"จากการศึกษาตามศาสตร์การชั่งน้ำหนักดวงแบบจีน โดยใช้ 12 นักษัตร ต้องบอกว่า ปี 2554 หรือปีเถาะ เป็นปีเถาะธาตุดิน เรียกว่า ก้านดินกิ่งฟ้า จะข่มกันในตัว เพราะร้ำกำเนิดไม้ ไม้กำเนิดไฟ ไฟกำเนิดดิน ดินกำเนิดทอง แต่เมื่อดินกับไม้ข่มกัน ไม้จะชำแรกลงในดิน ก็จะส่งผลเรื่องความขัดแย้งต่างๆ..."
แต่ในช่วงสามเดือนแรกของปี เศรษฐกิจ การงาน การเมืองไทยจะค่อนข้างแกว่ง แล้วจะมาดีขึ้นในช่วงมิถุนายน-กรกฎาคม การเมืองไทยจะมีเสถียรภาพมากขึ้น แล้วมีการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มอำนาจใหม่ๆ เข้ามา เป็นความหวังครั้งใหม่สำหรับคนไทย ผู้นำในปีหน้าจะเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีความสามารถ มีอำนาจที่เต็มเม็ดเต็มหน่วย สามารถดูแลจัดการได้ดี มีเอกภาพ
แต่เมื่อย่างเข้าสู่เดือนกันยายนจะต้องระวัง เรื่องความขัดแย้งทางการเมือง เพราะเป็นเดือนปะทะชนของปี ต้องระวังเรื่องการเดินขบวน ประท้วง อาจมีการป่วนเมืองขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่จะเป็นปัญหาใหญ่ก็คือเรื่องในแวดวงการศึกษา ครู อาจารย์ ซึ่งจะมีพฤติกรรม หรือเรื่องราวที่ส่งผลกระทบต่อสถาบันการศึกษาค่อนข้างมาก รวมทั้งเรื่องของสินค้าด้านการเกษตร เครื่องอุปโภคบริโภค
ส่วนเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป การเมืองจะมีความเคลื่อนไหวใหม่ หน่วยงานที่ต้องจับตามองซึ่งจะนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศก็คือ หน่วยงานที่ทำงานด้านการต่างประเทศหรือการท่องเที่ยวและการกีฬา ปีหน้าจะเป็นปีที่ประเทศไทยอยู่เชิงรุกของเรื่องเหล่านี้ ซึ่งถ้าได้ผู้บริหารที่ดีและทำสำเร็จ ก็จะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะว่าธาตุดินก็หมายถึง เงิน เพชร เงินก็อยู่ในดิน แล้วจะส่งผลเชิงรุกในภาพรวมของประเทศ เราจะได้ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นจากนานาประเทศ วงการกีฬาเราก็จะแข็งแกร่งขึ้น เป็นระบบและชัดเจนมากขึ้น
อีกด้านที่หากทำได้ดีแล้วจะรุ่งโรจน์มากก็คือ คอมพิวเตอร์หรือระบบสื่อสารทันสมัย ในเมื่อไม้กับดินข่มกันจึงจำเป็นต้องมีไฟเข้ามาช่วย ไฟในที่นี้หมายถึงธุรกิจด้านพลังงาน คอมพิวเตอร์ ธุรกิจงานด้านต่างประเทศ ธุรกิจด้านเสื้อผ้า สี่อย่างนี้ถ้าบริหารจัดการดี เชื่อว่าจะมีความโดดเด่นและส่งผลให้ความขัดแย้งต่างๆลดลงมาก...
ปีหน้าจะเป็นปีที่คนไทยมีความสุขขึ้นจากความมั่นคงของรัฐบาล จากรายได้มวลรวมของประเทศจากธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ แต่ก็จะมีความรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้างในปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดจากคนในประเทศมากขึ้น ซึ่งมองดูแล้วก็จะมีทั้งผลดีและผลร้าย ผลร้ายก็คือ จะรู้สึกหวาดระแวงและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขน้อยลง ส่วนผลดีคือ คนไทยจะเกิดจิตสำนึกและเกิดการตระหนักถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งกับลูกหลาน ตนเอง คนในครอบครัว จะมีการรณรงค์ต่อต้านตามมา...
เรื่องภัยธรรมชาตินั้น อุทกภัยที่เราเจอมาในปีก่อนจะไม่มีมากมาย เพราะดินดูดน้ำ ดินก็จะเหลว แต่จะมีเรื่องของดินถล่ม แผ่นดินไหว หรืออาจจะเกี่ยวกับพายุทราย รวมไปถึงการตัดไม้ทำลายป่ามากขึ้น ส่วนภัยแล้งก็ชัดเจนว่าค่อนข้างมากกว่าปกติ
ส่วนประเทศเพื่อนบ้าน ทิศที่ดีในปีหน้า คือทิศเหนือกับทิศใต้ เราจะได้รับความช่วยเหลือจากรัสเซีย จีนเพิ่มมากขึ้น ความขัดแย้งจากทางทิศเหนือจะหมดไป ทำให้เราได้ความเชื่อมั่นและศักยภาพของไทยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดี ถ้าเราเดินหมากถูก ปีหน้าจะเป็นปีแห่งการรุกและเริ่มต้นทั้งธุรกิจและความมั่นคง
ส่วนทิศใต้ เป็นทิศที่โชคลาภ ปัญหาชายแดนภาคใต้จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ทางผู้ไม่ประสงค์ดีอ่อนแรงลง มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำใหม่ จะทำให้การเข้าไปเจรจา เข้าไปคุยกันแบบจิตวิทยามวลชนดีขึ้น
แต่ทางทิศตะวันออกกับทิศตะวันตกก็ยังต้องเหนื่อยใจกันอยู่ เพราะทั้งสองทิศนี้เป็นทิศปะทะชนอย่างรุนแรง ก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาของผู้นำการปกครองของแต่ละประเทศ
ด้านทิศตะวันออกจะมีกรณีพิพาท ส่งผลกระทบด้านความสัมพันธ์มาก จะทำให้เราเสียเปรียบ เพราะฉะนั้นยิ่งตกลงกันได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดี แล้วก็อยากให้คนไทยทุกคนหันมารักและหวงแหน ปกปักรักษาดินแดนที่บูรพมหากษัตริย์ทุกพระองค์ทรงยอมสละพลีชีพไว้
ด้านทิศตะวันตกก็เป็นทิศปะทะชนของปี มีความเป็นไปได้ว่า เหตุการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านจะมีความขัดแย้งเกิดขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อเรามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เป็นไปได้ว่าอาจเกิดสงครามชนกลุ่มน้อยอาจจะแยกกันตี ส่งผลให้เกิดความสั่นคลอน ซึ่งตรงนี้ก็จะลุกลามไปถึงปัญหาชายแดน และจะมีเรื่องของยาเสพติดและอาชญากรรมตามเข้ามาด้วยในที่สุด...
บุคคลสำคัญในบ้านเมือง เนื่องจากปีหน้าเป็นปีที่ไม้กับดินชำแรกกัน เพราะฉะนั้นจึงเป็นปีที่มีการเจ็บป่วยและสูญเสียบุคคลสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม และสิงหาคมถึงกันยายน เน้นไปในทางทางบุคคลสำคัญฝ่ายการเมือง แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามกรรม
คนที่เกิดในช่วงของปีปะทะชนหรือปีชง คือ ปีชวด ปีระกา ปีมะเมีย และปีเถาะเองด้วย ก็ต้องระวังรักษาดูแลรักษาสุขภาพให้ดีเป็นพิเศษ เรียกว่าเป็นปีที่เหนื่อยเอาเรื่อง ซึ่งตามหลักของคนจีน วิธีแก้ คือ ตั้งแต่วันที่ 3-10 กุมพาพันธ์ จะเป็นช่วงแรกของวัดสานฤดู
วิธีการง่ายๆ ก็คือ ให้ไปฝากดวงชะตากับไท้ส่วยเอี้ยที่วัดเล่งเน่ยยี่ เอาเทียบแดงมาเขียนชื่อสกุลของเรา วันเดือนปีเกิด แล้วปักธูป 13 ดอก แล้วเอ่ยชื่อสกุลของเรา วันเดือนปีเกิด ขอพรคุ้มครองเรา เสร็จแล้วก็ปัดตัว 13 ครั้ง แล้วก็เอาเทียบแดงไปฝากไว้ตรงถาดรอง หรือเป็นพระธาตุที่ดูแลปีเถาะทุกคนไม่ว่าจะเกิดปีไหนก็ควรไปกราบไหว้สักการะ เหมือนกัน...
สรุปแล้ว ปีเถาะ 2554 เป็นปีที่ดีกว่าปีเสือ 2553 เป็นปีที่กระต่ายหมายจันทร์ หมายถึงว่า คนทั้งหมดกำลังเริ่มมีความหวังกับพระจันทร์ที่สุกใส แต่ขณะเดียวกันก็ยังเป็นปีที่กระต่ายตื่นตูมด้วย เพราะจะเป็นปีที่เหนื่อยและต้องต่อสู้กับปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับข่าวสารข้อมูลต่างๆ ข่าวลือเรียกว่าเป็นปีที่จะลุกลี้ลุกลน แต่ก็อย่าตื่นตูนจนลืมตื่นตัว ต้องสนใจสิ่งแวดล้อม สนใจตนเอง เพราะภัยต่างๆที่เคยคิดว่ามันไม่น่าจะมาถึงตัว มันใกล้ตัวเข้ามาทุกขณะและทุกวัน
อยากให้คนไทยทุกคนตื่นตัวกันให้เยอะ เพราะปีหน้าจะเป็นปีที่ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คาดคิด และส่งผลกระทบมากกว่าจะนึกถึง รวมทั้งเป็นปีที่การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนั้น จะเห็นได้อย่างรวดเร็ว ชัดเจน ไม่เยิ่นเย้อหรือล่าช้า
ที่มา : มติชนออนไลน์ via สกุลไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น