หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2548

นั่งรถไฟสู่ฟากฟ้าที่"สวิตเซอร์แลนด์"แดนฝัน(จบ)

โดย : นันทสินี หมวดมณี
คอลัมน์ท่องเที่ยว @ผู้จัดการ


หุบเขาเฟียสกับทะเลสาบบัคอับบ์ที่ใสแจ๋วราวกระจก
"ฝัน"ของฉันเป็นจริงขึ้นมาเมื่อได้มาเที่ยวยังสวิตเซอร์แลนด์ เพราะนี่คือดินแดนที่ฉันใฝ่ฝันมานานแล้วว่าสักวันจะต้องมาเยือนให้ได้

สำหรับการมาเยือนสวิสในครั้งนี้ก็ถือว่าไม่ธรรมดาเอาเสียเลย เพราะฉันได้มีโอกาสนั่งรถไฟสายยุงค์ฟราว (Jungfrau railway) ลัดเลาะไปตามขุนเขาที่มีทิวทัศน์งดงาม ไต่ไล่ไประดับเรื่อยๆฟากฟ้าจนถึงยัง 'ยุงค์ฟราวยอร์ค' (Jungfraujoch) สถานีรถไฟที่สูงที่สุดของยุโรป(3,454 เมตร) บนยอดเขา 'ยุงค์ฟราว' (Jungfrau) ที่ถูกเรียกขานว่า "หลังคายุโรป" ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่มรดกโลก "Jungfrau-Aletsch" ที่ องค์การUNESCOประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของเทือกเขาแอลป์ ในวันที่ วันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 2001


บนสถานียุงค์ฟราวยอร์ค ที่ฉันนั่งรถไฟไต่ระดับขึ้นมาจากเมืองอินเทอร์ลาเก้นนั้น(เนื้อเรื่องในตอน ที่แล้ว) มีจุดที่น่าสนใจหลายจุด ไม่ว่าจะเป็น จุดชมวิวพาโนรามาทีสามารถมองเห็นวิวไปถึงแบล็ค ฟอเรสต์ (Black Forest) ในเยอรมนี และ Vogese ในฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังเป็นสถานีวิจัยงานประติมากรรมแกะสลักน้ำแข็งในถ้ำน้ำแข็ง Ice Palace ที่อยู่ใต้ธารน้ำแข็ง 30 เมตร จุดชมวิวเหนือธารน้ำแข็งที่สามารถมองเห็นธารน้ำแข็งยาวกว่า 22 กิโลเมตร ลานกิจกรรมกลางแจ้ง Ice Plateau ที่เมื่อลงไปเดินก็จะได้สัมผัสกับความขาวโพลนของหิมะ

ส่วนใครที่ชอบความตื่นเต้นเล็กๆก็น่าที่จะลองนั่งลากเลื่อนโดยสุนัข ฮัสกี้ หรือเล่นพวกจานหิมะ สกี สโนบอร์ด รวมถึงไปลุ้นระทึกกับความเสียวสุดๆกับ Tyrolienne ที่เป็นการห้อยตัวไปกับสายเคเบิลผ่านธารน้ำแข็งกว่า 200 เมตร

Jungfrau railway ขบวนรถไฟสู่ฟากฟ้า



ฉันเพลิดเพลินอยู่บริเวณยุงค์ฟราวยอร์คอยู่พอสมควร จนเมื่อท้องเริ่มส่งเสียงประท้วงจึงได้สอดสายสายตามองหาร้านอาหารเพื่อที่จะ ฝากชีวิตและกระเพาะ และก็มาถูกใจกับร้านอาหารในห้องกรุกระจกใสที่สามารถมองเห็นวิวอันเวิ้งว้าง ของหุบเขากับปุยหิมะอันขาวโพลน นับเป็นบรรยากาศที่ชวนให้อิ่มกายสบายใจยิ่งนัก และด้วยบรรยากาศอันชวนฝันเช่นนี้มันทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะหยิบโปสการ์ดที่ เตรียมมาบรรจงเขียนถึงคนรู้ใจที่อยู่ห่างไกล พร้อมกับหวังว่าผู้รับจะสามารถรู้สึกได้ถึงความคิดถึงที่ส่งมาพร้อมกับ แสตมป์ที่ประทับตรา Top of Europe ที่สุดแสนจะเก่ไก๋

ครั้นอิ่มหนำสำราญฉันออกไปดื่มด่ำกับบรรยากาศนอกสถานีอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะอำลาสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป เดินทางกลับลงมาสู่สถานีรถไฟไคล์เน่ ไชเดค (Kleine Scheidegg) ที่ตั้งอยู่เชิงผา Eiger North Wall

สถานีรถไฟไคล์เน่ ไชเดค ถือเป็นสถานีสำคัญ เพราะที่นี่เป็นจุดเปลี่ยนจากรถไฟปกติเป็นรถไฟล้อเฟือง นอกจากนี้รอบๆสถานีก็ยังมีร้านอาหาร เกสต์เฮาส์ ท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงามที่หากใครไปถูกช่วงถูกจังหวะก็จะได้ชมการฝึก เหยี่ยวในบริเวณนั้นอีกด้วย

ขากลับจากสถานีไคล์เน่ ไชเดค ฉันเลือกกลับในเส้นทางใหม่ โดยเลือกนั่งรถไฟสู่อีกเส้นทางเพื่อชมทิวทัศน์อันน่าสนใจรอบข้าง ก่อนที่รถไฟขบวนนั้นจะวกกลับไปยังเมืองกรินเดิ้ลวาล (Grindelwald)ดังเช่นขามา

นักท่องเที่ยวออกมาสัมผัสหิมะขาวโพลน
และอากาศอันพิสุทธิ์บนยอดเขายุงค์ฟราว(บริเวณยุงค์ฟราวยอร์ค)


ที่เมืองกรินเดิ้ลวาล หากใครที่มีเวลาเหลือ และเป็นคนที่ชอบความท้าทาย ไม่กลัวความสูง น่าจะลองใช้บริการนั่งกระเช้าขึ้นสู่ยอดเขาเฟียส (First) เพื่อชมทิวทัศน์อันงดงาม ก่อนที่จะไปถึงยังยอดเขาเฟียสที่ข้างบนน่ายลไปด้วย ทิวทัศน์ของขุนเขาและหน้าผาสูงชันอันงดงาม ท่ามกลางสายลมบริสุทธิ์และกลิ่นหอมของทุ่งหญ้าสีเขียวสด

นอกจากนี้จากจุดสูงสุดที่ยอดเขาเฟียสยังมีเส้นทางเดินเท้ายอดนิยม ซึ่งเป็นทางเดินเท้าแบบสบายๆประมาณหนึ่งชั่วโมงไปยังจุดชมวิวที่นอกจะได้ เห็นทิวทัศน์อันเวิ้งว้างงดงามของหุบเขาเฟียสแล้ว ที่นี่ยังมี "ทะเลสาบบัคอับบ์" (Bachalpsee) อันสวยงามที่มีน้ำใสแจ๋วราวกระจกรอให้คนถ่ายรูปสวยๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึก และเอาไว้อวดคนไม่เคยมาให้แปลกใจว่าบนภูเขาสูงชันขนาดนี้ยังมีโอเอซิสคือ ทะเลสาบบัคอับบ์อยู่อีกด้วย

จากเมืองกรินเดิ้ลวาลฉันกลับมายังเมืองอินเทอร์ลาเก้น (Interlaken) อีกครั้ง ซึ่งเมืองนี้ถือเป็นทางผ่านสำคัญของการเดินทางทุกเส้นทางสู่เทือกเขายุงค์ฟราว

นั่งกระเช้าชมทิวทัศน์ขึ้นสู่ยอดเขาเฟียส
หนึ่งในกิจกรรมที่น่าสนใจที่เมืองกรินเดิ้ลวาล

เมืองอินเทอร์ลาเก้นเป็นเมืองเล็กและสงบ ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบThun และทะเลสาบ Brienz ซึ่งหากใครไปเดินที่สวนสาธารณะกลางใจเมืองก็มองเห็นทิวทัศน์ของภูเขาไอ เกอร์(Eiger) , เมิ้นส(Mönch) และ ยุงค์ฟราว (Jungfrau) ได้อย่างถนัดตา

หรือใครจะชวนกันไปนั่งรถม้ากินลมชมวิวรอบเมืองก็นับว่าได้บรรยากาศดี ไม่น้อย ส่วนใครที่ชอบช้อปที่เมืองอินเทอร์ลาเก้นมีร้านสินค้าแบรนด์ดังทั้งแฟชั่น และนาฬิกาสุดหรูให้เลือกช้อปสำหรับคนกระเป๋าหนัก เพราะสินค้าส่วนใหญ่หากคิดเป็นเงินไทยก็ราคามากโขเอาการอยู่ งานนี้ฉันจึงขอเลือกเดินชมเป็นอาหารตาพอ

สำหรับอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจในเมืองอินเทอร์ลาเก้น ก็คือจุดชมวิวมุมสูงของสามขุนเขา ที่บนนั้นจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์อันงดงามของขุนเขา 3 ลูก พร้อมด้วยทะเลสาบสีเขียวที่ล้อมด้วยป่าสนสูงชะลูด ซึ่งดูแล้วงดงามราวภาพฝัน

ช็อกโกแลตของฝากชั้นดีที่ร้านชูส์ส

ก่อนอำลาสวิตเซอร์แลนด์ดินแดนในฝันสู่เมืองไทย ฉันไม่ลืมที่จะเลือกซื้อของฝากให้กับคนไกลในเมืองไทย ซึ่งของฝากอันขึ้นชื่อของสวิสนั้นก็คือ 'ช็อกโกแลต' ซึ่ง หากใครจะเลือกช็อกโกแลตทั่วไปเป็นของฝากก็ลองไปดูได้ในซุปเปอร์มาเก็ต แต่หากว่าจะเลือกซื้อช็อกโกแลตพรีเมี่ยมหรือช็อกโกแลตโฮมเมดแบบgourmet ให้คนพิเศษอย่างฉัน

ขอแนะนำว่าน่าลองไปยังร้านชูส์ส (Schuh) ที่ Höheweg 56 ซึ่งร้านนี้ไม่เพียงมีช็อกโกแลตชั้นดีให้เลือกซื้อ แต่ว่ายังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้หัดทำช็อกโกแลตอีกด้วย งานนี้ฉันจึงถือโอกาสทดลองทำช็อกโกแลตฝีมือตัวเองอย่างเพลิดเพลิน ก่อนที่จะเลือกซื้อช็อกโกแลตชั้นดีกลับไปฝากคนรู้ใจ ส่วนจะเป็นใครนั้น บอกไม่ได้จริงๆ...อิ อิ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ใช้ภาษาพูดหลายภาษาขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ ได้แก่ ภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศล อิตาเลียน อังกฤษ แต่ไม่ได้เป็นประเทศสมาชิกในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปจึงไม่ใช้เงินยูโร แต่ว่าใช้เงินสกุลสวิสฟรังก์ (Swiss Francs)

สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศภูมิประเทศสวยงามและอากาศดี เดือนก.ค.-ส.ค. มีอุณหภูมิ 18 - 27 องศาเซลเซียส เดือนม.ค.-ก.พ. มีอุณหภูมิประมาณ ลบ1 - 5 องศาเซลเซียส ส่วนในฤดูในไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง ช่วงกลางวันมีอุณหภูมิประมาณ 8 - 15 องศา และเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศในแต่ละวันมีอยู่ตลอดเวลา การไปเที่ยวสวิสจึงควรนำเสื้อกันหนาวหนาๆติดตัวไปด้วย

สำหรับการเดินทางจากเมืองไทยสู่สวิตเซอร์แลนด์ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ สายการบินสวิส โทร.0-2504-2754-6

ไม่มีความคิดเห็น: