หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555

เปอร์โตริโก

โดย : มานพ จันทรฯ
@กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

บนเวทีประกวดนางงามระดับโลกมักปรากฏชื่อสาวสวยจาก เปอร์โตริโก (Puerto Rico) อยู่เสมอ ทั้งที่ดินแดนแห่งนี้มีเนื้อที่ 9,104 ตารางกิโลเมตร

แต่เกาะแห่งนี้เคยมีสาวสวยได้ตำแหน่งนางงามจักรวาลมาแล้วทั้งสิ้นถึง 5 คน ไม่นับเวทีเล็กๆ และในตำแหน่งรองลงมา


ก่อนคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส จะเดินทางมาพบในการสำรวจโลกครั้งที่ 2 ของเขา ที่แห่งนี้เป็นดินแดนของชาวพื้นเมืองไทนอส ไม่ได้มีชื่อ เปอร์โตริโก ซึ่งเป็นภาษาสเปนมีความหมายว่า “ท่าเรือแห่งความร่ำรวย” อย่างเช่นในปัจจุบัน


เปอร์โตริโก เป็นเกาะส่วนหนึ่งของหมู่เกาะแอนทิลลิสใหญ่ อยู่ในทะเลแคริบเบียนอันเป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก ด้านตะวันออกของเกาะห่างออกไปเป็นดินแดนของสาธารณรัฐโดมินิกัน ด้านตะวันตกใกล้ๆ กันเป็นหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน และหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐ


ก่อนหน้านั้นเปอร์โตริโกตกเป็นอาณานิคมของสเปน ภายหลังสงครามระหว่างสเปนกับสหรัฐ จึงกลายเป็นดินแดนในเครือรัฐของสหรัฐอเมริกา ตามสนธิสัญญากรุงปารีส ปี ค.ศ. 1898 และภายหลังพลเมืองเปอร์โตริโกกลายเป็นพลเมืองสหรัฐ แต่ไม่สามารถเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐได้ มีสิทธิแต่เพียงเลือกนายกเทศมนตรีในเกาะที่อาศัยอยู่เท่านั้น ส่วนภาษาราชการมีทั้งภาษาสเปนและอังกฤษ รวมทั้งหน่วยเงินตราดอลลาร์สหรัฐ


จากประเทศไทยไม่มีสายการบินโดยตรงไปสู่เมืองซานฮวนโดยตรง ต้องใช้วิธีเดินทางเข้าประเทศอื่น โดยเฉพาะบินสู่สหรัฐแล้วต่อเครื่องบินมุ่งหน้าสู่เปอร์โตริโก


สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ เช่น เขตเมืองเก่าในกรุงซานฮวนทางด้านตะวันตกของเกาะ มีสิ่งปลูกสร้างสำคัญตั้งแต่การเป็นอาณานิคมของสเปน ถูกใช้เป็นสถานที่ราชการของเทศบาล แต่ยังคงเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปมีความโอ่อ่าใหญ่โตเป็นที่น่าตื่นตาแก่ผู้มาเยือน


การเป็นอาณานิคมมาก่อนทำให้ปรากฏร่องรอยของป้อมปราการหลงเหลือให้เห็นอยู่หลายแห่ง ศาสนสถานสำคัญที่ตกทอดกันมาตั้งแต่การเข้ายึดครองของสเปน


หากต้องการศึกษารายละเอียดด้านประวัติศาสตร์ นักเดินทางควรเลือกที่จะเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ซึ่งมีอยู่หลายแห่ง ส่วนผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติก็มีเขตป่าเขาที่เปิดโอกาสให้เข้าไปท่องเที่ยวได้ ส่วนผู้ที่รักการล่องเรือชมธรรมชาติก็มีให้บริการ ทั้งรอบเกาะและเดินทางไปยังเกาะอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง


การที่เปอร์โตริโกเป็นเกาะถูกล้อมรอบด้วยทะเลแคริบเบียน ทำให้มีท่าเรือสำหรับบริการจอดเรือยอชท์ปรากฏให้เห็นอย่างหนาตา ขณะเดียวกันชายฝั่งน้ำตื้นก็มีชายหาดที่สวยสะอาดมองเห็นน้ำทะเลสีคราม ทำให้เกาะแห่งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ และจะง่ายยิ่งขึ้นหากเป็นพลเมืองชาวอเมริกัน


The Rum Diary (2011) เล่าเรื่องโลก เหล้า การงานและความรัก ของนักหนังสือพิมพ์หนุ่มจากประสบการณ์ชีวิตของ ฮันเตอร์ เอส. ทอมป์สัน นักข่าวนักเขียนอเมริกันไปรับจ็อบทำงานในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่เปอร์โตริโก ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1960 ต่อมา จอห์นนี เด็ปป์ ไปเจอหนังสือเล่มนี้ซึ่งเพิ่งได้รับการตีพิมพ์เอาเมื่อปี ค.ศ. 1998 เห็นว่าน่าจะสนุกจึงนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และรับเป็นผู้อำนวยการสร้างควบแสดงนำ


จากเด็กหนุ่มวัย 20 ปี พนักงานธุรการในสำนักงานหนังสือพิมพ์ชื่อดังในกรุงนิวยอร์ก “พอล เคมป์” (จอห์นนี เด็ปป์) มุ่งสู่เกาะเปอร์โตริโกเพื่อทำงานเป็นนักข่าวนักเขียนของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นชื่อ "ซาน ฮวน สตาร์" ที่นั่นเขามีคู่หูช่างภาพ “ซาลา” (ไมเคิล ริสโพลี) และผู้ช่วยอย่างไม่เป็นทางการ “โมเบิร์ก” (จิโอวานนี รีบีซี) อดีตพนักงานในหนังสือพิมพ์ที่ถูกไล่ออกแต่ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ โรงพิมพ์


The Rum Diary ติดตามชีวิตการทำงานของพอล เคมป์ เด็กหนุ่มผู้อ่อนด้อยประสบการณ์ ต้องแสวงหาความพอดีระหว่างวัฒนธรรมของชาวเกาะกับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ที่นั่น ทั้งการรักษาวินัยของตัวเองที่ช่วงหนึ่งต้องเสียเวลาไปกับความลุ่มหลงในสิ่งมึนเมา ความบันเทิงของคนวัยหนุ่มที่ไม่ได้คิดถึงอนาคตอันยาวไกลนัก


บนเกาะแห่งนั้นทำให้พอลได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์อันน่าสนุกที่เด็กหนุ่มต้องเผชิญ ทั้งการเข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันกับ “เชโนลต์” (แอมเบอร์ ฮาร์ด) สาวสวยคู่หมั้นของ “แซนเดอร์สัน” (แอรอน เอคฮาร์ท) นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ผู้ร่ำรวยที่หวังจะไปพลิกเกาะแห่งนี้ด้วยทุนอันมหาศาล


ภาพยนตร์ได้ บรูซ โรบินสัน ทำหน้าที่กำกับ เดินเรื่องตามลำดับแบบเรียบๆ ไม่มีจุดพลิกผันให้คนดูได้ประหลาดใจแต่อย่างใด แต่ก็มีช่วงที่สนุกชวนเฮฮาอยู่บ้าง โดยจุดโฟกัสของเรื่องอยู่ที่ตัวละครเจ้าของอัตชีวประวัติ ระหว่างการใช้ชีวิตช่วงหนึ่งบนเกาะเปอร์โตริโก


ดินแดนแห่งสาวงาม ล้อมรอบไปด้วยน้ำทะเลสีคราม ในมหาสมุทรแอตแลนติก


Commonwealth of Puerto Rico
Capital : San Juan
Population : 3,706,690
Film : The Rum Diary (2011)
Director : Bruce Robinson
Cast : Johnny Depp, Aaron Eckhart, Michael Rispoli, Amber Heard, Giovanni Ribisi

ไม่มีความคิดเห็น: