หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

"ลินเดา" ความงามที่แท้ของเยอรมนี

บนแผ่นกระดาษในโลกของนวนิยาย ผู้คนต่างรู้จัก "แชงกรีลา" ดินแดนแห่งความสุขสงบ สันติ และสวยงาม ผ่านเรื่อง "ลอส ฮอริซัน" (Lost Horizon) นวนิยายอมตะของเจมส์ ฮิลตัน (James Hilton) เรื่องราวของพระเอกนักการทูตหนุ่มชาวอังกฤษ ที่ถูกลักพาตัวไปยังเทือกเขาหิมาลัย กระทั่งนำไปสู่เมือง "แชงกรีลา" ในที่สุด

"แชงกรีลา" ในความรู้สึกนึกคิดของคนอ่านและติดตามนิยาย คือเมืองสวยงามราวความฝัน ยิ่งกว่านั้น ผู้คนมีอายุยืนยาวและอยู่อย่างพอเพียง "แชงกรีลา" จึงกลายมาเป็นฉายาที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกพยายามจะสถาปนาให้เมืองในประเทศของตัวเองได้เป็น



เมืองลินเดา ประเทศเยอรมนี ก็เช่นกัน ได้รับการยกย่องจากนักท่องเที่ยวให้เป็น "แชงกรีลา" แห่งเยอรมนี



เกาะขนาดเล็กทางตอนใต้ของประเทศแห่งนี้ อยู่ริมฝั่งทะเลสาบคอนสแตนซ์ กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวติดอันดับของยุโรป

หากดูตามแผนที่ ลินเดา ตั้งอยู่ในเขตชายแดนระหว่างสามประเทศ คือออสเตรีย เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเกาะซุกตัวอยู่ในทะเลสาบคอนสแตนซ์ และมีภูเขาแฟนเดอร์ตั้งตระหง่านอยู่


"ลินเดา" ได้รับการขนานนามครั้งแรกโดยนักบวชผู้มาจากเซนต์กัลเลน (ปัจจุบันตั้งอยู่บริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของสวิตเซอร์แลนด์) ซึ่งกล่าวว่าท่านเคานท์แห่งเมืองราเอเทีย นามว่าอดัลเบิร์ต เป็นผู้ค้นพบสำนักนักบวชหญิงบนเกาะแห่งนี้ ชาวโรมันมาตั้งรกรากที่นี่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 ซึ่งในปัจจุบันมีร่องรอยอยู่ในเมืองเอสชาช


ในปี ค.ศ.1180 มีผู้ค้นพบโบสถ์เซนต์สตีเฟนบนเกาะ ปี ค.ศ.1124 กลุ่มผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายแฟรนซิสกัน (คริสต์นิกายหนึ่งที่ก่อตั้งโดยนักบวชนามว่าเซนต์ ฟรานซิส ออฟ แอสสิสิ นักบวชนิกายนี้ใส่ชุดติดกันที่มีฮู้ดสีน้ำตาล) เริ่มก่อตั้งโบสถ์บนเกาะแห่งนี้ กระทั่งกลายมาเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรโรมัน ภายใต้การปกครองของกษัตริย์รูดอล์ฟที่ 1


ในประวัติศาสตร์ลินเดา มีเรื่องเศร้าใจเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1430 เมืองของชาวยิวราว 15 เมืองบนเกาะถูกเผา เนื่องจากชาวยิวถูกกล่าวหาว่าฆ่าเด็กชาวคริสต์ จากนั้นต่อมาหลังจากสงครามสามสิบปี (สงครามใหญ่ในยุโรประหว่างปี 1618-1648 เกิดขึ้นในพื้นที่เยอรมนีเป็นส่วนใหญ่ สาเหตุของสงครามระบุได้ไม่แน่ชัดนัก แต่ตอนเริ่มต้นเกิดขึ้นเพราะความขัดแย้งระหว่างนิกายโปรเตสแตนต์กับนิกายคาทอลิก ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรโรมัน) เกาะลินเดาได้จัดงาน "ชิลเดรน เฟสติวัล" เพื่อรำลึกถึงช่วงเวลาสงครามที่ผ่านมา


หลังจากการล่มสลายของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรโรมัน ลินเดาตกอยู่ใต้การปกครองของกษัตริย์
คาร์ล ออกูสต์ วอนเบรต์เซนเฮม (Karl August von Bretzenheim) และปี ค.ศ.1804 กษัตริย์คาร์ลยกเกาะลินเดาให้แก่ประเทศออสเตรีย ปีถัดมาออสเตรียก็คืนเกาะลินเดาให้รัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี


เกาะแห่งนี้มีทางเชื่อมกับแผ่นดินใหญ่ คือสะพานรถยนต์และทางรถไฟ


ด้านหน้าเมือง เป็นท่าเรือมีประติมากรรมรูปสิงโตตั้งตระหง่าน เคียงคู่กับประภาคารบาวาเรียเพียงหนึ่งเดียวของลินเดา ซึ่งสร้างขึ้นเป็นสัญลักษณ์โดดเด่น


ด้านหน้าเมืองที่มีรูปปั้นสิงโต มักเป็นจุดเริ่มต้นของการนัดหมาย และการเริ่มต้นเที่ยวชมเมืองแห่งนี้ เลาะเลียบไปตามแนวท่าเรือเป็นร้านกาแฟ และโรงแรมหรูหรา และหากตรงเข้าไปถนนสายหลักชื่อ "แมกซิมมิลเลี่ยน" ขาช็อปทั้งหลายคงต้องร้องกรี๊ดถูกใจ เพราะร้านสินค้าแบรนด์เนม ตกแต่งสวยงามด้วยสินค้าขึ้นป้าย "New Arrival" เรียงรายยั่วกิเลส สลับด้วยร้านอาหารรสเลิศ และร้านสินค้างานฝีมือพวกแฮนด์เมด แต่พอถามราคาต้องบอกว่า "แพงเอาการ"


ถนนแมกซิมมิลเลี่ยน ยังคงสภาพความเป็นถนนยุคโบราณ คือเป็นแผ่นศิลาแลงเรียงอัดแน่น ซึ่งทางเมืองเก็บรักษาเอาไว้ สองข้างทางเป็นบ้านขุนนางเก่าร่ายมนต์ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งหลาย บางหลังดัดแปลงเป็นร้านกาแฟ หรือเกสต์เฮาส์ อาคารบางแห่งนำมาใช้เป็นสำนักงานของรัฐบาลท้องถิ่น โบราณสถานสุดยอดของเมือง คือศาลากลางยุคเก่าอันใหญ่โต ที่ผนังเป็นภาพเขียนสี และโบสถ์เซนต์สเตฟาน


ชาวเมืองเล่าให้ฟังว่าเคยเกิดไฟไหม้กลางเมือง ทำให้ส่วนใหญ่ของเมืองได้รับความเสียหาย หลังไฟไหม้แล้ว ในปี ค.ศ.1728 มีการสร้างโบสถ์ขึ้นมาใหม่ในสไตล์บาโรค โดยสถาปนิกช่างใหญ่ชื่อ Giovanni Gaspare Bagnato


รอบเกาะมีทางเดินเท้าตลอดแนวทะเลสาบ เช้า ๆ และเย็น ๆ มักจะมีคนมาวิ่งออกกำลังกาย บางครั้งนอนเปลือยอกอาบแดดกันก็มี ถ้าวันนั้นท้องฟ้าแจ่มใส มีแดดแรง ส่วนอื่น ๆ ของเมืองนั้นก็มักจะทำเป็นสวนหย่อม หรือปลูกดอกไม้เลื้อยคลุมดินให้แพร่กระจายไปตามทางลาดชันของพื้น


อีกแห่งของเมืองลินเดาที่นักท่องเที่ยวไม่พลาด คือ เกาะไมเนา เกาะดอกไม้และสวนพฤกษศาสตร์ เป็นจุดท่องเที่ยวที่นิยมที่สุดในเยอรมนี เพราะมีสถิติบันทึกจำนวนนักท่องเที่ยวไปเยือนนับล้านคน ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่หน่อดอกไม้จำนวนมหาศาลเริ่มผลิบานไปจนถึง ปลายฤดูใบไม้ผลิ จะมีดอกกุหลาบนานาพันธุ์ ดอกรักเร่ และต้นไม้ใหญ่ แปลก ๆ เต็มทั้งเกาะ


ในช่วงหนึ่งของการเดินทางแห่งชีวิต "แชงกรีลา" อาจเป็นดินแดนที่ฝันหา โดยไม่เคยรู้ว่าสภาพที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร ขณะที่  "ลินเดา" เป็นเพียงภาพจำลองของแชงกรีลาตามความรู้สึกนึกคิด หากแต่สัมผัสได้ถึงความงาม สงบ และสันติ อย่างแท้จริง


Dlife@ประชาชาติธุรกิจ
เรื่อง : สกุณา ประยูรศุข
วันที่ 22 กันยายน 2554

ไม่มีความคิดเห็น: