ไม่นานมานี้เพิ่งมีข่าวจาก "ภูฏาน" ประเมินว่า
ธารน้ำแข็งและน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัยอาจละลายหมดภายในไม่กี่สิบปี
เพราะผลกระทบจากปัญหาสภาพภูมิอากาศโลกเปลี่ยนแปลง หรือ วิกฤตโลกร้อน!
ล่า สุด คุณลอนนี่ ทอมป์สัน นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านธารน้ำแข็ง (กลาเซียร์) ประจำศูนย์วิจัยขั้วโลก มหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา และคณะ ออกมาเตือนภัยในลักษณะเดียวกัน ว่า
ถ้าสถานการณ์ โลกร้อนยังคงไม่บรรเทาเบาบาง ลง ภายในปีค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) หรืออีก 12-13 ปีข้างหน้า กลาเซียร์ รวมถึงน้ำแข็ง และหิมะ จะมลายหมดสิ้นไปจากยอดเทือกเขา "คิลิมันจาโร" ประเทศแทนซาเนีย!
ท่านที่ชอบเดินทางท่องเที่ยว ย่อมคุ้นหูกับชื่อ "คิลิมันจาโร" เป็นอย่างดี เนื่องจากถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในแทนซาเนีย
ได้รับการขนานนามว่า "หลังคาแห่งกาฬทวีป" เพราะครองสถิติยอดเขาสูงสุดในทวีปแอฟริกา ด้วยความสูงเกือบ 6,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
และด้วยความสูงเสียดฟ้านี่เอง ทำให้อุณหภูมิยอดเขาเย็นจัดจนเกิดเป็นธารน้ำแข็ง ครอบคลุมอาณาบริเวณประมาณ 4,500 เมตร
อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจปริมาณความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำแข็งบนยอดคิลิมันจาโร ระหว่างปี 2000 จนถึง 2007 (พ.ศ.2543-2550) พบว่า
หายไปกว่า 1 ใน 4
โดยธารน้ำแข็งส่วนที่หนาที่สุดตรงจุด "ขั้วน้ำแข็งตอนเหนือ" เคยหนา 50 เมตร
แต่มาบัดนี้ความหนาของเส้นผ่านศูนย์กลางหายไป 1.9 เมตร
นอกจากนั้น น้ำแข็งดังกล่าวยังมีอัตราการละลายเร็วมากขึ้นตามลำดับ (ปัจจุบัน ตัวเลขอยู่ที่ราว 2.4 เปอร์เซ็นต์ต่อปี)
เคราะห์ยังดีที่ประชากรในพื้นที่ไม่ได้พึ่งพาน้ำจากธารน้ำแข็งมาใช้ในการดำรงชีพ หรือทำการเกษตร
ฉะนั้นในอนาคตถ้าน้ำแข็งสูญพันธุ์หมดไป คงไม่ส่งผลกระทบมากนักในแง่นี้..
แต่ความเสียหายทางธรรมชาติอื่นๆ จากภัยโลกร้อนจะ มีอะไรตามมาบ้าง เป็นประเด็นที่น่าวิตกยิ่งกว่า!
วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6922 ข่าวสดรายวัน
"คิลิมันจาโร" ใกล้ไร้ธารน้ำแข็ง
หมุนก่อนโลก @khaosod
วิทยา ผาสุก - wittayapasuk@hotmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น