หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554

เปิดใจ'สุดารัตน์ เกยุราพันธ์' ช่วงชีวิตเว้นวรรคการเมือง

โดย : ประพันธ์ จินดาเลิศอุดมดี 
รายงานพิเศษ @กรุงเทพธุรกิจ



"เจ๊หน่อย"ฉายาสวยแต่เจ็บ คงจำได้มีข่าวกระเส็นกระสายมาระยะ ระบุ"เป็นประชาชนชั้น2" ไม่คิดแสวงหาประโยชน์ทางการเมือง

หายหน้าไปจากแวดวงการเมืองร่วม 3 ปี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ถูกตัดสิทธิทางการเมือง อยู่ในกลุ่ม "บ้านเลขที่ 111" พรรคไทยรักไทยถูกยุบ แต่เธอยังปรากฏเป็นข่าวกระเส็นกระสายมาตลอดว่ายังมีส่วนสั่งในพรรคเพื่อไทย โดยผ่านส.ส.กทม. ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่สนิทสนมกัน ถึงขั้นยังคงยกให้เธอเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในพื้นที่ กทม.อยู่

"คุณหญิงหน่อย" เปิดใจให้สัมภาษณ์กับ "ทีมข่าวสำนักข่าวเนชั่น" ถึงช่วงชีวิตห่างหายจากถนนการเมือง และอนาคตทางการเมืองของเธอภายหลังจากครบกำหนดถูกตัดสิทธิในวันที่ 31 พ.ค.2555



# กว่า 3 ปีที่ไม่ได้มีบทบาทเต็มที่ในการเมือง ไปทำอะไรบ้าง?
พี่ ก็ทำแต่งานบุญเพราะงานการเมืองทำไม่ได้ ในฐานะประชาชนชั้น 2 ของประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีเวลาไปทำหน้าที่ของประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2540 ด้วย เพื่อจะช่วยชาวบ้านในเรื่องของอาชีพ เพราะตอนนั้นเกิดวิกฤตเศรษฐกิจพอดี จึงได้นำมูลนิธิเข้าไปช่วยงานในส่วนของการหาอาชีพและเรื่องการหาตลาด โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณทล และเรื่องที่ 2 ที่ได้ทำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สมัยที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข คือ โครงการผ่าตัดหัวใจและดวงตาให้แก่ผู้ยากไร้ หรือที่เราเรียกว่าแก้วตาดวงใจให้แก่ผู้ยากไร้ โดยเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมามีการตั้งเป้าไว้ที่ 600 ราย

# ข่าวว่าตั้งสถาบันสร้างสานอนาคตไทย เป็นอย่างไร ?
คือ การตั้งสถาบันสร้างสานอนาคตไทย ก็เนื่องจากพอมีความรู้และประสบการณ์จากการบริหารประเทศมา พร้อม ทั้งมีผู้รู้ทั้งที่ใกล้ชิดและไม่ใกล้ชิดได้มาร่วมกันและก่อตั้งสถาบันดัง กล่าวขึ้น เพื่อมุ่งเน้นที่จะพูดถึงเรื่องของบ้านเมือง ซึ่งปี 2553 ที่ผ่านมานั้นได้ทำเรื่องของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องค่าเงินบาทตั้งแต่ก่อนที่ค่าเงินบาทจะแข็งค่า โดยได้เชิญนักวิชาการมาวิเคราะห์วิจารณ์เพื่อเตรียมป้องกัน นอกจากนั้นก็ยังได้ทำงานในเรื่องของเด็กอาชีวะด้วย โดยสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่มีเด็กอาชีวะตีกันและพลาดไปถูกเด็กป. 3 เสียชีวิต ซึ่งตรงนั้นเป็นพื้นที่ที่พี่เคยเป็นส.ส. จึงรู้ปัญหาดีและได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนมากมายว่าไม่กล้าที่จะไป ยืนรอรถเมล์ที่หน้าโรงเรียน พี่จึงได้จับมือกับสมาคมอาชีวะเอกชนเพื่อจะแก้ปัญหาเด็กอาชีวะตีกันอย่าง ยั่งยืน โดยตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา มีการจัดเสวนาทั้งโต๊ะกลมและระหว่างโรงเรียนรวมทั้งนอกโรงเรียนด้วย และยังมีการไปเข้าค่ายกับเด็กนักเรียน เพื่อที่จะหาโมเดลว่าจะทำอย่างไรให้เด็กเหล่านี้เห็นความสำคัญของตัวเอง

พอดีเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเกิดน้ำ ท่วม เราก็จับเด็กเหล่านี้เข้าไปทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อละลายพฤติกรรม โดยได้ออกไปช่วยใน 2 ระดับด้วยกันคือ ตอนแรกจะเอาเด็กเข้าไปช่วยซ่อมเครื่องจักรกลการเกษตรและเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะนี้ในระดับ 2 จะเป็นการไปช่วยสร้างบ้านและซ่อมบ้านให้กับบ้านเรือนที่เสียหาย ซึ่งขณะนี้เรารับผิดชอบอยู่ 86 หลังทั้งซ่อมและสร้าง โดยภายในเดือนมกราคม 2554 ก็จะส่งมอบให้กับประชาชนได้ ทั้งนี้เราได้เริ่มทำกันแล้ว โดยได้รับการสนับสนุนจากเอกชนเช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่นำงบประมาณมาให้ช่วยสร้างและซ่อมบ้านเรือน อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปีหน้าคงจะมีกิจกรรมเพิ่มเติมขึ้นอีก

# ช่วงที่ผ่านมาก็เป็นช่วงคุณแม่ป่วยและเสียพอดีใช่มั้ย ?
ช่วง ต้นๆ ที่ถูกเว้นวรรคทางการเมือง คุณแม่ป่วยหนักมาก พี่ถือเป็นคนโชคร้ายที่ตอนที่คุณแม่ยังดีๆ อยู่เราก็ไปบ้าทำงานหนักมาก แต่เนื่องจากว่าเราผูกพันกันมาก ทุกเช้าเวลาจะไปทำงานก็เข้าไปหา เย็นกลับมาก็จะเข้าไปหา แต่พอมีเวลาได้พาท่านเที่ยวได้อยู่พักเดียวท่านก็ป่วย ดูแลท่านเกือบปีกว่าท่านก็เสีย ดังนั้นใน 2 ปีแรกจึงเป็นการทุ่มเทให้กับคุณแม่ จากนั้น 2 ปีหลังก็มาทำงานอย่างที่ได้บอกไป และอีกอย่างที่ได้ทำก็คือ ด้วยความที่ตัวเองชอบการวาดรูป และพอดีได้ดร.ปานศักดิ์มาช่วยสอน ด้วยความที่เป็นคนใจร้อน ก็เลยกลายเป็นว่าสอนไปด้วยก็วาดไปด้วย การได้วาดรูปก็ทำให้นิ่งขึ้น จากเดิมที่เป็นคนใจเร็ว เดินก็เร็ว เมื่อได้วาดรูปก็ทำให้นิ่งขึ้น สมาธิดีขึ้น เรียกว่าตอนนี้มีโอกาสพอที่จะได้กลับมาดูแลคุณพ่อ แถมยังมีเวลาเป็นแม่ด้วย ตอนนี้กับข้าวบางอย่างก็ทำได้หมดแล้ว ได้มาทำหน้าที่แม่บ้าง ชีวิตก็มีความสุขขึ้น

# ได้เข้าไปให้คำแนะนำอะไรในพรรคบ้างมั้ย ?
ชีวิต การเมืองหลังจากการเลือกตั้งที่พรรคพลังประชาชนได้รับชัยชนะและได้จัดตั้ง รัฐบาลจบก็ไม่ได้ยุ่งเลย สำหรับคนที่มีความใกล้ชิดผูกพันก็แวะมาคุยกันบ้างแต่ก็ไม่ได้ไปก้าวก่ายใน องค์กรใดๆ เลย ยิ่งมีข่าวบ่อยๆ ว่าเข้าไปยุ่งแล้วเกิดความขัดแย้งด้วยแล้ว ยิ่งเป็นอย่างนั้นยิ่งไม่ยุ่งเพราะไม่อยากทำให้เกิดความขัดแย้ง เพราะเราก็ไม่สามารถทำหน้าที่อะไรได้ ฉะนั้นคนที่เขามีหน้าที่ที่สามารถจะทำได้เราก็ต้องปล่อยให้เขาทำไป ถึงแม้ว่าเราจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ต้องปล่อยให้เขาไป เรารู้สถานะตนเองดี เพราะถ้าไปเห็นแตกต่างก็จะทำให้องค์กรแย่ จึงต้องขีดวงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่างๆ อยู่แค่ภายนอกจะดีกว่า


# มองการเมืองไทยวันนี้อย่างไร ?
ถ้า มีความแตกแยกไม่จบสิ้นแบบนี้ก็เหนื่อย พี่มองหลักอยู่ 2 อย่างคือ 1.ต้องยอมเสียสละและถอยคนละก้าว ทุกฝ่ายทุกสีจะต้องถอยแล้วเอาบ้านเมืองเป็นหลัก และ 2.ทุกฝ่ายจะต้องใช้กฎหมาย และบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม คำว่า 2 มาตรฐานหรือไร้มาตรฐานวันนี้จะยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้ง ทำให้เศรษฐกิจแย่ลงไป ทั้งนี้ประเทศไทยต้องทำการค้าระหว่างประเทศอยู่ตลอด ตราบใดที่ต่างประเทศยังคลางแคลงใจว่า การบังคับใช้กฎหมายยังหลายมาตรฐานอยู่ก็จะกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของ ประเทศด้วย

ส่วนหนึ่งที่แอบอ้างใช้สถาบันสูงสุดของ เรามาเป็นประโยชน์ทางข้อขัดแย้งทางการเมืองต้องหยุด และฝ่ายที่จาบจ้วงก็ต้องหยุดด้วย กฎหมายต้องบังคับใช้อย่างเด็ดขาด และฝ่ายที่พูดว่าจงรักภักดีแต่นำไปใช้ประโยชน์ทางการเมืองก็ต้องหยุด และต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพราะสถาบันสูงสุดนั้นต้องธำรงไว้ การเมืองไม่ควรไปดึงฟ้าต่ำ ถ้าทำได้บ้านเมืองก็จะสงบเรียบร้อย ใครทำผิดกฎหมายก็ต้องว่ากันไปโดยที่ไม่กลั่นแกล้งหรือไม่เอากฎหมายไปช่วยใคร ใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ทุกฝ่ายต้องช่วยกันอย่าดึงฟ้าต่ำ


# เห็นอย่างไรกับเรื่องการนิรโทษกรรม ?
หาก จะมีการนิรโทษกรรมให้ พี่ก็ไม่เห็นด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์ก็ตาม แต่ก็ไม่เห็นด้วยเพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้งต่อบ้านเมือง วันนี้ต้องปลดล็อค อย่าเอาตัวเราไปเป็นข้ออ้างเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งมาเรียกร้อง ต้องยอมเสียสละ พี่ไม่ได้ยอมรับว่ามีความผิด ไม่ได้ยอมรับว่าเป็นตัวทำลายประชาธิปไตย การเลือกตั้งทุกครั้งก็เคารพในกติกาและกระบวนการประชาธิปไตยทุกครั้ง ไม่เคยทำอะไรผิด แต่ต้องยอมทนเพื่อให้บ้านเมืองไม่วุ่นวาย เพราะสมมุติว่าปลดล็อคก็จะเอาเราไปเป็นต้นเหตุในการประท้วงเพื่อให้เขาได้ ประโยชน์ ซึ่งพี่ไม่เห็นด้วย อีก 2 ปีก็ไม่เห็นจะเป็นไร


# ที่ไม่เห็นด้วย รวมไปถึงที่รัฐบาลส่งสัญญาณให้ประกันตัวแกนนำเสื้อแดงหรือไม่?
ไม่รวม ตรงนี้ต้องให้ความเป็นธรรม เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นพี่สนับสนุนให้มีการเปิดเผยข้อเท็จจริง มีคนตาย 91 ศพ ความจริงตรงนี้ต้องออกสู่สาธารณะชนด้วย และไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่รวมไปถึงต่างประเทศด้วย เพราะมันทำให้เกิดปัญหาสิทธิมนุษยชนไปทั่วโลก ดังนั้นใครที่ทำผิดก็ต้องออกมา ใครที่เป็นคนยิงก็ต้องจับให้ได้ ใครที่บอกว่าไอ้โม่งเป็นคนยิงก็ต้องจับให้ได้ และที่คนเสื้อแดงบอกว่ารัฐบาลเป็นคนยิงนั้นก็ต้องตรวจสอบไห้ได้ นายกรัฐมนตรีวันนี้มีอำนาจแล้วสามารถที่จะปกปิดความผิดของตัวเองโดยบอกว่า ตัวเองไม่ผิดนั้น ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิดมันไม่ได้ ผิดต้องว่ากันไปตามผิด ถูกก็ต้องว่ากันไปตามถูก การที่จะฟ้องใครหรือไม่ฟ้องใคร หรือว่าการจะปล่อยใครหรือไม่ปล่อยใครนั้นมันก็ต้องหาข้อเท็จจริงให้ได้ด้วย การเอาคนบริสุทธิ์ไปจับเข้าคุกและมาตั้งข้อหาทั้งๆ ที่ยังหาข้อเท็จจริงไม่ได้นั้นมันไม่มีประโยชน์

# ปี 2554 จะเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง มองอย่างไร ?
ก็ คงต้องดูกันต่อไป แต่คิดว่าน่าจะยุ่งต่อไป หากไม่หันหน้าเพื่อแก้ปัญหากันจริงๆ คู่ขัดแย้งทั้งหมดก็จะไม่ยอมหยุด วันนี้หลายคนเป็นห่วง ฝ่ายรัฐบาลก็ไม่ต้องการให้เกิดการปรองดองอย่างแท้จริง ที่พี่พูดแบบนี้เพราะถ้ายังมีเหตุการณ์ความไม่สงบหรือความรุนแรงรัฐบาลก็จะ ได้รับประโยชน์จากสิทธิพิเศษต่างๆ เช่น งบประมาณ ดังนั้นคนที่เสียประโยชน์ก็คือประชาชนที่ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่คนที่ได้ประโยชน์คือฝั่งรัฐบาล ดังนั้นถ้ารัฐบาลจะเริ่มต้นทำให้เกิดการหารือกันเพื่อจะทำให้เดินไปสู่ความ สันติร่วมกันได้นั้น การจะให้คนอื่นเป็นเจ้าภาพมันยาก นอกจากหัวหน้ารัฐบาลต้องจริงใจและทำให้เกิดข้อสรุปที่ทำให้เกิดสันติ ไม่อย่างนั้นการเลือกตั้งครั้งหน้าก็จะฟาดฟันกันและเกิดปัญหาไม่จบ อย่างไรก็ตาม การที่จะเดินหน้าสู่สันตินั้นไม่ได้แปลว่าจะต้องอภัยโทษ ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ใครถูกก็ว่าไปตามถูก ตนยังยืนยันอย่างนั้น เป็นการเดินหน้าสู่สันติเพื่อการแก้ไขปัญหา และเพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้จริงๆ

# พ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าเป็นคู่ขัดแย้งด้วยหรือไม่ ?
ทุกฝ่ายที่เป็นคู่ขัดแย้งนั้นก็รู้กันอยู่แล้ว ทุกฝ่ายต้องคุยกันหมด นายกฯอภิสิทธิ์อยู่บนทางสองแพร่งที่จะเลือกทำ ทางหนึ่งคือเป็นหัวหน้ารัฐบาล อีกทางคือเลือกที่จะเป็นผู้ปลดล็อคประเทศให้เดินหน้าสู่สันติได้ เรื่องนี้อยู่ในมือนายกรัฐมนตรี ถ้าหากเลือกให้มีความขัดแย้งอยู่ พรรคประชาธิปัตย์ก็คือทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้ และก็จะได้รับสิทธิพิเศษอยู่ตลอด ซึ่งถ้าเลือกแบบนี้ก็จะดีสำหรับพรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาล แต่จะแย่สำหรับประชาชนและประเทศ แต่ถ้านายกรัฐมนตรีเลือกที่จะเป็นผู้ปลดชนวนเรื่องนี้เพื่อไปสู่สันติ นายกรัฐมนตรีก็จะเป็นคนที่ทำให้ประเทศชาติเดินไปสู่สันติได้ ขึ้นอยู่ที่ว่าจะเลือกอะไร

# คิดว่าแนวทางปรองดองของรัฐบาลได้ผลมั้ย ?
ตั้งแต่ รัฐบาลพูดเรื่องปรองดอง พี่ยังไม่เห็นการกระทำใดๆ เลย พี่เชื่อว่าเขามีอำนาจในการปลดล็อคได้ แต่เท่าที่พูดมาและที่เห็นมาก็ยังไม่เห็นในกระบวนการของการปรองดองเลย ยังไม่เห็นการลงมือปฏิบัติ เห็นแต่คำพูด ในฐานะที่เป็นประชาชนชั้น 2 ก็ยังอยากจะเห็นแนวทางสันติ อยากเห็นการเลือกตั้งที่สงบ และหลังการเลือกตั้งก็อยากเห็นการเมืองที่กลับไปสู่ภาวะปกติที่เคยมีในอดีต ไม่ใช่การเมืองที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ที่ทำลายระบบ เราร่วมกันทำให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบสุขสันติได้ไหม แนวทางที่เขาบอกว่าจะปล่อยคนเสื้อแดงนั้น ในวันที่เราพูดกันมันก็ยังไม่เกิดการปล่อยตัว ความขัดแย้งมันปลดล็อคทั้ง 10 ข้อไม่ได้ แต่ถ้าเรานำความขัดแย้งนั้นมาปลดล็อคได้สัก 3 ข้อก็ถือว่าดีแล้ว

# คิดจะกลับมาเล่นการเมืองอีกหรือไม่ หลังจากพ้นกำหนดถูกตัดสิทธิ ?
ถ้าเงื่อนไขมันทำให้เราไม่สามารถที่จะช่วยเหลือประชาชนได้ก็อยู่ข้างนอกดีกว่า วันนี้ไม่มีตำแหน่งอะไรก็ยังสามารถที่จะช่วยคนที่เจ็บป่วยได้ เราแค่เฟืองตัวเล็กๆ ชีวิตเราที่เหลือก็ไม่เยอะ จะทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองได้มากที่สุดอย่างไร ถึงวันนี้เราเป็นประชาชน ชั้น 2 แต่เราก็ยังทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ ถึงแม้ไม่เป็นข่าวแต่เราก็ยังทำได้ในวงกว้างอยู่ ถ้ากลไกมันไม่เอื้ออำนวยก็อย่าเข้าไปดีกว่า เพราะพี่ไม่ได้เป็นคนที่ต้องแสวงหาประโยชน์ทางการเมือง
-----------------------------------
ตอบสัมภาษณ์ดีแฮะ ตอบอย่างที่คิดจริงๆ เหรอ ใส่เสื้อสีส้มซะด้วย! ....เคยเจอเจ๊แกก่อนเล่นการเมือง ชอบการพูดจาของเจ๊มาก แต่ตอนเป็นนักการเมือง -_-" 

ไม่มีความคิดเห็น: