โดย : ทีมวาไรตี้ @เดลินิวส์
หากเอ่ยชื่อ กรุงปารีส หลายคนรู้จักดี ว่าเป็นเมืองแห่งแฟชั่นและสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังที่นักท่องเที่ยวจากทั่ว ทุกมุมโลกต่างลิสต์ไว้ในบัญชีสมองว่าจะต้องมาช้อปกันให้กระจายอย่างไม่มี พลาด อีก ทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย จึงไม่แปลกที่นักท่องเที่ยวจะหลั่งไหล ไปเยือนกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสกันอย่างไม่ขาดสาย...
ห่างออกไปจากรุงปารีสประมาณ 150 กิโลเมตร จะพบเมืองชายทะเลเมืองหนึ่งซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ชื่อว่า เดียพ (Dieppe) ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลชื่อฮัลบัตร์ ทางภาคตะวัน ตกของประเทศฝรั่งเศส ด้านมหาสมุทรแอตแลนติก โดย อยู่ในเขตการบริหารส่วนภูมิภาค ของ แคว้นนอร์มองดีย์ตอนบน เมืองเดียพเป็นหนึ่งในเมืองชายทะเลสำหรับตากอากาศแรกเริ่มของชาวฝรั่งเศส และเป็นเมืองที่มีชื่อเสียง ด้านการประมงเกี่ยวกับหอย Saint-Jacques รวมทั้งเป็นหนึ่งในเมืองประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการยกพลขึ้นบกครั้ง แรกของฝ่ายพันธมิตรในปี ค.ศ. 1942 เพื่อประสงค์ที่จะปลดปล่อยฝรั่งเศสให้เป็นอิสระจากการครอบครองของเยอรมนีใน ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
เพ็ญสุดา ไพร อร่าม รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ทาง ททท. ได้นำคณะนักว่าวไทยจาก “Thai Kite Heritage Group” ซึ่งนำว่าวไทยชนิดต่าง ๆ เช่น ว่าวจุฬา ว่าวปักเป้า ว่าวงู ไปแสดงและสาธิตการทำว่าวไทย นอกจากนี้ยังได้นำการแสดงนาฏศิลป์ไทยจากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ได้แก่ การแสดงโขน รวมทั้งนาฏศิลป์ไทยชุดต่าง ๆ มาจัดแสดงด้วย ซึ่งชาวต่างชาติได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยจุดเด่นของเราจะเน้นที่ความสนุกสนานแต่ มีประโยชน์ต่อครอบครัวนักท่องเที่ยวจึงคิดไอเดียทำว่าวงู จำนวน 1,000 ตัวแจกพร้อมสาธิตการเล่นให้นักท่องเที่ยวชมด้วย ทำให้บูธของประเทศไทยยิ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก รู้สึกภูมิใจที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักว่าวไทยมากขึ้น
หลังจากร่วมงานเทศกาล ว่าวแล้ว คณะเราไม่รอช้ารีบ ออกสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวภายในเมืองเดียพ ตามคำบอกเล่าของผู้ที่เคยมาเยือนในปีก่อน ๆ ว่าในเมืองเดียพมีหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งอยู่ติดชายทะเลอยู่ใกล้ปารีสมากที่สุดชื่อหมู่บ้าน “เวลเลส์ โรสส์” หรือเรียกกันว่า “หมู่บ้านดอกกุหลาบ” เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ มีประชากรเพียง 600 คน ตั้งอยู่บนแม่น้ำเวลเลส์ (ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแม่น้ำสายที่สั้น ที่สุดของประเทศฝรั่งเศส มีความยาว 1,194 เมตร โดยเป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 แต่สวยที่สุด ของแคว้นนอร์มองดีย์ โดยชาวบ้านจะปลูกบ้านอยู่สองข้างฝั่งลำธาร ที่สำคัญเมือง เวลเลส์-โรสส์ นี้เป็นเมืองติดทะเล มีลำธารน้ำใสไหลผ่านกลางหมู่บ้าน แล้วก็จะไหลลงทะเลที่อยู่ห่างกันไม่ถึง 1 กิโลเมตร
“เล่ากันว่าสมัยก่อนหญิงสาวของหมู่บ้านจะนำเสื้อผ้าออกมาซักผ้าที่ลำธารน้ำ ใสแห่งนี้เพราะว่าน้ำสะอาดมาก ๆ ซึ่งตรงฝั่งจะมีทางเดินเล็ก ๆ สำหรับไว้ซักผ้า แต่ปัจจุบันนี้ไม่มีการซักผ้าแล้ว เพราะว่ามีการนำปลามาปล่อยให้ผสมพันธุ์กัน เราจึงเห็นปลาตัวเล็กใหญ่แหวกว่ายไปมาแทนหญิงสาวนั่งซักผ้า”
นอกจากแม่น้ำสายนี้จะเป็นจุดเด่นน่าสนใจแล้ว ที่ตัวอาคารบ้านเรือนก็ยังเป็นสไตล์นอร์มองดีย์ดั้งเดิมที่ดูแล้วสบายตา เพราะแต่ละบ้านจะมีการปลูกดอกไม้เยอะแยะเต็มไปหมด โดยมีรางวัลรับประกันความงามของหมู่บ้านด้วย นั่นคือรางวัลระดับ 2 ดอก (ไม้) ซึ่งในฝรั่งเศส หมู่บ้านต่าง ๆ จะมีการประกวดความงามของหมู่บ้านที่ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้บานสะพรั่ง และจะได้รับสัญลักษณ์ดอกไม้ 1, 2 หรือ 3 ดอกตามความสวยงาม โดยเฉพาะดอกกุหลาบทางอำเภอสนับสนุนให้ทุก ๆ บ้าน ปลูก หากใครอยากปลูกดอกกุหลาบให้ซื้อไปปลูกแล้วทางอำเภอจะคืนเงินให้ทุกคน
พอเดินออกจากหมู่บ้าน เดินข้ามถนนมา เราก็จะเจอชายหาด แต่น่าแปลกเพราะตรงหาดแถว ๆ นอร์มองดีย์จะเป็นหาดก้อนหินล้วน ๆ เลย ถ้าใครจะเล่นทรายต้องรอให้น้ำลงเยอะ ๆ จึงจะเห็นทราย อุ๊ย...ใกล้ทะเลตรงนี้ลมพัดแรงมาก ๆ หนาวจนตัวสั่นทำให้ยืนอยู่ได้ไม่นาน พอดีกับได้เวลาท้องร้องต้องหาร้านอาหารนั่งรับประทานเพื่อเพิ่มพลังกันเสีย หน่อยแล้ว แต่ร้านอาหารที่นี่เต็มหมดทุกร้าน หากใครไม่ได้จองไว้จะไม่ได้นั่งรับประทานอาหารริมทะเลคลุกเคล้าบรรยากาศดี ๆ โดยอาหารที่เมืองเดียพนี้มีอาหารทะเลสด ๆ ให้เลือกรับประทาน มากมายเพราะเป็นเมืองท่าเรือหรือเรียกกันว่าเมือง 4 ท่า เพราะมีท่าเรือมากที่สุดในประเทศฝรั่งเศส และยังมีท่าเรือข้ามไปยังเมือง Newhaven ในประเทศอังกฤษด้วย
หลังจากกินอิ่มนอนหลับ กันแล้ว คณะเราไม่ลืมที่จะเข้าชมพิพิธภัณฑ์ “เลอ ชาโต- มูเซ” ซึ่งเป็นปราสาทเก่าแก่ที่ถูกสร้างในยุคกลางศตวรรษ ที่ 15 บนหน้าผาฝั่งตะวันตกของเมือง เพื่อเป็นป้อมสำหรับ ระแวดระวังการบุกรุกชายฝั่ง ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทะเล และของมีค่าในสมัยศตวรรษที่ 17-18 เช่น งาช้างแกะสลัก พัดทำจากผ้าลูกไม้ต่าง ๆ เป็นฝีมือของช่างเมืองเดียพ ซึ่งจะบอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของชาวเมืองเดียพได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ด้านบนยังเป็นจุดชมวิวของเมืองที่เราสามารถมองเห็นเมืองเดียพได้ ทั้งเมืองอีกด้วย
เมืองเดียพ ถึงแม้จะเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้กรุงปารีสแต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากใครมาเยือนปารีสแล้วก็อย่าลืมแวะมาพักผ่อนตากอากาศที่เมืองเดียพเพื่อ ชาร์จพลังก่อนกลับไปชอปปิงกันต่อ ก็แล้วกัน เชื่อว่าใครที่ได้มาสูดอากาศที่เมืองเดียพแล้วคงจะหลงเสน่ห์อยากกลับมาเยือน กันใหม่อีกครั้งเป็นแน่...
"สีสันรายทาง"
การเดินทาง โดยสารเครื่องบินจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่กรุงปารีสโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง จากนั้นโดยสารรถยนต์โดยใช้เส้นทางหลวง A13 ต่อไปยังเมืองเดียพ ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง หากใครมีเวลาเหลืออย่าลืมแวะเที่ยวชม “บ้านโมเนต์” (Monet's House) ซึ่งโมเนต์เป็นศิลปินวาดภาพของฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงมาก ภายในบ้านมีผลงานการวาดภาพมากมายรวมทั้งการจัดตกแต่งบ้านในสไตล์ศิลปิน (แต่น่าเสียดายห้ามถ่ายภาพ) ด้านนอกมีสวนดอกไม้หลากสีสันที่จัดแยกไว้เป็นสี ๆ อย่างสวยงาม ซึ่งบ้านโมเนต์นี้ ตั้งอยู่ระหว่างทางจากเมืองเดียพไปกรุงปารีส สำหรับในกรุงปารีสระหว่างรอขึ้นเครื่องหากใครมีเวลาเหลืออย่าพลาดไปถ่ายรูป หอไอเฟลเก็บไว้เป็นที่ระลึกเพราะเป็นสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสเชียว
ของฝากและร้านอาหาร ของฝากโดนใจ เช่น น้ำหอมแบรนด์ต่าง ๆ พวงกุญแจหรือของประดับรูปหอไอเฟล ส่วนใครที่อยู่ฝรั่งเศสนาน ๆ คิดถึงอาหารไทย สามารถหารับประทานได้ที่ “ร้านอาหารบ้านไทย” เลขที่ 13-15 ถนนเดอ ลา แฟร์รอนเนอรี เพรอมิเยอร์ ปารีส เขต 1 ที่เปิดมานานกว่า 10 ปี มีอาหารให้เลือกทั้งแบบบุปเฟ่ต์และอาหารตามสั่ง เมนูยอดฮิตที่ถูกคอนักท่องเที่ยวได้แก่ ต้มยำกุ้ง ผัดไทย แกงเขียวหวาน และต้มข่าไก่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น