หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554

แทงโก้..ลาโบคา..และเอวิตา เปรอง

การเดินทางยังคงมีอานุภาพเหมือนยาบำรุงกำลังที่ทำให้หัวใจของนักท่องโลกกระชุ่มกระชวยได้เสมอ ยิ่งเป็นการเดินทางไกลนับหมื่นไมล์ไปสู่ประเทศอาร์เจนตินาแห่งอเมริกาใต้ ยิ่งเหมือนยาวิเศษที่ทำให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นเป็นทวีคูณ

พูดถึง "อาร์เจนตินา" ช่างเป็นประเทศที่น่าทึ่งจริงๆ มีภูมิประเทศที่หลากหลายมาก นอกจากจะมีเมืองที่มีวัฒนธรรมอันสวยงามอย่างบูเอโนสไอเรสแล้ว พอสแกนไปทั่วแผนที่ ยังพบว่า มีโซนที่เป็นทุ่งแล้งจนเกือบจะเป็นทะเลทรายและธารน้ำแข็งเชื่อมกับประเทศชิลี
มีเทือกเขาสูงกั้นประเทศโบลิเวีย มีน้ำตกอิกัวซูอันแสนอลังการเชื่อมกับชายแดนบราซิล และมีแม่น้ำยาวเหยียดกั้นพรมแดนประเทศอุรุกวัยเอาไว้ แต่ที่น่าสนใจคือ ทางใต้สุดของประเทศอยู่ใกล้ขั้วโลกใต้มาก

จากบางกอกถึงบูเอโนสไอเรส เรียกว่าเป็นระยะบินที่ค่อนข้างมาราธอน เคยไปอเมริกาใต้ครั้งแรกได้สายการบินที่ต่อไฟลท์ไม่ดี รวมระยะบินและต่อเครื่องเกิน 40 ชั่วโมง กินอาหาร 8 มื้อบนเครื่องนั่นแหละจึงจะถึงที่หมาย เรียกว่านั่งกันจนเกือบเป็นริดสีดวงกันไปข้าง เที่ยวนี้เลือกสายการบินกาตาร์ (0-22592701-3) ที่ใช้เวลารอเปลี่ยนเครื่องแค่ 2 ชั่วโมง แถมบนเรือบินก็มีความสะดวกสบายและความเพลิดเพลินมากมายมาปรนเปรอผู้โดยสาร สิริรวมแล้วแค่ 20 กว่าชั่วโมง ก็เหาะเหินเดินอากาศไปถึงเมืองหลวงของอาร์เจนตินาอย่างไม่เหนื่อยเมื่อยล้าเหมือนเที่ยวก่อน เรียกว่าแทบจะเต้นแทงโก้ลงจากเรือบินได้แบบสบายๆ

พูดถึง แทงโก้ มาบูเอโนสไอเรสเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา เต้นยับ เหยียบยับ ทำชาวบ้านเท้าระบมไปหลายคน แต่ถึงจะมากี่เที่ยว แทงโก้ยังคงเป็นอย่างแรกที่อยากกลับมาเห็น

กระโดดตัวปลิวขึ้นรถเมล์ไปหา ลา โบคา (La Boca) แทรกตัวเข้าไปนั่งริมหน้าต่างอย่างคนคิดถึงบูเอโนสไอเรส เลยอยากเห็นเมืองให้เต็มตา ลมอเมริกาใต้ตบตีใบหน้าอย่างไม่ปรานีปราศรัย แต่ก็ยังนั่งอมยิ้มเมื่อถึงคืนวันเก่าๆ ในเมืองนี้

ลา โบคา ไม่เคยเปลี่ยนไป ท่าเรือเก่าแห่งนี้ยังคงเนืองแน่นไปด้วยมนุษย์และเป็นที่สิงสถิตของชีวิตชีวา และคงเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร สมัยนี้อาจจะคลาคล่ำไปด้วยนักเดินทาง แต่สมัยก่อนเนืองแน่นไปด้วยพวกกลาสีและชาวประมงที่เดินเรือมาแวะพักแถวนี้

ถ้าเป็นชาวประมงแถวบ้านเรา แวะที่ไหนก็สร้างเพิงกระต๊อบ หรือขนำง่ายๆ อยู่ริมทะเล แต่สำหรับคนย่านนี้ ใช้วิธีสร้างบ้านโดยเอาพวกเศษไม้จากเรือ และเศษสังกะสีมาปะ แปะ ต่อกันให้เป็นบ้าน จากหลังสองหลังกลายเป็นชุมชน หรือจะเรียกว่าเป็นสลัมก็คงไม่ผิด ต่างก็ตรงสลัมที่นี่สีฉูดฉาดจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว จนแทบจะเป็นย่านที่ดึงดูดผู้คนและผลิตเงินให้บูเอโนสไอเรสมากที่สุดเลยก็ว่าได้

ทีแรกชาวสลัมก็ไม่ได้คิดจะทาสีบ้าน แต่มีสีเหลือจากการทาเรือก็เลยเอามาทาบ้าน มีสีละนิดละหน่อย ฟ้าบ้าง แดงบ้าง เขียวบ้าง เหลืองบ้าง ละเลงกันอย่างไม่ต้องมีทฤษฎีแม่สี หรือเรียนจบศิลปะมา ผลงานก็มาเป็นอย่างที่เห็น กลายเป็น สลัมสีลูกกวาด ไปซะงั้น

บรรยากาศตั้งแต่หัวถนนยันท้ายถนน ยังคงสุดหรรษาน่าทอดน่อง จัดว่าเป็นสลัมที่สุนทรีย์และโรแมนติกเข้าเส้นเลยทีเดียว ยิ่งเดินก็ยิ่งทึ่งกับบูเอโนสไอเรสที่ปั้นสลัมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตได้

วันนี้ ลา โบคา คือแหล่งให้ที่ให้ความสำราญกับนักท่องเที่ยว หากแต่ในอดีตที่นี่ก็คือแหล่งหาความสำราญบานใจของพวกลูกเรือประมง กลาสี นักเดินเรือ ที่มาเริงระบำสำราญ และสรวญเสเฮฮากับพวกหญิงขายบริการที่มาประกอบธุรกิจอยู่แถวนี้กันเป็นล่ำเป็นสัน และถ้าจะย้อนไปดูต้นกำเนิดของแทงโก้จริงๆ ก็จะพบว่า อยู่แถวลา โบคานี่แหละ

สำหรับชาวอาร์เจนตินา มีราชาแทงโก้ที่พวกเขายกย่องคือ คาร์ลอส การ์เดล นักดนตรีผู้ที่ทำให้แทงโก้สไตล์อาร์เจนตินาเป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ เพราะเขาได้นำแทงโก้ไปเผยแพร่ทั่วทั้งอเมริกาใต้และยุโรป

ผละจากลา โบคา บ่ายหน้าไปหา เรโกเลตา (Recoleta) แถวนั้นเป็นเหมือนเมืองใหม่ที่บรรยากาศจะต่างจากแถวถนนมายอโดยสิ้นเชิง พวกนักท่องโลกที่อยากพักในโรงแรมทันสมัย จึงมักจะปักหลักกันแถวนี้ หรือใครอยากพักพวกบูทีคโฮเท็ลคลิกเข้าไปสำรวจในเว็บไซต์อโกด้าได้ (www.agoda.co.th) มีให้เลือกมากอย่างไม่น่าเชื่อ

ไม่ใช่เพราะอยากมาดื่มด่ำความทันสมัยของบูเอโนสไอเรส แต่เป็นเพราะละแวกนั้นมี สุสานประวัติศาสตร์ ทำให้ต้องดั้นด้นไปที่นั่น บนเนื้อที่ 25 ไร่แห่งนี้เคยเป็นสวนธรรมดา แต่เมื่อปี 1822 ถูกใช้พื้นที่สร้างเป็นสุสานสำหรับบุคคลชั้นนำของอาร์เจนตินา เช่น พวกบรรพบุรุษของตระกูลประธานาธิบดี กวี และคนมีชื่อเสียง แต่ต้นเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวแห่แหนเดินทางมาที่นี่ ก็เพื่อแวะชมสุสานของสตรีหมายเลข 1 ของอาร์เจนตินาอย่างเอวิตา เปรอง

ด้านในของสุสานแห่งนี้อาจจะมีร่างไร้วิญญาณกว่า 2,000 ร่างนอนสงบนิ่งอยู่ แต่ร้อยทั้งร้อยของนักท่องเที่ยวที่เดินเข้ามา เป็นต้องถามหาสุสานของเอวิตา ตลอดเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังสุสานของเอวิตา เราอาจจะพบกับสุสานที่วิจิตรอลังการของหลายๆ คน แต่แปลกดีที่สุสานของเธอกลับไม่โดดเด่นอลังการ เป็นเพียงสุสานธรรมดา แต่กลับถูกห้อมล้อมไว้ด้วยผู้คนจากทั่วโลก

บทจะต้องบอกลา บูเอโนสไอเรส ก็เป็นอีกครั้งที่ทำให้นึกอาวรณ์ สองครั้งวองคราที่ได้คลุกคลีกับเมืองนี้ สำหรับบางคนอาจจะอิ่มและเบื่อ แต่บอกได้เลยว่า เมืองเสน่ห์จัดจ้านอย่างบูเอโรสไอเรสจะกี่ทีกี่เที่ยวก็คงอาวรณ์กันไม่หาย เป็นแบบนั้นจริงๆ






โดย : กาญจนา หงษ์ทอง
กิน ดื่ม เที่ยว @คมชัดลึก

ไม่มีความคิดเห็น: