หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555

ธารน้ำแข็งและหิมะ ณ ฮอกไกโด


ณ อาบาชิริ ทางตะวันออกของเกาะฮอกไกโด เมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่ราว 40,000 คน แห่งนี้เป็นที่ตั้งของคุกโบราณสมัยยุคบุกเบิกที่ใครไปใครมาต้องแวะมาเดินเที่ยวชม แต่อีกอย่างที่ที่นี่มีไม่เหมือนใครก็คือ แผ่นน้ำแข็งที่จับตัวเป็นแพเมื่อฤดูหนาวเริ่มมาเยือนที่เรียกกันว่า โอโฮทสึกุ

ธารน้ำแข็งที่จะเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิเริ่มลดต่ำลงตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคมเรื่อยไปจนถึงราวปลายเดือนมีนาคมหรือต้นเดือนเมษายนนี้ ถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่หาดูไม่ได้ง่าย ๆ หากไม่มาให้ถูกช่วงถูกเวลา น้ำทะเลที่มีความเค็มซึ่งไม่น่าจะกลายเป็นน้ำแข็งได้จะกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งคลุมอยู่บนผิวน้ำเป็นบริเวณกว้าง


เหตุที่ทำให้น้ำทะเลทางชายฝั่งด้านตะวันออกของเกาะฮอกไกโดกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งหนา เพราะน้ำจืดที่ไหลมาจากแม่น้ำเอมอร์ฝั่งรัสเซียที่อยู่เหนือขึ้นไป เมื่อน้ำจืดที่ไหลลงมากระทบกับอากาศเย็นและน้ำทะเล ส่วนที่เป็นน้ำจืดซึ่งยังสามารถจับตัวกลายเป็นน้ำแข็งที่จุดเยือกแข็งได้ก็จะรวมตัวกันกลายเป็นแผ่นน้ำแข็ง


การล่องเรือตัดน้ำแข็งตะลุยไปตามธารน้ำแข็งที่จับตัวเป็นแผ่น จึงกลายเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางมาฮอกไกโดช่วงฤดูหนาวไม่ยอมพลาด แต่การล่องเรือที่ว่านี้ไม่ใช่ว่าจะไปได้ทุกวัน เพราะหากมีพายุหิมะจนทำให้ทัศนวิสัยไม่ดีพอ หรือลมแรงจนเกินไป กิจกรรมที่ว่านี้จะถูกยกเลิกในทันทีเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เพราะการบังคับเรือให้ล่องไปตามธารน้ำแข็งที่มีน้ำแข็งขนาดเล็กและใหญ่ หนาและบางไม่เท่ากันนั้นจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง


ขณะที่การลงไปเดินสัมผัสกับธารน้ำแข็งของจริงนั้นอาจเป็นไปได้น้อยลงหลังจากอุณหภูมิของโลกสูงขึ้น แต่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสได้จับต้องธารน้ำแข็งหนึ่งในมหัศจรรย์ธรรมชาติที่ว่า เพราะที่เมืองอาบาชิริแห่งนี้ได้มีการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ธารน้ำแข็งโอโฮทสึกุขึ้น โดยนำเอาก้อนน้ำแข็งที่ตัดมาได้จากธารน้ำแข็งมาเก็บรักษาไว้ในห้องควบคุมอุณหภูมิที่ -15 องศาเซลเซียส

ก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาที่ถูกเก็บรักษาไว้นั้น เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาเรียนรู้ เพราะไม่มีใครรับรองได้ว่าปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้จะยังคงเกิดขึ้นต่อไปอีกนานเท่าไหร่ เพราะนอกจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นแล้ว น้ำจืดที่ไหลมาจากแม่น้ำเอมอร์ของรัสเซียเองก็มีส่วนสำคัญ เช่นเดียวกับอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น

นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าไปสัมผัสกับธารน้ำแข็งหลากหลายขนาดที่ถูกเก็บรักษาไว้และเข้าชมได้แม้กระทั่งในช่วงฤดูร้อนนี้ นอกจากจะต้องสวมใส่เสื้อคลุมกันหนาวที่จัดเตรียมไว้ให้แล้ว ทุกคนยังได้รับผ้าขนหนูขนาดเล็กที่ชุ่มไปด้วยน้ำให้ถือติดมือเข้าไปด้วย

เมื่อเข้าไปในห้องปรับอุณหภูมิแล้วผ้าขนหนูผืนที่ว่าจะค่อย ๆ กลายสภาพจากนิ่มเป็นแข็ง และเมื่อแข็งได้ที่จนกลายเป็นแท่งเมื่อไหร่ก็หมายความว่า เราได้เวลาที่จะต้องออกจากห้องนั้นด้วยเช่นกัน เพราะอุณหภูมิติดลบที่เข้าไปสัมผัสนั้นมีข้อจำกัดไม่ควรอยู่นานจนเกินไป แต่หากอยู่ในช่วงฤดูหนาวที่ร่างกายปรับอุณหภูมิสู้กับอากาศได้ที่แล้ว อาจจะอยู่ได้นานกว่านั้น


นอกจากจะได้สนุกกับห้องเก็บก้อนน้ำแข็งแล้ว สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอย่างคลิโอเน (Clione) หรือซีแองเจิล (Sea Angle) สัตว์ทะเลแปลกตาที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในเขตโอโฮทสึกุ ซึ่งถูกจัดแสดงไว้ในห้องที่อยู่ติดกันนั้นเป็นอีกไฮไลต์ที่หาชมได้ยาก สัตว์หน้าตาน่ารักสมชื่อเรียกชนิดนี้ไม่ได้น่ารักแสนดีเหมือนอย่างรูปลักษณ์ที่เห็น ซีแองเจิลเป็นสัตว์กินเนื้อ ปีกเล็ก ๆ ที่ติดอยู่ด้านหลังช่วยให้มันเคลื่อนที่ไปหาเหยื่อได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ก่อนจะงาบเหยื่อแล้วเก็บเข้าไปในท้องใสแจ๋วให้เห็นกันชัด ๆ ส่วนสีแดงบนลำตัวนั้นคือส่วนของหัวใจ

ขณะที่ซีแองเจิลจะลอยมาพร้อมกับธารน้ำแข็ง ปลาบอลลูนสีส้มแสบตาที่อยู่ในแทงก์ใกล้ ๆกันก็เป็นอีกหนึ่งสัตว์ที่อยู่ในท้องทะเลอันเย็นยะเยือกบริเวณนี้ ปลาสีส้มสดนี้จะกินตะไคร่น้ำที่ติดอยู่ตามเปลือกหอย โดยจะเกาะอยู่นิ่งสนิทอย่างนั้นราวกับเป็นตุ๊กตาที่ถูกแปะไว้ นอกจากสีส้มแสบตาแล้วยังพร้อมจะเปลี่ยนสีคล้ายกับหินปะการังหากเกาะอยู่กับเปลือกหอยที่สีซีดกว่า

หากยังไม่สะใจกับความหนาวเย็นของฮอกไกโด ขอแนะนำให้ไปสัมผัสความหนาวแบบสุดขั้วต่อที่คามิคาว่าไอซ์พาวิลเลียน ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ที่จัดสร้างขึ้นนั้นจะรักษาอุณหภูมิตลอดทั้งปีไว้ที่ -20 องศาเซลเซียส โดยต้องผ่านประตูกลที่บอกระดับอุณหภูมิภายในเข้าไว้อย่างชัดเจน ก่อนจะเข้าไปพบกับอุโมงค์ทางเดินที่เป็นน้ำแข็งทั้งหมด เพื่อเข้าไปสู่โถงขนาดใหญ่ด้านในที่คล้ายกับถ้ำ


หินงอกหินย้อยที่เกิดขึ้นจากการจับตัวของน้ำแข็งกว่า 10 ปีนั้น หากไม่บอกว่ากำลังอยู่ท่ามกลางอุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส บางคนอาจเข้าใจว่าเป็นหินงอกหินย้อยในถ้ำแบบเดียวกับบ้านเรา แต่เพราะมีอิกลู บ้านแบบชาวเอสกิโมที่ก่อไว้ด้านในอีกมุมหนึ่ง จึงยืนยันได้ว่านี่ไม่ใช่ถ้ำแน่นอน และยิ่งได้เข้าไปสัมผัสกับห้องพิเศษที่จะมีลมเป่าให้อุณหภูมิในนั้นกลายเป็น -41 องศาเซลเซียส ในชั่วเวลาไม่กี่วินาที ยิ่งยืนยันได้ว่ากำลังอยู่ที่ฮอกไกโดจริง ๆ

ที่ไอซ์พาวิลเลียนแห่งนี้นอกจากจะมีผ้าขนหนูฉ่ำน้ำให้ถือเข้าไปทดสอบอากาศข้างในแบบเดียวกันแล้ว หากใครอยากลองปั่นไอศกรีมกับมือตัวเอง จะจ่ายเงินซื้อนมขวดเล็ก ๆ เพิ่มแล้วพกเข้าไปเขย่าให้กลายเป็นไอศกรีมด้านในด้วยก็ได้ ส่วนกล้วยหอมแช่แข็งที่วางไว้ให้ทดสอบว่าใช้
แทนค้อนตอกตะปูได้จริงนั้น ทดสอบฝีมือได้ฟรีไม่เสียตังค์

ใครอยากไปสัมผัสความหนาวเย็นของฮอกไกโดขอแนะนำให้ไปช่วง 6-12 ก.พ.นี้ เพราะจะมีงานซับโปโร สโนว์ เฟสติวัล ครั้งที่ 63 เทศกาลฤดูหนาวที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของญี่ปุ่น ชมการประกวดสร้างประติมากรรมหิมะและประกวดสลักน้ำแข็งที่สวนโอโดริและย่านซูกิโนะ สอบถามที่เวิลด์เซอร์ไพร้ส์ ทราเวิล โทร. 0-2676-9449 หรือ www.worldsurprise.com

อธิชา ชื่นใจ

ไม่มีความคิดเห็น: