค์นี้ไม่ธรรมดา

อาคารตึกรามบ้านช่อง ถนน สะพาน ระบบไปรษณีย์ ทางรถไฟเริ่มกระจายไปถึงหัวเมือง การปกครองในหัวเมืองและส่วนกลางเป็นระเบียบดีสยามดำรงความเป็น “รัฐสีมาอาณาจักร” อย่างแท้จริงและเป็นเอกภาพ ข้อสำคัญคือการมีอำนาจรัฐที่สมบูรณ์นี้ทำให้พระเจ้ากรุงสยามเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่มั่นคงยิ่งเป็นครั้งแรก


การมีอำนาจรัฐที่สำคัญที่สุดคือการสามารถตั้งรัชทายาทได้ชัดเจนแน่นอน ก่อนสมัยรัชกาลที่ 5 พระมหากษัตริย์เป็นวังหลวง และผู้เตรียมเป็นกษัตริย์พระองค์ต่อไปเป็นพระมหาอุปราชวังหน้า โดยมากมักตั้งจากน้องหรือพระญาติผู้ใหญ่ แต่เอาเข้าจริงขุนนางจะเป็นคนตั้งกษัตริย์ทั้งนั้น

สมัยรัชกาลที่ 5 วังหลวง (กษัตริย์) กับวังหน้า (อุปราช) ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกันก็มีปัญหาบาดหมางกัน เพราะวังหน้าอายุมากกว่าและมีเจ้านายขุนนางเชียร์อยู่มาก ฝรั่งเองก็ยุให้รำตำให้รั่วหวังให้สยามแตกความสามัคคีกันเองในหมู่เจ้านาย

พอวังหน้าสิ้นพระชนม์ รัชกาลที่ 5 ให้ยกเลิกตำแหน่งพระมหาอุปราชวังหน้า เปลี่ยนมาตั้งตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารแทน คุณสมบัติคือต้องเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ชั้นสมเด็จเจ้าฟ้าชายที่ประสูติจากพระอัครมเหสีเท่านั้น

เดิมทรงตั้งสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณ หิศ พระราชโอรสพระองค์ใหญ่สุดประสูติจากสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา (แม่กลาง) เป็นสมเด็จพระบรมฯ พระองค์แรก แต่เมื่อทิวงคตเสียเมื่อพระชนมายุ 17 พรรษา จึงทรงพิจารณาเรียงตามลำดับพระชนมายุของบรรดาพระราชโอรสทั้งหลายที่ประสูติจากพระอัครมเหสีทุกพระองค์โดยไม่จำเป็นต้องร่วมพระครรภ์เดียวกัน ลำดับจึงมาตกที่สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ประสูติจากสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี (แม่เล็ก)

ก่อนสวรรคตปีเศษ มีพระราชพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้าที่ลานใหญ่หน้าพระราชวังดุสิต พระบรมรูปนี้ปั้นแบบและหล่อจากฝรั่งเศสตามแบบพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงม้าหน้าวังแวร์ซายส์ รัชกาลที่ 5 ทรงทำพิธีเปิดเอง ข้อความที่จารึกที่ฐาน สมเด็จพระบรมฯ หรือรัชกาลที่ 6 ก็ทรงตรวจแก้เอง จึงถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์นัก

วาระสุดท้ายแห่งพระชนมชีพของรัชกาลที่ 5 คือ ทรงพระประชวรพระโรคไต พระอาการหนักลงเป็นลำดับมาตลอดเดือนตุลาคม พ.ศ. 2453 ขณะนั้นประทับอยู่ที่พระที่นั่งอัมพรสถานซึ่งสร้างใหม่ในแผ่นดินนี้ ก่อนวันสวรรคตไม่กี่วันยังทรงรถม้าออกตรวจงานได้ กลับมาก็บรรทมนิ่งทรงปรารภใคร่จะเสวยขนมจีนน้ำยาปลาช่อน ฉู่ฉี่ปลาสลิดสด น้ำพริกผักจิ้ม น้ำผลไม้ เสวยไปได้ไม่กี่คำก็ประชวรพระนาภี (ปวดท้อง) ลงพระบังคน (ถ่าย) หลังจากนั้นไม่เสวยอะไรอีกเลย

สองวันต่อมาถึงวันที่ 23 ตุลาคมก็เสด็จสวรรคต ทางการอัญเชิญพระบรมโกศเข้าขบวนผ่านถนนราชดำเนินแห่กลับไปประดิษฐานที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทตามโบราณราชประเพณี ชาวบ้านร้องไห้ส่งเสด็จไปตลอดสองข้างทาง เป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่จริง ๆ บ้านเมืองเงียบกริบไม่มีสถิติคดีโจรผู้ร้ายใด ๆ ในแผ่นดิน

เป็นอันว่าขึ้นแผ่นดินรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักเรียนนอกพระองค์แรกของไทย ทรงเชี่ยวชาญทั้งภาษา วรรณคดี การปกครอง การต่างประเทศ การทหาร และประวัติศาสตร์ ภาระอันยิ่งใหญ่ของในหลวงพระองค์ใหม่ คือ ทำอย่างไรจึงจะให้คนรู้สึกว่าสยามจากนี้ไปยังคงเจริญรุ่งเรืองไม่แพ้แผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวงที่นานถึง 42 ปี

จุดนี้เองที่ทำให้รัชกาลที่ 6 ต้องทรงหันมาปลุกใจให้คนไทยรักชาติ ชาตินิยม สามัคคี และมีความภูมิใจในความเป็นไทยเพื่อจะรักษาบ้านเมืองไว้และมีขวัญกำลังใจไว้รับมือภยันตรายที่กำลังเข้ามา เรื่องเหล่านี้น่าสนใจว่าทรงทำอย่างไรบ้าง

รัชกาลนี้ดำเนินไปได้ 15 ปี ช่วงเวลานี้มีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นไม่น้อย แต่คนไทยก็ยังกลุ้มใจกับควันหลงจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ผลกระทบจากการปฏิวัติในรัสเซียจนลัทธิคอมมิวนิสต์เริ่มระบาดไปทั่วและปัญหาความไม่สงบภายในประเทศ เช่น เกิดการขบถคราวหนึ่งเรียกว่าขบถหมอเหล็ง ในเวลานั้น เจ้านายชั้นสมเด็จเจ้าฟ้าชายที่ประสูติจากพระอัครมเหสีของรัชกาลที่ 5 หลายพระองค์ก็ทยอยสิ้นพระชนม์ไปในขณะที่พระเจ้าอยู่หัวก็ยังไม่ทรงมีวี่แววว่าจะมีพระอัครมเหสีและมีผู้ใดไว้สืบราชสมบัติ

กล่าวได้ว่ารัชกาลที่ 6 ทรงมีเวลาเตรียมจะเป็นพระมหากษัตริย์อยู่นาน เมื่อสำเร็จการศึกษาจากอังกฤษได้ทรงกลับมาทำราชการ เคยสำเร็จราชการแทนพระองค์คราวรัชกาลที่ 5 เสด็จยุโรปหนที่สอง (2450) เพื่อรักษาพระองค์ แต่สมเด็จพระบรมฯ เองก็เคยประชวรพระโรคลำไส้ครั้งอยู่อังกฤษมาแล้ว พระโรคนี้อีกหลายปีต่อมากำเริบขึ้นจนประชวรสวรรคต

เมื่อรัชกาลที่ 5 สวรรคตใน พ.ศ.2453 พระองค์ได้เป็นพระมหากษัตริย์โดยไม่มีข้อสงสัย สร้อยพระนามจึงมีว่า “บรมชนกาดิศรสมมติ” แปลว่าพ่อท่านตั้ง

พระบรมราโชบายสร้างความรักชาติคือการสร้างความเจริญสานต่อจากพระบรมราชชนก เช่น สร้างทางรถไฟไปภาคเหนือและภาคใต้ ตัดถนน สร้างสะพานทำให้คนสัญจรและค้าขายสะดวก ขยายกิจการไปรษณีย์โทรเลข วิทยุ ส่งเสริมการทหาร ขณะเดียวกันก็ทรงเปลี่ยนไปสร้างโรงเรียนแทนการสร้างวัด ทั้งทรงริเริ่มกิจการลูกเสือ ทรงตั้งกองเสือป่าฝึกนักเรียนและราษฎรให้รู้วิธีการของลูกเสือและมีวินัย แต่ความจริงคือพวกนี้อาจลุกขึ้นถืออาวุธรักษาบ้านเมืองได้อย่างดี ทั้งการไปซุ่มฝึกเสือป่าแถวราชบุรีก็มีนัยว่าถ้าจำเป็นอาจมีการล่าถอยไปตั้งรับแถวนั้นได้

ทรงแต่งบทละครและบทความหลายเรื่องที่ส่งเสริมการรักชาติ ทรงแปลบทละครฝรั่งหลายเรื่องเป็นภาษาไทยเพราะทรงเชี่ยวชาญทั้งภาษาอังกฤษ ฉันทลักษณ์ และภาษาบาลีสันสกฤตจนแทบไม่น่าเชื่อว่าคนที่อยู่เมืองนอกนาน ๆ จะสันทัดเช่นนี้ โดยใช้พระนามแฝง เช่น อัศวพาหุ รามจิตติ ศรีอยุธยา

ทรงออกกฎหมายให้คนไทยมีนามสกุลใช้เป็นครั้งแรก ทรงออกกฎหมายการเดินเรือในน่านน้ำสยาม และกฎหมายการศึกษาภาคบังคับ ทรงเร่งรัดการจัดทำประมวลกฎหมายให้ทันสมัยเพื่อนำไปต่อรองขอเอกราชทางการศาลคืนจากฝรั่ง เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ทรงตัดสินใจส่งทหารไทยไปร่วมรบอยู่กับฝ่ายสัมพันธมิตรเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2460 ซึ่งชนะสงครามจึงทรงให้สร้างวงเวียน 22 กรกฎาเป็นที่ระลึก และทรงคิดให้มีธงไตรรงค์ขึ้นใช้ในคราวนั้นด้วย ทรงทดลองการปกครองในเมืองจำลองชื่อดุสิตธานี เพื่อให้คนคุ้นเคยกับการออกเสียงเลือกตั้งและการปกครองตนเอง เมื่อขึ้นครองราชย์ใหม่ ๆ ได้มีพระราชปรารภว่า 1. จะมีพระมเหสีพระองค์เดียว และไม่มีเจ้าจอมหม่อมพระสนมมากดังสมัยก่อน 2. จะไม่อภิเษกสมรสกับเจ้านายสตรีที่ร่วมพระบรมราชชนกเดียวกัน ผู้คนจึงคอยดูว่าในหลวงจะทรงเลือกใครเป็นพระราชินีเรียกว่าพอ ๆ กับที่คนอังกฤษสนใจเรื่องเจ้าชายวิลเลียมและชาวภูฏานสนใจเรื่องพระราชาธิบดีจิกมี

เพราะบัดนั้นการสืบราชสมบัติเปลี่ยนมาทางสายพระราชโอรสหรือพระราชอนุชาร่วมพระครรภ์ของพระองค์เท่านั้น

ต่อมาได้โปรด ม.จ.วรรณวิมล วรวรรณ พระธิดากรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงตั้งให้เป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี พระคู่หมั้นแล้วเป็นพระวรกัญญาปทาน ทรงแต่งเรื่องศกุนตลาพระราชทาน แต่แล้วก็มีเรื่องขัดพระทัย พระองค์หญิงทรงแต่งกลอนย้อนคืนหนังสือเรื่องศกุนตลาและลงท้ายว่า “จงทรงพระเจริญเถิดราชา ข้าขอลาแต่บัดนี้ไป” จึงกริ้วถูกลงโทษกักบริเวณ “ติดศาลา” มีโซ่ทองใส่พานวางไว้ข้าง ๆ ให้รู้ว่าต้องโทษ

อยู่มาได้ทรงเสน่หา ม.จ.วรรณพิมล วรวรรณ พระธิดาอีกองค์ของเสด็จในกรมพระนราธิปฯ โปรดให้เป็นพระนางเธอลักษมีลาวัณ พระมเหสี แต่เมื่อพระนางฯ ไม่มีพระราชโอรสธิดาถวาย จึงได้ทรงสมรสใหม่กับนางสาวเปรื่อง สุจริตกุล บุตรีเจ้าพระยา สุธรรมมนตรี

พระนางเธอลักษมีลาวัณทรงเป็น กวี วงการหนังสือและละครเคารพนับถือท่านมาก เมื่อผมยังเด็ก ๆ เคยอ่านข่าวพระนางฯ ถูกคนสวนทำร้ายจนสิ้นพระชนม์ในพระตำหนัก เป็นข่าวใหญ่มากเมื่อหลายสิบปีก่อน

รัชกาลที่ 6 ทรงตั้งคุณเปรื่องเป็นพระสุจริตสุดา พระสนมเอก (ไม่ถือว่าเป็นเจ้า) พิธีสมรส (ไม่ได้อภิเษก) ทำแบบฝรั่ง เจ้าสาวสวมผ้าคลุมหน้าทรงคล้องแขนเดินลอดซุ้มกระบี่ทหาร แต่เมื่อไม่มีพระราชโอรสธิดาถวายก็ทรงเลิกร้างไป และไปโปรดคุณประไพ สุจริตกุล น้องสาว แท้ ๆ ของพระสุจริตสุดาแทน จนตั้งครรภ์จึงทรงตั้งเป็นสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี พระบรมราชินี แต่เมื่อตก (แท้ง) เสียถึงสองครั้งและไม่ทรงพระครรภ์อีกต่อไปจึงทรงลดพระยศลงเป็นสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี พระวรราชชายา ให้ประทับอยู่ที่พระที่นั่งวิมานเมฆ

ต่อมาพระเจ้าอยู่หัวทรงเลือกคุณเครือแก้ว อภัยวงศ์ หลานปู่เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์เป็นเจ้าจอมคนสุดท้าย พระราชทานชื่อใหม่ว่าเจ้าจอมสุวัทนา เมื่อตั้งครรภ์จึงทรงสถาปนาเป็นพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ซึ่งได้ประสูติพระราชธิดาคือสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ราชสุดา วันต่อมารัชกาลที่ 6 ซึ่งประชวรพระอันตะ (ลำไส้) มานานก็สวรรคตใน พ.ศ. 2468

1 ปีก่อนหน้านั้นได้ทรงตรากฎ มณเทียรบาลว่าด้วยการสืบสันตติวงศ์เพื่อวางกฎเกณฑ์การสืบราชสมบัติไว้เป็นระเบียบแบบแผน กฎหมายฉบับนี้ยังคงใช้คู่กับรัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับสืบมาจนบัดนี้

เป็นอันว่าสิ้นรัชสมัย 15 ปีของพระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงเป็นนักคิด นักเขียน จนทางการถวายพระราชสมญาว่าพระมหาธีรราชเจ้า แปลว่ากษัตริย์นักปราชญ์

ราชสมบัติข้ามไปตกแก่เจ้านายหนุ่ม ซึ่งอ่อนทั้งพระชนมายุและพระประสบการณ์ และไม่เคยคาดฝันว่าจะต้องขึ้นเป็นกษัตริย์ท่ามกลางมรสุมทางเศรษฐกิจ การเมือง และความรุนแรงทางความคิดของคนรุ่นใหม่ตลอดจนนักเรียนนอกที่หากพูดได้คงตะโกนว่า “We need Change!”.

วิษณุ เครืองาม
wis.k@hotmail.com

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ยิปซี​พยากรณ์​ ​ระหว่าง​วัน​ที่​ 12-18​ มิ​.ย.2554​

ราศีมังกร (16ม.ค.-12ก.พ.)

การเริ่มต้นมักมีอุปสรรคน้อยใหญ่รออยู่เสมอ อย่าใช้อารมณ์ ในการแก้ปัญหา มองคนรอบตัวจะมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยคุณ “ไพ่ เดอะ ฮีโรแพ้นท์” การงานช่วงต้นและปลายราบรื่น ได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ ให้นิ่งใช้สติสมาธิจะผ่านปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปได้ ช่วงปลายเหมาะกับการลงทุน เริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน จะมีผลตอบ แทนที่คุ้มค่า การเงินหาง่ายใช้คล่อง คิดอยากได้อะไรเป็นต้องได้ ช่วงนี้ถ้าไม่หาเรื่องใส่ตัวไปยุ่งเรื่องคนอื่น รับรองมีเงินเป็นกอบเป็นกำ มีโชคลาภ ความรักมีคนสูงอายุเข้ามาพัวพัน ถ้าชอบคนอายุมากกว่าอยู่แล้วก็เตรียมสละโสดได้ ส่วนคนมีแฟนความสัมพันธ์ไม่หวือหวา คนรักเป็นที่ปรึกษาที่ดี อบอุ่น



ราศีกุมภ์ (13ก.พ.-13มี.ค.)

อารมณ์ไม่ดี คิดคาดหวังอะไรมักจะพลาด ทำให้หงุดหงิดง่าย มีเรื่องกับใครเขาไปทั่ว ต้องคุมตัวเองบ้าง “ไพ่ 5 ดาบ” การงานตกที่นั่งลำบาก มีดวงถูกโยกย้าย เปลี่ยนแปลง พยายามอย่าทำตัวเจ้าปัญหาเรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ช่วงกลางมีดวงความขัดแย้งแรงกล้า ให้พยายามห่าง ๆ ผู้ใหญ่ ผู้มีอิทธิพลเอาไว้บ้าง เรื่องซุบซิบนินทาอย่าไปสนใจ การเงินหามาไม่พอใช้ จ่ายจุกจิกเรื่องบ้าน ค่าซ่อมแซมต่าง ๆ และเรื่องเดือดร้อนที่คุณไม่ได้ก่อ โชคลาภยังอยู่ห่าง พึ่งพาตัวเองดีที่สุด ความรักหงอยเหงาเศร้าสร้อย คนโสดที่แอบรักเขาข้างเดียว มีดวงอกหักรักคุดสูง ส่วนคนมีแฟนแล้วมีปากเสียง เข้าใจผิดกันบ่อย อาจต้องห่างกัน ผิดใจกัน ให้ใช้เหตุผลเป็นที่ตั้ง และให้อภัยกัน


ราศีมีน (14มี.ค.-12เม.ย.)

มีคนมาเกี่ยวพันรายล้อม บางคนก็ทำให้ชีวิตเติมเต็ม แก้ปัญหาให้ แต่บางคนก็ช่วยสร้างปัญหา ทำให้ชีวิตคุณสับสนอลหม่าน “ไพ่ 5 ดาบ” การงานต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เพราะมีเรื่องทำให้หัวเสียอยู่เสมอ อย่าไปสนใจฟังคำใครให้คิดมาก ช่วงกลางเกิดความขัดแย้งได้ง่าย ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน สร้างความมั่นใจให้ตัวเอง ตัดสินใจปัญหาให้เด็ดขาดแล้วคุณจะผ่านมันไปได้ การเงินเข้ามือซ้ายจ่ายมือขวา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนรอบข้างชอบหาเรื่องเดือดร้อนมาให้ พยายามเอาตัวเองให้รอดก่อนไปวุ่นวายเรื่องคนอื่น ความรักเดี๋ยวดีกันเดี๋ยวโกรธกันเป็นเรื่องปกติ ต่างคนต่างมีทิฐิ การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดี ส่วนคนโสดถ้าอยากมีใครสักคน คงต้องให้คนรอบข้างช่วยเหลือเป็นพ่อสื่อแม่ชักถึงจะสมหวัง


ราศีเมษ (13เม.ย.-13พ.ค.)

อารมณ์ดีมีความสุข ช่วงนี้ได้รับความรักล้นปรี่จากคนรอบข้าง รวมถึงมีความอุดสมบูรณ์ด้านทรัพย์ สินเงินทอง การงานโลดแล่น ทำงานอย่างมีความสุข เพื่อนร่วมงานช่วยเหลือเกื้อหนุน มีความเข้าอกเข้าใจกันดี ทำให้งานที่ยากเย็นก็ทำได้อย่างแสนง่าย ช่วงปลายหากคิดลงทุนกับคนรัก ครอบครัวไปได้สวย ได้ผลตอบแทนคุ้มค่า การเงินได้เก็บเล็กผสมน้อยจนเป็นกอบเป็นกำ มีโชคลาภจากคนอายุน้อยกว่า และมีลาภปากบ่อยทำให้มีเงินเหลือเก็บ “ไพ่ 10 ถ้วย” ความรักหวานชื่น คนรักเอาใจสารพัด อยากได้อะไรขอแค่เอ่ยปาก เดี๋ยวจัดหามาให้ รักอบอุ่น ส่วนคนโสดเริ่มมีแวว ช่วงนี้อ่อนไหวตกหลุมรักง่าย มีแนวโน้มได้คบคนอายุน้อยกว่า สดใสซาบซ่า


ราศีพฤษภ (14พ.ค.-13มิ.ย.)

ผู้หญิงที่อายุมากกว่า ผิวคล้ำหน่อย มีเนื้อหนัง จะนำปัญหาและเรื่องทุกข์ใจมาให้ ต้องพยายาม อยู่ให้ห่าง การงานช่วงต้นและปลายไม่ประสบความสำเร็จ มีปัญหาจุกจิกทั้งกับเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า และตัวเนื้องานที่ไม่ลงตัว ขอให้ใช้ความอดทนอดกลั้น หากใช้อารมณ์จะทำให้งานล้มเหลว อย่ารับปากหากไม่แน่ใจว่าจะทำได้ จะทำให้คุณเสียเครดิต การเงินไม่เข้าใครออกใคร หากให้ใครหยิบยืมมีโอกาสถูกชักดาบ ได้คืนไม่ตรงกำหนดอย่างแน่นอน อย่าเพิ่งคิดลงทุนเสี่ยงลุ้นถอนทุนคืนยาก “ไพ่ 3 ดาบ” ความรักเป็นพ่อแง่แม่งอน เถียงกันมีปากมีเสียงกันตลอด ให้นึกถึงความดีของกันและกันแต่ครั้งก่อนจะทำให้รู้สึกดีขึ้น ส่วนคนโสดแอบรัก แอบชอบยังมีอุปสรรค ต้องมีคนช่วยถึงจะสำเร็จ

ราศีเมถุน (14มิ.ย.-14ก.ค.)

อารมณ์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สับสนในตัวเอง ส่งผลทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งกับผู้อื่นด้วย การงานระวังความปากไวจะทำให้ผู้ใหญ่ไม่ชอบใจ ช่วงนี้มีปัญหาจุกจิกเรื่องความคิดมากกว่าสิ่งอื่นใด ช่วงปลายถึงจะเข้าที่เข้าทาง คุณมีดวงได้ทำงานเสริม ได้ทำสิ่งที่ชอบสิ่งที่ถูกใจ งานบันเทิง งานบริการมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักมากขึ้น การเงินอุดมสมบูรณ์ดี เพราะมีรายรับหลายทางทั้งงานหลักงานเสริม รวมถึงโชคลาภ แต่ต้องระวังการให้ยืมโดยเฉพาะกับเพศตรงข้ามจะไม่ได้คืน “ไพ่ เดอะ สตาร์” ความรักคนโสดยิ้มแย้มแจ่มใส ได้เจอคนถูกใจ หากเหงาหงอยต้องหาเรื่องเที่ยวเตร่ เดินทาง ได้พบคู่แท้แน่นอน ส่วนคนมีแฟนแล้วเอาแต่ใจตัวเองมากไปเลยทำให้มีปากเสียงจุกจิก

ราศีกรกฎ (15ก.ค.-16ส.ค.)

มีเหตุให้ต้องเดินทางไกล ย้ายที่อยู่ เปลี่ยนงาน จึงสร้างความวุ่นวายในช่วงต้นอยู่บ้าง ยังดีที่ได้เพื่อนสนิท ครอบครัวคอยช่วยเหลือทำให้จบลงแบบสวยงาม การงานโกลาหลวุ่นวาย มีการปรับเปลี่ยนระบบ คุณต้องเรียนรู้เพิ่มเติม แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะมีเพื่อนเก่งคอยเป็นที่ปรึกษา หากมีหัวหน้าเป็นผู้หญิงระวังเรื่องความขัดแย้งขัดใจบ้างก็ดีครับ “ไพ่ 5 เหรียญ” การเงินน่าเป็นห่วง ไหลออกไม่ค่อยมีเข้า มีดวงจะใช้จ่ายเยอะกับเรื่องรถ ที่อยู่ และการเดินทาง อย่าเพิ่งไปหวังโชคลาภ ความรักเพื่อนสนิทอาจข้ามขั้นมาเป็นคนรู้ใจโดยไม่รู้ตัว ส่วนคนมีแฟนแล้วห่างเหิน เพราะระยะทาง และเวลาที่ไม่ค่อยตรงกัน พยายามโทรฯ หาพูดคุยจะช่วยลดช่องว่างทำให้เข้าใจกันมากขึ้น


ราศีสิงห์ (17ส.ค.-16ก.ย.)

ความยิ่งใหญ่กลับมาหาคุณอีกครั้ง “ไพ่ เดอะ เอมเพอเรอ” มีชื่อเสียง เงินทอง ทุกสิ่งที่คุณต้องการ การงานมีผลงานโดดเด่นเข้าตาผู้ใหญ่ ได้รับการสนับสนุน เป็นที่รู้จัก ได้คบหาพบปะกับคนมีชื่อเสียง มีช่องทางก้าวหน้า ช่วงนี้ต้องเร่งรีบตักตวง เข้าสมาคมบ่อยขึ้นทำให้มีความรู้กว้างขวาง ได้รู้จักคนมากเพิ่มช่องทางไปสู่ความสำเร็จ การเงินมักได้ข้อมูลเด็ด ๆ ก่อนใคร ทำให้สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องรวดเร็ว หากคิดเก็บกำไร เล่นหุ้นไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ความรักเสน่ห์ท่วมท้น อยู่เฉย ๆ ก็มีคนเข้ามาจีบ คนโสดถ้าไม่เลือกมาก มีแววได้สละโสดกันคราวนี้ ส่วนคนมีแฟนแล้วหวานชื่น คนรักช่างเอาอกเอาใจ และเพียบพร้อมที่จะเสริมบารมีคุณได้เป็นอย่างดี

ราศีกันย์ (17ก.ย.-16ต.ค.)

สิ่งที่คิดไว้ยังคงต้องรอจังหวะรอเวลา หากรีบร้อนผลี ผลามจะตกม้าตายไม่สมหวัง ช่วงกลางดูแลสุขภาพตัวเองและคนรักให้มากเป็นพิเศษ มีดวงเจ็บป่วย การงานหากไม่ระมัดระวังอาจถูกแทงหลังได้ง่าย ต้องกลายเป็นคนปิดทองหลังพระ ช่วงต้นถึงกลางงานหนักน่าเป็นห่วง แต่ช่วงปลายทุกอย่างจะดีขึ้น เพราะได้คนสนิทมาช่วยเหลือ การเงินจ่ายออกอย่างเดียว เรื่องรับเข้ามีน้อยมาก ช่วงนี้รายรับไม่สมดุลกับรายจ่าย อย่าเชื่อหรือรับปากใครง่าย ๆ จะทำให้คุณต้องเดือดร้อน “ไพ่ 10 ดาบ” ความรักมีดวงอกหักรักคุดสูง หากกำลังแอบรักแอบชอบใครอยู่ ต้องดูให้ดีเขาหรือเธอคนนั้นมีแนวโน้มว่ามีคนรักอยู่แล้ว ส่วนคนมีแฟนแล้วระวังมือที่สามเข้ามาแทรกแซง แต่ถ้าเชื่อใจกันผ่านฉลุย

ราศีตุลย์ (17ต.ค.-16พ.ย.)

มีความสุขกับข่าวดีเรื่องเงินทอง ช่วงนี้จะหยิบจับทำอะไรก็ดูขึ้น มีโชคลาภไปเสียทุกอย่าง การงานได้รับคำชม มีความดีความชอบกับสิ่งที่ทำอยู่เสมอ เพื่อนร่วมงานรักใคร่กลมเกลียวทำให้มีความสุขในการทำงาน ช่วงปลายมีข่าวดีสำหรับงานเสริม ทำให้มีรายรับเพิ่ม หากใครที่มีหัวหน้า เจ้านายเป็นหญิงช่วงนี้จะได้รับการโปรโมชั่นเป็นพิเศษ “ไพ่ 1 เหรียญ” การเงินหมุนคล่อง หาง่าย ได้หลายช่องทางทั้งจากงานหลักงานเสริม และโชคลาภ ช่วงนี้จะไปไหนกับใครมักไม่ต้องควักกระเป๋าจ่าย ได้กินฟรีของฟรีอยู่เสมอ ความรักด้วยความอ่อนหวาน สดใส น่ารักทำให้ใครต่อใครพากันหลงเสน่ห์ คนโสดมีดวงได้คบหากับคนอายุน้อยกว่า ส่วนคนมีแฟนแล้วหวานชื่นฉ่ำแฉะจนน่าอิจฉา

ราศีพิจิก (17พ.ย.-15ธ.ค.)

น่ากลัวจะเอาตัวไม่รอด “ไพ่ 9 ดาบ” อาการเจ็บป่วยถามหา คุณเจอปัญหารุมเร้าทำให้คิด มากนอนไม่หลับ ต้องระวังสุขภาพให้มาก ช่วงปลายระวังอุบัติเหตุ การงานหนักอกหนักใจ ถูกให้รับผิดชอบในสิ่งที่ไม่ถนัด แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ งานหนักล้นมือแต่ก็ต้องแบกรับแต่เพียงผู้เดียว หันหน้าพึ่งใครยังเคว้งคว้าง การเงินรายจ่ายเยอะ ส่วนใหญ่มาจากค่าซ่อมแซม ค่ายา ค่ารักษา ใช้เงินกับการดูแลตัวเองและคนรอบข้าง ระวังอย่าค้ำประกัน รับปากใครสุ่มสี่สุ่มห้าจะเป็นห่วงผูกคอไปอีกนานแสนนาน ความรักหดหู่ รู้สึกเหมือนคนรักไม่เข้าใจ เหมือนถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว อย่าเพิ่งฟุ้งซ่าน ให้ทำในสิ่งที่ชอบ ทำสิ่งแปลกใหม่จะทำให้รู้สึกดีขึ้น คนโสดยังคงได้แต่แอบรักข้างเดียวอยู่


ราศีธนู (16ธ.ค.-15ม.ค.)

ช่วงต้นรุ่งโรจน์แบบสุด ๆ หัวสมองไว ไอเดียพุ่งกระฉูด แต่พอช่วงกลางลงมาเริ่มมีอุปสรรคติด ๆ ขัด ๆ จึงต้องรีบฉกฉวยโอกาสเอาไว้ การงานผู้ใหญ่ให้ความไว้วางใจ แต่ต้องไม่หลงตัวเอง ยังคงต้องเสมอต้นเสมอปลาย จะได้ไม่ถูกปลดที่นั่งจากลูกรักมาเป็นลูกชัง ช่วงกลางลงมาการเริ่มต้นใหม่ ๆ จะมีอุปสรรค มีปัญหาจุกจิกกับเพื่อนร่วมงาน การเงินต้องใช้จ่ายอย่างมีแผน และระมัดระวัง เพราะคุณจะถูกตอดเล็กตอดน้อยจากคนรอบข้าง หากคิดลงทุนเสี่ยงโชคจะยังไม่เกิดผลในระยะสั้น ๆ “ไพ่ เจ้าชายดาบ” ความรักอุปสรรคเกิดจากความมีฟอร์ม วางท่ากันมากจนเกินไป คิดอะไรอยากได้อะไรให้แสดงออกตรง ๆ มีลุ้นมากกว่า ส่วนคนมีแฟนแล้วงอนกันบ่อย แต่ก็ยังมั่นคงกับคนเดิมอยู่.

อ.คฑา ชินบัญชร

วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อมรรัตนโกสินทร์ (16)

ถ้าให้นึกถึงความยิ่งใหญ่ของรัชกาลที่ 5 เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยจะนึกถึงการเลิกทาส ภาพวาดฝีมือชาวฝรั่งใต้โดมพระที่นั่งอนันตสมาคมรูปทรงเลิกทาสนั้น เขียนคำอธิบายว่า “อภัยทาน” ใครได้ดูละครเรื่องนางทาสของวรรณสิริ หรือลูกทาสของรพีพร จะรู้ว่าการเป็นทาสเป็นเรื่องระทมขมขื่นนักหนา เลิกเสียได้เป็นอันว่าดี แต่มีข้อความจริงเบื้องหลังการเลิกทาสสองประการคือ แม้รัชกาลที่ 5 เป็นเจ้าชีวิต สั่งอะไรก็ย่อมได้ กลับต้องทรงใช้เวลานับสิบ ๆ ปีกว่าจะเลิกได้สำเร็จ เพราะไหนนายเงินจะขัดขวาง

ไหนทาสเองก็ไม่เต็มใจเกรงว่าเมื่อเป็นไทแล้วไม่รู้จะไปทำมาหากินอะไร พระองค์เองก็ทรงทราบว่ากว่าลินคอล์นจะเลิกทาสได้ต้องเกิดสงครามกลางเมืองในอเมริกาตายกันเป็นเบือ เรื่องนี้จึงละเอียดอ่อนมากสำหรับเมืองไทย


ที่ใครคิดว่าพอประกาศเลิกทาสปั๊บ ทาสก็ลุกขึ้นยืดอกสลัดโซ่ตรวน ยกมือชูกำปั้นเป็นอิสระทันทีนั้น เอาเข้าจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น ต้องทรงเริ่มจากให้ทาสทุกคนมี “ค่าตัว” เพื่อจะได้หาเงินมาไถ่ ต่อมาก็ทรงกำหนด “การลดทอน” คือ ค่าตัวจะค่อย ๆ ลดลงจนเหลือน้อยพอไถ่ได้ ต่อไปจึงกำหนด “การสิ้นสุด” คือ ไถ่ไม่ไถ่ก็หมดเวลา ให้ทยอยเป็นไทได้ ระหว่างนั้นนายเงินและทาสก็พลอยปรับตัวว่าต่อไปจะเอาแรงงานมาจากไหนและทาสเองเป็นไทแล้วจะไปทำอะไรกิน

ข้อความจริงที่สองคือทาสนั้นเมืองไทยมีไม่มากนัก แต่ไพร่มีมากกว่าหลายสิบเท่า การเลิกไพร่จึงเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นประโยชน์แก่ชายไทยแทบทุกคน ตั้งแต่สมัยอยุธยาชายไทยต้องถูกเกณฑ์แรงงานเข้าทำราชการเดือนหนึ่ง แล้วออกเวรกลับไปอยู่บ้านกับลูกเมียเดือนหนึ่งสลับกัน เรียกว่าเข้าเดือนออกเดือน เวลามีสงครามผู้หญิงเขายังเกณฑ์เป็นไพร่เลย

ต่อมาขยายเป็นเข้าสองเดือนหรือสามเดือน เข้า ๆ ออก ๆ อย่างนี้หลวงจะได้มีทหารไปรบ มีช่างไปก่อสร้าง มีแรงงานไว้ขุดคลอง แต่ไพร่ไม่ใคร่ได้อยู่บ้านไม่ได้ทำมาหากิน ไพร่ที่อยู่กับในหลวงเรียกว่า “ไพร่หลวง” ถ้าไปอยู่กับขุนนางคอยรับใช้เรียกว่า “ไพร่สม” ถ้ามีเงินจะไม่ไปก็ได้ให้ส่งเงินไปแทน หลวงจะได้เอาไปจ้างคนอื่นเรียกว่า “ไพร่ส่วย” พวกเรานี้ส่วนใหญ่อาจไม่ได้เป็นทาสแต่น่าจะเป็นไพร่ชนิดใดชนิดหนึ่ง รัชกาลที่ 5 ให้ยกเลิกระบบไพร่เปลี่ยนไปใช้ระบบเกณฑ์ทหารแทน พระเดชพระคุณเรื่องนี้จึงยิ่งใหญ่เท่ากับหรือมากกว่าการเลิกทาสเสียอีก

เมื่อเลิกไพร่แล้วพวกที่ยังประกาศตัวเป็นไพร่ชวนกันลุกขึ้นสู้กับอำมาตย์อยู่อีกจึงเป็นเพียงวาทกรรมในการปลุกระดมเรียกคนมาชุมนุม ยิ่งไปปลุกระดมกันต่อหน้าพระบรมรูปทรงม้าแล้วสงสารในหลวงพระองค์นี้นัก

ในปี 2425 รัชกาลที่ 5 ครองราชย์มา 14-15 ปี แต่กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ตั้งมาครบ 100 ปี ทรงโสมนัสมากว่าพระนครอยู่รอดปลอดภัยมาได้ครบศตวรรษ มีการจัดงานยิ่งใหญ่ ก่อนนั้นเคยทรงสร้างเครื่องราชฯ จุลจอมเกล้าพระราชทานเจ้านายขุนนางข้าราชการพ่อค้าราษฎรมาแล้วเพื่อตอบแทนความดีที่ “ช่วยกันบำรุงวงศ์ตระกูลและรักษาบ้านเมืองมาได้ด้วยความสามัคคี”

รัชกาลที่ 5 ทรงมี “เทสต์” มาก ไปต่างประเทศก็ทรงซื้อและสะสมของ ดี ๆ มาเก็บไว้เป็นมรดกของชาติจนทุกวันนี้ เช่น ชุดลายคราม จปร. เครื่องกังไสจีน ศิลปะของฟาร์แบเช่ แซฟวร์ ภาพวาดและรูปปั้นฝีมือจิตรกรประติมากรเอกของโลก ทั้งยังมีเวลาพระราชนิพนธ์ร้อยแก้วและโคลงฉันท์กาพย์กลอนต่าง ๆ ที่ไพเราะเป็นอันมาก เช่น ไกลบ้าน พระราชพิธีสิบสองเดือน เงาะป่า นิทราชาคริต

ทรงรู้ว่าระบบราชการอายุ 500 ปีของเราง่อนแง่นเต็มที จึงทรง “รีฟอร์ม” แปลว่าปฏิรูป ยุบจตุสดมภ์ 4 กรมคือ เวียง วัง คลัง นา แล้วตั้งเป็นกระทรวง โดยมีเสนาบดีเป็นหัวหน้าฝ่ายนโยบายมีปลัดทูลฉลองเป็นใหญ่ฝ่ายประจำ ทรงจ้างชาวต่างชาติเข้ามาเป็นที่ปรึกษาไปพลาง ระหว่างนั้นทรงตั้งโรงเรียนเฉพาะด้านผลิตข้าราชการพลเรือนส่งทุกกระทรวง

ตั้งโรงเรียนกฎหมายผลิต นักกฎหมายส่งกระทรวงยุติธรรม ตั้งโรงเรียนนายร้อยทหารผลิตทหารส่งกระทรวงกลาโหม ตั้งโรงเรียนผลิตครู ผลิตหมอ ผลิตช่างจนพอใช้ในราชการ

ข้าราชการสมัยก่อนไม่มีเงินเดือน เป็นเสือจับเนื้อกินเองจึงเรียกว่า “กินเมือง” ทรงเปลี่ยนเป็น “ครองเมือง” และมีเงินเดือนให้

ทรงจัดระบบการศึกษา จัดระบบภาษี จัดระบบการปกครองใหม่ ตั้งเป็นเมือง เป็นจังหวัด มณฑล สยามจึงเป็นเอกภาพมาได้

ทรงริเริ่มธรรมเนียมตัดถนน สร้างสะพาน พวกที่ขึ้นต้นว่า “สะพานเฉลิม...” ใช่ทั้งนั้น สะพานผ่านพิภพลีลา

ผ่านฟ้าลีลาศ มัฆวานรังสรรค์ก็ทรงสร้าง ทั้งยังมีพระราชศรัทธาสร้างวัดเทพศิรินทร์ วัดราชบพิธ วัดเบญจมบพิตร เรื่องวัดเบญจฯ นี้ได้เห็นพระทัยเป็นธรรมจริง ๆ เดิมคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกายทูลขอให้เป็นวัดธรรมยุตตามธรรมเนียมครั้งรัชกาลที่ 4

ตรัสว่าวัดธรรมยุตมีมากแล้ว ขอเป็นวัดมหานิกายบ้าง แต่ธรรมยุตจะมาอยู่ก็ไม่ห้าม เรียกว่าวัดนี้สร้างเพื่อ “สงฆ์จตุรทิศ” จึงเป็นวัดมหานิกายสืบมาจนบัดนี้



รัชกาลที่ 5 ท่านโชคดีเพราะมี “กาละ” คือมีกาลเวลาสร้างความเจริญนานถึง 42 ปี จึงต่อเนื่องและได้ทันเห็นผลสำเร็จ มี “ธรรมะ” คือมีคุณธรรม เที่ยงธรรม ใครไม่รู้ก็ทรงแนะทรงสอน ทรงให้อภัยแก่ฝ่ายตรงข้าม ทรงใช้มาตรฐานเดียวกันปกครอง “ตั้งแต่ลูกข้าแลเจ้านายราชตระกูลลงไปถึงลูกชาวไร่ชาวนา”

ทรงมี “เสนา” คือมีผู้คนที่จะสนองพระบรมราโชบายต่อมาอีกหลายปีต่างก็เป็นน้องบ้าง ลูกบ้าง หลานบ้าง ขุนนางเก่ง ๆ บ้าง ดังที่ด้านการปกครองทรงได้กรมพระยาดำรงฯ (ต้นราชสกุลดิศกุล) ด้านการช่างทรงได้กรมพระยานริศฯ (ต้นราชสกุลจิตรพงศ์) ช่วยออกแบบต่าง ๆ “ราวกับนั่งในใจฉัน” ด้านการต่างประเทศได้กรมพระยาเทววงศ์ฯ (ต้นราชสกุลเทวกุล) ด้านกฎหมายและการศาลได้กรมหลวงราชบุรีฯ (ต้นราชสกุลรพีพัฒน์) ด้านศาสนาทรงได้กรมพระยาวชิรญาณวโรรส

ด้านการไปรษณีย์ทรงได้กรมพระยาภาณุพันธุ์ฯ (ต้นราชสกุลภาณุพันธุ์) ด้านเศรษฐกิจทรงได้กรมพระจันทบุรีฯ (ต้นราชสกุลกิติยากร) ด้านการทหารทรงได้เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (สกุลแสงชูโต) กรมหลวงสิงหวิกรมฯ (ต้นราชสกุลฉัตรไชย) กรมพระนครสวรรค์ฯ (ต้นราชสกุลบริพัตร) ด้านการศึกษาทรงได้เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (สกุลบุนนาค) เป็นต้น

สุดท้ายคือทรงมี “จักขุมา” แปลว่ามีสายตาที่กว้างไกลหรือวิสัยทัศน์ในการพัฒนา ทรงให้คนไทยมีการศึกษา ให้เสนาบดีฝึกหัดจัดประชุมเพื่อเตรียมเป็น ครม. และเป็นรัฐสภา ทรงละเอียดลออในการกำกับดูแลราชการ เช่น เมื่อทอดพระเนตรเห็นต้นไม้ในวัดเบญจฯ ยอดด้วนก็ทรงมีจดหมายถึงเสนาบดีทันทีให้ไปดูว่า “เป็นโรคอะไร” ถนนแถววรจักรไฟตะเกียงดับทรงสั่งเสนาบดีนครบาลให้ไปดูว่า “ใครฉ้อน้ำมัน” หนังสือราชการจากหัวเมืองส่งผ่านเสนาบดีกว่าจะมาถึงพระองค์หลายวัน ทรงให้คนไปสอบว่าติดอยู่ที่ใคร นานกี่วัน ให้ปรับวันละบาทโทษฐาน “เข้าเกียร์ว่าง”

ทรงส่งพระราชโอรสไปเรียนวิชาการต่าง ๆ ในต่างประเทศ เช่น อังกฤษ รัสเซีย เยอรมนี พระราชโอรสพระองค์หนึ่งคือพระองค์เจ้าดิลกนพรัตน์ไปเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยทุมบิงเง็น เยอรมนี จนจบได้ปริญญาเอกเป็นคนแรกของไทย ทำวิทยานิพนธ์เรื่องข้าว แม่ท่านเป็นเจ้าทางเหนือ เสียดายที่กลับมาไม่นานก็ปลงพระชนม์พระองค์เองทั้งที่ยังหนุ่ม
แท้ ๆ

รัชกาลที่ 5 มีพระมเหสีเทวี เจ้าจอมหม่อมพระสนมมากน่าจะมากที่สุด แต่มีพระราชโอรสธิดารวมกัน 77 พระองค์ (น้อยกว่ารัชกาลที่ 4) พระองค์ที่ 76 คือ สมเด็จเจ้าฟ้าชายประชาธิปกศักดิเดชน์ ต่อไปได้เป็นรัชกาลที่ 7 ส่วนพระองค์ที่ 77 เป็นสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงประสูติได้เดือนเดียวก็สิ้นพระชนม์

สิ้นรัชกาลที่ 5 พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ประสูติจากพระอัครมเหสีจึงได้ขึ้นเป็นรัชกาลที่ 6

คนไทยเรียกรัชกาลที่ 5 ว่า “พระปิยมหาราช” ปิยะแปลว่าที่รัก ทั้งนี้เพราะทรงมีกาละ ธรรมะ เสนา และจักขุมา หลายคนบวงสรวงเซ่นไหว้พระองค์ทุกวันอังคาร เพราะบนอะไรก็มักได้ตามนั้น โดยเฉพาะว่ากันว่าบนด้วยซิการ์ (แปลกแท้!) จนเรียกท่านว่าเสด็จพ่อ ร.5 นักการเมืองคนไหนถ้าเอาความวิเศษของท่านเรื่องกาละ ธรรมะ เสนา จักขุมามาใช้สัก 1 ใน 10 คงนั่งอยู่ในใจประชาชนได้ตลอดกาล

วิษณุ เครืองาม
wis.k@hotmail.com

วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ยิปซี​พยากรณ์​ ​วัน​ที่​ 5 ​มิถุนายน​ 2554​

ราศีมังกร (16 ม.ค.-12 ก.พ.)

เงินทองไหลมาเทมาผิดหูผิดตา หยิบจับทำอะไรก็ขึ้น ช่วงนี้ราศีเศรษฐีจับ เหมาะสุด ๆ กับการลงทุน ขยับขยายกิจการ ดวงงานมั่นคงเพราะได้ผู้ใหญ่สนับสนุน แต่ต้องลดเรื่องความดื้อรั้น อวดดีลงบ้าง ช่วงปลายอาจไปขัดหูขัดตาผู้ใหญ่ทำให้มีปัญหากับคนมีอำนาจ มีอิทธิพล พลอยทำให้งานสะดุดได้ คนรักครอบครัวเป็นแรงสนับสนุนที่ดี การเงินคล่องตัวสุด ๆ “ไพ่ ราชาเหรียญ” เก็งกำไรอะไรไว้ไม่มีพลาด เป็นเวลาที่เหมาะกับการขยับขยายลงทุน เสี่ยงลุ้นมีโชคลาภ แต่ถ้าร่วมหุ้นต้องระวังถูกเอาเปรียบบ้าง ความรักหวานชื่นดูดดื่ม คนรักทั้งหวงทั้งห่วง รักหลงคุณสุด ๆ ส่วนคนโสดบุพเพอาละวาด ต้องไม่ชอบหน้ากันก่อน ถึงจะมาแอบปลื้มกัน มีคนรอบข้างเป็นสื่อจะดี


ราศีกุมภ์ (13 ก.พ.-13 มี.ค.)

“ไพ่ เดอะ เวิลด์” เน้นความสัมพันธ์กับคนรอบข้างช่วงนี้เพื่อนฝูงหนาแน่น มีคนห้อมล้อม จะขอความช่วยเหลือใครช่างเป็นเรื่องง่ายดาย การงานอยู่เฉย ๆ กลับได้รับโอกาส มีดวงได้โยกย้าย ปรับตำแหน่งดีกว่าเดิม หากกำลังเคว้งคว้างหางานทำอยู่จะมีข่าวดี ช่วงนี้มิตรสหายรอบตัวคอยช่วยเหลือสนับสนุน งานจึงไม่เหนื่อยจนเกินไป มีดวงรับงานเสริมส่งผลให้รายรับมากขึ้น การเงินหมุนคล่อง มีโชคลาภทั้งน้อยทั้งใหญ่ใครที่ชอบเสี่ยงดวงคงได้ยิ้มออกกันบ้างความรักคน โสดฉายแววแรงกล้า สบตากันก็รู้ว่าใช่ทันที รักสมหวัง ส่วนคนมีแฟนแล้วได้มีโอกาสใกล้ชิด แนบแน่นกันมากขึ้นรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ช่วยเหลือซึ่งกันและ
กัน

ราศีมีน (14 มี.ค.-12 เม.ย.)

สับสน ตัดสินใจไม่ถูก เป็นที่ปรึกษาที่ดี แต่ถ้าเป็นเรื่องตัวเองคงต้องหาตัวช่วยเหมือนกัน “ไพ่ 9 คทา” การงานมีการเปลี่ยนแปลง ปรับระบบ หรืออาจถึงขั้นโยกย้าย ช่วงต้นถึงกลางคงวุ่นวายมาก แต่พอปรับตัวได้ทุกอย่างก็ดีขึ้น หากกำลังคิดอยากเปลี่ยนงานอยู่คงได้สมหวัง ช่วงปลายมีคนมารุมล้อมต้องการตัว เพราะความสามารถที่เหลือล้นของคุณ การเงินไม่เลวร้าย เพียงแต่เก็บไม่ค่อยอยู่ ได้มือซ้ายจ่ายออกมือขวา ช่วงกลางเสียเงินกับค่าเดินทาง ยานพาหนะมากสุด ความรักหอมหวาน มีเรื่องกุ๊กกิ๊ก แอบรักคนนั้น แอบชอบคนนี้ โลกกำลังเป็นสีชมพู คนอายุน้อยกว่ากำลังเข้าตา ส่วนคนมีแฟนแล้วหวานชื่น รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนของคนรักที่มีต่อคุณ

ราศีเมษ (13 เม.ย.-13 พ.ค.)

ออก แนวขี้กังวล จะคิดทำอะไรทีมันแสนลำบากยากเย็น ชอบหวนคิดถึงอดีตที่ผิดพลาดจึงทำให้เกิดความกลัว ครอบครัวคนใกล้ชิดจะเป็นกำลังใจในส่วนนี้ได้ดี การงานช่วงต้นทำได้ไม่ค่อยดี งานล่าช้า ผิดพลาดต้องแก้ไข แต่ไม่ร้ายแรง ช่วงกลางถึงจะเริ่มราบรื่น มีผู้ช่วยมีที่ปรึกษา ช่วงปลายมีการเริ่มต้นใหม่ อาจได้รับข้อเสนอ มีงานเสริม “ไพ่ 1 เหรียญ” การเงินยังคิดมากกับสิ่งที่ทำไป อย่าไปใส่ใจโอกาสดีๆกำลังวิ่งเข้ามา ช่วงปลายมีโชคลาภเล็ก ๆ น้อย ๆ พอให้ชื่นอกชื่นใจ สภาพคล่องยังดีอยู่ ความรักคนที่มีคู่แล้วเหนื่อยใจกับพฤติกรรมเดิม ๆของคนรัก คาดหวังอะไรไม่ได้ แม้มีสัญญากันไว้ก็ตามที ส่วนคนโสดถ้าอยากลงจากคานต้องมีพ่อสื่อแม่ชัก บอกคนใกล้ตัวไม่มีผิดหวัง

ราศีพฤษภ (14 พ.ค.-13 มิ.ย.)

สุขภาพ ร่างกายเป็นเรื่องแรกที่ต้องดูแลให้ดี จะเดินทางไกลไปไหนระวังเรื่องการขับขี่ ตรวจความพร้อมของรถ การงานต้นร้ายปลายดี ช่วงต้นทำนั่นทำนี่ไม่ค่อยถูกใจผู้บังคับบัญชา มีดวงขัดแย้งกับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว อย่านัดหมายเจรจาเรื่องสำคัญจะทำให้ผิดหวัง และไม่ควรทำสัญญาด้วยจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ “ไพ่ อัศวินคทา” ช่วงปลายมีดวงเปลี่ยนงาน ย้ายงาน ได้งานใหม่ที่ดีกว่าเดิม การเงินน่าเป็นห่วงกับลูกหนี้เดิม ๆ ที่เคยหยิบยืมไป เพราะจะไม่ได้คืนตามกำหนดเวลา ช่วงปลายมีลาภจากการเดินทาง ความรักคนโสดหันไปสนใจเด็กอายุน้อยกว่า แต่ต้องบอกว่าไปไม่รอด ส่วนคนมีคู่แล้วช่วงกลางระวังมีปากเสียงถึงขั้นเลิกรา ให้ใจเย็น ใช้เหตุผลอย่าให้อารมณ์เป็นใหญ่

ราศีเมถุน (14 มิ.ย.-14 ก.ค.)

เก็บ เรื่องนั้นเรื่องนี้มาคิดเล็กคิดน้อยตามประสาคนอารมณ์สับสน อย่าไปรับฟังเรื่องคนอื่นมากจะทำให้คุณอึดอัดและเดือดร้อน การงานเอาตัวรอดได้ดี แต่ต้องอาศัยพึ่งพาคนอื่นมากขึ้น ทำให้บางทีที่มีคนไหว้วานคุณบ้างทำให้คุณอึดอัด ช่วงนี้ไม่ควรทำตัวโดดเด่นจะเป็นภัยกับตัว มีคนอิจฉาริษยา คอยจับผิดและหาเรื่องอยู่ตลอดเวลา การเงินใช้จ่ายฟู่ฟ่าอยากได้อะไรเป็นต้องซื้อหา อาจเป็นเพราะมีเรื่องต้องคิดมากจึงต้องใช้เงินเป็นการผ่อนคลาย ช่วงปลายห้ามให้ใครหยิบยืม ทำสัญญา หรือค้ำประกันจะมีเรื่องเดือดร้อน“ไพ่ ราชินีพระจันทร์” ความรักลุ่ม ๆ ดอน ๆ อารมณ์แปรปรวนสับสน คุณเองยังไม่เข้าใจตัวเอง คนโสดจะมีรักครั้งใหม่กับคนมีแฟนแล้ว หรือมีพันธะอย่างอื่นอยู่

ราศีกรกฎ (15 ก.ค.-16 ส.ค.)

กลาย เป็นคนที่ใคร ๆ ต้องการตัว เป็นเพราะเสน่ห์ในตัวคุณ ความอบอุ่น อ่อนโยน รับฟังปัญหาของผู้อื่น ช่วงนี้มิตรสหายจึงห้อมล้อมมากเป็นพิเศษ การงานเริ่มมั่นใจในตัวเอง มีผลงานโดดเด่นเข้าตาผู้ใหญ่ ช่วงกลางมีดวงได้รับการโปรโมชั่น แต่อาจต้องอึดอัดใจเพราะถูกคาดหวังไว้สูง ช่วงปลายการติดต่อเจรจาไม่ราบรื่น มีการเลื่อนกำหนด งานล่าช้า การเงินมีช่องทางในการหารายรับเพิ่ม มีดวงได้ของขวัญของตอบแทนจากสิ่งที่คุณเคยช่วยเหลือผู้อื่น แต่ช่วงปลายควรหยุดช่วยเหลือไว้ก่อนจะเดือดร้อนเอง “ไพ่ The Sun” ความรักคนโสดได้เจอคนที่ใช่ แต่อย่าพึ่งดีใจจนเกินไป รักจะมีอุปสรรค ต้องหาทางสานต่อให้ดี ส่วนคนมีแฟนแล้วช่วงต้นหวานชื่น แต่ช่วงปลายรักขมน่าเบื่อ

ราศีสิงห์ (17 ส.ค.-16 ก.ย.)

สาหัส สากันเหลือเกิน เจอมรสุมรุมเร้าต้องช่วยเหลือตัวเอง เข้าไปหาผู้ใหญ่ก็แบ่งรับแบ่งสู้ จนทำให้คุณรู้สึกท้อใจ การงานเหนื่อยใจงานเยอะ ต้องทำด้วยตัวเอง ช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนเห็นใจคุณ หากคิดจะขอความช่วยเหลือช่วงกลางดีที่สุด แต่คงต้องเตรียมใจเจอกับอุปสรรค งานที่ต้องเจรจาติดต่อ มีอุปสรรคกับการนัดหมาย เวลาและการเดินทางสถานที่ การเงินมีรายจ่ายจุกจิกกวนใจตลอด โดยเฉพาะค่าซ่อมรถ ค่าซ่อมของ พอมีลาภจากผู้ใหญ่อยู่บ้างให้ชื่นใจ “ไพ่ 8 ถ้วย” ความรักเหินห่างหมางเมิน ไม่ค่อยเข้าใจกัน ต่างคนต่างมีความคิดของตัวเอง ต้องให้เพื่อนฝูงหรือผู้ใหญ่ช่วยไกล่เกลี่ยจะดีขึ้น ส่วนคนโสดพอจะรู้สึกดีกับใครสักคนต้องเจออุปสรรคตลอด ทำใจไปก่อนละกันครับ

ราศีกันย์ (17 ก.ย.-16 ต.ค.)

เก็บ กดซ่อนเร้นความรู้สึกของตัวเอง ช่วงนี้คุณเป็นบ่อย บางทีไปรู้อะไรมาก็ไม่สามารถบอกใครได้ “ไพ่ 7 ดาบ” การงานได้รับมอบหมายงานสำคัญทำให้รู้สึกลำบากใจ ต้องขอความร่วมมือ ต้องมีพรรคพวกถึงจะสำเร็จ อย่าคิดทำเองคนเดียวเด็ดขาด ช่วงกลางงานเกี่ยวกับตัวเลขน่าเป็นห่วง มีปัญหาข้อมูลผิดพลาดไม่ลงตัว ต้องตามหาตามแก้กันอยู่นาน การเงินรายจ่ายมากมาย ต้องแบกภาระที่คนอื่นก่อไว้อีก ทำให้สภาพคล่องน้อยลงอาจถึงขั้นติดขัด ต้องหาเงินมาหมุนตัวเป็นเกลียว ความรักเป็นแบบแอบคบหา แอบรักแอบชอบ จึงสุขไม่เต็มที่ ช่วงกลางมีเหตุให้ไกลกัน หรือมีเรื่องเข้าใจผิด ส่วนคนโสดสนิทได้แต่แอบปลื้ม ยังไม่จริงจังในความสัมพันธ์

ราศีตุลย์ (17 ต.ค.-16 พ.ย.)

“ไพ่ เดอะ เมจิเชี่ยน” สัมผัสที่หกอันแรงกล้า และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์กลับมาอีกครั้ง ไอเดียกระฉูด คาดเดาเหตุการณ์แม่นยำ การงานได้รับคำชมอยู่เสมอ มีความเฉลียวฉลาดเป็นเลิศ หากทำงานที่ต้องใช้ความคิดอยู่เสมอจะก้าวหน้าสุด ๆ ช่วงปลายได้รับข้อเสนอใหม่ ๆ อาจต้องใช้ความคิดตัดสินใจ ให้เชื่อในสิ่งแรกที่รู้สึก การเงินเริ่มมั่นคงขึ้น หากคิดอยากจะเก็บออมไว้เยอะ ๆ เพื่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่อยากได้ ต้องบอกว่าได้เก็บออมสมใจอย่างแน่นอน ช่วงต้นมีลาภลอยแบบไม่คิดมาก่อน ความรักคนโสดมีประสบการณ์ใหม่ ๆ เข้ามาตลอด แบบว่าเสน่ห์แรง แต่ก็ช่างเลือก ยังไม่อยากตกล่องปล่องชิ้นกับใคร ส่วนคนมีแฟนแล้วมีแนวโน้มจะได้กิ๊กเพิ่ม เพราะความเจ้าเสน่ห์

ราศีพิจิก (17 พ.ย.-15 ธ.ค.)

กำลัง หลงไปอยู่กับเรื่องรักใคร่ จิตใจอ่อนโยน อ่อนไหวง่ายอย่างที่ไม่ค่อยจะเคยเป็นสักเท่าไร การงานสบาย ๆ ไม่น่าห่วง แต่ถ้าเป็นงานที่ต้องออกนอกสถานที่บ่อย ๆ และงานบริการจะมีอุปสรรคให้หงุดหงิดอยู่ตลอด ช่วงนี้ดวงเพื่อนร่วมงาน บริวารไม่มีปัญหา แต่ต้องระวังคู่แข่งพยายามชิงดีชิงเด่น ขอแค่คุณทำผลงานเสมอต้นเสมอปลายก็ไม่น่าเป็นห่วง การเงินมีลาภปากลาภท้องมาให้กินฟรีของฟรี แต่ช่วงปลายเสียเงินแน่กับเรื่องบนท้องถนน การเดินทางและรถ “ไพ่ 1 ถ้วย” ความรักคนโสดดีใจเนื้อเต้นได้พบคนถูกใจ มีการเริ่มต้นคบหากันด้วยดี ส่วนคนมีแฟนแล้วเฮฮา เน้นเพื่อนฝูง ช่วงกลางมีกุ๊กกิ๊กกันบ้างพอหอมปากหอมคอ แต่ช่วงปลายระวังอารมณ์จะมีปากเสียงกัน

ราศีธนู (16 ธ.ค.-15 ม.ค.)

คิด เรื่องเล็กไม่เป็น ต้องทำเรื่องใหญ่ ช่วงนี้ก็ยิ่งใหญ่สมใจหวัง “ไพ่ เดอะ เอ็มเพอเรอ” ส่งผลให้คุณเป็นจุดสนใจ การงานรุ่งโรจน์ มีการขยับขยายก้าวหน้า เป็นช่วงทองของคุณ มีคนสนใจผลงานและความสามารถ หากคิดจับธุรกิจส่วนตัวต้องบอกว่าสำเร็จแน่นอน แต่ช่วงปลายต้องรอบคอบ อาจมีอาการเผลอไผลไปโดยไม่รู้ตัว ถูกหลอกถูกโกงง่าย การเงินมีรายรับหลายทาง เงินคล่อง แต่อย่าพึ่งคิดทำเรื่องล่อแหลม ให้กู้ยืมนอกระบบ คุณจะถูกโกงไม่ได้เงินคืน ความรักที่ว้าเหว่มานานจะได้คนมาเคียงคู่ คนโสดมีดวงจะพบคู่แท้ ช่วงนี้คนอายุมากกว่ามาแรงสุด ๆ ส่วนคนมีคู่แล้วจดจ้องกันอยู่ มีดวงได้แต่งงานลงเอยกัน แต่ก็อย่าเชื่อคนง่ายนะครับ มีมือที่สามมาคอยทำให้แตกคอ.


อ.คฑา ชินบัญชร