โรงกลั่นสเตรทไอล่า สวยเหมือนภาพวาด.
ได้รับเชิญจาก
บริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด
ให้ร่วมทริปไปเยือนประเทศอังกฤษ กับ 2 สุดยอดกุนซือ แชมป์ 100 แฟนตาซี
ฟุตบอล ซีซั่น 2009/2010 และ แชมป์ 100 แฟนตาซี เวิลด์ ฟุตบอล 2010
เพื่อชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ศึกแดงเดือดแมนยูฯปะทะลิเวอร์พูล
ที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด เมืองแมนเชสเตอร์ และเกาะขอบสนามดูเกมคู่อาร์เซนอล
ฟาดแข้งกับเวสต์บรอมวิช ณ สนามเอมิเรตส์ สเตเดียม กรุงลอนดอน
ผลการแข่งขันคงรู้กันแล้วว่า ผี-หงส์-ปืน 3 ใน 4 ท็อปโฟร์ ใครแน่ กว่ากัน
แต่ที่ประทับใจคือบรรยากาศ
และวัฒนธรรมการชมเกมฟุตบอลของชาวเมืองผู้ดีที่พัฒนาไปไกล ในสนาม
นักบอลแข่งกันไป กองเชียร์ก็ด่ากันไป แต่พอจบเกม
ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายบ้านใครบ้านมัน ไว้แมตช์หน้าค่อยมาว่ากันใหม่
หลังชมเกมฟุตบอลระดับโลก คณะเราบินลัดฟ้า ไปเยือนแดนวิสกี้ สกอตแลนด์
(Scotland) แผ่นดินในฝันที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของเกาะอังกฤษ
สกอตแลนด์เดิมเคยมีเอกราช
แต่ถูกผนวกเข้าเป็นแคว้นหนึ่งของสหราชอาณาจักรเมื่อหลายร้อยปีก่อน
ใครที่เคยดูภาพยนตร์เรื่อง "เบรฟฮาร์ท" นำแสดงโดย เมล กิ๊บสัน
ดาราฮอลลีวูดชื่อดัง
ภาพยนตร์เรื่องนี้คือเสี้ยวหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์การต่อสู้ของชาวสกอตช์
ชนชาติที่ผู้ชายอกสามศอกนุ่งกระโปรงลายตารางสีสวย ออกรบอย่างกล้าหาญดุดัน
ทันทีที่ไปถึง อเบอร์ดีน (Aberdeen) เมืองหลักของสกอตแลนด์
หลายคนยืนกางแขนแหงนหน้าขึ้นฟ้า สูดอากาศบริสุทธิ์จนฉ่ำปอด
จากนั้นเรานั่งรถยนต์ต่อไปยัง คีธ (Keith)
เมืองชนบทเล็กๆน่ารักๆที่มีบ้านโบราณสร้างจากหิน ตั้งเรียงรายอยู่บนเนินเขา
มองแล้วเหมือนเมืองตุ๊กตาจำลองแสนคลาสสิก
สองข้างทางเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ แต่งแต้มด้วยฝูงปศุสัตว์ ทั้งแกะ ม้า
และวัว มีคนบอกภูมิประเทศคล้ายวังน้ำเขียว โคราช บ้างก็ว่าเหมือนภูทับเบิก
เพชรบูรณ์ แต่ที่มาแปลกบอกว่าเหมือนทุ่งกุลาร้องไห้
สงสัยเห็นทุ่งข้าวบาร์เลย์เป็นนาข้าวหอมมะลิซะงั้น
หนุ่มในคณะคนหนึ่งถึงกับเอ่ยปาก "อยากเกิดเป็นพ่อวัวที่นี่
คงมีความสุขสุดๆวันๆไม่ต้องทำอะไร หิวก็เดินเล็มหญ้า เมื่อยก็นอนพัก
แถมมีแม่วัวเดินส่ายเต้าบิ๊กไซส์มาให้ชมเป็นอาหารตา"
แต่อาจลืมไปว่าวาระสุดท้ายของชีวิต คงได้นอนฉ่ำน้ำเกรวี่
เป็นสเต๊กจานโตบนโต๊ะอาหารนะเฮีย
ชาวคีธเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส ใช้ชีวิตเรียบง่ายสบายๆ
ในตัวเมืองมีบ้านอยู่ไม่กี่ร้อยหลังคาเรือน ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย
มีบ้างที่เปิดบ้านเป็นโรงแรมเล็กๆ ร้านอาหาร ร้านขายสินค้ากระจุกกระจิก
แต่แค่ทุ่มเศษๆร้านรวงพร้อมใจกันปิดหมด ทุกคนต่างรีบเข้าบ้านนอน
เพราะถ้าใครขืนมาเดินเล่นคงได้แข็งตาย
วันที่เราไปเยือนเป็นช่วงกลางเดือนกันยายน อากาศเย็น อุณหภูมิราว 14-15
องศาเซลเซียส แต่พอตกค่ำมีลมค่อนข้างแรง แถมฝนพรำหน่อยๆ
ยิ่งตกดึกอุณหภูมิลดต่ำลงเหลือแค่ 5 องศาฯ เท่านั้น บรื๋อ...หนาวจับใจ
เจ้าถิ่นบอกว่ากลางเดือนหน้าจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ต้นไม้จะเปลี่ยนสีและผลัดใบ บรรยากาศสุดโรแมนติก
ใครควงคู่มาคงได้เดินเกาะแขนซบไหล่แอบไออุ่นจนฝรั่งอิจฉา
แต่ถ้าบังอาจหาญกล้ามาคนเดียว แนะนำให้ไปเที่ยวเมืองอื่น
อย่าหวังจะมาหาคู่เอาดาบหน้า เพราะที่เมืองคีธนี่ปกติก็คนน้อยอยู่แล้ว
ทั้งตัวเมืองมีไม่กี่พันคน แถมหนุ่มสาวที่นี่ก็หน้าตาดีๆกันทั้งนั้น
คงไม่มีหลงเหลือไว้เผื่อคนหน้าตาแปลกๆอย่างเรา
คณะเราโชคดีมีโอกาสได้เข้าพักที่บ้าน ลินน์ เฮาส์ (Linn House) สไตล์
Castle House อายุกว่า 130 ปี
เดิมบ้านหลังนี้เป็นของคหบดีชาวสกอตช์ผู้มั่งคั่ง
ต่อมาได้ขายต่อให้กับตระกูลชีวาส บราเธอร์ส
นำมาปรับปรุงเป็นบ้านพักรับรองแขกวีไอพีจากทั่วทุกมุมโลก
ลักษณะเด่นของบ้านตั้งอยู่ในเขตไฮแลนด์ ซึ่งมีอากาศและสายน้ำบริสุทธิ์
เขตนี้โด่งดังในฐานะ "แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์"
เพราะอุดมไปด้วยสายธารและน้ำพุธรรมชาติกระจายทั่วท้องถิ่นที่เรียกว่า
"มอเรย์ และแบฟฟ์ชาร์ย" แหล่งปลูกข้าวบาร์เลย์
วัตถุดิบสำคัญของอุตสาหกรรมสกอตวิสกี้ ข้างตัวบ้านจะติดน้ำตกและแม่น้ำ
ไอล่า (Isla) ที่มีอุณหภูมิน้ำเย็นเฉียบและมีฝูงปลาเทราต์แหวกว่าย
ถัดไปเป็นโรงกลั่นเก่าแก่ชื่อ สเตรทไอล่า (Strathisla) อายุยาวนานกว่า 200
ปี และยังดำเนินการผลิตอยู่จนถึงปัจจุบัน
คืนแรกในบ้านโบราณ หลายคนไม่กล้าเข้านอนเพราะเกิดอาการหลอนตัวเอง
บางคนจินตนาการไปถึงหนังผีฝรั่งที่เคยดู
เนื่องจากบ้านหลังนี้มีห้องนอนนับสิบห้อง
เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นล้วนเป็นของเก่าดั้งเดิม รอบตัวบ้านเป็นป่าสนมืดครึ้ม
บรรยากาศชวนขนหัวลุก
แต่ค่ำคืนแห่งความหวาดกลัวกลับผ่านพ้นไปด้วยไมตรีจิตของเจ้าบ้านที่ให้การ
ต้อนรับชาวคณะอย่างอบอุ่น มนต์เพลงปี่สกอตช์ในจังหวะครึกครื้น และรสชาติของ
แฮกกิส (Haggis) กระเพาะแกะยัดไส้เครื่องในแกะ อาหารพื้นเมืองเลื่องชื่อ
ยังคงอบอวลอยู่ในความทรงจำมิรู้ลืม
ใครอยากไปสัมผัสประสบการณ์สุดยอดครั้งหนึ่งในชีวิต ลองคลิกเข้าไปค้นหาลู่ทางที่ www.100community.com จะได้รับคำตอบที่น่าพอใจ.
ได้รับเชิญจาก
บริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด
ให้ร่วมทริปไปเยือนประเทศอังกฤษ กับ 2 สุดยอดกุนซือ แชมป์ 100 แฟนตาซี
ฟุตบอล ซีซั่น 2009/2010 และ แชมป์ 100 แฟนตาซี เวิลด์ ฟุตบอล 2010
เพื่อชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ศึกแดงเดือดแมนยูฯปะทะลิเวอร์พูล
ที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด เมืองแมนเชสเตอร์ และเกาะขอบสนามดูเกมคู่อาร์เซนอล
ฟาดแข้งกับเวสต์บรอมวิช ณ สนามเอมิเรตส์ สเตเดียม กรุงลอนดอน
ผลการแข่งขันคงรู้กันแล้วว่า ผี-หงส์-ปืน 3 ใน 4 ท็อปโฟร์ ใครแน่ กว่ากัน
แต่ที่ประทับใจคือบรรยากาศ
และวัฒนธรรมการชมเกมฟุตบอลของชาวเมืองผู้ดีที่พัฒนาไปไกล ในสนาม
นักบอลแข่งกันไป กองเชียร์ก็ด่ากันไป แต่พอจบเกม
ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายบ้านใครบ้านมัน ไว้แมตช์หน้าค่อยมาว่ากันใหม่
หลังชมเกมฟุตบอลระดับโลก คณะเราบินลัดฟ้า ไปเยือนแดนวิสกี้ สกอตแลนด์
(Scotland) แผ่นดินในฝันที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของเกาะอังกฤษ
สกอตแลนด์เดิมเคยมีเอกราช
แต่ถูกผนวกเข้าเป็นแคว้นหนึ่งของสหราชอาณาจักรเมื่อหลายร้อยปีก่อน
ใครที่เคยดูภาพยนตร์เรื่อง "เบรฟฮาร์ท" นำแสดงโดย เมล กิ๊บสัน
ดาราฮอลลีวูดชื่อดัง
ภาพยนตร์เรื่องนี้คือเสี้ยวหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์การต่อสู้ของชาวสกอตช์
ชนชาติที่ผู้ชายอกสามศอกนุ่งกระโปรงลายตารางสีสวย ออกรบอย่างกล้าหาญดุดัน
ทันทีที่ไปถึง อเบอร์ดีน (Aberdeen) เมืองหลักของสกอตแลนด์
หลายคนยืนกางแขนแหงนหน้าขึ้นฟ้า สูดอากาศบริสุทธิ์จนฉ่ำปอด
จากนั้นเรานั่งรถยนต์ต่อไปยัง คีธ (Keith)
เมืองชนบทเล็กๆน่ารักๆที่มีบ้านโบราณสร้างจากหิน ตั้งเรียงรายอยู่บนเนินเขา
มองแล้วเหมือนเมืองตุ๊กตาจำลองแสนคลาสสิก
สองข้างทางเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ แต่งแต้มด้วยฝูงปศุสัตว์ ทั้งแกะ ม้า
และวัว มีคนบอกภูมิประเทศคล้ายวังน้ำเขียว โคราช บ้างก็ว่าเหมือนภูทับเบิก
เพชรบูรณ์ แต่ที่มาแปลกบอกว่าเหมือนทุ่งกุลาร้องไห้
สงสัยเห็นทุ่งข้าวบาร์เลย์เป็นนาข้าวหอมมะลิซะงั้น
หนุ่มในคณะคนหนึ่งถึงกับเอ่ยปาก "อยากเกิดเป็นพ่อวัวที่นี่
คงมีความสุขสุดๆวันๆไม่ต้องทำอะไร หิวก็เดินเล็มหญ้า เมื่อยก็นอนพัก
แถมมีแม่วัวเดินส่ายเต้าบิ๊กไซส์มาให้ชมเป็นอาหารตา"
แต่อาจลืมไปว่าวาระสุดท้ายของชีวิต คงได้นอนฉ่ำน้ำเกรวี่
เป็นสเต๊กจานโตบนโต๊ะอาหารนะเฮีย
ชาวคีธเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส ใช้ชีวิตเรียบง่ายสบายๆ
ในตัวเมืองมีบ้านอยู่ไม่กี่ร้อยหลังคาเรือน ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย
มีบ้างที่เปิดบ้านเป็นโรงแรมเล็กๆ ร้านอาหาร ร้านขายสินค้ากระจุกกระจิก
แต่แค่ทุ่มเศษๆร้านรวงพร้อมใจกันปิดหมด ทุกคนต่างรีบเข้าบ้านนอน
เพราะถ้าใครขืนมาเดินเล่นคงได้แข็งตาย
วันที่เราไปเยือนเป็นช่วงกลางเดือนกันยายน อากาศเย็น อุณหภูมิราว 14-15
องศาเซลเซียส แต่พอตกค่ำมีลมค่อนข้างแรง แถมฝนพรำหน่อยๆ
ยิ่งตกดึกอุณหภูมิลดต่ำลงเหลือแค่ 5 องศาฯ เท่านั้น บรื๋อ...หนาวจับใจ
เจ้าถิ่นบอกว่ากลางเดือนหน้าจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ต้นไม้จะเปลี่ยนสีและผลัดใบ บรรยากาศสุดโรแมนติก
ใครควงคู่มาคงได้เดินเกาะแขนซบไหล่แอบไออุ่นจนฝรั่งอิจฉา
แต่ถ้าบังอาจหาญกล้ามาคนเดียว แนะนำให้ไปเที่ยวเมืองอื่น
อย่าหวังจะมาหาคู่เอาดาบหน้า เพราะที่เมืองคีธนี่ปกติก็คนน้อยอยู่แล้ว
ทั้งตัวเมืองมีไม่กี่พันคน แถมหนุ่มสาวที่นี่ก็หน้าตาดีๆกันทั้งนั้น
คงไม่มีหลงเหลือไว้เผื่อคนหน้าตาแปลกๆอย่างเรา
คณะเราโชคดีมีโอกาสได้เข้าพักที่บ้าน ลินน์ เฮาส์ (Linn House) สไตล์
Castle House อายุกว่า 130 ปี
เดิมบ้านหลังนี้เป็นของคหบดีชาวสกอตช์ผู้มั่งคั่ง
ต่อมาได้ขายต่อให้กับตระกูลชีวาส บราเธอร์ส
นำมาปรับปรุงเป็นบ้านพักรับรองแขกวีไอพีจากทั่วทุกมุมโลก
ลักษณะเด่นของบ้านตั้งอยู่ในเขตไฮแลนด์ ซึ่งมีอากาศและสายน้ำบริสุทธิ์
เขตนี้โด่งดังในฐานะ "แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์"
เพราะอุดมไปด้วยสายธารและน้ำพุธรรมชาติกระจายทั่วท้องถิ่นที่เรียกว่า
"มอเรย์ และแบฟฟ์ชาร์ย" แหล่งปลูกข้าวบาร์เลย์
วัตถุดิบสำคัญของอุตสาหกรรมสกอตวิสกี้ ข้างตัวบ้านจะติดน้ำตกและแม่น้ำ
ไอล่า (Isla) ที่มีอุณหภูมิน้ำเย็นเฉียบและมีฝูงปลาเทราต์แหวกว่าย
ถัดไปเป็นโรงกลั่นเก่าแก่ชื่อ สเตรทไอล่า (Strathisla) อายุยาวนานกว่า 200
ปี และยังดำเนินการผลิตอยู่จนถึงปัจจุบัน
คืนแรกในบ้านโบราณ หลายคนไม่กล้าเข้านอนเพราะเกิดอาการหลอนตัวเอง
บางคนจินตนาการไปถึงหนังผีฝรั่งที่เคยดู
เนื่องจากบ้านหลังนี้มีห้องนอนนับสิบห้อง
เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นล้วนเป็นของเก่าดั้งเดิม รอบตัวบ้านเป็นป่าสนมืดครึ้ม
บรรยากาศชวนขนหัวลุก
แต่ค่ำคืนแห่งความหวาดกลัวกลับผ่านพ้นไปด้วยไมตรีจิตของเจ้าบ้านที่ให้การ
ต้อนรับชาวคณะอย่างอบอุ่น มนต์เพลงปี่สกอตช์ในจังหวะครึกครื้น และรสชาติของ
แฮกกิส (Haggis) กระเพาะแกะยัดไส้เครื่องในแกะ อาหารพื้นเมืองเลื่องชื่อ
ยังคงอบอวลอยู่ในความทรงจำมิรู้ลืม
ใครอยากไปสัมผัสประสบการณ์สุดยอดครั้งหนึ่งในชีวิต ลองคลิกเข้าไปค้นหาลู่ทางที่ www.100community.com จะได้รับคำตอบที่น่าพอใจ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น