หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2548

เธอชื่อ"อลิเซีย แนช" เมียอัจฉริยะ (ก็) ต้องอดทน ?

โดย : ปราย พันแสง

หากพูดกันถึงความร้ายกาจของผู้หญิงชื่อ "อลิเซีย" ภรรยาของ จอห์น ฟอร์บส์ แนช จูเนียร์ เราจะพบว่า ในภาพยนตร์เรื่อง The Beautiful Mind ก็มิได้พยายามปิดบังอำพรางความร้ายกาจของเธอแต่อย่างใด

จากหนังสือ The Beautiful Mind ของ ซิลเวียร์ นาซาร์ อันเป็นต้นแบบของภาพยนตร์ ได้กล่าวถึงอลิเซียเมื่อครั้งเป็นนักศึกษาในชั้นเรียนที่สถาบัน M.I.T ยามนั้นไว้ว่า เธอเป็นสาวแรกรุ่นงามโดดเด่น เป็นดวงดาวของสถาบัน อลิเซียแต่งตัวดีแบบผู้หญิงเต็มตัว เธอชอบไปเรียนด้วยชุดกระโปรงบาน และสวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ด อลิเซียมีสติปัญญาไหวพริบปราดเปรื่อง เข้าสังคมเก่ง มีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งของอลิเซีย ที่สถาบัน M.I.T พูดถึงเธอตอนนั้นว่า "มีท่าทางท่าทีงามสง่าแบบผู้ดีชั้นสูง เหมือนเป็นเจ้าหญิงแห่งเอลซัลวาดอร์" นั่นมิได้เป็นคำยกยอปอปั้นกันเกินจริงแต่อย่างใด ด้วยว่าอลิเซียสืบเชื้อสายมาจากผู้ดีชั้นสูงของเอลซัลวาดอร์ ครอบครัวของเธออาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่สวยงาม ใกล้ศูนย์กลางของซานซัลวาดอร์ เมืองหลวงของเอลซัลวาดอร์ สมาชิกของตระกูลนี้มีความรู้มีการศึกษาดีเยี่ยม ครอบครัวของอลิเซียพูดกันด้วยภาษาฝรั่งเศสและภาษาอังกฤษดีพอๆ กับภาษาสเปน

ในปี 1944 บิดาของอลิเซียซึ่งเป็นนายแพทย์ ได้อพยพย้ายเข้ามาอยู่ในสหรัฐ โดยแรกเลยนั้น เข้ามาตั้งถิ่นฐานใหม่ที่เมืองบิล็อกซี่ มิสซิสซิปปี้ ก่อนจะย้ายเข้ามาอยู่ในนิวยอร์ก ด้วยการรับรองอย่างถูกต้องเป็นทางการของเอกอัครราชทูตของเอลซัลวาดอร์ ที่นิวยอร์ก อลิเซียถูกส่งตัวเข้าเรียนในโรงเรียนสตรีคาทอลิก ซึ่งรับเข้าเรียนเฉพาะลูกหลานของพวกผู้ดีมีตระกูลในสมัยนั้น ด้วยเหตุว่า บิดาของอลิเซียมองเห็นสติปัญญาเฉลียวฉลาดของบุตรสาวอย่างชัดเจน จึงพยายามผลักดันให้เธอได้รับการศึกษาดีที่สุด จากสถาบันดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ ความฝันสูงสุดของบิดาก็คือ อยากให้อลิเซีย เป็นมาดามแมรี่ คูรี่ คนต่อไป โดยครั้งหนึ่ง บิดาของเธอเขียนจดหมายถึงอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนว่า ทางโรงเรียนจะช่วยสนับสนุนความใฝ่ฝันของอลิเซียที่จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ นิวเคลียร์ได้หรือไม่

นอกจากมีรูปโฉมงามสะดุดตาแล้ว อลิเซียยังเรียนเก่งมาก ในปี 1955 เธอเป็นผู้หญิงหนึ่งใน 16 คนเท่านั้น ที่สามารถเข้าเรียนต่อในสถาบัน M.I.T อันเกริกเกียรตินั้นได้ ความสวยงามเพียบพร้อม สติปัญญาและบุคลิเฉพาะตัวพิเศษ ทำให้อลิเซียกลายเป็นดาวดวงเด่นของสถาบันไปโดยปริยาย

บุคลิกเฉพาะตัวพิเศษของเธอ เราสามารถสัมผัสได้จากซีเควนซ์หนึ่งของหนัง The Beautiful Mind ซึ่งจำลองสถานการณ์จริงของ จอห์น แนช กับอลิเซีย ตอนพบกันครั้งแรกในชั้นเรียนคณิตศาสตร์ (Advanced Calculus for Engineers class) ในสถาบัน M.I.T ในหนัง เราจะเห็นว่าวันนั้นเป็นวันที่ร้อนอบอ้าว จอห์น แนช เข้าไปสอนด้วยอารมณ์บูดบึ้ง ข้างๆ ตึกเรียนมีพวกคนงานกำลังเดินเครื่องจักรขุดเจาะอะไรบางอย่าง ส่งเสียงรบกวนเป็นอย่างมาก แนชออกคำสั่งให้นักศึกษาปิดหน้าต่างให้สนิท เพื่อลดเสียงรบกวนเหล่านั้น นักศึกษาบางคนอุธรณ์ว่า ขอให้เปิดหน้าต่างทิ้งไว้สักบานเถิด เพราะในห้องร้อนมาก แต่แนชไม่สนใจคำอุทธรณ์นั้น และพูดอย่างมะนาวไม่มีน้ำตามนิสัย ทำนองว่าถ้าอยากเรียนกับเขาก็ต้องทนร้อนเอาเอง ช่วยไม่ได้ อลิเซียเป็นหนึ่งในนักศึกษาเหล่านั้น เธอเป็นคนเดียวที่ลุกออกไปเปิดหน้าต่าง แล้วตะโกนลงไปขอร้องพวกคนงานข้างล่างด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า ขอให้หยุดทำงานกันสักครู่ได้ไหม ปรากฏว่าคนงานเหล่านั้นยอมหยุดทำงานตามคำขออย่างไม่เกี่ยงงอน ในวินาทีแห่งความประทับใจนั้น อลิเซียกลายเป็น "วีรสตรี" ของเพื่อนร่วมชั้น แถมยังดึงดูดความสนใจของท่านศาสตราจารย์หนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวอย่างแนชได้ด้วย หลังจากนั้น เมื่อเธอเอ่ยปากขอ "เดต" ก่อน แนชจึงเอออวยไปกับเธอได้ไม่ยากนัก

อลิเซียให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ในภายหลังว่า เธอยังจำได้ดีถึงวันที่พบแนชเป็นครั้งแรกในชั้นเรียนนั้น "ตอนนั้นฉันเดินเข้าไปในห้องเรียน แล้วก็คิดว่าเขารูปหล่อมาก เขาเป็นหนุ่มน้อยขวัญใจของภาควิชาคณิตศาสตร์" ส่วน จอห์น แนช ก็พูดถึงอลิเซียในเหตุการณ์แรกพบนี้ว่า "เธอเป็นเป็นหนึ่งในผู้หญิงน้อยคนที่ทำให้ผมสะดุดใจ" หนังสามารถนำเสนอฉากนี้ออกมาได้อย่างหมดจดทีเดียว เพราะไม่เพียงเป็นการ "เปิดตัว" อลิเซียในฐานะ "ตัวละครสำคัญ" ต่อผู้ชมได้อย่างสวยงามมากเท่านั้น แต่เรื่องราวทั้งหลาย ยังอยู่บนพื้นฐานจริงด้วย

สำคัญที่สุดคือ ในฉากนี้ฉากเดียว หนังยังสามารถแสดงผู้ชมได้เห็นถึงบุคลิกนิสัยใจคอลึกๆ และวิธีการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงของคนทั้งสองได้เป็นอย่างดี จากจุดต่างนี้เอง ที่มีผลอย่างมากกับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ในลำดับต่อมาอีกหลายสิบปี เพราะความที่แนชเป็นผู้สนใจ "จำนวนเต็ม" มากกว่า "จำนวนคน" (ตามสำนวนของหนัง) ทำให้เขากลายเป็นคนแปลกแยกจากสังคม ขณะที่อลิเซียเป็นคนชอบสังสรรค์ ชอบพบปะผู้คนมากกว่า

จากภาพถ่ายเก่าๆ เราจะเห็นว่า แนชในวัยหนุ่มแน่นนั้น เป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาดีมาก ตอนเรียนหนังสือ ก็จะมีสาวๆ ให้ความสนใจเขามากหน้าหลายตาอยู่เหมือนกัน ในหนัง เราจะเห็นว่า เวลาแนชไปเที่ยวเตร่กับกลุ่มเพื่อนๆ นักศึกษาคณิตศาสตร์ด้วยกัน แนชมักจะตกเป็นเป้าสนใจของสาวๆ ก่อนเพื่อนคนอื่นเสมอ เสียแต่ว่า เมื่อแนชเอ่ยปากพูดขึ้นมาเท่านั้น สาวๆ ทั้งหลายก็วงแตกไปหมดทุกราย เพราะไม่มีสาวใดทนนิสัยจริงๆ เขาได้แม้แต่คนเดียว

จากจุดนี้ คงพอทำให้เข้าใจได้ว่า การคบหากับแนช อลิเซียต้องใช้ความเข้าใจกับแนชอย่างมาก การที่เธอสามารถยอมรับนิสัยใจคอที่ค่อนข้างร้ายกาจ (ที่ผู้หญิงคนอื่นทนไม่ได้) ของแนชได้ นั่นแสดงว่า เธอต้องเป็นผู้หญิงที่ใจกว้างมาก และต้องอดทนมากทีเดียว

เมื่อทั้งสองมาคบหากัน และตัดสินใจแต่งงานกันในปี 1957 อลิเซียจึงมีส่วนช่วยเหลือเกื้อกูลแนชอย่างมาก อลิเซียไม่เพียงทำหน้าที่แม่บ้าน คอยดูแลความเป็นอยู่ของแนชเท่านั้น แต่เธอยังต้องทำหน้าที่เหมือน "ทูต" คอยเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างมนุษย์ต่างดาว (อย่างแนช) กับชาวโลกอีกด้วย

หลังจาก จอห์น แนช มีอาการป่วยทางจิตด้วยโรค Schizophrenia อลิเซียซึ่งกำลังตั้งครรภ์ ก็พยายามหลบหน้าจากกลุ่มเพื่อนฝูงและมหาวิทยาลัย "อลิเซียพยายามที่จะปกป้องอาชีพและอัจฉริยภาพของแนชเอาไว้" เพื่อนคนหนึ่งของครอบครัวแนช เล่าย้อนถึงความหลังในช่วงนั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่กำลังตั้งท้อง และต้องดูแลสามีซึ่งกำลังป่วยไปพร้อมกันอย่างนี้ "ฉันพยายามมองโลกในแง่ดีให้มากที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้" อลิเซียให้สัมภาษณ์ถึงสิ่งที่เธอต้องรับมือกับชีวิตในช่วงนั้น "และฉันต้องพยายามอย่างมาก ที่จะไม่รู้สึกสงสารตัวเอง"

ในสามปีหลังจากนั้น อลิเซียได้หย่าขาดจากแนช ด้วยความช่วยเหลือของมารดาเธอเอง อลิเซียต้องหางานทำและเลี้ยงลูกตามลำพัง กระทั่งในปี 1970 ครบหนึ่งทศวรรษของการหย่าร้าง อลิเซียได้รับตัวแนชเข้ามาอยู่ในบ้านของเธออีกครั้ง ด้วยเหตุผลที่เธอบอกว่า เธอมิได้รับเขาเข้ามาอยู่ในฐานะสามี แต่รับเข้ามาในฐานะผู้พักอาศัยร่วมชายคาเดียวกัน "ถ้าอลิเซียไม่รับตัวเขามาอยู่ด้วย แนชก็คงต้องร่อนเร่อยู่ตามถนน" ซิลเวียร์ นาซาร์ เชื่ออย่างนั้น "ตอนนั้นแนชไม่มีเงิน ไม่มีรายได้อะไร เขาไม่มีบ้าน ฉันคิดว่าอลิเซียช่วยชีวิตเขาไว้"

ในช่วงปี 1980 เป็นต้นมา อาการป่วยทางจิตของแนชค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อย จนกระทั่งเขาได้รับรางวัลโนเบลในปี 1994 และในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2001 ที่ผ่านมา อลิเซีย กับ จอห์น แนช ได้เข้าพิธีแต่งงานกันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากหย่าร้างกันมานาน 38 ปี อลิเซียกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "เราสองต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การแต่งงานกันใหม่อีกครั้งน่าจะเป็นความคิดที่ดี เพราะหลังจากความยุ่งเหยิงทั้งหลายผ่านพ้นไปหมดแล้ว เราก็ได้กลับมาใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมดของเราร่วมกันอีกครั้ง"

ซิลเวียร์ นาซาร์ให้สัมภาษณ์ยกย่องอลิเซียไว้ว่า "ช่วงที่หย่าขาดกันไปแล้ว แนชมีอาการเพี้ยนหนัก อลิเซียไม่มีงานทำ เธอต้องใช้เงินสวัสดิการสังคมเลี้ยงชีพ ทั้งยังต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง แต่เธอก็ยังดูเป็นคนสวย ดูอ่อนกว่าวัย แล้วก็มีความหวังอยู่เสมอว่าจะกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติ การที่เธอเธอตัดสินใจหย่าขาดจากแนช แต่ก็ไม่กล้าทอดทิ้งเขาไปจริงๆ หรอก เพราะหลังหย่า เธอยังคอยดูแลช่วยเหลือเขาอยู่ตลอด" "ฉันคิดว่าความเมตตาอารีของอลิเซียนี่เอง ที่ทำให้แนชมีชีวิตยืนยาวและกลับมาเป็นปกติได้อีกครั้งในวันนี้" และอีกตอนหนึ่งในหนังสือ The Beautiful Mind นาซาร์เขียนความเห็นของเธอเอาไว้ชัดเจนว่า "มันคือความอัจฉริยะของ จอห์น แนช อีกอย่างหนึ่งที่เลือกแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้"

ที่มา : คอลัมน์ปราย พันแสง นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับที่ ๑๑๓๒ ปีที่ ๒๒ ประจำวันที่ ๒๖ เมษายน - ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

ไม่มีความคิดเห็น: