เข้าสู่วันที่ 1 ม.ค. 2554 วันแรกของปีใหม่ตามหลักสากลแล้ว ซึ่งปีใหม่ปีนี้นอกจากเรื่องทั่วไปแล้ว เรื่อง “การเมือง” ก็เป็นอีกเรื่องที่ประชาชนคนไทยให้ความสำคัญกันไม่น้อย ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่อย่างไร ??? และกับเรื่องนี้ อ.เก่งกาจ จงใจพระ ประธานสถาบันโหราศาสตร์เก่งกาจพยากรณ์ มีคำทำนาย
ทั้งนี้ โฟกัสกันที่ “ดวงการเมือง” เป็นหลัก ทาง อ.เก่งกาจแจกแจงผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... ปี 2554 นี้ การเมืองไทยยังวุ่นวายไม่สงบ ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะอยู่ไม่เป็นสุข จะถูกกดดันจากต่างชาติ คนต่างภาษาจะเข้ามาเต็มบ้านเต็มเมือง และวันที่ 4 ม.ค. 2554 เกิดสุริยคราสที่ราศีธนู จากจุดคราส ส่วนที่จะได้รับผลกระทบก็มีกระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ การศาสนา สำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี จะมีการแฉเรื่องคอร์รัปชั่น อาจส่งผลให้มีการปรับรัฐมนตรีในช่วงเดือน มี.ค. 2554 เพราะอิทธิพลดาวพฤหัสบดีร่วมกับดาวมฤตยูในราศีมีน ถูกดาวเสาร์เล็งในราศีกันย์ และดวงประชาธิปไตยที่ราศีเมถุนถูกราหูเล็ง
รัฐบาลต้องรับศึกหนักหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจภายในและภายนอกประเทศที่ตกต่ำ และการเมืองยังไม่หยุดความขัดแย้ง จุดเปลี่ยนในปีนี้มีหลายช่วง เพราะมีดาวใหญ่ย้ายราศีหลายดวง
วันที่ 1 ก.พ. 2554 ดาวเสาร์เริ่มถอยองศาในราศีกันย์ ภพอริของดวงเมือง ดาวเสาร์ หมายถึงไพร่ฟ้าประชากร และอุตสาหกรรม เมื่อดาวเสาร์เดินพักร ประชาชนจะเริ่มเดือดร้อน โรงงานอุตสาห กรรมมีการปลดคนงานทำให้มีการ เดินขบวนให้รัฐบาลช่วยเหลือ ดาวเสาร์จะเดินวิปริต เกิดวุ่นวาย ไปจนถึงเดือน มิ.ย.
วันที่ 12 ก.พ. 2554 ดาวพุธเสริตเข้าราศีกุมภ์ร่วมกับดาวเนปจูน ดาวพุทธเดินวิปริต ทำให้การเจรจาไม่เป็นผล แม้แต่การพูดกับต่างประเทศก็มีปัญหา วันที่ 15 ก.พ. 2554 อังคารย้ายเข้าราศีกุมภ์ ร่วมกับอาทิตย์ พุธ และเนปจูน อังคารตัวแทนทหาร ทหารต้องออกมาเคลื่อนไหว เพื่อแก้ไขสถานการณ์
เดือน มี.ค. รัฐบาลถูกอภิปรายในสภา วันที่ 3 มี.ค. ดาวพุทธมณฑ์เข้าราศีมีน ร่วมกับดาวพฤหัสบดีและดาวมฤตยู ดาวพุธเสีย ทำให้การอภิปรายรัฐบาลไม่เป็นผล รัฐบาลสามารถเอาตัวรอดจากการอภิปรายได้
วันที่ 23 มี.ค. 2554 ดาวศุกร์เสริตเข้าราศีกุมภ์ ร่วมกับดาวเนปจูน กระทรวงพาณิชย์มีปัญหาไม่สามารถแก้ไขเรื่องสินค้าราคาแพง ขายเกินราคาควบคุม สินค้าจำเป็นบางอย่างขาดตลาด
อ.เก่งกาจ แจกแจงต่อไปว่า... พอถึงวันที่ 25 มี.ค. 2554 อังคารย้ายเข้าราศีมีน ร่วมกับดาวอาทิตย์ ดาวพุธ ดาวพฤหัสบดี ดาวเกตุ ดาวมฤตยู ดาว 6 ดวงมากระจุกในราศีมีน ภพวินาศดวงเมือง และภพกัมมะของดวงประชาธิปไตย ส่งผลให้รัฐบาลถูกกดดันให้ยุบสภา แต่ทหารยังสนับสนุนให้อยู่ต่อ ช่วงนี้ดาวพฤหัสบดีตัวแทนรัฐบาลโคจรแข็งแรง รัฐบาล มาร์ค-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ น่าจะผ่านพ้นวิกฤติไปได้
จุดเปลี่ยนที่จะเกิดขึ้นทางการเมืองจากอิทธิพลดวงดาว คือ วันที่ 4 พ.ค. 2554 ดาวพฤหัสบดีจะย้ายเข้าราศีเมษ ได้ตำแหน่งราชาโชค ในเรือนคู่ธาตุไฟ ส่งผลให้ รัฐบาลที่เคยอ่อนไหวโยกไป เยกมาจะเริ่มปักหลักมั่นคง พร้อมที่จะชนกับปัญหาอุปสรรค และวันที่ 24 พ.ค. 2554 ดาวราหูคราสร้ายจะย้ายเข้าราศีพิจิกภพมรณะของดวงเมือง จากตำแหน่งเดิมที่ราศีธนูภพศุภะของดวงเมืองซึ่งหมายถึงตำแหน่งผู้นำบ้าน เมืองถูกกดดันมา 1 ปี 6 เดือน แต่ พอหลังเดือน มิ.ย. 2554 ไปแล้ว ความกดดันจากคราสก็จะเริ่มผ่อนคลาย ผู้นำทางการเมืองเริ่มกล้าแข็ง กล้าตัดสินใจ ว่าจะแก้ไขปัญหาประเทศชาติอย่างไร
“ดูตามวิถีโคจรของดาวทั้งสองดวง รัฐบาลไม่ยุบสภาง่าย ๆ จะอยู่ยาวไปจนถึงเดือน ธ.ค. แล้วจึงจะยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่ในปี 2555” ...อ.เก่งกาจ ทายทัก พร้อมทั้งยังระบุอีกว่า.....
หลังวันที่ 24 ส.ค. 2554 รัฐบาลจะเจอปัญหาสารพัดรุมล้อม งบประมาณที่จะผ่านสภาจะถูกอภิปรายหนัก แต่ก็จะสามารถผ่านพ้นได้ด้วยพลังที่มองไม่เห็น พอถึงเดือน ต.ค. ปีงบประมาณใหม่ มีดาวเคลื่อนย้ายหลายราศี เช่น วันที่ 5 ต.ค. 2554 ดาวพุธเสริตเข้าราศี ตุล การเจรจาการทูตในช่วงนี้จะมีปัญหา ซึ่งตามลักษณะดวงดาวในระยะนี้ จะทำให้ อารมณ์ผู้คนเปลี่ยนง่าย จะอ่อนไหวไปตามกระแสการเมือง
และวันที่ 25 พ.ย. 2554 มีสุริยคราสที่ราศีพิจิก วันที่ 10 ธ.ค. 2554 มีจันทรคราสที่ราศีพฤษภ และดาวพฤหัสบดี ดาวมฤตยู โคจรถอยองศามาตั้งแต่เดือน ก.ย. คู่กันมาถึงเดือน ธ.ค. ส่งผล ให้ การเมืองยังวุ่นวาย เต็มไปด้วยความขัดแย้ง มีการเคลื่อนไหว ต่าง ๆ มากมาย เป้าอยู่ที่รัฐบาล ดาวพฤหัสบดีตัวแทนรัฐบาลโคจรอยู่ในราศีเมษ ถูกดาวเสาร์ และดาวราหู ทำมุมปลายหอกพุ่งเข้าใส่ในราศีกันย์และราศีพิจิก
“แต่นายกฯ ผู้นำรัฐบาล ก็พยายามปรองดองให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยพลังหนุนพิเศษที่มองไม่เห็น เดือน ธ.ค. 2554 วันที่ 7 ดาวเสาร์มณฑ์เข้าราศีตุล ได้ตำแหน่งมหาอุจจ์ ทำให้ทหารมีกำลังกล้าแข็ง รัฐบาลหลังการเลือกตั้งใหม่ได้ทหารหนุน จะอยู่ได้นานอีกสมัย จนครบเทอม” ...อ.เก่งกาจระบุ
เป็นการทายทัก “ดวงการเมือง” นับจากนี้ไป
จะเป็นไปตามคำทำนายหรือไม่...รอดูกัน??.
ที่มา : เดลินิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น