หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ธรรมชาติ


ปีนี้อากาศหนาวรีบร้อนมาพบกับชาวไทยโดยไม่ยอมรอให้น้ำท่วมหายหน้าหายตาไปก่อน

กรมอุตุฯรายงานว่า ปีนี้ฝนตกชุก เป็นเหตุให้ความหนาวป้วนเปี้ยนอยู่ในเมืองไทยนานกว่าทุกปีที่ผ่านมา

ฝนกับหนาว หรือน้ำกับอากาศ ทำไมจึงมาสัมพันธ์กันด้วยก็ไม่รู้

หนาวยาว ยิ่งยาวเท่าใดคนไทยชอบ แต่ต้องหมายถึงหนาวแบบธรรมดา ๆ

ถ้าเป็นการหนาวจัด คงไม่มีผู้ใดชอบ ยกเว้นคนขายเสื้อหนาว และคนที่หากินกับความหนาว

นับว่าเมืองไทยโชคดี ที่บริเวณส่วนใหญ่มีอากาศหนาวพอดิบพอดี


สำหรับปีนี้พิเศษหน่อยตรงที่บริเวณที่ถูกน้ำท่วมเล่นงานยังมีความหนาวเข้ามาอีกแรง

ต้องใส่เสื้อหนาวลุยน้ำไม่ใช่เรื่องสนุกเลย

ขณะที่น้ำกำลังท่วมทางภาคเหนือและอีสาน รวมทั้งอีกหลายจังหวัดในภาคกลางอยู่เพลิน ๆ

พายุฝนได้แอบไปโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงชนิดมืดฟ้ามัวดินในหลายจังหวัดทางภาคใต้

ที่เป็นเช่นนี้ เข้าใจว่าพายุฝนกลัวจะถูกกล่าวหาว่าสองมาตรฐานก็เป็นได้ จึงพยายามตกให้ทั่วฟ้า

ถูกแล้ว เมื่อฝนนำน้ำไปท่วมทางภาคอื่นไปแล้ว ก็ควรส่งน้ำไปท่วมทางภาคใต้เสียบ้างเพื่อความเสมอภาค

ถึงอย่างไร คนภาคใต้ก็คงไม่พอใจพายุฝนโดยเฉพาะคนหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ทั้งนี้ก็เพราะน้ำท่วมที่หาดใหญ่มากกว่าทุกแห่งในประเทศไทย

น้ำท่วมที่จังหวัดอื่น ๆ มักจะท่วมนอกเมือง ทว่าที่หาดใหญ่ท่วมในตัวเมือง น้ำท่วมกวาดเรียบทั้งเมือง

ทำให้ทรัพย์สินเสียหายทั้งตึกรามบ้านช่อง ถนนหนทางและสินค้าที่วางขาย คิดเป็นเงินไม่น่าจะต่ำกว่าสองหมื่นล้านบาท

หากรวมค่าสูญเสียโอกาสของธุรกิจการค้าที่หาดใหญ่มีรายได้จากการท่องเที่ยว คงเสียหายเพิ่มอีก ไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท

เพราะคนมาเลเซียนิยมมาเที่ยวหาดใหญ่แต่ละวันไม่น้อย

ภาคใต้ไม่ได้ถูกพายุฝนเล่นงานเฉพาะหาดใหญ่หรือสงขลาเท่านั้น จังหวัดอื่น ๆ ก็โดนกันทั่วถึง มากบ้างน้อยบ้าง

นับวันยิ่งพบว่า ปรากฏการณ์ฝนตกน้ำท่วมกลายเป็นนิสัยประจำตัวของประเทศไทยไปเสียแล้ว

ถ้าผมจำไม่ผิด เฉพาะที่หาดใหญ่น้ำเคยท่วมใหญ่ทั้งเมืองมาแล้วเมื่อปี 2543 มาถึงวันนี้เป็นระยะเวลา 10 ปี พอดิบพอดี ที่น้ำกลับมาท่วมใหญ่อีกครั้ง

ถือว่าปีนี้ภัยธรรมชาติได้เล่นงานประเทศไทยหนักเหลือเกินจนรัฐบาลตั้งหลักไม่ทัน ตั้งตัวไม่ติด

นับว่ายังดีที่ภาคเอกชนได้ร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือผู้เดือดร้อน อีกทั้งยังมีน้ำใจจากคนไทยทุกเพศทุกวัยทุกอาชีพทั่วประเทศอีก

ทำให้เห็นว่า ถึงอย่างไรคนไทยก็ยังน่ารักและรักกัน ถึงแม้ยามปกติจะทะเลาะกัน จะฆ่าแกงกัน

แต่พอคนในชาติถูกภัยธรรมชาติเล่นงานก็เลิกคิดเรื่องอื่นหมด หันมาช่วยกันคนละไม้คนละมือช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจากน้ำท่วม

ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทำให้รู้ว่า ทั้งรัฐบาลและประชาชนชาวไทยจะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้อีกแล้ว เพราะปีต่อไปและต่อไป ถ้ามีฝนตก ต้องมีน้ำท่วมอีกอย่างแน่นอน

จึงต้องยอมรับได้แล้วว่า เมื่อถึงหน้าฝน น้ำจะต้องท่วม

รัฐบาลหรือทางการจึงต้องวางแผนป้องกันให้มีน้ำท่วมน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้

เป็นไปได้ไหมที่เกิดน้ำท่วมใหญ่เป็นเพราะป่าไม้ถูกทำลาย

เพราะป่าก็เหมือนผมบนศีรษะ ถ้ามีผม เวลาเอาน้ำรดหัว น้ำจะค่อย ๆ ทยอยไหลลงมาอย่างบรรจง

แต่ถ้าเป็นคนหัวล้าน หรือพระหัวโล้น บนหัวไม่มีเส้นผม

พอใช้น้ำรดหัว น้ำจะไหลเชี่ยวลงมาทันทีเพราะไม่มีเส้นผมคอยซับน้ำ

ทั้งหมดข้างต้นจึงควรหาทางแก้ไข

ทีนี้หันมาเรื่องของเราคนไทยแต่ละคนบ้าง ต่อไปนี้ควรเลิกคิดพึ่งพารัฐบาลได้แล้ว ให้หันมาพึ่งพาตนเองก่อน

เมื่อรู้ว่าหน้าฝนยังไง ๆ น้ำจะต้องท่วม ก็ควรเตรียม พร้อมไว้เสียเนิ่น ๆ โดยเตรียมอาหาร เตรียมน้ำ เตรียมไฟฉาย และให้ยกพื้นบ้านให้สูงขึ้นกว่าระดับน้ำที่เคยถูกท่วมมาแล้ว

ถ้าสร้างบ้านอยู่ในชนบท ควรสร้างแบบใต้ถุนสูง เพื่อจะได้หนีน้ำในฤดูน้ำท่วมได้ อย่างนี้เป็นต้น หรือถ้าเป็นร้านค้าก็ให้เปิดร้านขายของชั้นล่าง พอหน้าฝนก็ให้ขึ้นไปขายชั้นบน

ขอย้ำเหมือนที่ผมเคยย้ำว่า ให้ยอมรับได้แล้วว่า หน้าฝนของเมืองไทยน้ำต้องท่วม เหมือนหน้าหนาวในยุโรปที่คนของเขาก็ยอมรับว่าหน้าหนาวหิมะต้องตก

เราจะต้องอยู่กับธรรมชาติให้ได้.

ไมตรี ลิมปิชาติ /เดลินิวส์
สบาย ๆ สไตล์ "ไมตรี"
-------------------------------
เห็นด้วยกับบทความนี้ในหลาย ๆ เรื่อง การอยู่กับธรรมชาติให้ได้ ยอมรับ เตรียมพร้อมรับสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นมา บางสิ่งเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเราพยามยามไปเอาชนะมัน  อาจจะชนะได้ซักระยะ แล้วมันก็เกิดขึ้นอีก เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันจะง่ายกว่ามั้ย

ไม่มีความคิดเห็น: