หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

รัม (Rum)

รัม. เป็นเหล้าที่น่าพิศวงชนิดหนึ่ง ซึ่งจะเริ่มกันมาตั้งแต่คนดื่ม ที่มีตั้งแต่ระดับล่างสุด ไปจนถึงคนในสังคมชั้นสูง โดยตัวรัมเองจะมีลักษณะต่าง ๆ เช่นชนิดที่มีสีขาวที่ไม่มีรส ไปจนถึงรัมสีดำ รสเข้มยิ่งกว่าสก็อตซ์ ที่ออกมาจากถังบ่มใหม่ ๆ ซะอีก

เพราะเหล้ารัมทำมาจากอ้อย เหล้ารัมส่วนใหญ่จึงมาจากอเมริกาใต้ และแถบคาริบเบียน ซึ่งจะหมักจากน้ำอ้อยโดยตรงก็ได้ หรือจะทำจากกากน้ำตาล (Molasses) ที่เหลือจากการทำน้ำตาลทรายแล้วก็ได้

กรรมวิธี ในการผลิตเหล้ารัม ค่อนข้างง่าย เพราะวัตถุดิบเป็นน้ำตาลอยู่แล้ว ไม่ต้องรอหมักแป้งให้เป็นน้ำตาลอย่างเหล้าทีผลิตจากธัญญชาติ โดยจะต้มกลั่นในหม้อ (Pot Stills) หรือกลั่นแบบต่อเนื่อง (Continuous Stills) ก็ได้ รสชาดของรัมจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการหมัก น้ำตาล หรือการเติมหัวเชื้อเหล้าที่เหลือจากการกลั่นครั้งก่อนก็ได้ ส่วนสีสันจะได้จากการบ่มหรือจะเติมสีด้วยคาราเมลก็ได้ สำหรับรัมที่ต้องการรสและสีค่อนข้างอ่อน ก็ไม่ต้องบ่มนาน แต่ถ้าต้องการรสเข้มข้นและสีที่เข้มข้นด้วยบางทีต้องบ่มไว้ในถังไม้โอ๊ค ตั้งแต่ 3-4 ปี


การเลือกเหล้ารัมให้ถูกใจนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล ซึ่งถ้าชอบรัมที่มีรสชาดอ่อน ก็ต้องของเปอร์โตริโก้ แต่ถ้าต้องการประเภทที่มีสีชานิด ๆ คือแบบ Medium-Light ก็ต้องของทรินนิแดด หรือจะดื่มแบบรสนุ่มของรัมสีรมควัน ก็ไม่น่าจะพลาดของพาร์บาโต๊ส และถ้าชอบรัมชนิดที่เข้มข้นแบบ Full Bodied Rum ก็คงต้องของจาไมก้า

จากตำนานเก่า ๆ ที่เล่าสืบต่อกันมาได้บ่งบอกถึงความเก่าแก่ของเหล้ารัมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของอเมริกาอย่างมาก กล่าวคือโคลัมบัสผู้ค้นพบทวีบอเมริกา ได้เป็นผู้นำพันธุ์อ้อยไปปลูกตามเกาะต่าง ๆ ในแถบทะเลแคริบเบียน ซึ่งปัจจุบันดินแดนแถบนั้นได้กลายเป็นแหล่งผลิตเหล้ารัมและน้ำตาลทรายที่ใหญ่ที่สุดของโลก

นอกจากนี้เหล้ารัมยังมีความสัมคัญที่ต้องไปเกี่ยวข้องกับอิสรภาพของคนอเมริกันอีกด้วย โดยเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่ พอล รีเวียร์ ซึ่งในประวัติศาสตร์อเมริกาได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษสำคัญคนหนึ่ง เพราะควบม้าไปตลอดคืนเพื่อไปแจ้งข่าวการบุกของกองทัพอังกฤษ แต่อีกนัยหนึ่งผู้ใกล้ชิดเหตุการณ์ครั้งนั้นกลับบันทึกไว้ว่า พอลคงตั้งใจจะไปเตือนพวกลักลอบขนรัมเถื่อนมากกว่า เพราะพอลเป็นพ่อค้ารัมแลกกับทาส

ไม่มีความคิดเห็น: