หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

จิบทะเล...เหล่เมืองโบราณใน'ตุรกี'

โดย...กาญจนา หงษ์ทอง

อุณหภูมิใจไม่คงที่เท่าไหร่ ตอนเตร็ดเตร่ใน ตุรกี มันเหวี่ยงไปมาตอนนั่งเรือล่องช่องแคบบอสฟอรัส เต้นไม่เป็นท่าตอนเห็นด้านในของวิหารเซนต์โซเฟีย แถมมาวูบวาบอีกรอบตอนเห็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่คาปาโดเกีย


ก็หวังว่าเมืองริมทะเลอย่าง คูซาดาสึ (Kusadasi) และเมืองโรมันโบราณอย่าง เอเอเฟซุส (Ephesus) จะช่วยปรับอุณหภูมิใจให้หายแกว่งบ้าง

สูตรของนักท่องเที่ยวที่เวลาน้อย เงินเยอะ เขาจะบินจากอิสตันบูลมาลงที่อิซมีร์ (Izmir)แล้วนั่งรถไปพักโรงแรมหรูๆ ริมทะเลที่เมืองคูซาดาสึ สูดดมกลิ่นทะเลอีเจียนให้ฉ่ำปอด วันรุ่งขึ้นค่อยนั่งรถมาเที่ยวเอเฟซุส


สูตรของนักท่องเที่ยวเวลาเยอะ เงินน้อย จะค่อยๆ นั่งรถเลาะผ่านเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ อิสตันบูล ปามุคคาเล อันตาลยา หรือคอนยา แล้วไปหาที่พักถูกๆ ในเมืองเซลจุก (Selcuk)

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฉันอยู่ในพวกหลัง นักเดินทางชั้นประหยัดจากทุ่งบางนา นั่งเรือบินจากบางกอกไปอิสตันบูลด้วยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ (0-22310300-7) จากนั้นนี่งรถบัสประจำทางหลังขดหลังแข็งรอนแรมจากคาปาโดเกีย ไปแวะเที่ยว ปามุคคาเล เสร็จแล้วนั่งรถโดลมุส ซึ่งเป็นเหมือนรถตู้ของบ้านเรา นั่งเรื่อยมาจนถึงเมือง เซลจุก เหนื่อยแทบคลานเข่าเข้าเรือนพักที่จองผ่านอโกดา (www.agoda.co..th) คราวนี้ไม่ได้จองผ่านเว็บไซต์แต่ใช้จองผ่านแอพพลิเคชั่นที่โหลดไว้ หน้าจอสมาร์ทโฟน แต่ก็พบว่าสะดวกไม่ต่างจากจองผ่านเว็บไซต์

ตัวเมืองเซลจุกไม่ได้มีอะไรให้น่าเที่ยวมากนัก เดินประเดี๋ยวเดียวก็ทั่วเมืองแล้ว เป็นเมืองหน้าด่านสำหรับคนที่จะไปเที่ยวเมืองโบราณเอเฟซุสมากกว่า เลยนั่งรถโดลมุสเที่ยวละ 4 ลีราไปเดินสอดส่ายหาอากาศดีๆ ที่ เมืองคูซาดาสึ

คุณสมบัติของเมืองริมทะเล โรแมนติก ร่าเริงยามลมทะเลโบกสะบัด เบิกบานในวันมีแดด มีชีวิตชีวายามหาดทรายถูกประดับไว้ด้วยผู้คน คูซาดาสึเป็นแบบนั้น และความที่มีตึกรามที่โรยไว้ด้วยสีสัน ยิ่งทำให้กลายเป็นเมืองน่ามอง

ที่จริงถ้าวัดกันในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว ถือว่าคูซาดาสึไม่มีอะไรโดดเด่น เป็นแค่เมืองตากอากาศที่ชาวยุโรปนิยมมาอาบแดด หรือคนที่ตั้งใจไปเที่ยวเมืองโบราณเอเฟซุสก็มักจะมาพักกันที่นี่

จากปากคำเจ้าหน้าที่ของการท่องเที่ยวคูซาดาสึ หล่อนบอกว่าครึ่งหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่ลงมาจากเรือสำราญ เพราะที่นี่เป็นเมืองท่า จอดเรือได้เกือบพันลำ พวกเรือสำราญลำโตเลยพากันมาทอดสมอทุกวัน ปล่อยลูกทัวร์ลงไปเที่ยวและช็อปปิ้งของที่ระลึก คูซาดาสึเลยคึกคัก ยิ่งเป็นย่านใจกลางเมือง คาเฟ่แทบทุกแห่งแทบไม่มีเก้าอี้ว่าง ถนนแทบทุกสายแน่นขนัดไปด้วยนักท่องเที่ยว

ฉันไม่รีบร้อนกลับเซลจุก เพราะรถเมล์เที่ยวสุดท้ายจากคูซาดาสึกลับเซลจุกคือเที่ยงคืน เลยโอ้เอ้นั่งดูดวงตะวันหย่อนตัวลงใส่ทะเลอีเจียน เป็นเย็นย่ำในคูซาดาสึที่โรแมนติกวายร้าย

เรือสำราญทยอยถอนสมอกันไปทีละลำสองลำ พ่อลูกพรานเบ็ดยังปักหลักรอคอยปลาชะตาขาด หมาและเจ้าของของมันยังได้สูดอากาศสดปลั่งแบบนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน แสงสวยค่อยๆละเลงแผ่นฟ้าหลังลับตาดวงตะวัน นั่นแหละ คูซาดาสึในความทรงจำของฉัน

วันรุ่งขึ้นถึงได้ออกเดินเท้าไปหา เมืองโบราณเอเฟซุส ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองเซลจุกไปราว 2 กิโลเมตร ไม่มีหลักฐานแน่นอน ว่าอายุที่แท้จริงของเอเฟซุสควรจะเป็นเท่าไหร่ รู้แต่ว่าไม่ต่ำกว่า 2 พันปีแน่ พวกนักประวัติศาสตร์บางคนบอกว่าน่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล แต่นักโบราณคดีบางกลุ่มก็บอกว่าน่าจะเป็นช่วงศตวรรษที่ 14 ก่อนคริสตกาล จากนั้นพวกกรีกและโรมันก็เข้ามาครอบครองเมืองโบราณแห่งนี้

แต่ช่วงที่โรมันเข้ามายึดครอง ราวศตวรรษที่ 1 เอเฟซุสถือว่ารุ่งเรืองสุดขีด แต่เอเฟซุสก็ถูกกระหน่ำทั้งภัยพิบัติทางธรรมชาติ โรคภัยร้ายแรงเล่นงาน ไปจนถึงสงครามก็น้ำมือมนุษย์ด้วยกันเอง ทำให้เอเฟซุสกลายเป็นเมืองที่จมลงอยู่กับอดีต

กระทั่งกลางศตวรรษที่19 เมื่อมีนักโบราณคดีไปทำการสำรวจและขุดค้น จึงพบว่าเมืองโบราณแห่งนี้ ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก รัฐบาลตุรกีพยายามบูรณะอย่างทนุถนอม จนทุกวันนี้เอเอฟซุสกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต ที่คนมาตุรกีแทบไม่ยอมพลาดมาชมเมืองโบราณแห่งนี้

มีหลายจุดในเมืองโบราณที่ฉายภาพความยิ่งใหญ่ในอดีตให้เห็น ไม่ว่าจะเป็น โรงละครเอเฟซุส ที่ใหญ่ขนาดจุคนได้ 2-3 หมื่นคน ปัจจุบันยังคงใช้งานได้ เวลามีงานสำคัญๆ จะมาจัดขึ้นที่นี่ ที่เห็นอัฒจันทร์ครึ่งวงกลมแห่งนี้ยังสภาพดีเพราะมีการบูรณะไปหลายรอบ

แต่มุมยอดฮิต ที่นักท่องเที่ยวพากันถามหาคงจะเป็น ห้องสมุดเซลซุส แทบจะเป็นสัญลักษณ์ของเอเฟซุสเลยก็ว่าได้ แต่ก่อนคงจะเป็นห้องสมุดที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามมาก แต่เมื่อถูกเผาทำลายด้วยฝีมือของชาวกอธ และเกิดเหตุแผ่นดินไหว ห้องสมุดเซลซุสก็เลยเหลือแต่ด้านหน้า แต่ก็ยังทิ้งร่องรอยความสวยงามเอาไว้ให้เห็น อย่างน้อยก็รูปสลักของเทพี 4 องค์ที่อยู่ด้านหน้า

ยังมีอีกหลายมุมในเอเฟซุสที่น่าสนใจ เช่นส้วมโบราณ ที่ทำให้รู้ว่าคนสมัยก่อนเขาถ่ายทุกข์ไปนั่งสนทนากันไปอย่างไม่ใส่ใจเรื่องกลิ่น หรือส่วนที่เป็นซ่องโบราณ ที่อยู่ไม่ไกลจากห้องสมุด

ระหว่างทางกลับไปเซลจุก เดินผ่าน วิหารเทพธิดาอาร์ทีมิส เลยโฉบเข้าไปดู ถึงแม้ปัจจุบันจะเหลือเพียงเสาต้นเดียว แต่ค่าที่เคยเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ทำให้เสาแห่งนี้ไม่เคยโดดเดี่ยว แต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวแวะเข้าไปเยี่ยมวันละหลายพัน ในอดีตวิหารหินอ่อนแห่งนี้มีเสา 127 ต้น แต่หลังจากถูกเผาทำลาย ก็ไม่ได้รับการบูรณะอีกเลย

ทั้งเมืองโบราณเอเฟซุสและวิหารเทพธิดาอาร์ทีมิส ต่างทิ้งคำบอกกล่าวหลายอย่างเอาไว้ให้คนรุ่นนี้ได้ขบคิด อย่างน้อยฉันก็ได้รู้ว่า ทุกอย่างมีเกิด ก็มีดับ ไม่มีข้อแม้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็ตามที ไม่มีข้อละเว้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์หรือสิ่งธรรมดาสามัญ





ไม่มีความคิดเห็น: