“ทัช มาฮาล“ |
ทว่า อัครา มิมีเพียงทัช มาฮาล กับป้อมแดง หากยังมีอีกวังหนึ่งของอักบาร์มหาราช ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา และทรงเคยประทับอยู่ที่นี่นานถึง 13 ปี นามว่า “ฟาห์เตปูร์ ศิขรี” อยู่ห่างจากทัช มาฮาล ไปทางใต้ราว 38 กิโลเมตร แม้เป็นเวลาเนิ่นนาน ที่ถูกรัศมีแห่งทัช มาฮาล ในฐานะ ”1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก” บดบัง แต่พลันเมื่อ “ฟาห์เตปูร์ ศิขรี” เปิดสู่สายตาชาวโลก ก็เผยความงามของปราสาทหินทรายแดงอันอลังการให้เป็นที่ประจักษ์ ที่น่าสนใจคือนครวัด รวมทั้งปราสาทหินทุกแห่งในกัมพูชาและไทย แม้จะสร้างด้วยหินทราย แต่ก็เป็นเพียง “เทวาลัย” หรือที่ประทับของเทพเจ้า มิใช่พระราชวังที่กษัตริย์ประทับบรรทมจริง ดังนั้น หากมีการจำแนกแยกแยะทางโบราณคดีแล้ว “ฟาห์เตปูร์ ศิขรี” อาจเป็นปราสาทหินทรายอันเป็นที่ประทับจริง ที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ได้
ในขณะที่ทัช มาฮาล มีสถานะเป็นพระราชสุสานที่สร้างด้วยศรัทธาในรักแท้ ระหว่างชาห์ ญะฮาน กับมุมตัส มาฮาล ไม่ผิดนักที่จะกล่าวว่า “ฟาห์เตปูร์ ศิขรี” คือพระราชวังแห่งรักและหวังของอักบาร์มหาราชเช่นกัน แต่ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า “โมกุล” เป็นราชวงศ์มุสลิมที่เข้ามาปกครองดินแดนที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นฮินดู ในระยะแรกจึงมีการกดขี่ กีดกัน จำกัด ไม่ให้ชาวฮินดูมีบทบาททั้งทางศาสนา สังคม การปกครอง จนถึงรัชสมัยอักบาร์มหาราช ทรงเปิดรับวิทยาการจากทุกศาสนา ทรงมีที่ปรึกษาเป็นนักปราชญ์ชาวพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู เชน ทรงแต่งตั้งมหาราชาชาวฮินดูเป็นขุนนางที่มีบทบาทในราชสำนัก และแน่นอนว่าภายใต้นโยบายสมานฉันท์ ทรงมีมเหสีจากหลายศาสนา โดยทรงเปิดกว้างให้ทุกมเหสีประกอบพิธีทางศาสนาได้เสรีตามแต่ศรัทธา จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ 49 ปีในรัชสมัยของพระองค์ เป็นห้วงยามที่ราชวงศ์โมกุลแข็งแกร่งสุด ราชอาณาเขตกว้างไกลสุด จนทรงได้รับการยกย่องว่าเป็น “ที่สุด” แห่งจักรพรรดิโมกุลทั้งปวง
“ฟาห์เตปูร์ ศิขรี” นามนี้เป็นคำผสมระหว่างภาษาเปอร์เซีย คือ “ฟาห์เต” แปลว่าชัยชนะ กับภาษาสันสกฤต คือ “ปูร์” หรือ “ปุระ” ที่แปลว่าเมือง กับ “ศิขรี” แปลว่าภูเขา รวมความว่า “เมืองแห่งชัยชนะที่ตั้งบนภูเขา” ที่มาแห่งนามนี้คือชัยชนะในการรบที่อักบาร์มหาราชมีต่อมหาราชาแห่งแคว้นคุ ชราต จึงทรงสร้างประตูทางเข้าดุจดังประตูชัยอย่างใหญ่โตมโหระทึก แต่ชัยชนะที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน คือการที่ทรงประสบความสำเร็จในการมีรัชทายาทสืบราชบัลลังก์ เพราะเมื่ออักบาร์ 27 ชันษาแล้วยังไม่มีพระโอรส-ธิดา จึงมีคนแนะนำว่าที่ตำบลเล็กๆ ใกล้เนินเขาแห่งหนึ่ง มีนักบวชเปอร์เชียนาม “ชีค ซาลิม ซิสตี” มีชื่อเสียงในทางช่วยให้คนมีลูกยากได้สมปรารถนา อักบาร์จึงดั้นด้นไปหา ท่านชีคแนะนำให้ส่งพระมเหสี เจาะจงว่าต้องเป็นมเหสีชาวฮินดูเท่านั้น มาถือศีลอยู่กับท่านที่วัด (บางตำราว่าอักบาร์ส่งมเหสีฮินดู ด้วยเป็นมเหสีที่โปรดสุด) จนเวลาผ่านไป 1 เดือน มเหสีก็ทรงพระครรภ์ แล้วต่อมามีประสูติกาลเป็นโอรสน้อย เฉลิมนามตามชื่อนักบวชว่า “เจ้าชายซาลิม” ภายหลังขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ “ยะฮาน กีร์” (หรือ ชาหังคีร์ แปลว่าผู้ยึดครองโลก) และเป็นพระราชบิดาของ “ชาห์ ญะฮาน” ผู้สร้างทัช มาฮาล
ชัยชนะเหนือแคว้นคุชราต และการได้องค์รัชทายาท ทำให้อักบาร์มหาราชจัดสินใจสร้าง “ฟาห์เตปูร์ ศิขรี” แล้วย้ายราชธานีจากอัครามาอยู่ที่นี่ ซึ่งมีสถานะเปรียบดั่งศูนย์กลางโลกและจักรวาลแห่งใหม่ของพระองค์ แต่เป็นระยะเวลาเพียง 13 ปี ก็ต้องทิ้งเมืองนี้อันเนื่องจากปัญหาขาดแคลนน้ำ แล้วไปสร้างราชธานีใหม่ที่ละฮอร์ เนิ่นนานเกือบกึ่งสหัสวรรษ ที่ “ฟาห์เตปูร์ ศิขรี” ถูกทิ้งร้าง ทว่ายังคงความเป็นปราสาทหินทรายแดงอันงามสง่า ด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานศิลปะฮินดูกับมุสลิมเปอร์เชียอย่างเนียนสนิท ร่องรอยจำหลักหินแบบนูนต่ำเป็นลวดลายพรรณพฤกษาและเรขาคณิต ยังโดดเด่นท้าทายไรแดดยามบ่ายที่ทอดทาบอยู่วันแล้ววันเล่า
พระตำหนักของมเหสีชาวคริสต์ ยังตระหง่านอยู่ไม่ไกลจากตำหนักมเหสีมุสลิม แต่ถึงอย่างไรก็ไม่โอ่อ่าอลังการเท่าพระตำหนักมเหสีฮินดูสุดโปรด นั่น พลับพลาที่ประทับริมสระน้ำ ที่เคยมีเหล่าสาวสวรรค์กำนัลในรำร่ายให้ทรงพระเกษมสำราญ แต่ที่ยกให้เป็นที่สุดของการออกแบบสถาปัตยกรรมมารับใช้พระราชอำนาจอย่างแยบ ยล ไม่มีที่ไหนเกินพระตำหนักทรงงาน อันเป็นที่ประชุมร่วมกับเหล่ามุขมนตรี โดยสร้างเป็นบัลลังก์ทรงกลมยกสูงไว้ตรงกลาง แล้วทำทางเชื่อมกับที่นั่งมุขมนตรีทั้งสี่ทิศ ดุจอักบาร์มหาราชทรงเป็นศูนย์กลางแห่งสุริยจักรวาล ที่สำคัญคือ มิใช่ไม้ มิใช่ปูน แต่เป็นหินทรายแดงล้วนๆ ได้เห็นแล้วชวนให้ใหลหลงจนแทบลืมเลือน “ทัช มาฮาล” ไปเลย
ลวดลายประดับเสางามตาใน “ฟาห์เตปูร์ ศิขรี” |
ท้องพระโรงใหญ่ภายใน “ฟาห์เตปูร์ ศิขรี” อีกราชธานีหนึ่งของอักบาร์มหาราช |
“ฟาห์เตปูร์ ศิขรี” งามสง่าด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานศิลปะฮินดูกับมุสลิมเปอร์เชีย |
ภาพแกะสลักนูนต่ำลายพรรณพฤกษาและเรขาคณิต |
บรรลังก์จตุรทิศที่ไม่เหมือนใคร ภายในพระตำหนักทรงงาน |
โดย : ธีรภาพ โลหิตกุล
ท่องไปกับใจตน @คมชัดลึก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น