หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เลียบคลองลัดทุ่งที่"เวนิส"แห่งอังกฤษ

ไลฟ์สไตล์ @คมชัดลึก


ที่อิตาลี ผู้คนนับล้านที่เยือนเวนิสต่างล่อง "เรือกองโดลา" ลัดเลาะเลียบคลองเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศ แต่ที่นี่เวนิสแห่งอังกฤษ บนสองเท้า เราจะพาไปชมเมืองที่โรแมนติกที่สุด 


อากาศเย็นๆ สายลมไหวๆ พัดหอบมวลอากาศสดชื่นกลิ่นหอมของทุ่งหญ้า เป็นบรรยากาศที่ต่างจากเมืองใหญ่อันแสนวุ่นวาย รถบัสพูลแฮม (Pulham&Sons) เลี้ยวเข้าถนนสายเล็กๆ ผ่านทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์สองข้างทาง ในที่สุดเราก็มาถึง Bourton-on-the-water หรือเบอร์ตัน เวนิสแห่งอังกฤษ สถานที่ตากอากาศยอดนิยมของเหล่าบรรดาเซเลบริตี้เมืองผู้ดี
บ้านหิน สีน้ำตาลเหลืองนวลตาเหมือนหมู่บ้านในเทพนิยายสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 หรือเทียบเท่ากับปลายสมัยอยุธยาของไทย ยังคงเอกลักษณ์ไว้ไม่เปลี่ยนแปลง แม่น้ำเล็กๆ (Windrush) ไหลผ่านกลางเมือง น้ำใสแจ๋วและเย็นสดชื่น ทะลุเบื้องล่างเห็นก้อนกรวดที่ท้องน้ำ ปลาเทราท์ตัวแบนลายจุดว่ายเฉียดหิน มีเพียงเป็ดฝูงใหญ่ที่ทำลายความสงบริมน้ำในยามเช้า นักท่องเที่ยวยังไม่มากนักอาจด้วยเพราะฝนตกพรำในหน้าร้อนเช่นนี้แต่เช้า ตรู่
สะพานหินแบบโค้งสีเดียวกับหมู่บ้านเชื่อมสองฟากของคลอง ยามนั่งห้อยขาเล่นกลางสะพาน เพื่อทัศนาบรรยากาศรอบๆ สายลมพัดหอบความเย็นสดชื่นของผืนน้ำขึ้นมา เมื่อตกสายเด็กเล็กๆ เริ่มวิ่งลงเล่นน้ำกันอย่างสนุก นักท่องเที่ยวก็จับจองที่นั่งเพื่อชมบรรยากาศในคาเฟ่ที่มีสวนกลางแจ้งอยู่ ด้านหน้าเพื่อจิบชา และรับประทานบรันช์ (Brunch คืออาหารมื้อเช้าและกลางวันแบบควบรวม ผู้คนที่นี่มักตื่นสายในวันหยุด)

บ้านริมคลองนี้ส่วนมากผันตัวเองเป็นโรงแรม ผับและร้านอาหาร แบบทำกันเองในครัวเรือน เป็นโอกาสที่เราจะได้ชิมอาหารฝีมือบ้านๆ แต่รสชาติดีของแถบนี้ เพื่อเพิ่มพลังสำหรับการเดินทางทั้งวัน เราเลือกทาน มันฝรั่งจิ๋ว หรือที่เรียกว่า New Potato คู่กับ ไส้กรอกแบบอังกฤษ (English Sausage) ซึ่งเนื้อจะหยาบกว่าไส้กรอกเยอรมัน
แผนที่แบบละเอียดแบบขาว-ดำ ราคาสองปอนด์ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบอกเราว่ามีหลายเส้นทางเพื่อเดินไป ยังเมืองรอบๆ เส้นทางประมาณ 8 กิโลเมตรพาเราเดินลัดเลาะทะเลสาบสามสี่แห่ง ครอบครัวส่วนใหญ่เลือกที่จะตั้งเต็นท์เล็กๆและเตรียมเสบียงมานั่งตกปลา และจำนวนไม่น้อยเดินทางแบบรถคาราวาน รถยนต์พ่วงตู้ที่พัก ภายในเป็นที่นอนและบรรทุกอุปกรณ์แคมปิ้งหลากหลายชนิด ทั้งเต็นท์เก้าอี้นั่งเหมือนย้ายสวนหลังบ้านกันมาเลยทีเดียว

เมื่อเมฆเคลื่อนตัว แสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านกระทบผืนน้ำสะท้อนแสงสีเงินตัดกับสีเขียวเข้มๆ ชวนให้นึกถึงภาพวาดของเทอร์นเนอร์ (Turner) จิตรกรชื่อดังชาวอังกฤษ ตลอดทางเดินต้นเบอร์รีและแอปเปิ้ลที่ขึ้นประปรายตามทางเป็นอาหารของนกที่ส่ง เสียงร้องให้ความบันเทิงใจ

นอกเหนือจากแคมปิ้งแล้ว ยังมีกิจกรรมหลากหลายเหมาะสำหรับครอบครัวเช่น เวิร์กช็อปทำน้ำหอม เมืองจำลอง สวนนก (Bird Farm) เกมเมซ (Maze) แต่ที่ได้ใจผู้ใหญ่หัวใจเด็กที่สุดต้องยกให้ Railway อาคารแบบเก่าแบ่งพื้นที่ภายในเป็นสามห้องจัดแสดง

เสน่ห์ของรถไฟคงอยู่ที่การสร้างแบบจำลองซึ่งรวมถึงเมืองและชุมชนสองข้าง ทางทั้งชุมชนเมืองและชนบท ทั้งรถไฟ รถราง กระเช้าลอยฟ้าและรถบัสต่างเคลื่อนที่อัตโนมัติชวนให้เราเชื่อว่าเมืองเล็กๆ ข้างหน้านี้มีชีวิตจริงๆ รู้ตัวอีกทีก็เมื่อนิทรรศการจบลง บริเวณหน้าร้านมีแบบจำลองรถไฟให้นักท่องเที่ยวเลือกติดไม้ติดมือกลับบ้าน แต่เมื่อดูจากราคาแล้วคงเป็นของเล่นผู้ใหญ่มากกว่าของเด็ก
อีกเส้นทางที่เราตั้งใจสำรวจคือเส้นทางที่ผ่านท้องทุ่งสีเหลือง เป็นระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร มุ่งไปยัง โลวเออร์ สลาฟเตอร์ (Lower Slaughter) เพราะการเดินนี่เองที่พาเราผ่านทุ่งปริศนา ทำให้ทราบว่าที่จริงมันคือทุ่งข้าวสาลี รวงข้าวสีเหลืองทองพร้อมแล้วสำหรับการเก็บเกี่ยว

ปลายทุ่งข้าวสาลีปรากฏบ้านน่ารักเหมือนบ้านช็อกโกแลต เราก็รู้ทันทีว่าได้มาถึง โลวเออร์ สลาฟเตอร์แล้ว ที่นี่เงียบกว่าเบอร์ตันมาก คาเฟ่ริมคลองที่กักเก็บน้ำไว้บริเวณโรงนาเก่า (Old Mill) นี้บรรยากาศเงียบสงบและงดงาม ชาใส่นมและเค้กแครอทโฮมเมดทำให้ร่างกายคึกคักขึ้น เราซื้ออาหารเป็ดซึ่งเป็นเมล็ดธัญพืชหลากชนิดที่บรรจุใส่ถุงกระดาษ มองซ้ายขวาหาเป็ดสักพัก เจ้าของร้านบอกว่าเป็ดมันจะมาหาคุณเอง

ฉับพลันที่เมล็ดธัญพืชโปรยปรายลงน้ำ เจ้าเป็ดฝูงใหญ่มุ่งหน้ามาริมน้ำด้านเราทันที แย่งอาหารที่มีจำกัด เมื่ออาหารเริ่มหมดถุง เจ้าเป็ดหัวใสต่างก็ดำผุดดำว่ายเพื่อไปกินอาหารที่ร่วงตกบนท้องน้ำ ทั้งกินทั้งทำความสะอาดอย่างรู้หน้าที่พลเมืองเป็ด

นอกจากการเดินชมธรรมชาติจะทำให้เราสัมผัสสิ่งรอบตัวได้มากกว่าที่เคย แม้กระทั่งสายลมที่ผ่านหู ทุ่งสาลีสุดลูกตา รอยยิ้มเพื่อนข้างทางและเม็ดเหงื่อที่ผ่านรูขุมขน เรายังได้เรียนรู้อีกสิ่งหนึ่งคือความเป็น นักอนุรักษ์ของชาวอังกฤษ ที่สามารถดำรงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของชุมชน ท่ามกลางการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและตัวเมือง

...นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมเบอร์ตันจึงไม่เคยปราศจากนักท่องเที่ยวเลย

หากได้ไปลอนดอนและยังพอมีเวลาวันสองวัน อย่าลืมเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศแบบชนบทอังกฤษและจะพบว่าอังกฤษมีอะไรให้ค้นหาอีกมาก

www.oknation.net/blog/rhythms

ไม่มีความคิดเห็น: