หน้าเว็บ

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ฟิลาเดลเฟีย ถนนแห่งความหม่นเศร้า

โดย : อนันต์ ลือประดิษฐ์
@กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


พิบัติภัยเป็นเรื่องเหนือการควบคุม แต่มนุษย์เรียนรู้ที่จะเตรียมพร้อมเพื่อความอยู่รอดมาโดยตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน

อุทกภัยย่อมเกิดขึ้นได้ แต่ผ่านมาแล้วก็ควรจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ด้วยระบบบริหารจัดการที่ดี มิใช่ดังกรณีของอุทกภัย 2554 ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่น้ำท่วมขังจนกลายเป็นน้ำเน่าไปทั่ว หลายพื้นที่ต้องใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะพ้นผ่านวิกฤตนี้ไปได้



น้ำท่วมกรุงครั้งนี้ ทำให้นึกถึงหลายๆ เมืองที่มีโอกาสเดินทางไปเยือนในช่วงปีนี้ อย่าง กรุงโซล เกาหลีใต้ ที่เผชิญภาวะน้ำท่วมจากฝนตกหนักเมื่อหลายเดือนก่อน แต่พอมีโอกาสไปถึงที่นั่น แทบไม่ปรากฏร่องรอยความเสียหายมากนัก ดังที่คนท้องถิ่นบอกว่า “ความจริงไม่ได้เลวร้ายเหมือนภาพข่าวที่ปรากฏออกไป เราจัดการได้ดีและเสร็จสิ้นในเวลาไม่นาน”


เช่นเดียวกันกับกรณีของ ฟิลาเดลเฟีย ที่โดนเฮอริเคนไอรีนกระหน่ำเต็มๆ เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แม้กระทั่งเมืองทางใต้ลงมา อย่าง นิวยอร์ก ซิตี ก็พลอยโดนหางเลขไปด้วย ถึงขนาดมีความจำเป็นต้องอพยพคนในบางพื้นที่ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ผู้นำของเขาใช้เวลาไม่นาน ก็ทำให้ทุกอย่างกลับมาสู่ภาวะปกติ


ความรุนแรงของไอรีนนั้นถือว่าทำลายสถิติ เพราะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำสกูโคล (Schuykill River) ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่น้ำ 2 สายหลัก ที่ไหลผ่านเมืองฟิลาเดลเฟีย (อีกสายคือแม่น้ำเดลาแวร์) มีระดับสูงสุดในรอบ 140 ปีเลยทีเดียว


แม้จะมีพลเมืองสายเลือดเอเชียอาศัยอยู่เพียง 6 เปอร์เซนต์ของประชากรของเมืองนี้ (ส่วนมากเป็นคนเชื้อสายจีน) แต่เมื่อพูดถึง "ฟิลาเดลเฟีย" คนไทยน่าจะรู้จักชื่อนี้ดีจากหนังชื่อเดียวกัน คือ Philadelphia ที่เกี่ยวข้องกับเกย์และเอดส์ นำแสดงโดย ทอม แฮงก์ และ เดนเซิล วอชิงตัน เมื่อปี 1993 ซึ่งส่งผลให้ ทอม แฮงก์ คว้ารางวัลออสการ์จากหนังเรื่องนี้


เช่นเดียวกันกับเพลงเอกประกอบหนัง Streets of Philadelphia ที่ทำให้ บรู้ซ สปริงทีน ไม่เพียงได้รางวัลออสการ์ แต่เขายังคว้าอีก 4 รางวัลแกรมมี่ในปีถัดมาอีกด้วย


ผมนึกถึงเพลง Streets of Philadelphia เพลงที่มีความหม่นเศร้า ด้วยถ้อยคำไม่กี่คำแต่ทะลุทะลวงถึงจิตใจคนฟัง เป็นเพลงที่มีความเป็นสากล ทั้งในด้านสไตล์เพลงและเนื้อหาของมัน เพราะถึงใครก็ตามที่ไม่ใช่แฟนเพลงของ "เดอะ บอสส์" บรู้ซ สปริงสทีน มาก่อน ก็ชื่นชอบเพลงนี้ได้ไม่ยาก ด้วยแนวทางการนำเสนอในรูปแบบของป๊อป บนห้วงอารมณ์อันเนิบนาบ มีโมทิฟสวยๆ กับจังหวะจะโคนที่ตรงกันกับจังหวะการเต้นของหัวใจ และแน่นอน เสียงร้องที่สื่อความหมายได้เป็นอย่างดี


เช่นเดียวกันกับเนื้อหาของเพลงที่ "โดนใจ" ใครก็ตามที่ได้ฟัง ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวละครในท้องเรื่องของ Philadelphia ก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด โดดเดี่ยว เวิ้งว้าง ไร้ความหมาย ไร้ที่พึ่งพิง ทุกข์ทรมานกับการนอนลืมตาตื่นกลางดึก แรมรอนค้นหาทางออก ... จนไม่อาจบรรยายความรู้สึกภายในออกมาไม่ได้


"I was bruised and battered and I couldn't tell
What I felt
I was unrecognizable to myself
I saw my reflection in a window I didn't know
My own face
Oh brother are you gonna leave me
Wastin' away
On the streets of philadelphia"


นั่นคือมุมมองของเพลง โดยใช้บรรยากาศของเมืองฟิลาเดลเฟียเป็นฉากหลัง แต่ในความเป็นจริงนั้น มหานครที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของสหรัฐอเมริกานี้เมืองนี้ ยังเต็มเปี่ยมด้วยสีสันและความเคลื่อนไหวจากคลื่นชีวิตของผู้คน ทั้งสถานที่บันเทิง ห้างร้าน สถานศึกษา ฯลฯ


ฟิลาเดลเฟีย เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของมลรัฐเพนซิลวาเนีย อายุกว่า 300 ปี มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันเกรียงไกร ไม่แพ้เมืองอื่นๆ เป็นเมืองที่ 3 ของสหรัฐอเมริกาที่มีรถไฟใต้ดิน ซึ่งให้บริการมาตั้งแต่ปี 1907 คนท้องถิ่นเรียกตนเองว่าเป็นชาวเมือง "ฟิลลี" (Philly) หลายคนเรียกเมืองนี้ตามรากคำศัพท์กรีกว่า เป็น City of Brotherly Love หรือเมืองแห่งความรักในความเป็นพี่น้อง


ใครมีโอกาสไปเยือน อย่าลืมเที่ยวย่านอิตาเลียนมาร์เก็ตทางตอนใต้ของเมือง พร้อมกับชิมชีสสเต็ค และซอฟท์ พริทเซิล ที่เป็นสัญลักษณ์เฉพาะของเมืองนี้ ซึ่งบ่งบอกถึงรากฐานวัฒนธรรมของชาวอิตาเลียน ที่ยังฝังแน่นอยู่ในวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ ตราบจนถึงวันนี้.

Song : Streets of Philadelphia
Artist : Bruce Springsteen
Place : Philadelphia
Country : USA
Time Zone : UTC-5

ไม่มีความคิดเห็น: