โดย : กาญจนา หงษ์ทอง
คอลัมน์ : เที่ยวนี้ขอเล่า @คมชัดลึก ปารีสกล้าดียังไง ถึงได้ทำให้นักท่องโลกที่เคยเอาเท้าจุ่มหอไอเฟล เผลอตงิดๆ คิดถึงอยู่บ่อยๆ
ทั้งที่ปริมาณเสน่ห์ก็ ไม่ได้กองพะเนินเหมือนกับหลายเมืองในยุโรป แล้วนี่มันอะไรกันเล่า ปากก็บอกเฉยๆ แต่พลันที่รู้ว่าต้องมีเหตุให้สัญจรกลับไปหาปารีส ใจก็แอบกระปรี้กระเปร่า ราวกับว่าจะได้กลับไปหาคนรักเก่าที่พรากจากกันมานานหลายปี
ตับไตไส้พุงของปารีส |
ปารีสเที่ยวนี้ใช้บริการสายการบินโอมาน แอร์(0-2635-1222) ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกที่ใช้บริการ ค่อนข้างแปลกใจกับสภาพเครื่องและบริการบนเครื่องของเขา เพราะไม่คิดว่าจะเนี้ยบได้ขนาดนี้ เครื่องใหม่เอี่ยม บริการก็ไม่ขาดตกบกพร่องแม้จะเป็นที่นั่งชั้นประหยัด และถึงแม้จะบินไปยุโรป แต่ถ้าอยากเที่ยวมัสกัตก็แวะได้
จิบกาแฟตามคาเฟ่ |
45 นาทีโดยประมาณ รถไฟใต้ดินก็พาเข้าไปเจาะไข่แดงแห่งกรุงปารีส หลังจากคลิกไปค้นในเว็บไซต์อโกดา(www.agoda.co.th) หลายตลบ ก็พบว่าปารีสมีที่พักให้เลือกหลากหลายราคา แต่ไปได้ที่พักที่ตกแต่งอย่างเก๋ไก๋มีสไตล์อย่าง Hotel Jules ที่ซ่อนตัวอยู่บนถนนลาฟาแยตต์
ถนนลาฟาแยตต์ยามค่ำคืน ยังดูร่าเริง ปราดเปรียว แม้กลางวันจะเต็มไปด้วยสาวนักช็อปมาเดินเข้าห้างโน้นออกห้างนี้ แต่ตอนกลางคืนก็ถูกแทนที่ด้วยหนุ่มสาวชาวปารีเซียน ที่มายึดผับ บาร์ แถวนี้เอาไว้เป็นหนึ่งในมุมแฮงก์เอาท์ของพวกเขา
ที่จริงสำหรับใครที่มาเที่ยวปารีสครั้งแรก แนะว่าให้นั่งรถที่เขาเรียกว่า Roissy Bus จะดีกว่าค่ะ เพราะถ้านั่งรถไฟใต้ดินอาจจะต้องต่อรถไฟหลายตลบ แล้วใครที่หอบสมบัติมาเยอะ คราวนี้จะทุกข์ถนัด เพราะไม่ใช่ทุกสถานีที่มีบันไดเลื่อน แม้แต่สถานีใหญ่ก็เถอะ Roissy Bus จึงเหมาะกว่า เพราะออกจากสนามบินชาร์ลส เดอ โกล์ ก็จะวิ่งตรงดิ่งไปสุดทางแถวโอเปร่าซึ่งอยู่ใจกลางปารีส โดยไม่หยุดจอดที่ไหนเลย ค่ารถคนละ 9 ยูโรเศษๆ
แต่ถ้าอยากสบายกว่านั้น นั่งแท็กซี่ม้วนเดียวจบเหมือนกัน แต่เตรียมไว้เลยอย่างต่ำ 50 ยูโร หรือถ้าเจอรถติดๆ ก็อาจจะแพงกว่า 60 ยูโร เคยเจอบางคนเล่าว่านั่งรถเข้าเมืองช่วง 6 โมงเย็น รถติดหนึบเลยจ่ายไป 70 ยูโร แล้วตอนนั้นค่าเงินยูโรไม่ใช่ 40 บาทแบบตอนนี้ด้วยนะ เฉียดๆ 50 บาท เล่นซะมึนไปหลายวันที่ต้องจ่ายค่าแท็กซี่เกือบ 3,500 บาท
ตื่นเช้ามารีบพุ่งไปหาโอเปร่า การ์นิเยร์ก่อน อยากรู้ว่าดวงหน้างามๆ ของสถานที่แห่งนี้ จะเปลี่ยนไปหรือไม่ เพราะสถานที่บางแห่ง หลายปีผ่านไปพอหวนกลับมาดูอีกครั้ง ก็พบว่าถูกศัลยกรรมซะจนเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ด้านหน้าของโอเปร่า การ์นิเยร์ |
โอเปร่า การ์นิเยร์ที่ยังคงงดงาม |
ละจากโรงละคร ก็มุดลงใต้ดิน จับรถไฟไปลงที่สถานี Abbesses ปลายทาง คือมงมาร์ต หมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ในมหานครอันยิ่งใหญ่อย่างปารีส มามงมาร์ตครั้งก่อน หนาวซะจนมองไม่ค่อยเห็นความสุนทรีย์ที่อยู่รายรอบบริเวณนี้
ตั้งแต่ขึ้นจากรถไฟใต้ดิน ก็จะถูกต้อนรับด้วยเสียงเพลงจากนักดนตรีเร่ เดินขึ้นเนินไปเรื่อยก็จะเจอจัตุรัส แซงต์ ปิเอร์ ลานหน้าโบสถ์ที่ถ้ามีวิญญาณนักช็อปอยู่ คุณคงจะเดินขึ้นโบสถ์พระหฤทัยอย่างไม่เป็นสุขเท่าไหร่ เพราะละแวกนี้เต็มไปด้วยร้านรวงเอาไว้ให้ช็อปปิ้งอยู่ไม่น้อย
จังหวะเดินขึ้น จะต้องเจอกับกองทัพคนผิวดำที่เข้ามาทำมาหากินในฝรั่งเศส เขาไม่ได้หอบของมาวางขายอย่างเดียว แต่ในมือจะมีเชือกอะไรสักอย่าง เดินพุ่งเอาเชือกมงคลมาผูกข้อมือให้ เขาว่าผูกแล้วจะโชคดี สุขขี สโมสร ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวจิตอ่อน ยอมให้ผูก คราวนี้ล่ะยาว เขาจะเรียกเงินเท่าไหร่ก็แล้วแต่โหงวเฮ้งและบุญทำกรรมแต่งของคุณละกัน ถ้าดูโหงวเฮ้งดีมีชาตตระกูลก็อาจจะโดนเรียกหลายยูโรหน่อย
แต่ไม่ว่าจะผูกเชือกมงคลหรือรอดพ้นมาได้ ภาพที่ปรากฏตรงหน้า คือโบสถ์สีขาวเด่นตระหง่านทอดตัวอยู่บนเนินเขา แต่ถ้ามองจากด้านบนลงมา หันหลังให้โบสถ์ ภาพที่เห็นก็จะเป็นวิวทิวทัศน์ปารีสในมุมสูง ยืนอยู่บนนี้แล้วคุณอาจจะเห็นด้วยที่นักท่องเที่ยวบางคนบอกว่า บนนี้เหมือนหลังคาของปารีส
ริมทางที่น่ามอง / โบสถ์พระหฤทัยอันเด่นตระหง่าน |
จะว่าไป มงมาร์ตจึงเป็นมุมสุนทรีย์ที่สุดมุมหนึ่งของปารีสเลยก็ว่าได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น