หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553

10 เหตุการณ์เด่น 'กีฬาเทศ' ปี 2010

แล้วก็ถึงเวลาเปลี่ยนหน้าศักราชใหม่ จากปี 2010 สู่ 2011 ซึ่งไม่น่าเชื่อเวลาจะผ่านเลยรวดเร็ว ตั้งแต่เดือนม.ค. มาจนถึงเดือนธ.ค. เป็นเวลา 12 เดือนเข้าไปแล้ว หลายสิ่งมากมายไหลผ่านไปตามเวลาของโลกที่ไม่เคยหยุดหมุนรอบตัวเอง เช่นเดียวกับวงการกีฬาโลกที่ก็ไม่เคยหยุดเดินนาฬิกาของตัวมันเองเช่นกัน


ปี 2010 ถือเป็นปีที่วงการกีฬามีความเคลื่อนไหวมากที่สุดอีกหนึ่งปี นับตั้งแต่วินาทีแรก จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย ชนะ-แพ้ อยู่ในสายเลือดทุกเกมกีฬา และในโอกาสนี้ที่เราจะต้องลาจากโลกกีฬาปี 2010 "ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์" เลยขออาสาขุด 10 เหตุการณ์เด่นมาเตือนความจำคอกีฬาทุกท่านอีกครั้ง

01. ฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้
ปฏิเสธไม่ได้ว่าไฮไลท์สำคัญในปี 2010 ที่คอกีฬาทั่วทั้งโลกทุกคนรอคอยนั้น อยู่ในช่วงเดือนมิ.ย. เมื่อฟุตบอลโลก ครั้งที่ 19 ได้ระเบิดเปิดฉากขึ้นบนดินแดนกาฬทวีปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ลูกหนัง และเหมือนกันกับทุกครั้งที่ไม่ว่าเวิลด์คัพหนใด จะต้องทิ้งสิ่งที่ทุกคนจะพูดถึงไปอีกอย่างน้อยสี่ปี เช่นเดียวกับ เซาธ์แอฟริกา 2010 ครั้งนี้

สเปนคว้าแชมป์โลก, อังกฤษฟอร์มห่วย, หลุยส์ ซัวเรซ ทำแฮนด์ออฟก๊อด, ฝรั่งเศสประท้วง, ลูกบอลจาบูลานี, วูวูเซลา, ลาริสซา ริเกลเม ฯลฯ และอีกมากมาย รวมถึง "เจ้าหมึกพอล" ที่แม้มันจะลาโลกนี้ไปตามอายุขัยเรียบร้อย แต่ล่าสุดซีไลฟ์ อะควาเรียม ในโอเบอร์เฮาเซน เยอรมนี ได้เสาะหา "เจ้าหมึกพอล" ตัวใหม่มาทดแทนไว้แล้ว และต้องรอดูว่า เจ้าหมึกพอลเบอร์ 2 นี้จะทายผลบอลแม่นเหมือนตัวแรกหรือไม่


02. แมนนี ปาเกียว กับเข็มขัดแชมป์โลกเส้นที่ 8
กลายเป็นตำนานและความภาคภูมิใจแห่งชาวเอเชียอย่่างแท้จริง สำหรับ "แพ็คแมน" แมนนี ปาเกียว ที่ต้องยอมรับว่าปี 2010 นี้เป็นปีของโคตรกำปั้นตากาล็อก ไม่ว่าจะในหรือนอกสนาม กับการเอาชนะทั้ง โจชัว คล็อตเตย์ และ อันโตนิโอ มาร์การิโต จนสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักมวยคนแรกที่มีเข็ดขัดแชมป์โลกถึง 8 เส้น ขณะที่นอกสนาม ปาเกียว ยังได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้แทนราษฎร์ในจังหวัดซารังกานีบ้านเกิด อีกด้วย

แต่เหลืออีกเพียงสิ่งเดียวที่ยังคั่งค้างในใจของ ปาเกียว มาตลอดปีอันยิ่งใหญ่ รวมอาจจะต่อเนื่องยาวนานไปอีกหลายปี คือ ไฟต์ตัดสินความเป็นยอดมวยแห่งยุคกับ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ โคตรกำปั้นผู้ไม่เคยแพ้ใคร ในฐานะคู่ปรับคนสำคัญ และจนถึงบัดนี้ ปริศนาที่ว่าใครคือนักชกที่เก่งกว่ากันยังคงดำมืดต่อไป จนกว่าทั้งคู่จะได้เผชิญหน้ากันบนสังเวียนผ้าใบเพื่อตอบคำถามนี้เสียที


03.ราฟาเอล นาดาล แคเรียร์สแลมคนที่ 7 ของโลก
ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่บนเวทีลูกสักหลาดโลกเหนือคู่ปรับ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ อย่างเต็มตัว สำหรับ "เอล มาทาดอร์" ราฟาเอล นาดาล ที่นอกจากจะแซงขึ้นคว้าตำแหน่งนักหวดหมายเลขหนึ่งของโลกได้อีกครั้ง แร็คเกตเลือดกระทิงยังปลดล็อคคว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น แกรนด์สแลมรายการสุดท้ายรายการเดียวที่ยังขาดอยู่ จนได้ชื่อว่าเป็นนักเทนนิสเพียงคนที่ 7 ของโลกเท่านั้นที่สามารถทำ "แคเรียร์สแลม" หรือการคว้าแชมป์แกรนด์สแลมครบทั้งสี่รายการได้


และในปีที่ผ่านมา แฟนเทนนิสชาวไทยยังได้สัมผัสกับ นาดาล ตัวเป็นๆ เป็นครั้งแรก หลังเจ้าตัวเดินทางมาล่าแชมป์ในรายการไทยแลนด์ โอเพ่น แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายต้องร่วงตกรอบก่อนกำหนดแค่รอบตัดเชือก ทำให้แฟนบ้านเราต้องลุ้นกันว่า ปีหน้า "ราชาคอร์ตดิน" อย่าง นาดาล จะกลับมาชิงบัลลังก์แชมป์ไทยแลนด์ โอเพ่น อีกหรือไม่



04.เวย์น รูนีย์ ฉาวซื้อบริการทางเพศตอนเมียตั้งท้อง
ถือว่าไม่แปลกที่ทุกปี เรามักจะได้ยินข่าวฉาวจากวงการกีฬาของอังกฤษอยู่ร่ำไป เพราะสื่อเมืองผู้ดีจัดเป็นอันดับต้นๆ เรื่อง"จมูก"ที่มักไม่พลาดได้เรื่องคาวๆ ของคนดังทั้งหลาย และหวยในปีนี้ไปออกที่ เวย์น รูนีย์ ดาวยิงซูเปอร์สตาร์แห่งทีม "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถูกแฉว่าซื้อบริการทางเพศ ทั้งที่อยู่ในช่วงที่ภรรยาสาวร่างอวบ คอลีน กำลังตั้งท้องเจ้าหนู "ไค" อยู่แท้ๆ


จากข่าวฉาวดังกล่าว ส่งผลกระทบทำเอาครอบครัว รูนีย์ แทบบ้านแตก ก่อนที่ทั้งสองจะสามารถปรับความเข้าใจจนสัมพันธ์กลับมาดังเดิม แถมยังมีช็อตหวาน ควงกันไปฮันนีมูนรอบสองอีกด้วย เขาว่าทะเลาะกันบ่อยๆ มักลูกดก ไม่แน่ปีหน้า เจ้าหนู "ไค" อาจมีน้องก็เป็นได้



05.ไทเกอร์ วูดส์ รีเทิร์นกลับมาแข่งกอล์ฟอีกครั้ง
เป็นข่าวเด่นดังยาวข้ามปี สำหรับพฤติกรรมซุกกิ๊กนับสิบๆ คนของ ไทเกอร์ วูดส์ จนชีวิตนักกอล์ฟของโปรลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ต้องดำดิ่งลงเหวตกต่ำตามไปด้วย แต่ด้วยธรรมะที่ได้จากคุณแม่ กุลธิดา วูดส์ ทำให้ "พญาเสือ" ฝ่ามรสุมรีเทิร์นกลับมาจับไม้กอล์ฟได้อีกครั้งในรายการเมเจอร์อย่าง เดอะ มาสเตอร์ ซึ่งถือเป็นการคัมแบ็คที่ไม่เลว เมื่อจบด้วยอันดับ 4 แต่ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากนั้น วูดส์ ที่ทำสถิติคว้าแชมป์อย่างน้อยหนึ่งรายการ ตลอด 15 ฤดูกาลที่ผ่านมา จะไม่ได้แชมป์ใดๆ ติดมือเลยจนจบปี แถมยังปิดฉากอย่างเจ็บแสบด้วยการพ่ายเพลย์ออฟต่อ แกรม แม็คโดเวลล์ ได้เพียงรองแชมป์เชฟรอน เวิลด์ ชาเลนจ์ ที่เป็นเจ้าภาพเองด้วย

ภารกิจ ในปีหน้า นอกจาก วูดส์ จะต้องกลับมาปลดล็อคตัวเองคว้าแชมป์ให้ได้อีกครั้ง ก็คือ การทวงบัลลังก์มือหนึ่งโลกที่เสียไปให้กับ ลี เวสต์วูด แต่แน่นอนว่าไม่ใช่งานง่าย เมื่อเวทีกอล์ฟโลกในเวลานี้ ยังมีทั้ง แม็คโดเวลล์, มาร์ติน เคย์เมอร์ และ ฟิล มิคเคลสัน ที่ต่างเป็นคู่แข่งคอยลุ้นช่วงชิงความยิ่งใหญ่ที่เขาเคยถือครองมาตลอดหลายปี ด้วยเช่นกัน


06. จอห์น เทอร์รี เป็นชู้เมียเพื่อนรัก เวย์น บริดจ์
ต้องยอมรับว่าปี 2010 เป็นปีแห่งข่าวฉาวในความสัมพันธ์เชิงชู้สาวอย่างแท้จริง และอีกหนึ่งคู่กรณีที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เด็ดขาดกับคดี"เพื่อนรักหักเหลี่ยม โหด" เมื่อ จอห์น เทอร์รี กล้าหักหาญความเป็นเพื่อนรักกับ เวย์น บริดจ์ ด้วยการมีความสัมพันธ์ลับๆ กับ วาเนสซา แปร์รงแซล ภรรยาสาวนางแบบของ บริดจ์ ทั้งๆ ที่ แปร์รงแซล กับ บริดจ์ เองก็มีเจ้าหนู "เจย์ดอน" เป็นพยานรักอยู่แล้วหนึ่งหน่อ


หลังถูกเปิดแผลโดยสื่อจอมคุ้ยของอังกฤษ ข่าวลือมากมายยังตามมาไม่หยุด โดยเฉพาะประเด็นที่ว่ากันว่า เทอร์รี ได้สั่งให้ แปร์รงแซล ไปทำแท้งลูกที่เกิดจากทั้งคู่ เรื่องนี้จริงไม่จริงไม่รู้ แต่บาปกรรมตามทันควัน เมื่อ ฟาบิโอ คาเปลโล สั่งริบปลอกแขนกัปตันทีม "สิงโตคำราม" ทีมชาติอังกฤษจากเจ้าตัวทันที


07. เลบรอน เจมส์ ผนึกกำลัง ดเวย์น เหวด-คริส บอช เป็น"บิ๊กทรี"
ซูเปอร์สตาร์แห่งวงการบาสเกตบอลเอ็นบีเอ เพียงคนเดียวอย่าง "คิงเจมส์" เลบรอน เจมส์ ก็สามารถเรียกเสียงฮือฮาได้มากพออยู่แล้ว แต่นี่เป็นถึงรวมตัวกันของสามซูเปอร์สตาร์ ที่ยังรวมไปถึง ดเวย์น เหวด และ คริส บอช กลายเป็น "บิ๊กทรี" แห่ง ไมฮามี ฮีท จึงทำให้ข่าวนี้ไม่สามารถหลุดออกจากเหตุการณ์เด่นข่าวกีฬาต่างประเทศประจำปี 2010 ไปได้เช่นกัน

โดยการย้ายทีมของ เจมส์ ถือเป็นประเด็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ แห่งวงการกีฬาแดนลุงแซม เมื่อเจ้าตัวใช้สิทธิ์ฟรีเอเยนต์ย้ายมาประสานงานร่วมกับ เหวด พร้อมด้วย บอช ที่ย้ายมาจากโตรอนโต แร็พเตอร์ส ด้วยเป้าหมายสถาปนาให้ ฮีท กลายเป็นสุดยอดทีมแห่งเอ็นบีเอ อย่างไรก็ตาม ด้วยบทบาทซูเปอร์สตาร์ที่ทับกัน จนไม่สามารถดึงสิ่งที่ดีที่สุดออกมาจากทั้งสามได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้จนถึงตอนนี้ "บิ๊กทรี" ยังต้องรอวันพิสูจน์ตัวเองว่า จะก้าวขึ้นมาเทียบชั้นตำนานสามประสานรุ่นพี่ ไมเคิล จอร์แดน, เดนิส ร็อดแมน และ สกอตตี พิพเพน ได้หรือไม่



08. ความเปลี่ยนแปลงภายในทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล
ช่วงขวบปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่สาวก "เดอะค็อป" ไม่อาจร้องเฮได้เต็มเสียงมากนัก หลังทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ต้องประสบความเปลี่ยนแปลงภายในสโมสรมากมาย เริ่มตั้งแต่การสั่งปลด ราฟาเอล เบนิเตซ จอมแท็คติกชาวสเปน ผู้ทิ้งไว้เพียงตำนานแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ปี 2005 แต่ไม่อาจทำตามสิ่งที่แฟนบอลทุกคนต้องการ อย่างแชมป์ลีกสมัยแรกในรอบกว่า 20 ปีได้ ซึ่งคนที่เข้ามาก็คือ รอย ฮอดจ์สัน กุนซือมากประสบการณ์ ผู้ที่ทำผลงานพาทีมเล็กๆ อย่าง "เจ้าสัวน้อย" ฟูแลม เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูโรปาลีก เมื่อปีก่อน

นอกจากนี้ ในส่วนของเจ้าของทีม หลังมหากาพย์หลายภาค หลายตอน สุดท้าย ทอม ฮิคส์ และ จอร์จ ยิลเล็ตต์ ก็มีอันต้องระเห็จจากสโมสร แม้พยายามดิ้นทุกวิถีทาง แต่ด้วยคำสั่งของศาล ดูโอมะกันจึงจำต้องยอมหลีกทางให้กับ จอห์น วิลเลียม เฮนรี แห่งกลุ่มนิวอิงแลนด์ สปอร์ต เวนเจอร์ส เข้าครอบครองสโมสรแทน และด้วยผลงานของกลุ่ม "เอ็นอีเอสวี" ที่เคยฝากไว้กับการพาทีมบอสตัน เรดซอกซ์ ครองความยิ่งใหญ่ในวงการเบสบอลอเมริกา ก็ต้องดูว่า เฮนรี ผู้นี้จะใช่คนที่มอบถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกของสโมสรให้กับเดอะค็อป หรือจะเป็นเพียงแค่เศรษฐีมะกันจอมโลภที่เพียงผ่านมา แล้วก็ผ่านไปเท่านั้น


09. เซบาสเตียน เวทเทล คว้าแชมป์เอฟวัน
ศึกชิงชัยรถสูตรหนึ่ง 2010 ถือเป็นอีกฤดูกาลที่เรียกได้ว่าคอเอฟวันลุ้นแชมป์มันส์ที่สุด จากสนามแรกที่บาห์เรน จนถึงสนามสุดท้ายที่อาบูดาบี เหตุการณ์พลิกไปพลิกมา และพิสูจน์ได้จากการที่ เซบาสเตียน เวทเทล สามารถขึ้นนำตารางคะแนนนักขับเป็นครั้งแรก แต่มันกลับเพียงพอที่จะส่งให้เขากลายเป็นแชมป์ฟอร์มูลาวันที่อายุน้อยที่สุด ในประวัติศาสตร์ทันที

เวทเทล อาจจะไม่ใช่นักขับที่ทำผลงานได้สม่ำเสมอที่สุด แต่ผลงานการเอาชนะบรรดาสุดยอดนักขับที่ต่างเคยคว้าแชมป์โลกมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เฟอร์นันโด อลอนโซ, เจนสัน บัตตัน, ลูอิส แฮมิลตัน, "ไส้กรอกบิน" มิชาเอล ชูมัคเกอร์ ตำนานแชมป์โลก 7 สมัย รวมถึงคนสุดท้าย แต่มีความสำคัญที่สุดอย่างเพื่อนร่วมสังกัดเรดบูลล์ เรซซิง มาร์ค เว็บเบอร์ ก็ถือว่าน่าจะเหมาะสมแล้วที่ เวทเทล จะได้รับการยกย่องให้เป็นตำนานคนใหม่แห่งฟอร์มูลาวัน


10.เลือกเจ้าภาพฟุตบอล 2018-2022 สุดอื้อฉาว
เป็นประเด็นร้อนส่งท้ายปี สำหรับการโหวตเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลกในปี 2018 และ 2022 แม้ผลจะออกมาเป็นที่เรียบร้อย แต่กลับไม่มีครั้งไหนเลยที่จะไม่ค้านสายตาของแฟนบอลทั่วทั้งโลก อย่างเช่นปี 2018 ที่หลายคนเลือกที่จะเทใจเชียร์ให้ อังกฤษ แต่สุดท้าย หวยกลับไปออกที่แดน"หมีขาว" รัสเซีย ก่อนจะตามมาด้วยการโหมประเด็นเรื่องล็อกผล, ใครโหวตใครไม่โหวต อะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย

ขณะที่ครั้งถัดมาในปี 2022 ผลยิ่งช็อคโลกกว่า เมื่อ กาตาร์ ชาติจากตะวันออกกลางที่ยังไม่เคยมีโอกาสสัมผัสฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายตัวเป็นๆ แม้แต่ครั้งเดียว กลับหยิบชิ้นปลามันนี้เหนือตัวเต็งทั้ง สหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และ ออสเตรเลีย ด้วยความคิดสุดแหวกแนวทั้งการแข่งในสนามติดแอร์, เลื่อนเวลาแข่งขันมาเป็นหน้าหนาว รวมถึงไอเดียล่าสุดที่อาจแบ่งให้ชาติเพื่อนบ้านช่วยจัดด้วย แต่ต้องยอมรับว่า แนวคิดแปลกๆ พวกนี้ กลับทำให้น่าดูแล้วว่า กาตาร์จะจัดฟุตบอลโลก 2022 ได้แตกต่างจากเวิลด์คัพฉบับเดิมๆ สักแค่ไหนกัน.

ที่มา : ไทยรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น: