หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สถานีต่อไป...ฝรั่งเศส

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม 2553
โดย : ลิเวอร์ เบิร์ด @กรุงเทพธุรกิจ


มันอาจจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่มีรายงานระบุว่าประเทศฝรั่งเศสเป็น ประเทศที่ผู้คนมีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในยุโรป เพราะคนอังกฤษเกือบ 20 ล้านคนก็แห่กันไปเที่ยวพักผ่อนที่นั่นทุกปี ผลสำรวจล่าสุดของเว็บไซต์ uSwtich.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์เพื่อผู้บริโภคในประเทศอังกฤษพบว่าชาวฝรั่งเศสมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าประเทศอื่นๆ ในยุโรป


แต่ข้อมูลที่น่าเป็นห่วงก็คือ 1 ใน 3 ของชาวยุโรปคิดว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศอื่น และแน่นอนฝรั่งเศสเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของพวกเขา


เว็บไซต์ดังกล่าวมีการสำรวจคุณภาพชีวิตของคนในประเทศชั้นนำของยุโรป 10 ประเทศ โดยวัดจากปัจจัย 16 ด้าน เช่น รายได้ อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ราคาสินค้าปัจจัยพื้นฐาน เช่น ราคาน้ำมัน อาหารและค่าไฟฟ้า ปัจจัยที่มีผลต่อรูปแบบการดำเนินชีวิต เช่น จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด จำนวนวันหยุด ชั่วโมงการทำงานและอายุขัย

ชาวเมืองน้ำหอมครองตำแหน่งคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในยุโรปเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน แม้ว่ารายได้ต่อครัวเรือนของคนฝรั่งเศสจะอยู่ที่ประมาณ 1.6 ล้านบาทต่อปีและน้อยกว่าคนอังกฤษ 200,000 บาท แต่ผลสำรวจก็พบว่าคนฝรั่งเศสเป็น คนที่มีอายุยืนที่สุดคือ 81.09 ปี มีช่วงอายุของการเกษียณที่เร็วที่สุดคือ 59.3 ปีซึ่งครองตำแหน่งร่วมกับคนไอร์แลนด์ และมีค่าใช้จ่ายเพื่อดูแลสุขภาพสูงที่สุดคือ 11 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี

ส่วนดัชนีชี้วัดด้านอื่นๆ ก็อยู่อันดับต้นๆ เช่นกัน เช่น คนงานมีวันหยุดนานถึง 36 วันต่อปี แต่ฝรั่งเศสมีจำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดดใน 1 ปีมากเป็นอันดับที่ 3 คือ 1,967 ชั่วโมง รองจากสเปนและอิตาลีที่มี 2,665 และ 2,356 ชั่วโมงตามลำดับ


และเมื่อเทียบกับชาวผู้ดีของประเทศมหาอำนาจอย่างอังกฤษแล้ว ชาวเมืองน้ำหอมมีคุณภาพชีวิตที่เหนือกว่าในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพ รายได้ อายุขัย สุขภาพ ช่วงอายุที่เกษียณ จำนวนวันหยุดและจำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด

จริงๆ แล้วอังกฤษมีดัชนีชี้วัดคุณภาพของชีวิตที่ดีหลายด้าน เช่น อัตราภาษีมูลค่าต่ำ ค่าจ้างที่เหมาะสม และจำนวนชั่วโมงการทำงานที่ไม่หนักเกินไป แต่เมื่อดูโดยรวมทุกอย่างแล้วชาวผู้ดีมีคุณภาพชีวิตดีเป็นอันดับรองสุดท้าย เหนือจากไอร์แลนด์หรือแย่ที่สุดรองจากไอร์แลนด์


ในอดีตชาวผู้ดีจัดว่ามีรายได้สูงที่สุดในยุโรป แต่มาตอนนี้พวกเขาถูกชาวเดนมาร์ก ฮอลแลนด์ และไอร์แลนด์แซงหน้าแล้ว จากผลสำรวจพบว่ารายได้ต่อครัวเรือนต่อปีของคนอังกฤษหลังหักภาษีแล้วอยู่ที่ ราว 1.8 ล้านบาท ในขณะที่ชาวเดนมาร์กอยู่ที่ 1.9 ล้านบาท ชาวเนเธอร์แลนด์ 2 ล้านบาท และชาวไอริช 2.1 ล้านบาท


ผลสำรวจยังพบว่าราคาอาหารในประเทศอังกฤษแพงกว่าประเทศอื่นอย่างสเปนและฝรั่งเศส นอกจากนี้คนอังกฤษยังจ่ายค่าน้ำมันดีเซลเฉลี่ยลิตรละ 56.59 บาท ส่วนคนฝรั่งเศสจ่าย ในราคาลิตรละ 47.13 บาท นอกจากนี้ราคาน้ำมันไร้สารตะกั่ว ค่าไฟฟ้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ในประเทศอังกฤษก็สูงกว่าราคาเฉลี่ยของประเทศ ในยุโรป

คนอังกฤษดูจะเป็นคนทำงานหนักเพราะมีอายุเฉลี่ยของคนที่จะเกษียณอายุอยู่ สูงเป็นอันดับ 4 คือ 63.1 ปี และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่คนที่ทำงานจนเกือบจะถึงบั้นปลายของชีวิตคือชาวไอริช เนเธอร์แลนด์และสวีเดน คนอังกฤษมีอายุขัยที่สั้นกว่าคนฝรั่งเศส สเปน เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สวีเดน และอิตาลี คือ 79.16 ปี และคนงานอังกฤษยังมีวันหยุดน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากเนเธอร์แลนด์ คือ มีเพียง 28 วัน

ตัวเลขที่ไม่น่าเชื่ออีกอย่างหนึ่งก็คือ คนอังกฤษมีการใช้จ่ายเพื่อการศึกษาและสุขภาพน้อยกว่าคนชาติอื่นยกเว้น ไอร์แลนด์และโปแลนด์ที่มีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพน้อยกว่าคนอังกฤษ ส่วนการใช้จ่ายด้านการศึกษานั้นคนอังกฤษและคนไอร์แลนด์มีการใช้จ่ายเท่ากัน

"แม้ว่าผลสำรวจปีที่แล้วอังกฤษจะอยู่ในอันดับที่ไม่ดีนัก แต่เราก็ยังร่ำรวยเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านในยุโรป แต่มาปีนี้เราทั้งแย่ทั้งจน เพราะตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่สูง และคงอีกนานกว่าที่พวกเราจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีเหมือนกับประเทศอื่นๆ ในขณะที่คนประเทศอื่นเขาทำงานเพื่อมีชีวิตอยู่ แต่คนอังกฤษกลับมีชีวิตอยู่เพื่อการทำงาน" แอนน์ โรบินสัน ผู้อำนวยการด้านนโยบายผู้บริโภคของเว็บไซต์ uSwitch กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น: