พระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯเปิดประตูคลองลัดโพธิ์-สะพานภูมิพล1-2โดยเรือพระที่นั่งพสกนิกรเปล่งเสียงทรงพระเจริญกึกก้อง
วันนี้ 25 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.32 น. วันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินลงจากที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยรถเข็ญพระที่นั่งพร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีนิน หัวหน้าสำนักงานศูนย์โรคหัวใจสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เป็นผู้ถวายการเข็นรถพระที่นั่ง จากอาคารเฉลิมพระเกียรติผ่านยังตึกอนันทราช ตึกกายวิภาคศาสตร์ หอสมุดศิริราช ไปยังท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าคณะแพทยศาสตร์ศิริราช พร้อม ศ.คลีนิค นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ต่อมาเมื่อเวลา 16.37 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จถึงท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าคณะแพทยศาสตร์ศิริราช พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวถวายรายงานจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประทับลิฟท์พระที่นั่งขึ้นไปยังเรือพระที่นั่งอังสนา ประทับเรือพระที่นั่งอังสนาที่กองทัพเรือจัดถวาย
จากนั้นเมื่อเวลา 16.39 น. เรืออังสนาได้ออกจากท่าเทียบเรือฯ เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคจาก รพ.ศิริราช เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ และทรงเปิดสะพานภูมิพล 1 ภูมิพล 2 ที่ ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอยู่ในฉลองพระองค์สูทสีน้ำตาลอ่อนและฉลองพระองค์ด้านในเป็นเชิ้ตเชิ้ตสี ขาว เนคไทสีเขียว สนับเพลาสีน้ำตาลอ่อน โดยมีตำรวจน้ำ และเรือเจ้าท่า ดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบ โดยทั้ง 2 พระองค์ประทับบริเวณหัวเรือชั้น2 บนเรือพระที่นั่งอังสนา
ทั้งนี้ตลอดเส้นทางที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค ทรงโบกพระหัตถ์ พระพักตร์สดใส และทรงฉายพระรูปประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จฯตลอดเส้นทาง ได้ทอดพระเนตรความป็นอยู่ของพสกนิกร และทัศนียาภาพของสองฝั่งลำน้ำเจ้าพระยา พร้อมกับทรงถ่ายภาพสองฝากริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาไปตลอดเส้นทางเสด็จพระราช ดำเนิน ท่ามกลางประชาชนที่มาปักหลักเฝ้ารับเสด็จฯ โบกธงชาติ พร้อมกับชูพระบรมฉายาลักษณ์กันเนื่องแน่นสองฝั่งแม่น้ำ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่พระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยทางชลมารคมายังพื้นที่นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จประทับที่ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 2552 ที่ผ่านมา ซึ่งในรอบ 431 วัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชกรณียกิจ ในงานพระราชพิธีวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2552 และเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2553 วันฉัตรมงคล โดยในการนี้ถือว่าเป็นพระราชกรณียกิจครั้งแรกที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกจากที่ประทับ ที่ รพ.ศิริราช
ขณะที่บริเวณสนามหญ้า ใต้สะพานภูมิพล 1 สะพานภูมิพล 2 เนืองแน่นไปด้วยประชาชนจาก จ.สมุทรปราการ และจากทั่วสารทิศ ที่พร้อมใจกันสวมเสื้อสีชมพู มารอเฝ้าทูลละอองทุลีพระบาท รับเสด็จอย่างเนืองแน่นจนไม่มีที่ว่าง ทุกคนเฝ้ารอเรือพระที่นั่งอย่างใจจดใจจ่อ เพื่อรอชื่นชมพระบารมี และแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ในความเดือนร้อนของราษฎรทุกพื้นที่อย่างทั่วถึง พร้อมกันนี้ยังพระราชทานแนวทางแก้ไขเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น โดยในมือต่างถือธงชาติ และพระบรมฉายาลักษณ์
จากนั้นเวลา 18.00 น. เรือพระที่นั่งอังสนาได้แล่นถึงบริเวณปากคลองประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ และสะพานภูมิพล 1และสะพานภูมิพล 2 การนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลถวายรายงาน พร้อมด้วย นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ จากนั้นมีการฉายวีดีทัศน์ความเป็นการ ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมทุกปีในฤดูน้ำ สร้างความเดือดร้อนต่อความเป็นอยู่และสภาพการจราจร ในวันที่ 7 พ.ย. 2538 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมทรงมีพระราชดำรัสกับผู้เกี่ยวข้อง ให้พิจารณาฟื้นฟูคลองลัดโพธิ์ พร้อมสร้างประตูระบายน้ำ เพื่อควบคุมปริมาณน้ำ ทำให้สามารถร่นระยะทางเดินของน้ำจาก 18 กม.เหลือเพียง 600 เมตรเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ก่อสร้าง สะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 เพื่อเชื่อม ต.ทรงคนอง ไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อต่อเชื่อมกับถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ให้รถบรรทุกไม่ต้องผ่านเข้ามาในกรุงเทพฯชั้นใน ในการลดปริมาณการจราจรนั่นเอง
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประทับพระหัตถ์บนแท่นที่ฉายภาพแผนที่ เพื่อทรงเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดดโพธิ์ รวมทั้งสะพานภภูมิพล 1และสะพานภูมิพล 2 ทรงทอดพระเนตรวีดิทัศน์เทคนิคพิเศษ ถ่ายทอดเรื่องประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ โดยการแสดง PYRO TECHNIC บริเวณด้านหลังประตูระบายน้ำ ทรงทอดพระเนตรวีดิทัศน์เทคนิคพิเศษ สะพานภูมิพล 1 ภูมิพล 2 และสิ้นสุดด้วยการจุดพลุเฉลิมพระเกียรติอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงบันทึกภาพตลอดเวลาที่ทรงทอดพระเนตรอยู่บนเรือพระที่นั่งอังสนา
กระทั่งถึงเวลา 18.42 น. เรือพระที่นั่งอังสนา จึงออกจากปากคลองลัดโพธิ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินกลับ ยังท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าคณะแพทยศาสตร์ศิริราช ถึงในเวลา 20.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าคณะแพทยศาสตร์ศิริราช ตั้งแต่ช่วงเช้า เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ได้มีการจัดเตรียมสถานที่ ในการเตรียมเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค โดยมีการจัดผ้าสีทองและสีเงิน มาประดับตกแต่งบริเวณท่าเทียบเรือ และจัดตกแต่งต้นไม้ ดอกไม้อย่างสวยงาม ทางกองทัพเรือได้มีการจัดถวาย เรืออังสนา ซึ่งเป็นเรือพระที่นั่งหลัก และเรือขนส่งทหารเรือ (ขสทร.131) เป็นเรือพระที่นั่งรอง โดยเตรียมไว้สำหรับผู้ติดตาม พร้อมข้าราชบริพาร นอกจากนี้ ยังมี เรือจากตำรวจน้ำ เป็นผู้คอยรักษาความปลอดภัยโดยรอบตลอดเวลาที่เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค เรือเจ้าท่า ไว้สำหรับช่วยอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง ด้านบริเวณรอบ รพ.ศิริราชได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ รักษาความปลอดภัยอย่างหนาแน่น
นางบุญธรรม แก้วนวล อายุ 61 ปี อาชีพแม่ค้า จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ดีใจ ปลื้มเป็นที่สุดในชีวิต ซึ่งในชีวิตนี้เคยได้มีโอกาสเข้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อ วันที่ 5 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมา ตลอดทั้งชีวิตติตามข่าวสารพระองค์ท่านมาโดยตลอด รักพระองค์ท่านมาก ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดไป
น.ส.สุขเกษม เกตุเลขา อายุ 62 ปี อาชีพแม่บ้าน ชาวมุสลิม จ.นนทบุรี กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้มีโอกาสเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันนี้ถือว่าที่สุดในชีวิตแล้ว รู้สึกดีใจ ตื้นตันใจและปลื้มใจมาก ขอให้เห็นพระองค์ท่านก็เป็นบุญมากโขแล้ว
นอกจากนี้โดยรอบบริเวณ รพ.ศิริราชได้มีประชาชนต่างพร้อมใจมาจับจองที่นั่งบริเวณอาคารเฉลิมพระ เกียรติ ทั้งบริเวณด้านหน้าอาคารและด้านหลัง พร้อมเตรียมธงเล็กไว้รับเสด็จ และเตรียมพระบรมฉายาลักษณ์มาชูไว้เหนือหัวด้วยความจงรักภักดีอย่างเนืองแน่น พร้อมทั้งเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่ว รพ.ศิริราช นอกจากนี้ขณะที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค นั้น เหล่าพสกนิกรที่รอรับเสด็จตามท่าน้ำตลอดเส้นทางแม่น้ำเจ้าพระยา ต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังตลอดเวลา
นายประพันธ์พงษ์ เทวคุปต์ ประธานศูนย์บูรณาการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน ต.ทรงคนอง ได้เดินมาพร้อมชาวบ้านที่แต่งชุดมอญพระประแดง มารอรับเสด็จ โดย นายประพันธ์พงษ์ เปิดเผยว่า รู้สึกปลาบปลื้มใจมากที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีน้ำพระราชหฤทัยต่อชาวมอญ โดยทรงมีพระราชดำริบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ไขน้ำท่วม เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะปี 2538 ที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ ทำให้ประชาชนเดือนร้อนมาก แต่ภายหลังจากมี โครงการตามแนวพระราชดำริเกิดขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ มาดูความคืบหน้าของโครงด้วยพระองค์เองอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่ตั้งแต่คลองเตย สำโรง พื้นที่ กทม.และโดยรอบ ไม่เคยประสบปัญหาเรื่องน้ำท่วม จึงนับเป็นมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น “คลองลัดโพธ์แป็นคลองเล็ก แต่มีทางน้ำคดเคี้ยวมีต้นจากเยอะ ทำให้น้ำระบายช้า เกิดน้ำท่วมหลายพื้นที่ บางพื้นที่น้ำท่วมหนักถึงต้นคอ แต่มีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทำให้ชาวบ้านหมดกังวลเรื่องปัญหาน้ำท่วม จึงเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างมากต่อราษฎรในพื้นที่”
ด้าน นายวัชระ เติมวรรธนภัทร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทรงคนอง กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมาพื้นที่บริเวณ อ.พระประแดง และพื้นที่โดยรอบกรุงเทพฯ ประสบกับปัญหาน้ำทะเลหนุน และปัญหาน้ำหลากมาโดยตลอด รวมถึงปัญหาการจราจรติดขัด แต่เมื่อประชาชนในพื้นที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้พัฒนาคลองลัดโพธิ์และสร้างสะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 ทำให้สภาพความเป็นอยู่ของประชาชน มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะตั้งแต่เด็กชาวพระประแดงทุกคน ต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมทุกๆ 15 วัน ชาวบ้านต้องอพยพออกจากพื้นที่อย่างลำบาก หลังจากที่มีโครงการพระราชดำริชาวบ้านก็ไม่ต้องเดือนร้อนอีก ที่สำคัญชาวบ้านส่วนมากมีอาชีพการเกษตกร ซึ่งเป็นวิถีชีวิตดั่งเดิมก็สามารถดำรงชีพต่อไปได้ ไม่ต้องดิ้นรนออกไปจับจ้างทำงานเหมือนแต่ก่อน ทำให้ทุกคนใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
“การก่อสร้างคลองลัดโพธิ์ ไม่ได้ช่วยเหลือชาวพระประแดงและกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงจังหวัดอื่นที่มีพื้นที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย เพราะคลองลัดโพธิ์สามารถระบายน้ำได้ 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้นต่อชาวพระประแดง พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก ทรงบรรเทาทุกข์เข็นความเดือนร้อนของประชาชนให้หมดสิ้นไป ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” นายวัชระ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณประตูระบายน้ำปากคลองลัดโพธิ์ สถานที่จัดพิธี ตลอดช่วงเช้า ส่วนราชการจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมกับ อบต.ทรงคนอง กรมชลประทาน เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ได้ร่วมกันทำความสะอาด ตกแต่งประดับประดา ประตูระบายน้ำ ติดตั้งระบบแสงสี เพื่อจัดแสดงประวัติความเป็นมาของโครงการคลองลัดโพธิ์ รวมทั้งติดตั้งระบบแสงสีด้วยระบบสามมิติ บริเวณประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ และบนสะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 ทั้งนี้ ยังได้เปิดสวนสาธารณะคลองลัดโพธิ์ ซึ่งตั้งอยู่ใช้สะพานภูมิพล 1 และสะพานภูมิพล 2 หรือสะพานวงแหวนอุตสาหกรรม เพื่อให้ประชาชนเข้ามาเฝ้ารอรับเสด็จฯโดยนำจอโปรเจคเตอร์ ขนาดใหญ่ 5 จอมาติดตั้งไว้ เพื่อถ่ายทอดประวัติความเป็นมา ของการก่อสร้างคลองลัดโพธิ์ให้ประชาชนได้ชม นอกจากนี้ยังมีการทำความสะอาด ถนนหาทาง ตั้งแต่แยกพระประแดงถึงสวนสาธารณะ พร้อมประดับประดาธงทิว และภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ตลอดเส้นทางด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า กระทั่งในช่วงบ่ายจนถึงเย็นมีประชาชนทยอยเดินทางมาร่วมเฝ้ารอรับเสด็จฯ ที่บริเวณสวนสาธารณะคลองลัดโพธิ์กันอย่างเนืองแน่น ท่ามกลางพรรยากาศที่ร้อนอบอ้าว โดยต่างสวมเสื้อสีชมพู และชุดมอญพระประแดงพร้อมนำธงชาติ และธงพระบรมฉายาลักษณ์ มาโบกเพื่อรอชื่นชมพระบารมี ด้วยความปลาบปลื้ม
ส่วนที่ศาลาศิริราช 100 ปี รพ.ศิริราช พสกนิกรปวงชนชาวไทย ยังคงเดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง เป็นมิ่งขวัญของพสกนิกรทุกหมู่เหล่าตราบนานเท่านาน โดยนำแจกันดอกไม้ รวมทั้งสิ่งของต่างๆ มาทูลเกล้าฯถวาย อาทิ คณะสถาบันการเงินชุมชนบ้านสันมะเค็ด อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย คณะเครือข่ายวีถีชนคนรักแฝก อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ คณะเทศบาลตำบลหนองล่อง จ.ลำพูน คณะชมรมกำนันผู้ใหญ่ เขตพื้นที่ อ.กุดชุม จ.ยโสธร นำผ้าฝ้ายลายขิตทอมือ มาทูลเกล้าฯ ถวาย คณะข้าราชการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต.อ.สากเหล็ก จ.พิจิตร คณะสมาคมศิษย์เก่าคอมพิวเตอร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ คณะสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขาโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า อ.เมือง จ.นครนายก คณะผู้บริหารและพนักงานสำนักงานธนานุเคราะห์
คณะเครือข่ายชุมชนผู้สูงอายุ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร คณะชมรมผู้สูงอายุ รพ.ทหารเรือกรุงเทพ คณะผู้ปฎิบัติงานโรงรถจักรธนบุรี คณะตัวแทนนิสิตจีน ม.วิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา คณะอสม.เจ้าหน้าที่กลุ่มเวชกรรมสังคม รพ.ศูนย์ จ.ตรัง คณะนักศึกษาวิทยาลัยการทัพบก ชุดที่56 คณะครูนักเรียนโรงเรียนประชาราษฎร์สามัคคี อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา คณะกลุ่มผู้สูงอายุ ต.แม่นาเรือ อ.เมือง จ.พะเยา คณะครูนักเรียนโรงเรียนปริ้นซ์รอแยลส์วิทยาลัย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ คณะกองลูกเสือสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ คณะครูนักเรียนโรงเรียนวัดเนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง
คณะผู้บริหารเจ้าหน้าที่ บ.ปูนซีเมนต์ จก.(มหาชน) อ.แก่งคอย จ.สระบุรี คณะสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต2 อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี คณะครูนักเรียนโรงเรียนสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี คณะนักศึกษา คระอุตสาหกรรม คณะมนุษย์ศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ คณะกิ่งกาชาด อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี หลวงพ่อทองกลึง วัดเจดีย์หอย จ.ปทุมธานี คณะอบต.ก้านเหลือง อ.นาแก จ.นครพนม คณะอบต.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี คณะครูนักเรียนโรงเรียนสุเหร่าทรายกองดิน เขตมีนบุรี คณะผู้บริหารเจ้าหน้าที่ บ.อีซี่ฟาร์แมกซ์(ประเทศไทย)จก.
เมื่อเวลา 15.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติแห่งการบรมราชาภิเษกปีที่ 60 และการเฉลิมพระชนมพรรษา แถลงว่า รัฐบาลและทุกฝ่ายส่วนได้ร่วมกันจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 5 ธันวาคม 2553 ภายใต้ชื่องาน “แผ่นดินของเรา” เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่พระราชกรณียกิจ ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด เป็นการแสดงออกถึงการจงรักภักดี เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ในระหว่างวันที่ 1-9 ธ.ค. จะมีการจัดกิจกรรม 3 จุดใหญ่ คือ 1. บริเวณหน้าศาลฎีกา และมูลนิธิธันวามหาราชเป็นผู้รับผิดชอบ โดยจุดเทียนชัยถวายพระพร พร้อมกันทั่วประเทศและทั่วโลกในเวลา 19.29 น.
2. บริเวณพระราชวังดุสิต หรือลานพระบรมรูปทรงม้า มีการจัดกิจกรรมนิทรรศการวัฒนธรรม พระราชกรณียกิจต่างๆ รวมทั้งจำหน่ายสินค้า ที่เป็นผลอันเนื่องมาจากโครงการพระราชดำริ และจะมีเวลากลางเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มาวางพานพุ่มทุกวัน ระหว่างเวลา 13.00-24.00 น. ยกเว้นในวันที่ 5 ธ.ค. และ 3. บริเวณลำน้ำเจ้าพระยาที่จะมีการแห่เรือขบวนไฟเฉลิมพระเกียรติและมีเวทีกลาง น้ำ ซึ่งขณะนี้ มีเรือที่แจ้งความประสงค์จะเข้าร่วมประมาณ 600 ลำ เรือประดับไฟ 32 ลำ คาดว่าจะมีประชาชนร่วมกิจกรรมมากกว่า 6 หมื่นคน นอกจากนี้จะมีพิธีการจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลและปล่อยโคมลอยขนาดเล็ก 8,400 โคม รวมทั้งฉายภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติฯ ผ่านจอม่านน้ำ
นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดเตรียมงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา 5 ธันวาคม 2553 “แผ่นดินของเรา” ระหว่างวันที่ 1-9 ธันวาคมนี้ ว่า
ขณะ นี้ วธ.ได้รับการตอบรับจาก 8 ประเทศที่จะส่งคณะนักแสดงพื้นบ้านและนักแสดงที่มีชื่อเสียง กลองประจำชาติ มาร่วมแสดงในงานเฉลิมพระเกียรติครั้งนี้ ได้แก่ เกาหลีใต้ อินเดีย ศรีลังกา ตรุกี สวิสเซอร์แลนด์ สโลวาเกีย บัลแกเรีย และโปแลนด์ ส่วนการแสดงของประเทศไทยจะประกอบไปด้วยการแสดงพื้นบ้าน 4 ภาค รางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การแสดงกลุ่มชาติพันธ์เผ่าไท-อิสาน การแสดงละครนอกเรื่อง สังข์ศิลป์ชัย โดยสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ การแสดงคอนเสิร์ตของวงดนตรีสุนทรภรณ์ การแสดงคอนเสิร์ตเพื่อพ่อจากค่ายศิลปินต่างๆ โดยจะมีพิธีเปิดการแสดงในวันที่ 1 ธ.ค. มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
ด้าน นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 1-6 ธันวาคมนี้ ศธ.ร่วมกับ องค์กรหลักของ ศธ.ครู นักเรียน นักศึกษา และข้าราชการกว่า 10 ล้านคนทั่วประเทศ จะจัดงานเฉลิมพระเกียรติ ใช้ชื่องาน ” แผ่นดินของเรา” เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความสามัคคีและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ผ่านกิจกรรมต่างๆ โดยมีพีธีเปิดงานในวันที่ 1 ธันวาคม เวลา 18.00 น. จุดเทียนชัยถวายพระพรพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 5 ธันวาคม เวลา 19.19 น. ที่บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ถนนราชดำเนินนอก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการแสดงเทคนิคพิเศษ PYRO TECHNIC คือการจุดพลุที่ไม่มีเสียง ส่วนพลุที่นำมาจุดถวายทอดพระเนตรในวันนี้ ประกอบด้วยพลุ 3 ชุด คือ ชุดประตูเชื่อมสุข ใช้พลุ 99 นัด ชุดสะพานเชื่อมใจ ใช้พลุ 2,500 นัด และชุดที่สุดแห่งพระมหากรุณาธิคุณ และที่สุดแห่งการบูรณาการ ใช้พลุ 99 นัด
นางจิราวัลลิ์ น้อยธารา อายุ 70 ปี ชาวบ้านใน ต.ทรงคนอง กล่าวว่า ตนเองอยู่ที่นี่มากว่า 40 ปี โดยปลูกบ้านอยู่ห่างจากชายน้ำกว่า 100 เมตร แต่ก็ยังถูกน้ำท่วมทุกปี จนกระทั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้สร้างประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ บ้านตนก็ไม่ถูกน้ำท่วมอีกเลย ในขณะเดียวกัน สะพานภูมิพล 1 และ 2 ก็ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้น ทั้งนี้ด้วยสายพระเนตรอันกว้างไกลของ ในหลวง ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรของพระองค์ ทำให้ประชาชนเทิดทูลพระองค์และพร้อมที่จะตายแทนพระองค์ได้
นางน้ำผึ้ง สุขสนิท อายุ 40 ปี พนักงานบริษัท ไทยวาโก้ เปิดเผยว่า ทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์และทีวี เลยรู้สึกเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างสูง เนื่องจากพระองค์พระประชวร แล้วยังทรงห่วงใยประชาชน เสด็จเดินทางมาเปิดประตูระบายน้ำ เลยขอลางานมาก่อน 2 ชั่วโมง เพื่อเดินทางมารอรับเสด็จในครั้งนี้
นางรพี แจ้งกิจ อายุ 56 ปี กล่าวว่า ทราบข่าวมาหลายวันแล้ว เลยตั้งใจเดินทางมารับเสด็จ แม้จะไม่เห็นพระองค์ท่านแต่อย่างใด โดยวันนี้มากัน 4 คน เป็นลูกสาวและหลาน อีก 2 คน สร้างความปลื้มปิติเป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่พระองค์ทรงประชวรอยู่ก็ยังคงทรงทำงานอยู่ตลอด นับเป็นบุญแก่ปวงชนชาวไทย
ที่มา : เดลินิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น