หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

ฉลองเอกราช200ปี'ชิลี' ดินแดนแห่งการพัฒนา

เอ่ยถึง “สาธารณรัฐชิลี” ดินแดนฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปอเมริกาใต้ หลายคนคงจำได้ถึงลักษณะโดดเด่นของภูมิประเทศที่ทอดยาวเลียบชายฝั่งมหาสมุทร แปซิฟิกในแนวตั้ง โดยปัจจุบันมีประชากรราว 17 ล้านคน


สาธารณรัฐชิลี นับได้ว่าเป็นประเทศที่มีอากาศหลากหลายมากที่สุดในโลก โดยภาคเหนือมีอากาศแห้งแล้งแบบทะเลทรายในขณะที่ภาคใต้กลับมีอากาศร้อนชื้น และฝนตกมาก ทางตอนเหนือของชิลีนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยเหมืองแร่และสัตว์น้ำทะเล ส่วนทางตอนกลางซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงซานติอาโกเมืองหลวงของประเทศ จะเป็นพื้นที่หลักในการทำเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมของประเทศ และทางตอนใต้ของชิลีจะอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรประมงและป่าไม้ซึ่งชิลีมีนโย บายที่ทันสมัยในการควบคุมดูแลทรัพยากร




ทิวทัศน์ของชายฝั่งทะเลที่ยาวสุดตา ทะเลสาบสีเข้ม ภูเขาไฟ ธารน้ำแข็งที่สูงตระหง่าน ตลอดจนหุบเขาเขียวขจี และทะเลทรายล้วนเป็นสิ่งที่แปลกตาและสร้างความอัศจรรย์ให้กับนักท่องเที่ยว ที่มาเยี่ยมชม นอกจากนี้ความน่าทึ่งของอากาศที่หลากหลายและทัศนียภาพที่สวยงามทำให้ชิลี เป็นประเทศที่เหมาะสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติอย่างที่สุด


ช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน กล่าวได้ว่าชิลีกลายเป็นประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจและมีความมั่นคงทางการเมือง สูงในอันดับต้น ๆ ของภูมิภาคลาติน อเมริกา อันเป็นผลมาจากการปกครองแบบประชาธิปไตยของประเทศที่แข็งแกร่งมีเสถียรภาพ ซึ่งสามารถสร้างความมั่นใจให้แก่ภาคธุรกิจการลงทุน โดยมีรัฐบาลนำโดยประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งทุก ๆ 4 ปี ดำเนินนโยบายที่ชัดเจนในการปฏิรูปประเทศให้เป็นเขตการค้าและการลงทุนแบบเสรี ซึ่งนับเป็นตัวขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ



เนื่องในโอกาสสำคัญวันชาติชิลีที่จะเวียนมาบรรจบครบรอบอีกวาระหนึ่งในวัน เสาร์ที่ 18 กันยายน 2553 นี้ ฯพณฯ อัลเบอร์โต โยอาคัม เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐชิลีประจำประเทศไทย ได้ส่งสารแสดงไมตรีจิตถึงประชาชนชาวไทย และชาวชิลี มีใจความสำคัญดังต่อไปนี้

ในวันที่ 18 กันยายนที่กำลังจะมาถึงนี้ นับเป็นวันสำคัญของสาธารณรัฐชิลีและพลเมืองที่จะได้ เฉลิมฉลองการประกาศเอกราชครบรอบ 200 ปี นับตั้งแต่ประเทศของเราได้ประกาศอิสรภาพ มีอำนาจการปกครองตัวเอง อย่างอิสระในปี พ.ศ. 2353 ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 200 ปีที่ผ่านมานั้นเสมือนเป็นเวลาที่ยาวนานสำหรับประเทศของเรา บางครั้งต้องพบกับอุปสรรคที่ยากลำบากต่าง ๆ แต่เราก็ยึดหลักการมองโลกในแง่ดีและมีทัศนคติที่ดีอยู่เสมอเพื่อมุ่งพัฒนา ประเทศชาติให้ก้าวไปข้างหน้าและเสริมสร้างระบบเศรษฐกิจและการปกครองแบบ ประชาธิปไตยของประเทศให้มั่นคง

ถึงวันนี้ แม้ว่าชิลีจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกซึ่งเราไม่สามารถหลีกเลี่ยง ได้ และยังต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติจากการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยและประชาชนชาวไทยได้แสดง ความมีน้ำใจแก่ประเทศของเรา ทว่าอุปสรรคเหล่านี้ ก็ไม่ได้ทำให้เราย่อท้อ หาก ยังเป็นบทเรียนให้เราเข้มแข็งและปรับตัวให้สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้ผ่านพ้นไป ได้ด้วยดี

หลังจากผ่านพ้นเหตุ การณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในช่วงต้นปีและวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น เมื่อปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศชิลี ก็สามารถปรับตัวกลับมาอยู่ ในระดับที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในปีนี้ได้มีการคาดการณ์ว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ของชิลีจะอยู่ที่ประมาณ 5.5 เปอร์เซ็นต์และในปีหน้าจะขยับขึ้นเป็น 6 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่า สำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบันจนถึงอนาคตของประเทศที่ปรากฏอยู่นี้ นับเป็นสัญญาณที่ดีที่จะทำให้ชิลีสามารถก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่พัฒนาอีก ประเทศหนึ่งภายในทศวรรษนี้ ซึ่งนั่นหมายถึงประชากรของประเทศเราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้งในด้านการ ศึกษา ความเป็นอยู่ และอาชีพการงานก่อให้เกิดการพัฒนาทัศนคติที่ดีในการดำรงชีวิตแก่ตัวเองและ ลูกหลานต่อไป

และนี่เป็นเหตุผลสำคัญประการหนึ่งสำหรับการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในครั้ง นี้ ทว่ายังมีอีกประการหนึ่งที่สำคัญเช่นกันนั่นคือ การเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและชิลีที่แน่นแฟ้นมาเป็นระยะ เวลายาวนาน โดยในปีหน้าเราจะจัดงานเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ และยังเป็นงานฉลองครบรอบ 30 ปีของการจัดตั้งสถานทูตชิลีประจำประเทศไทยอีกด้วย

ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ประเทศไทยได้กลายเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของชิลี โดยประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญอันดับที่ 6 ของชิลีเมื่อเปรียบเทียบในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สาธารณรัฐชิลีเป็นประเทศเสรีทางการค้า โดยมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของเศรษฐกิจ นั้นพึ่งพิงการค้าขายกับต่างประเทศ และนี่นับเป็นหนึ่งในความคล้ายคลึงกันของ ทั้งสองประเทศที่ทำให้ความสัมพันธ์ระดับประเทศของเรามั่นคงมาเป็นเวลานาน เรามั่นใจว่า ในปีหน้านอกจากเราจะได้เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-ชิลีแล้ว เราคงจะอยู่ในช่วงระหว่างการเจรจาตกลงทำการค้าเสรีของทั้งสองประเทศด้วยเช่น กัน ซึ่งจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของ เรากระชับมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าที่สำคัญของทั้งสองประเทศ โดยชาวไทยจะได้ลิ้มลองไวน์จากชิลี เนื้อปลาแซลมอนและอาหารทะเลสดจากประเทศชิลี ในขณะเดียวกันชาวชิลีจะได้มีโอกาสรู้จักกับอาหารไทยอันเลิศรสและสินค้า อุตสาหกรรมที่มีมาตรฐานการผลิตของไทย


การเปิดการค้าเสรีของทั้งสองประเทศไม่เพียงแต่จะก่อให้เกิดความเจริญทางการ ค้า แต่เสมือนช่วยลดระยะทางความห่างไกลระหว่างสองประเทศให้น้อยลงอีกด้วย กล่าวคือการเปิดการค้าเสรีจะเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ประชากรชาวไทยและชาวชิลี มีโอกาสแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ภาษา การสื่อสาร เกิดการเพิ่มความรู้ความสนใจ ระหว่างกันและกันมากยิ่งขึ้น และทำให้พัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ เห็นได้จากทุก ๆ ปี เรามีการเดินทางไปมาหาสู่กันระหว่างประชากรของสองประเทศเพิ่มมากขึ้น และใน ปีนี้สาธารณรัฐชิลีก็รู้สึกเป็นกียรติอย่างยิ่งที่จะได้ถวายการต้อนรับการ เสด็จฯมาเยี่ยมเยือนของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงเป็นที่เคารพรักของพสกนิกรชาวไทย

ในโอกาสนี้ ข้าพเจ้าขอเชิญคนไทยทุกคนร่วมแสดงความยินดีกับการเฉลิมฉลองครบรอบ 200 ปีแห่งการประกาศเอกราชของสาธารณรัฐชิลี และขอร่วมส่งกำลังใจให้แก่ชาวชิลีทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนงานเหมืองแร่ของเราที่ติดอยู่ในเหมืองทางตอนเหนือ ของประเทศซึ่งแม้ในปีนี้พวกเขาจะต้องฉลองวันชาติอยู่ใต้ดินลึกลงไปกว่าหลาย ร้อยเมตร แต่ข้าพเจ้าทราบดีว่าชาวไทยและคนทั่วโลกต่างร่วมส่งกำลังใจให้พวกเขามี สุขภาพร่างกายแข็งแรงและได้รับการช่วยเหลือขึ้นมาอย่างปลอดภัยในเร็ววัน ข้าพเจ้าขอขอบคุณประเทศไทยและชาวไทยที่ได้แสดงน้ำใจและมิตรภาพอันอบอุ่นส่ง มอบให้แก่ชาวชิลี.

ที่มา : เดลินิวส์ วาไรตี้
-----------------------------------------
ติดตามภาระกิจการช่วยเหลือ 33 ชีวิต  

ไม่มีความคิดเห็น: