หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

'ในหลวง'เสด็จฯทรงลอยพระประทีป


ในหลวงทรงแย้มพระสรวล โบกพระหัตถ์ให้พสกนิกร ในโอกาสเสด็จฯทรงลอยพระประทีปเนื่องในวันลอยกระทง พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ "หลวงพ่อคูณ" อวยพรวันลอยกระทง ให้คนไทยสามัคคี อยู่อย่างสันติ มีเมตตาธรรมให้แก่กัน งานสีสันแห่งสายน้ำพระราม8คึกคัก

เมื่อเวลา 19.09 น. วันที่ 21 พฤศจิกายน 2553 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ลงจากที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปยังท่าน้ำศิริราช เพื่อทรงลอยพระประทีปเนื่องวันลอยกระทงตามประเพณี

โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์เชิ้ตสีชมพูอ่อน ทับด้วยฉลองพระองค์สูทสีชมพูเข้ม พระสนับเพลายาวสีเทาเข้ม โดยมี รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีนิน หัวหน้าสำนักงานศูนย์โรคหัวใจสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เข็นรถเข็นไฟฟ้าถวาย ทรงถือกล้องถ่ายรูปไว้ในพระหัตถ์ขวา ทรงแย้มพระสรวลตลอดเวลาที่เสด็จฯ ไปยังท่าน้ำศิริราช ท่ามกลางเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหยุดถวายพวงมาลัยและทรงสักการะพระพุทธ เมตตาคุณากร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประจำโรงพยาบาลศิริราช และจากนั้นเสด็จฯ ต่อไปยังท่าน้ำศิริราช โดยทรงลอยพระประทีปขนมปังสีเหลืองก่อน และทรงลอยพระที่ประดิษฐ์จากดอกไม้สดตามโบราณราชประเพณีในการลอยในครั้งนี้ พร้อมทอดพระเนตรเรือประดับไฟและทรงถ่ายรูปเรือประดับไฟที่การท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทยจัดขึ้นเนื่องในเทศกาลลอยกระทงเหนือน่านน้ำเจ้าพระยาด้วย ประมาณ 40 นาที

ขณะที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงลอยพระทีปที่ทำจากขนมปังสีชมพู และระหว่างทอดพระเนตรเรือประดับไฟทรงถ่ายรูปเรือไฟและการจุดพลุ

เมื่อทรงลอยพระประทีปแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ไปยังพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงวางพวงมาลัยถวายราชสักการะที่โต๊ะหมู่หน้าพระราชานุสาวรีย์ ทรงฉายพระรูปพระราชานุสาวรีย์ แล้วเสด็จฯ ต่อไปยังศาลาศิริราช 100 ปี ทรงวางพวงมาลัยถวายราชสักการะที่โต๊ะหมู่บูชาหน้าพระรูปหล่อสมเด็จพระศรี นครินทราบรมราชชนนีและทรงฉายพระรูป จากนั้นเสด็จฯ ไปยังตึกสยามินทร์ ถวายราชสักการะพระบรมรูปหล่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประดิษฐานอยู่ด้านหน้าอาคาร ก่อนเสด็จฯ กลับห้องที่ประทับ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ในเวลาต่อมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักพระราชวังได้จัดเตรียมพระประทีปสำหรับทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 2 แบบ ประกอบด้วย แบบที่ 1 ประดิษฐ์ด้วยดอกไม้สดตามโบราณราชประเพณี ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 13 นิ้ว กลีบพระประทีปทำด้วยกาบพลับพลึงสีขาว พื้นกระทงประดับตกแต่งด้วยดอกรักสีขาว ดอกมัมสีเหลือง ดอกเดซี่สีม่วง และดอกบานไม่รู้โรยสีเขียว ประดับด้วยเครื่องทองน้อย ซึ่งด้านบนเป็นพานพุ่ม 3 พุ่ม ซึ่งประดิษฐ์จากดอกบานไม่รู้โรยสีเหลือง สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสีฟ้าสำหรับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

ส่วนธูปทำจากไม้ระกำเคลือบสีเงิน และเทียนทำจากขี้ผึ้งเคลือบสีทอง สำหรับถ้วยที่ใส่พุ่ม รวมทั้งเชิงธูปและเชิงเทียนประดิษฐ์จากเทียนปั้นแล้วเกลาเป็นรูปทรงถ้วย แล้วใช้พู่กันลงสีเป็นลวดลายตามโบราณราชประเพณี

แบบที่ 2 เป็นพระประทีปที่ทำจากขนมปัง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 นิ้ว โดยพระประทีปที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพระประทีปที่ประดิษฐ์ด้วยขนมปังผสมด้วยสีผสมอาหารสีเหลือง ซึ่งเป็นสีประจำพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตัวพระประทีปเป็นรูปกลีบบัวซ้อนกัน ภายในมีเครื่องทองน้อยประกอบด้วยดอกไม้จำลองที่ทำจากขนมปัง

ส่วนธูปทำจากไม้ระกำเคลือบสีเงิน และเทียนทำจากขี้ผึ้งเคลือบสีทอง ขณะที่พระประทีปที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประดิษฐ์จากขนมปังสีฟ้า ซึ่งเป็นสีประจำพระองค์ พร้อมกันนี้ก็จัดเตรียมพระประทีปทั้ง 2 แบบไว้ทูลเกล้าฯ ถวายและถวายแด่พระบรมวงศานุวงศ์ ทั้งยังจัดเตรียมกระทงขนมปังไว้สำหรับข้าราชบริพารที่ตามเสด็จ โดยเป็นฝีมือการประดิษฐ์ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายพระราชฐานชั้นในทั้งสิ้น

"หลวงพ่อคูณ"ให้คนไทยสามัคคี

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน พร้อมด้วยนายประเสริฐ บุญชัยสุข ส.ส.นครราชสีมา เขต 1 นายกิตติพงศ์ พงศ์สุรเวท ส.อบจ.นครราสีมา เขต 1 อ.เมืองนครราชสีมา และคณะ เข้าเยี่ยมและขอพรจากพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ซึ่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ขณะเดียวกันศิษยานุศิษย์ได้ถวายกระทง เนื่องในโอกาสวันลอยกระทง โดยหลวงพ่อคูณให้ลูกศิษย์นำไปลอยแทน

หลวงพ่อคูณกล่าวอวยพรว่า “เออ พี่น้อง ลูกหลานทั้งหลาย จงอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ไม่ทุกข์ร้อน ดีแล้ว ขอให้มีความสามัคคี มีเมตตาธรรมให้แก่กัน อย่าทะเลาะเบาะแว้งกัน อย่าว่ากู หรือมึง ขอให้อยู่กันอย่างสันติ และอยู่กันอย่างสบายกันทุกคน“



งานสีสันแห่งสายน้ำพระราม8คึกคัก

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศงานเทศกาลสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง ที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดขึ้น บริเวณสะพานพระราม 8 เริ่มมีประชาชนทยอยเดินทางมาร่วมงานอย่างคึกคัก ซึ่งตั้งแต่ในช่วงเย็นมีการประกวดกระทงของโรงเรียนใน กทม. ทั้ง 50 เขต ที่มีการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยวัสดุย่อยสลายง่าย แบ่งเป็นประเภทสวยงามและประเภทความคิดสร้างสรรค์ และประกวดนางนพมาศ โดยในเวลา 19.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บนเวทีเทศกาลสีสันแห่งสายน้ำฯ มีประกวดนางนพมาศประจำปี ตลอดทั้งคืนมีการแสดงของศิลปินสลับกับการประกวด ด้านล่างของเวทีมีจัดกิจกรรมรณรงค์ ลอยกระทงปลอด เหล้าของเยาวชน 15 ชุมชน ภายใต้ชื่อ “เกสรชุมชน” หมายถึงดอกไม้ของชุมที่ช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เช่น ไม่ดื่มเหล้าช่วงเทศกาลในชุมชน นอกจากนี้หลังเวทียังได้จัดสายพานน้ำไหลจากริมฝั่งลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ที่มาลอยกระทงได้จากริมฝั่ง ไม่ต้องยื่นมือลงไปในแม่น้ำ

บริเวณใกล้เคียงจุดจัดงานมีปล่อยขบวนเรือประดับไฟ สายน้ำสายวัฒนธรรม จำนวน 10 ลำ จากหน่วยงานต่างๆ ในเวลาประมาณ 19.00 น. ซึ่งขบวนเรือประดับไฟจะล่องตามแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มจากสะพานกรุงเทพฯถึงสะพานกรุงธน ประชาชนทยอมเดินทางเข้าร่วมงานตั้งแต่ช่วงบ่ายและเริ่มคึกคักมากขึ้นเรื่อย ๆ

บรรยากาศลอยกระทงที่สวนสันติชัยปราการ ซึ่งจัดขึ้นโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภายใต้แนวคิด “สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง 2553 “ เน้นบรรยากาศย้อนยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น มีประชาชนมาร่วมงานกันคับคั่งตั้งแต่ช่วงเย็น ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากตำรวจและเทศกิจ ส่วนใหญ่มากันเป็นครอบครัวและวัยหนุ่มสาว รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผู้ที่มาเที่ยวในงานจะได้พบกับบรรยากาศย้อนยุคและการออกร้านอาหารที่ต้องใช้ เงินพดด้วงซื้อสินค้า การสาธิตหัตถกรรมไทย การแสดงบนเวที เช่น การแสดงรำโทน ฟ้อนโคมบัว ขบวนกลองยาว ในบริเวณงานจะห้ามผู้มาร่วมงานนำบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประทัดและโคมไฟมาเล่นภายในงาน เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อผู้ที่มาเที่ยวงาน และกระทงที่จะนำไปลอยในสวนสันติชัยปรากร จะเน้นกระทงวัสดุธรรมชาติ

กรมเจ้าท่าและหลายหน่วยงานพร้อมดูแลประชาชน

นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ อธิบดีกรมเจ้าท่า ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการรักษาการทางน้ำ ในคืนวันลอยกระทง จำนวน 193 นาย พร้อมด้วยเรือยนต์รักษาการ 16 ลำ โดยทำหน้าที่ตั้งแต่เวลา 17.00 - 00.00 น. เพื่อรักษาความปลอดภัยแก่ประชาชนที่ออกมาลอยกระทงและ ล่องเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่คาดว่า จะมีจำนวนมากจนคับคั่งและอาจเกิดอุบัติเหตุได้ โดยได้แบ่งพื้นที่ปฏิบัติงานออกเป็น 3 พื้นที่ ได้แก่ ตั้งแต่สะพานพระราม 6 ถึงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าถึงสะพานพระปกเกล้า และพื้นที่ตั้งแต่สะพานพระปกเกล้าถึงสะพานพระราม 9

นอกจากนี้ ยังจัดกำลังเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งประจำบริเวณท่าเทียบเรือไม่น้อยกว่า 2 ราย พร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิตรวมทั้งจัดตั้งหน่วยควบคุมประจำท่าเรือโดยสาร 50 ท่า ซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน อาทิ กองทัพเรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการตำรวจน้ำ และ กทม. เป็นต้น

ทั้งนี้ กรมเจ้าท่าได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการ รวมทั้งผู้ใช้เรือและผู้ครอบครองโป๊ะเรือ ให้ระบุจำนวนคนและน้ำหนักที่โป๊ะแต่ละแห่งสามารถรับน้ำหนักได้ และต้องมีพวงชูชีพประจำโป๊ะเพื่อความปลอดภัยของประชาชน และขอให้ประชาชนระมัดระวังในการขึ้นลงเรือ หากว่ายน้ำไม่เป็นควรใส่เสื้อชูชีพ หรือเครื่องแต่งกายที่ถอดง่ายเพื่อสะดวกแก่ผู้ช่วยเหลือ ห้ามจุดดอกไม้ไฟในเรือ และบนโป๊ะเทียบเรือ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับตั้งแต่ 500-1,000 บาท.

ที่มา : คมชัดลึก

ไม่มีความคิดเห็น: