หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

บิวตี้“บัลแกเรีย”

ถ้าคัด 10 ประเทศในยุโรปที่คนไทยอยากไปมากที่สุด คงไม่มีชื่อของบัลแกเรีย (Bulgaria) ติดอยู่ในโผ ทั้งๆ ที่ 5 ปีที่ผ่านมา บัลแกเรียออกจะเนื้อหอม เรียกว่าไต่ชาร์ตขึ้นมาฮิตในอันดับต้นๆ ในหมู่นักท่องโลกเลยก็ว่าได้ 


เคยเจอชาวบัลแกเรียคนหนึ่งระหว่างรอนแรมในอินเดีย เขาว่า ถ้าอยากกินโยเกิร์ตที่ตักเข้าปากแล้วเป็น
โยเกิร์ตจริงๆ ต้องไปบัลแกเรีย ถ้าอยากชิมไวน์ที่รสชาติละมุนลิ้น ประเภทเฟ้นสุดยอดองุ่นมาลงขวด ก็ต้องไปบัลแกเรียอีกเช่นกัน

ยังค่ะ ยังไม่หมด หมอนั่นยังฟุ้งต่อไปอีกว่า ถ้าอยากเที่ยวประเทศที่เป็นแหล่งทับถมทางประวัติศาสตร์ชั้นดีของโลกก็ต้องไปบัลแกเรีย หรือถ้าอยากสัมผัสเมืองหลวงที่ทรงเสน่ห์แห่งหนึ่งของโลก ยิ่งสมควรไปบัลแกเรีย


ขี้ฟันหมอนั่นคงสัมฤทธิผลทันตา ตัวนั่งอยู่มุมไบแต่ใจชิงเตลิดข้ามฟ้าไปหาบัลแกเรียซะ แล้ว เป็นแบบนี้บ่อยๆ ตอนออกตะลุยโลก ยามแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทางกับนักท่องโลกคนอื่น เกิดอารมณ์คล้อยตามเป็นประจำ เรียกว่ายังไม่ทันจบทริปนั้น ทริปใหม่ก็จ่อคิวมารอแล้ว

ไม่ได้อยากกินโยก่งโยเกิร์ตอะไรทั้งสิ้น ไม่ใช่คอไวน์ ไม่ใช่พวกนักโบราณคดีที่บริโภควัตถุโบราณเป็นอาหารใจ บรรดาเมืองเจ้าเสน่ห์ก็เห็นมาเยอะ ฟังดูไม่มีเหตุผลอะไรโน้มเหนี่ยวให้ไปหาบัลแกเรียได้เลย

แต่เมื่อฤกษ์งามยามงงขีดเส้นให้โคจรไปแถวยุโรปตะวันออก มีหรือคนชอบเถลไถลอย่างฉันจะเชิดใส่บัลแกเรีย

สำหรับคนไทยที่จะไปเที่ยวบัลแกเรีย ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ (www.thy.com,0-2231-0300) มีเที่ยวบินไปโซเฟีย (Sofia) เมืองหลวงของบัลแกเรียทุก วัน แต่ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่อิสตันบูล ซึ่งถ้าคนชอบเที่ยวเถลไถล บินกับเตอร์กิช แอร์ไลน์ ก็มักจะแวะเที่ยวอิสตันบูลเป็นของแถมกันอีก


เมืองหลวงอย่างโซเฟียส่ง บททักทายคนแปลกหน้าจากขวานทองอย่างไม่ค่อยเป็นกันเองเท่าไหร่ แถมค่อนไปทางน่ากลัวเสียด้วยซ้ำ ตอนนั้นได้แต่พร่ำบ่นอยู่ในใจ ตรงไหนเนี่ยที่บอกเจ้าเสน่ห์

ฝนพรำ บวกกับต้องสะพายเป้ย่ำย่างในยามวิกาล คนเมาส่งเสียงแซว คนไม่เมาก็ผสมโรง รถรางหยุดวิ่งโดยไร้สาเหตุ โดนแท็กซี่ชาร์จเลือดโชก ถูกบูธแลกเงินโกง โฮสเทลที่หมายตาไว้ก็หาไม่เจอ นี่มันอะไรกันเล่าโซเฟีย

เกือบจะหมดใจให้โซเฟียในค่ำคืนที่แสนเหน็ดเหนื่อย แต่เช้าที่แดดบัลแกเรียค่อยๆ ผลิแย้ม โซเฟียแปลงร่างเป็นสาวงาม เรื่องราวร้ายๆ เมื่อคืนก็ค่อยๆ พร่าจาง เมื่อดวงหน้าสวยๆ ของหล่อนค่อยๆ เผยโฉมให้เห็น


เดินไล่ไปตั้งแต่ถนนวิโตชา นั่นแค่คึกคัก เพราะแน่นขนัดไปด้วยคาเฟ่ และร้านรวงเอาไว้ล่อใจนักช็อป แต่เดินเลี้ยวขวาเข้าไปหาโรงละครแห่งชาติ มุมนั้นแหละ จำได้ว่ายิ้มแรกของฉันในโซเฟียก็ผลิขึ้นที่มุมปาก


เมืองไหนก็ตามที่มีภาพเหล่านี้ปรากฏ ฉันถือว่าเป็นเมืองน่าอยู่ พ่อแม่จูงลูกมาเดินเล่นในสวนสาธารณะ มีนักดนตรีมาบรรเลงเพลงขับกล่อมผู้คนตามสวน มุมหนึ่งมีงานศิลปะเอาไว้เสพแบบไม่คิดค่าเสียหาย มีเก้าอี้ริมทางเอาไว้ให้หย่อนน่อง มีสถาปัตยกรรมงามๆ เอาไว้อวดได้อย่างไม่อายแขกเหรื่อ

โซเฟียมีครบทุกสิ่งที่ว่ามา เมืองนี้จึงไม่ใช่แค่น่าเที่ยว แต่จัดว่าเป็นเมืองน่าอยู่

จากโซเฟียฉันนั่งรถไฟ (www.raileurope.fr,0-2660-7067-9) ไปหาอีกเมืองหนึ่งของบัลแกเรีย เมืองที่ชื่อพลอพดิฟ (Plovdiv) เมืองที่คนไทยอาจไม่คุ้นหูเท่าไหร่ แต่พอได้กระเถิบเข้าใกล้พลอพดิฟ ชื่อของเมืองนี้จะติดอยู่ตามซอกใจไปอีกนาน


พลอพดิฟเป็นเมืองที่ไม่ใช่ประเภทสวยจัดจ้าน แต่น้ำหนักของความสุนทรีย์นั้นหายห่วง

ความสุนทรีย์ของพลอพดิฟแผ่กระจายไปทุกซอกซอย โดยเฉพาะในย่านเมืองเก่าที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 เดินแล้วมีความสุขเหมือนย่างอยู่ในเมืองเก่าของปรากแห่งเช็ก และเมืองเก่าของลูเบลียน่าแห่งสโลเวเนีย


แต่เมืองเก่าของพลอพดิฟอาจจะประดิษฐ์หรือปรุงแต่งน้อยกว่า สังเกตว่าบางซอยยังดิบและเปลี่ยว แต่ถนนปูด้วยหินที่บ้านเรือนสีกระดำกระด่าง ผิวอาคารชราลอกผุออกมาตามวาระของมัน เป็นเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในความเก่าโดยแท้

เมื่อมาถึงพลอพดิฟ ต่อให้ร้อนแค่ไหน ใครๆ ก็ยอมเดินตากแดดเดินขึ้นเขาไปหาโรงละครโบราณ สถานที่ทำให้คนเห็นนึกถึงโรมและเอเธนส์ขึ้นมาตงิดๆรวมถึงฉันด้วย

ใน ย่านเมืองเก่า ยังมีบ้านเก่าแก่ที่ตกแต่งอย่างดงามหลายหลัง ทุกวันนี้ถูกจับมาโมดิฟายเป็นพิพิธภัณฑ์บ้าง ร้านอาหารบ้าง แต่ก็ยังพยายามรักษาวัสดุอุปกรณ์ที่เคยอยู่ในบ้านเอาไว้อย่างเดิมให้มากที่ สุด

วันนี้พลอพดิฟคือที่ที่ของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่มาฝังตัวร่ำเรียนใน เมืองมหาวิทยาลัย หากแต่ในอดีตที่นี่คือเมืองที่ศิลปิน จิตรกร และปัญญาชนมาฝังตัวกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน

ทั้งโซเฟียและพลอพดิฟ สุนทรีย์และสวยพริ้งจนน่าจะถูกเรียกว่าบิวตี้ "บัลแกเรีย”

กาญจนา หงษ์ทอง
@เที่ยวนี้ขอเล่า คมชัดลึก

ไม่มีความคิดเห็น: