หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อินเลิฟ“ซานโตรินี”

ให้อมอะโครโพลิสมาพูดก็แทบไม่อยากเชื่อว่า นี่คือเมืองที่ผ่านการถูกเขย่ามาอย่างรุนแรงเมื่อ 50 กว่าปีที่ผ่านมานี่เอง เพราะภาพบ้านเรือนที่เลื้อยไล่ไปตามระเบียงผาที่อยู่ตรงหน้า แทบไม่เหลือริ้วรอยการถูกภัยธรรมชาติระรานเลยด้วยซ้ำ


หมู่บ้านเอีย (Oia) แห่งเกาะซานโตรินี (Santorini) ประเทศกรีซ ยังคงงดงามราวกับภาพวาด แรกเห็นซานโตรินีเมื่อ 2 ปีก่อน ได้แต่ยืนอ้าปากค้างกับความสวย โมงยามเคลื่อนไปก็ยังผุดลุกผุดนั่งบนเรืออย่างคนคิดถึงกันตั้งแต่เฟอร์รี่ตีโค้งให้เห็นเหลี่ยมแรกของเกาะ


นี่ถ้าไม่รักกันจริง มีหรือจะดั้นด้นกลับมาหาอีก เกาะซานโตรินีก็ใช่ว่าจะไปมาหาสู่กันง่ายๆ เหมือนเกาะเสม็ดเสียเมื่อไหร่ นี่ยังดี เที่ยวนี้สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ (0-22310300-7) ยอมให้เกาะเรือบินไปลงที่เอเธนส์ พอถึงที่นั่น คราวนี้ใครจะลงเรือหรือนั่งเรือบินก็ขึ้นอยู่กับความหนักเบาของกระเป๋าสตางค์และตัวเลขวันพักผ่อนของแต่ละคน เพราะถ้าเลือกนั่งเรือก็ต้องสละเวลาเกือบทั้งวันอุทิศให้แก่การเดินเรือ แต่ถ้าเลือกนั่งเรือบินใช้เวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมง ก็ต้องสละเงินหลายพันอุทิศให้เจ้าของสายการบิน

แต่ไม่ว่าใครจะไปหาเกาะซานโตรินีด้วยวิธีไหน ขอให้รู้ว่า ในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมเป็นเดือนที่ยุโรปมีราคาแพง ซานโตรินีเองก็เช่นกัน ถ้าไม่จับจองที่พักไปก่อนอาจไม่มีที่ให้เอนหลัง ฉันเองถึงจะไปในช่วงต้นฤดูร้อน แต่ก็ไม่ประมาท คลิกเข้าไปจับจองห้องพักกับเว็บไซต์อโกดา(www.agoda.co.th) ให้เรียบร้อยก่อน เพราะเคยผิดพลาดเรื่องหาที่พักเมื่อคราวมาครั้งก่อน คราวนี้ไม่ประมาท เลือกพักย่านฟิร่าที่อยู่ใจกลางเกาะไปเลย ปักหลักที่นั่น แล้วจะไปเที่ยวไหนค่อยว่ากัน


เที่ยวนี้ พักฟิร่า แต่ใจพุ่งไปหาหมู่บ้านเอีย ไม่ใช่เพราะเอียเป็นหนึ่งในมุมดูพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในโลก แต่ทุกมุมของเอียชวนให้คิดถึงอยู่บ่อยๆ ซอกซอยของเอียราวกับมีมนต์ เหนี่ยวให้ทุกคนเดินผลุบเข้าออกได้เป็นวักเป็นเวร


เอียมีบ้านสีละมุนตาคอยหลอกล่อให้ทุกคนบันทึกเข้าเมมโมรี่การ์ด มีอาร์ตแกลเลอรี่ที่อวดผลงานศิลปะงามๆกระจายอยู่ทั่วหมู่บ้าน มีเสื้อผ้าเก๋ๆ ในแบบสาวชาวเกาะขายอยู่เต็มไปหมด  ความจริงไม่ต้องช็อปอะไร แค่เดินสอดส่องดูการแต่งร้านของที่นี่ก็คุ้มแล้ว หรือถ้าไม่อยากเสียเงิน จะหาคาเฟ่เหมาะๆ แล้วนั่งแฮงก์เอาท์จิบวิว แค่นี้ก็อิ่มได้เหมือนกัน


อย่างคนมีเวลาให้ซานโตรินีเหลือเฟือ เที่ยวนี้เลยไม่ยอมพลาดเลยสักซอย เรียกว่าซอกเล็กซอยน้อยแค่ไหนก็ต้องผลุบเข้าไปดู แล้วก็พบว่า ต่อให้ตรอกนั้นแคบและเปลี่ยวแค่ไหนก็มีความสวยความน่ารักรออยู่ที่ปลายทาง บางซอยดูวิเวกเชียว พอเดินเข้าไปถึงได้เห็นว่า มีหลังคาโบสถ์สีฟ้าเข้มเป็นฉากสวยๆ


โบสถ์สีขาวที่ยอดโบสถ์คลุมด้วยโดมสีฟ้า มีระฆังประดับความงาม เมื่อถูกตัดด้วยสีครามของฟ้ามีริ้วของผืนน้ำเป็นฉากหลัง ช็อตแบบนี้จึงถูกนักท่องเที่ยวจับเข้าเฟรมกันทุกคน ดูเหมือนเอียยังฮอตไม่เลิก วันนี้เดินสวนกับคู่บ่าวสาวที่มาถ่ายรูปกันหลายคู่แล้ว ยังไม่รู้ว่าช่วงรอดูดวงตะวันหล่นใส่ ทะเลอีเจียน จะมีใครมานั่งคุกเข่าขอแต่งงานอีกหรือเปล่า เที่ยวก่อนเจอมาแล้ว เพราะโรแมนติกเกินห้ามใจ หนุ่มเลยขอแต่งงานกับแฟนสาว โดยมีทะเลอีเจียนและนักท่องเที่ยวนับร้อยเป็นพยานรักบนป้อมชมวิว ฉันหวนกลับไปยืนปักหลักบนป้อมปราการแห่งนี้อีกครั้ง โดยหวังว่าจะได้เห็นภาพหวานๆ ที่น่าจดจำแบบนั้นอีก


เป็นแบบนี้ทุกวัน เมื่อจวนได้เวลาพระอาทิตย์ตก กองทัพนักท่องเที่ยวที่กระจายตัวอยู่บนเกาะซานโตรินี จะพากันแห่แหนมายืนออกระจุกตัวกันตรงป้อมชมวิวริมชายขอบหมู่บ้านเอีย เสียงชัตเตอร์รัวใส่ทะเลไม่ยั้งมือ ราวกับว่ามีซูเปอร์โมเดลยืนโพสท่าอยู่ตรงหน้า ยิ่งใกล้ชุดฟินาเล่ ดูเหมือนบรรดาช่างภาพจากทั่วมุมโลกก็พากันลั่นชัตเตอร์ชนิดหูดับตับไหม้



ถึงแม้วันนี้อากาศออกจะขมุกขมัวเล็กน้อย แต่นักท่องเที่ยวยังเฝ้ารอดูการทำหน้าที่ในวินาทีสุดท้ายของดวงตะวัน แสงสีส้มอมชมพูระเรื่อทาบทาไปทั่วผืนน้ำ บ้านขั้นบันไดที่เคยเห็นสีขาวนวลตา ยามนี้ถูกอาบไว้ด้วยสีละมุน เป็นฉากที่เหมือนภาพวาด กังหันโบราณโรยยิ้มใส่ทะเลอีเจียน บนดวงหน้าของผู้คนอาบความสุข ความโรแมนติกแผ่คลุมไปทั่วเกาะ เพราะแบบนี้ใครๆ ก็หลงรักซานโตรินี

แล้ว "ซานโตรินี" ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า บ้านของความโรแมนติกอยู่ที่นี่ มันไม่เคยย้ายที่พำนัก เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร

โดยกาญจนา หงษ์ทอง
เที่ยวนี้ขอเล่า @คมชัดลึก
วันที่ 7 สิงหาคม 2554

ไม่มีความคิดเห็น: