หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

มุมไบในบางมุม

โดย : มานพ จันทรฯ
LifeStyle @กรุงเทพธุรกิจ



หลายเมืองของประเทศนี้มีชื่อเสียงต่างกันไปซึ่งแต่ละแห่งล้วนมีแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนแตกต่างกันไป

อินเดียเป็นประเทศที่ กว้างใหญ่ไพศาล มีพลเมืองจำนวนมาก ทั้งระดับมหาเศรษฐีติดอันดับโลกและยากจนจมปลักอยู่ในสลัมตลอดชีวิต หลายเมืองของประเทศนี้มีชื่อเสียงต่างกันไปซึ่งแต่ละแห่งล้วนมีแรงดึงดูดนัก ท่องเที่ยวและนักลงทุนแตกต่างกันไป

อุตสาหกรรมภาพยนตร์อินเดียที่ผลิตป้อนชาวภารตะนั้น ส่วนใหญ่เป็นผลิตผลมาจากเมืองมุมไบ (Mumbai) แทบทั้งสิ้นจนได้ชื่อ Ballywood และเมืองมุมไบแท้ที่จริงแล้วก็คือเมือง “บอมเบย์” ในอดีตนั่นเอง

มุมไบ เป็นเมืองหลวงของรัฐมหาราษฎร ตั้งอยู่บนริมฝั่งทะเลอาระเบียน ท่ามกลางชายฝั่งที่ทอดยาวกับภูเขาสูงที่ปกคลุมด้วยป่าเขตร้อนชื้นและป่าผลัด ใบ มีความสำคัญในฐานะเป็นเมืองท่า และเป็นศูนย์กลางทางการค้า การท่องเที่ยว ที่ผสมผสานโลกสมัยใหม่เข้าวัฒนธรรมดั้งเดิมได้อย่างลงตัว

ภาพของเมืองมุมไบถูก ถ่ายทอดผ่านตึกรามบ้านช่องแบบโกธิค ที่เคยรุ่งเรืองขีดสุดเมื่อครั้งเป็นเมืองอาณานิคมของสหราชอาณาจักร ในศตวรรษที่ 19 โดยเฉพาะที่ Victoria Terminus ซึ่งเป็นอาคารสถานีรถไฟที่ออกแบบมาอย่างวิจิตรงดงาม เป็นศิลปะแบบโกธิค ซึ่งได้รับการตั้งชื่อตามพระนามของพระราชินี วิกตอเรียแต่ต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Chatrapati Shivaji ตามชื่อกษัตริย์ชาวมาราตี


ด้านหนึ่งมุมไบเป็น เมืองศูนย์กลางธุรกิจ แต่อีกด้านเป็นเมืองมายาที่มีเสน่ห์เย้ายวนน่าค้นหาในด้านศิลปะการแสดง ทั้งสตูดิโอภาพยนตร์ โรงละคร ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมแห่งชาติ แกลเลอรีศิลปะและพิพิธภัณฑ์ นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญหลายแห่ง เช่น แหล่งพักผ่อนทางทะเลบริเวณชายหาด Chowpatty เวิ้งชายฝั่งที่ระยิบระยับจากแสงไฟยามเย็นจนถูกเรียกว่า สร้อยพระศอราชินี (Queen's Necklace)


จุดหลักๆ ที่นักเดินทางต่างถิ่นมักจะต้องไปเยือน ยังมี ประตูชัยสัญลักษณ์ของมุมไบ (Gateway of India) สร้างด้วยหินบะซอลต์สีเหลือง เมื่อปี 1911 เพื่อระลึกถึงการเดินทางเข้ามาในอินเดียครั้งแรกของราชวงศ์อังกฤษ ตั้งอยู่บริเวณโคลาบา (Colaba Causeway) มีอาคารร้านรวงสถาปัตยกรรมแบบกรีกโรมัน เป็นแหล่งชอปปิงค้าขาย สินค้าพื้นเมือง ของที่ระลึก ร้านอาหาร เป็นถนนคนเดินแห่งมุมไบนั่นเอง

 

ใกล้ๆ กันเป็นที่ตั้งของ โรงแรมทัชมาฮาลพาเลซ (Taj Mahal Palace Hotel and Tower) ของกลุ่มบริษัททาทา เป็นสถาปัตยกรรมแบบอินเดียผสมอิสลาม ซึ่งเมื่อราว 2 ปีก่อนเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่โดยผู้ก่อการร้ายในโรงแรมแห่งนี้สร้างความ ตื่นตระหนกไปทั่วเมืองและทั่วโลก


Bride & Prejudice (2004) เล่าเรื่องของครอบครัวชั้นกลางของนางบาค์ศรี ผู้มีลูกสาว 4 คน คนหนึ่งนั้นกำลังเข้าพิธีแต่งงานแบบอินเดีย แต่ก็ยังรู้สึกวิตกว่าลูกสาวอีก 3 คนที่เหลืออาจจะไม่ได้คู่ครองที่เหมาะสม จึงพยายามเสาะแสวงหาผู้ชายดีๆ มาให้ลูกสาวของเธอได้รู้จัก แต่บรรดาชายเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในสายตาเอาเสียเลย โดยเฉพาะ “ลลิตา” (อัชวารยา ไร) ลูกสาวคนรองที่ทั้งฉลาดไม่ยอมรับในสิ่งที่มารดาจัดหาให้


ลลิตายืนยันจะแต่งงานกับคนที่เธอรักเท่านั้น และแล้วเธอก็ได้พบกับ "วิลล์ ดาร์ซี่" (มาร์ติน ฌอนเดอร์สัน) ชายหนุ่มชาวอเมริกันทายาทเจ้าของโรงแรมที่บังเอิญมาพบกันในงานแต่งของเพื่อน บ้านชานเมืองเล็กๆ ซึ่งกว่าทั้งสองจะลงตัวกันได้ก็ต้องเจออุปสรรคปัญหา ความไม่เข้าใจของความแตกต่างของเชื้อชาติ


Bride & Prejudice ตั้งชื่อล้อ Pride & Prejudice นวนิยายของนักเขียนดัง “เจน ออสติน” เป็นผลงานของผู้กำกับหญิงอินเดียผู้เกิดในเคนยาแต่เติบโตในอังกฤษ นำเค้าโครงจากนวนิยายมาปรับเปลี่ยนให้ทันกับยุคสมัย ฉายภาพของคนอินเดียยุคใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม การแต่งงานคลุมถุงชนอาจใช้ไม่ได้สำหรับคนรุ่นใหม่ ขณะเดียวกันก็เผยทัศนคติของคนอินเดียและคนต่างชาติที่มีต่อกัน เป็นภาพยนตร์อินเดียภาษาอังกฤษที่ได้อดีตมิสเวิลด์ ปี 1994 มาเป็นแม่เหล็ก โดยปักหลักใช้มุมไบเป็นสถานที่ถ่ายทำเป็นหลัก


ชีวิตในมุมไบอาจดูยุ่งเหยิงในสายตาคนต่างถิ่น แต่ก็เป็นวิถีแห่งความหลากหลาย ผสมผสานทางวัฒนธรรมที่ผู้มา

เยือนหรือผู้ที่ใช้ชีวิตที่นี่ให้การยอมรับและอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติสุข เพราะมุมไบ มีมุมดีๆ อยู่มากมาย

…………….

City : Mumbai
State : Maharashtra
Country : India
Population : 13,830,884
Film : Bride & Prejudice (2004)
Director : Gurinder Chadha
Cast : Aishwarya Rai, Martin Henderson, Nadira Babbar, Anupam Kher, Daniel Gillies

ไม่มีความคิดเห็น: