หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553

11 ฉายาตำรวจดังแห่งปี 2553

เหยี่ยวข่าวอาชญากรรมตั้งฉายา 11 ตำรวจคนดัง แห่งปี 2553 “น้อยแบเบอร์” “มือปราบไผ่เขียว” “กุ๊กกิ๊กแตะต้องได้” “ท่านรองเบรกแตก”


วันนี้ (30 ธ.ค.) ที่สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารสมาคมฯร่วมกันแถลงข่าว “ฉายาตำรวจ แห่งปี 2553”

นายไพโรจน์ กล่าวว่า สมาคมฯได้ก่อตั้งขึ้นมากว่า 30 ปี มีสมาชิกเป็นผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรม กว่า 300 คน จากหนังสือพิมพ์ ทีวี นิตยสาร และวิทยุ การตั้งฉายาตำรวจประจำปี2553 ของผู้สื่อข่าวและช่างภาพสายอาชญากรรมที่ติดตามผลงานและการปฏิบัติหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอด1 ปีที่ผ่านมา เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในปีนี้ทางคณะกรรมการบริหารสมาคมฯและตัวแทนจากผู้สื่อข่าวและช่างภาพสาย อาชญากรรมจากสำนักพิมพ์และสื่อต่างๆได้ร่วมประชุมและพิจารณาลงมติให้ฉายา เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความโดดเด่น และประชาชนให้ความสนใจในรอบปีมี ดังนี้



1.พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. โดยเมื่อวันที่9 ส.ค.53 ที่ผ่านมา การเลือกผู้นำตำรวจคนใหม่ แทนท่าน พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรก.ผบ.ตร.ในขณะนั้น เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ พล.ต.อ.วิเชียร ขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ ด้วยคะแนน 8 ต่อ 0 เสียงทำให้ท่าน พล.ต.อ.วิเชียร เป็น ผบ.ตร.คนที่ 7 ตามคาดหมายของสื่อมวลชนจึงได้ให้ฉายา “น้อยแบเบอร์”


2.พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในช่วงปีที่ผ่านมาได้เกิดเหตุคดี“ระเบิด”ป่วน กรุง หลายจุด ทำเอาวุ่นกันทั้งเมือง ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องแต่งตั้ง พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ เป็นหัวหน้าทีมสืบสวนสอบสวน แกะรอย ที่ คลี่คลายปม “คดีบึ้ม!” ที่เกิดขึ้นแล้วรวมถึงสามารถแกะรอยโยงใยเครือข่ายก่อการร้ายที่ก่อเหตุไว้ หลายท้องที่และการที่ต้องคอยตามเปิดโปงขบวนการบ่อนทำลายความไม่สงบของประเทศ สื่อมวลชนจึงได้ให้ฉายา “อ๊อดตามเสียงบึ้ม”


3.พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษา สบ.10 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นนายตำรวจที่ถือว่ามีผลงานโดดเด่น กินใจประชาชนเป็นอย่างมากที่สามารถจัดการขบวนการค้ายาเสพติดในชุมชนไผ่เขียว จ.พระนครศรีอยุธยา และสามารถติดตามคนร้ายในคดียิง “น้องโตมี่” ได้เป็นผลสำเร็จ เล่นเอา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ถึงกับเอ๋ยปากชม สื่อมวลชนจึงได้ให้ฉายา “มือปราบไผ่เขียว”

4.พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ถึงแม้การก้าวมาจากเก้าอี้ผู้บังคับการปราบปราม และรอง ผบช.ก. ผงาดขึ้นเป็นผู้บัญชาการสอบสวนกลาง จะถือว่าใช้เวลาไม่นานนัก แต่ก็ไร้เสียงวิจารณ์ นั่นเพราะสไตล์การทำงานของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เป็นที่ยอมรับว่าสร้างความเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง และคึกคักให้กับหน่วยงานใต้บังคับบัญชาได้เสมอ ด้วยความเชี่ยวชาญในงานตำรวจสมัยใหม่ ประกอบกับองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคงานสืบสวนสอบสวนระดับสากล ที่นำมาสู่การปรับวิธีการทำงานของตำรวจไทยให้หันกลับมามองประชาชนเป็นหลัก จึงผุดโครงการ "ตำรวจผู้รับใช้ประชาชน" ลดช่องว่างระหว่างตำรวจกับประชาชน ให้หันมาร่วมมือช่วยกันป้องกันเหตุ ดีกว่าเกิดปัญหาแล้วไล่จับกุมคนร้าย สื่อมวลชนจึงได้ให้ฉายา “กุ๊กกิ๊กแตะต้องได้”

5. พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นนายตำรวจที่ขยันทำงานแบบตรงไปตรงมา สุขุม ลุ่มลึก พูดน้อย อ่อนน้อม ถ่อมตัว เป็นมือประสานสิบทิศ และเป็นนายตำรวจที่อ่อนเยาว์ที่สามารถติดยศพลตำรวจโทได้อย่างรวดเร็วแบบไม่ ต้องเข้าคิวรอ ขนาดเพื่อนรุ่นเดียวกันบางคนยังเป็นแค่ สารวัตร ด้วยอายุราชการอีกยาวนานเกือบ 10 ปี คาดว่าตำแหน่ง ผบ.ตร.ไม่ไกลเกินเอื้อม สื่อมวลชนจึงให้ฉายา “ น.1 อีซี่พาส”

6. พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร อดีตรองผู้บัญชาการภาค 9 จากการที่ออกมาแถลงข่าวในหัวข้อ “ฉะ โผตำรวจ นักการเมืองล้วงลูก”แบบถึงพริกถึงขิงไม่กลัวหน้าอินทร์ หน้าพรหมหลังโดนย้ายมาเป็น รองผบช.สำนักงานกฎหมายและคดี โดยกล่าวหาว่า วอลเปเปอร์ มาล้วงลูกการแต่งตั้งนายตำรวจ เพราะตัวเองไปจับบ่อน พล.ต.ต.วิสุทธิ์ ยังบอกว่าผมจะมาแนวใหม่เมื่ออยู่ในกรุ จะดูแลงบฯลับของ ตร. การสั่งซื้อสั่งจ้างของตร. ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎกติกา..สื่อมวลชนจึงให้ฉายา “ท่านรองเบรกแตก”


7.พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3 เป็นนายตำรวจที่มีความเก่งในเรื่องการปราบปราม สมัยที่ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการสืบสวนนครบาล ได้จัดหน่วยงานเป็นที่หน้าเกรงขามของเหล่ามิจฉาชีพ จับกุมคดีสำคัญๆได้หลายคดี ร่วมถึงการจับกุมยาบ้าเป็นล้านเม็ด เฮโรอีน ยาไอซ์ ปิดคดีแก๊งปล้นรถขนเงินธนาคาร 16 ล้าน ซึ่งเป็นคดีที่ ตำรวจนักสืบดังๆหลายๆรุ่นติดตามคดีอยู่แต่ก็ไม่สามารถปิดคดีได้ สุดท้าย พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ ก็สามารถจับกุมได้ยกแก๊ง เมื่อถึงฤดูโยกย้ายนายตำรวจ กลับถูกย้ายไปอยู่ สันติบาล 3 สื่อมวลชนจึงได้ให้ฉายา “ มือปราบตกสำรวจ”


8. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เป็นนายตำรวจที่ขยันและมีผลงานในการปราบปรามคนร้ายมาอย่างต่อเนื่อง เป็นเจ้าของโครงการชุด จู่โจมปะ ฉะ ดะทั้งทางบกและทางน้ำ ล่าสุดได้จัดทำโครงการตำรวจนครบาล 1 พึ่งได้ จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ด้วยข้อความ “ตำรวจนครบาล 1 พึ่งได้” ติดตั้งตามจุดสำคัญ ๆ ที่เห็นเด่นชัด ในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ประชาคมให้กับประชาชนในพื้น และเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อดึงความเชื่อมั่น และศรัทธาของประชาชนที่มีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้กลับคืนมาจนมีผู้ใหญ่หลาย ท่านพอใจ สื่อมวลชนจึงได้ให้ฉายา “ แต้ม..พึ่งได้”


9.พล.ต.ต.เพ็ชร์ลูก เสียงก้อง อดีต ผบก.ภ.จว.ตาก ต้องตกเป็นจำเลยของสังคมเมื่อคลิปภาพฉาวนัวเนียตำรวจสาวถูกส่งแพร่ทาง อินเตอร์เน็ต จน พล.ต.ต.เพ็ชร์ลูก ออกมายอมรับว่าเป็นตัวเองจริง แต่ เป็นกระบวนการจ้องทำลายสร้างและตัดต่อภาพขึ้นมา ส่งผลให้ ตัวเองต้องออกจากราชการไว้ก่อน เพราะถูกคลิปฉาวทำเหตุ สื่อมวลชน จึงให้ฉายา “ผู้การคลิปฉุด”ฉุดให้ออกจากราชการ

10.พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผู้บังคับการกองปราบปราม ตำแหน่งผู้การกองปราบฯมีอำนาจบารมีครอบคลุมทั่วราชอาณาจักร ผู้ที่จะมาเป็น ผบก.ป.จะต้องเป็นบุคคลที่ไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา พล.ต.ต.สุพิศาล เป็นนายตำรวจที่มีผลงานโดดเด่น พิชิตคดีดังๆได้หลายคดี จนเป็นที่รู้จักของประชาชน ยึดหลักการทำงาน แบบ อย่าง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง จึงได้รับฉายา “ผู้การนอมินี”

11.พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ผ่านมาโฆษกจะต้องเป็นผู้ประสานงานทั้งในและนอกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สร้างภาพพจน์ที่ดีแก่หน่วยงานที่สำคัญจะต้องประสานงานกับสื่อมวลชนเข้าถึง สื่อ ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ประวุฒิ ก็ทำงานอยู่ในระดับหนึ่ง จึงได้รับฉายา “โฆษกเสียงเบา”.

ที่มา : เดลินิวส์

ไม่มีความคิดเห็น: